บทที่ 306 คุยธุรกิจกับพ่อของเจียงเจ๋อ
บทที่ 306 คุยธุรกิจกับพ่อของเจียงเจ๋อ
ในเวลาไม่ถึง 5 นาทีเจ้าก้อนเขียวก็สังหารมอนสเตอร์ไปได้แล้วหลายพันตัว ซึ่งภายในนั้นมันก็ได้มีบอสจริง ๆ อยู่เป็นจำนวนกว่า 100 ตัว
หลังจัดการกับมอนสเตอร์ทั้งหมดเจ้าก้อนเขียวก็ยังคงกลิ้งวนไปวนมาด้วยความโมโห ลู่หยางจึงรีบพาสองสาวไปซ่อนตัวหลังกำแพง
ท้ายที่สุดมันก็ไม่มีใครรู้ข้อมูลของเจ้าก้อนเขียวอย่างแน่ชัด หากพวกเขาบังเอิญไปสบสายตากับมันในระยะ 50 เมตร บางทีเจ้าก้อนตัวนี้อาจจะรู้ตัวและในเวลานั้นพวกเขาก็อาจจะเสียอุปกรณ์มากมายที่ร่วงหล่นอยู่บนพื้น
ลู่หยางซ่อนตัวหลังกำแพงนิ่ง ๆ เป็นเวลากว่า 2 นาที และเมื่อเขาได้ยินเสียงฝีเท้าของเจ้าก้อนไกลออกไป เขาก็เริ่มโผล่หัวออกมาดูสถานการณ์จากหลังกำแพง
“รีบตามพี่มาเก็บของเร็วเข้า” ลู่หยางกล่าวด้วยแววตาอันเป็นประกาย เมื่อได้เห็นเจ้าก้อนเขียวกำลังกระโดดออกไปในระยะไกล
ชายหนุ่มเปิดใช้งานสกิลสคอร์ชิ่งสปีดโดยอัตโนมัติเพื่อทำการวิ่งไปยังกองอุปกรณ์จำนวนมากมายนับไม่ถ้วน จากนั้นเขาก็หยิบกระเป๋าออกมา 3 ใบ โดยใบแรกเน้นใส่อุปกรณ์และใบเปลี่ยนอาชีพ กระเป๋าใบที่ 2 เน้นใส่บลูปริ้นและคัมภีร์เวทมนตร์ ส่วนกระเป๋าใบที่ 3 เน้นใส่อุปกรณ์จากต่างมิติ
หลังจากยุ่งวุ่นวายกันอยู่พักหนึ่งพวกเขาก็สามารถเก็บไอเท็มได้จนหมด ซึ่งในจำนวนนี้พวกเขาได้รับอุปกรณ์ระดับตำนานมา 4 ชิ้น ได้รับใบเปลี่ยนอาชีพมา 6 ใบ ซึ่งมันก็เท่ากับว่าในตอนนี้เขาได้รับใบเปลี่ยนอาชีพคลาส 2 มาเพิ่มแล้วอีก 10 ใบ
อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เขาดีใจมากที่สุด เพราะสิ่งที่ทำให้เขาดีใจจริง ๆ คือบลูปริ้นอุปกรณ์ระดับทองเลเวล 30 ซึ่งมันมีทั้งบลูปริ้นของอาชีพนักธนู, นักบวชและวอลอค
เมื่อมีบลูปริ้นเหล่านี้พวกเขาก็ไม่จำเป็นจะต้องง้ออุปกรณ์จากฉงป้าหรือบลัดไทแรนท์อีกต่อไป ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังได้รับคัมภีร์เวทมนตร์มาเพิ่มเป็นจำนวนมากอีกด้วย
“ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วพวกเราให้เจ้าก้อนเขียวนั่นช่วยเราฆ่ามอนสเตอร์อีกหลาย ๆ รอบกันเถอะ” ลู่หยางกล่าว
ฮั่นอิ่งกับมู่หยูพยักหน้ารับพร้อม ๆ กัน
“เดี๋ยวคราวนี้หนูแสดงฝีมือเองค่ะ” มู่หยูกล่าวเพราะเธอก็มีสกิลแฟลชและและฟอร์บิเดนสเปลทำให้สามารถเทเลพอร์ต 2 ครั้งได้เหมือนกัน
ลู่หยางส่งแหวนแห่งความฝันไปให้กับเด็กสาว ก่อนที่มู่หยูจะวิ่งไล่ตามเจ้าก้อนเขียวไป
“ลู่หยางอยู่ไหม?” จู่ ๆ เจียงเจ๋อก็ติดต่อเข้ามาอย่างกะทันหัน
“มีอะไรหรือเปล่า?” ลู่หยางตอบ
“มีข่าวดี นายช่วยออกมาหน่อยได้ไหม? เดี๋ยวฉันไปรับ” เจียงเจ๋อกล่าวพร้อมกับหัวเราะขึ้นมาเบา ๆ
“ตอนนี้ฉันย้ายสตูดิโอแล้วนะ แต่นายไปหาฉันที่สตูดิโอเดิมก็ได้ เดี๋ยวฉันจะไปรอที่นั่น” ลู่หยางกล่าว
หลังจากวางสายชายหนุ่มก็หันไปพูดกับฮั่นอิ่งที่อยู่ข้าง ๆ ว่า
“ฮั่นอิ่งช่วยอยู่กับมู่หยูไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่ต้องออกไปจัดการธุระนิดหน่อย”
“ได้ค่ะ” ฮั่นอิ่งกล่าว
หลังจากพูดคุยรายละเอียดกันอีกเล็กน้อย ลู่หยางก็กดออกจากเกม จากนั้นเขาก็ยืดเส้นยืดสายก่อนที่จะเดินไปยังด้านหน้าของสตูดิโอเดิม
ไม่นานเสียงเครื่องยนต์ก็ดังมาแต่ไกล ก่อนที่รถของเจียงเจ๋อจะเข้ามาจอดในเวลาเพียงแค่ไม่นาน
“ขึ้นรถเร็วเข้า!” เจียงเจ๋อลดกระจกลงพร้อมกับพูดอย่างตื่นเต้น
“มีอะไร? ทำไมนายจะต้องตื่นเต้นขนาดนั้น?”
“เรามีข่าวดีน่ะสิ” เจียงเจ๋อกล่าวขณะรอให้ลู่หยางเดินเข้ามานั่งภายในรถ จากนั้นเขาก็ขับรถออกไปพร้อมกับพูดขึ้นมาด้วยรอยยิ้มว่า
“ฉันเพิ่งคุยกับพ่อมาแล้วพ่อก็ตัดสินใจลงทุนให้กับกิลด์ของเรา 100 ล้านเครดิต”
ลู่หยางนั่งอึ้งไปสักพัก ก่อนที่เขาจะกล่าวขึ้นมาว่า
“นายนี่เก่งจริง ๆ ถึงกับโน้มน้าวให้พ่อมาลงทุนได้ตั้งขนาดนี้”
“พ่อฉันก็เล่นเกมนี้เหมือนกัน ก่อนหน้านี้ฉันเล่าเรื่องกิลด์ของเราให้เขาฟัง เขาเลยอยากจะพูดคุยรายละเอียดกับนายนิดหน่อย” เจียงเจ๋อกล่าว
“เอาสิ พวกเราไปคุยกับพ่อของนายกัน” ลู่หยางกล่าวอย่างสบาย ๆ เพราะตอนนี้ถึงแม้กิลด์จะไม่ได้ขัดสนแต่พวกเขาก็ไม่ได้มีเงินเหลือเฟือสำหรับการขยายกิจการด้วยเหมือนกัน
“ฉันขอเตือนนายเอาไว้ก่อนนะว่าพ่อฉันเป็นคนเจ้าระเบียบ ดังนั้นเวลาคุยกับพ่อ นายควรจะ…” เจียงเจ๋อแนะนำวิธีการวางตัวให้กับลู่หยางตลอดทาง เพราะกลัวว่าเพื่อนคนนี้อาจจะทำตัวไม่ถูกใจพ่อจนทำให้พ่อของเขาล้มเลิกการลงทุนได้
หลังจากรถวิ่งเข้ามาจอดในบ้านพัก เจียงเจ๋อก็ลงไปหยิบกระเช้าผลไม้ที่เตรียมเอาไว้มายื่นให้กับลู่หยาง
“เอานี่ไปด้วย”
“นายนี่มันเพื่อนแท้จริง ๆ” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าไม่มีนายคอยช่วยเหลือตลอด 3 ปีที่ผ่านมา บางทีตอนนี้ฉันก็อาจจะยังเป็นไอ้ขี้ขลาดเป็นคนไร้ค่าอยู่เลย บางทีฉันอาจจะไม่กล้าคุยกับคนที่ชอบด้วยซ้ำ” เจียงเจ๋อกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
“แล้วตอนนี้นายจีบติดแล้วเหรอ?” ลู่หยางถาม
“ติดแล้วน่ะสิ นายคิดว่าฉันเป็นใครกันหา!” เจียงเจ๋อกล่าวอย่างภูมิใจ
ลู่หยางทำได้เพียงแต่ส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินตามเพื่อนรักเข้าไปภายในบ้าน
“แม่ครับ ผมกลับมาแล้ว” เจียงเจ๋อเริ่มตะโกนทันทีหลังจากที่เขาเปิดประตู
ลู่หยางส่งกระเช้าผลไม้ให้กับแม่ของเจียงเจ๋ออย่างนอบน้อม ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า
“สวัสดีครับคุณป้า นี่เป็นของฝากเล็ก ๆ น้อย ๆ ครับ”
“เสี่ยวหยางทำตัวตามสบายนะ ป้าอยากจะขอบคุณหนูมาตลอดที่ช่วยดูแลเสี่ยวเจ๋อในหลายปีที่ผ่านมา คุณลุงอยู่ในห้องหนังสือชั้นบนรีบขึ้นไปหาคุณลุงเขาเถอะ” แม่ของเจียงเจ๋อกล่าวอย่างอ่อนโยน
“เดี๋ยวผมพาเขาไปเองครับ” เจียงเจ๋อกล่าวก่อนจะนำลู่หยางเดินขึ้นไปยังชั้น 2
ลู่หยางก้มหัวให้แม่ของเจียงเจ๋ออีกครั้ง ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องชั้นหนังสือและได้เห็นพ่อของเจียงเจ๋อกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่
พ่อของเจียงเจ๋อเป็นชายชราอายุราว ๆ 60 ปี ปัจจุบันเขากำลังสวมชุดผ้าไหมแบบจีนโบราณและด้านข้างก็มีภาพของเสือโคร่งที่ถูกวาดเกือบจะเสร็จแล้ว แต่มันก็ยังคงให้ความรู้สึกที่น่าเกรงขามเป็นอย่างยิ่ง
“พ่อ ผมพาลู่หยางมาแล้วครับ” เจียงเจ๋อกล่าว
พ่อของเจียงเจ๋อเงยหน้าขึ้นมามอง ก่อนที่เขาจะพูดด้วยรอยยิ้มว่า
“เสี่ยวหยางงั้นเหรอ? รีบเข้ามานั่งก่อนสิ ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้ พวกเราไม่ได้เพิ่งเจอกันครั้งแรกเสียหน่อย”
ในตอนที่พ่อของเจียงเจ๋อไปเยี่ยมที่โรงเรียน ลู่หยางก็ได้มีโอกาสเจอพ่อของเจียงเจ๋ออยู่บ่อย ๆ ซึ่งในระหว่างนั้นพ่อของเจียงเจ๋อก็มักจะฝากให้เขาดูแลเจียงเจ๋ออยู่เป็นประจำ ดังนั้นทั้งสองจึงค่อนข้างจะคุ้นเคยกันดี
“ฝีมือวาดภาพของคุณลุงดีขึ้นอีกแล้วนะครับ เสือตัวนี้ถูกวาดออกมาได้สวยมากเลย” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ฉันวาดเอาไว้ให้เธอโดยเฉพาะเลยนะ เจียงเจ๋อลูกช่วยเอาภาพนี้ไปให้ลุงเฉินให้เขาเอารูปใส่กรอบให้หน่อย” พ่อของเจียงเจ๋อกล่าวพร้อมกับส่งรูปวาดให้ลูกชาย
“ผมอยู่ด้วยไม่ได้หรอกครับ?” เจียงเจ๋อถาม
“พวกเราจะคุยกันแล้วลูกจะอยู่ทำไม?” พ่อของเจียงเจ๋อกล่าว
เมื่อได้เห็นท่าทางของอีกฝ่าย ลู่หยางก็สามารถสัมผัสได้ในทันทีว่าพ่อของเจียงเจ๋อต้องการจะคุยเรื่องธุรกิจโดยไม่คำนึงถึงความสัมพันธ์ส่วนตัว นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงต้องให้เจียงเจ๋อออกไปก่อน
เมื่อชายหนุ่มเห็นเจียงเจ๋อแสดงสีหน้าออกมาอย่างกังวล เขาจึงรีบส่งสายตาให้สหายและพูดขึ้นมาว่า
“นายรีบไปเถอะ ฉันจะได้เอารูปนี้กลับไปด้วย”
“อือ ก็ได้” เจียงเจ๋อทำได้เพียงแต่พยักหน้ารับ ก่อนจะออกจากห้องไปโดยไม่เต็มใจ
“พ่อของเจียงเจ๋อมองดูลูกชายออกไปจากประตูก่อนจะหันกลับมาพูดกับลู่หยางว่า
“เสี่ยวหยาง วันนี้พวกเราต้องมาคุยเรื่องธุรกิจ ดังนั้นถ้าหากลุงพูดอะไรรุนแรงไปบ้าง เธอก็อย่าคิดมากไปเลยนะ”
“เชิญคุณลุงพูดได้ตามสบายเลยครับ” ลู่หยางกล่าวอย่างนอบน้อม
“ลุงได้ยินเรื่องที่เธอสร้างกิลด์ในเซคคัลเวิลด์แล้วแถมยังได้ยินเรื่องที่เธอจับมือกับฉือมู่และฉงป้าเพื่อเอาชนะบลัดเติสตี้ด้วย เท่าที่ลุงได้ยินมาเธอต้องจ่ายเงินเดือนให้ลูกน้องเดือนละมากกว่า 2 ล้านเครดิตเลยใช่ไหม? แต่ด้วยสตูดิโอขนาดเล็กรายรับกับรายจ่ายคงจะไม่ค่อยสมดุลกันเท่าไหร่สินะ” พ่อของเจียงเจ๋อกล่าว
“ปกติคนนอกก็มักจะมองแบบนั้นแหละครับ” ลู่หยางตอบด้วยรอยยิ้ม
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 192
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น