บทที่ 240 เปิดเทอม
บทที่ 240 เปิดเทอม
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น
ลู่หยางเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมกับเดินทางไปยังมหาลัยด้วยรอยยิ้ม ซึ่งหลังจากนักศึกษาใหม่ได้พักยาวมาเป็นเวลานานถึง 3 เดือน ทุกคนต่างก็เดินเข้ามาในมหาลัยด้วยความคาดหวังว่าจะได้พบกับสิ่งใหม่ ๆ
ในห้องเรียน
นักศึกษาใหม่เข้าห้องมาเยอะมากแล้ว แต่มันยังเหลือเวลาอีกครึ่งชั่วโมงก่อนจะเริ่มคาบแรก หลาย ๆ คนจึงเริ่มแนะนำตัวพูดคุยกับเพื่อนใหม่ แต่สายตาของผู้ชายส่วนใหญ่กำลังจับจ้องมองไปยังหญิงสาวที่นั่งอยู่บริเวณแถวที่ 3
แน่นอนว่าพื้นที่บริเวณนั้นคือพื้นที่ที่เสินเมิ่งเหยากำลังนั่งอยู่ โดยเธอสวมเสื้อแขนสั้นสีขาวสะอาดตา ปล่อยผมยาวลงมาประบ่าทั้งสองข้างและกำลังพูดคุยอะไรบางอย่างกับเพื่อนใหม่ที่เธอเพิ่งรู้จัก
ด้วยนิสัยร่าเริงแจ่มใส, ดวงตากลมโตและใบหน้าอันงดงามทำให้ผู้ชายหลาย ๆ คนตกตะลึงจนแทบจะหยุดหายใจ แล้วมันก็ทำให้เธอกลายเป็นจุดสนใจของคนทั้งห้องเรียนได้ง่าย ๆ เลย
“โชคดีจริง ๆ ที่ได้เรียนห้องเดียวกับสาวสวยแบบนี้”
“เธอโคตรสมบูรณ์แบบเลย”
“เอาล่ะ ฉันตัดสินใจแล้วว่าฉันจะจีบเธอ ทุกคนช่วยเป็นกำลังใจให้ฉันด้วยนะ”
…
ลู่หยางรับฟังบทสนทนาของเพื่อนร่วมห้องตรงบริเวณประตูด้วยรอยยิ้ม ก่อนที่เขาจะเดินไปในห้องเรียนจนเรียกสายตาของเสินเมิ่งเหยาได้อย่างรวดเร็ว
“อ้าว นั่นนายนี่!”
“เธอก็เรียนห้องนี้ด้วยเหรอ? บังเอิญจังเลยนะ” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ใช่ บังเอิญจริง ๆ นายขี้แย” เสินเมิ่งเหยากล่าวล้อเลียน
ลู่หยางอดที่จะหัวเราะขึ้นมาไม่ได้เพราะอีกฝ่ายยังคงมีนิสัยเหมือนกับในชาติก่อนไม่มีผิด
“อะไรกัน วันนี้เพิ่งเจอกันแท้ ๆ ก็ล้อเรื่องเก่ากันแล้วงั้นเหรอ ถึงยังไงพวกเราก็ถือว่าเป็นเพื่อนกันแล้วนะ”
เสินเมิ่งเหยาเคยจินตนาการถึงภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ หากเธอได้มีโอกาสได้พบลู่หยางอีกครั้ง ซึ่งเธอก็ตั้งใจที่จะตำหนิที่เขาแอบแกล้งเธอ แต่ในความเป็นจริงกลับกลายเป็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้รู้สึกอายเลยแม้แต่นิดเดียว
“ใครเป็นเพื่อนกับนาย บอกมาซิว่านายจะจัดการกับเรื่องก่อนหน้านี้ยังไง” เสินเมิ่งเหยากล่าวพร้อมกับยกมือขึ้นมาเท้าสะเอว
เพื่อนผู้หญิงที่อยู่รอบ ๆ เสินเมิ่งเหยาต่างก็ลุกขึ้นมาพร้อม ๆ กัน ก่อนที่พวกเธอจะถามหญิงสาวด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“มีอะไร เขาเคยรังแกเธองั้นเหรอ?”
เสินเมิ่งเหยาเริ่มเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าที่หงุดหงิด
“เมื่อกี้พวกเรากำลังจะพาเสินเมิ่งเหยาไปตามหานายอยู่แล้วเชียว แต่นายก็โผล่หัวมาพอดี บอกมาซิว่านายจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง?” จางเหมิงกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปทางลู่หยาง
“ใช่ พูดมาเลยว่านายจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง?” ฉู่อวี้และหลิวฉ่วงชี้นิ้วไปยังลู่หยางพร้อม ๆ กันและท่าทีของพวกเธอก็คงจะไม่ยอมเลิกราหากไม่ได้รับคำตอบที่น่าพอใจ
ลู่หยางยกมือเป็นสัญญาณว่าเขายอมแพ้ ก่อนจะพูดว่า
“เอาแบบนี้ ตอนพักเที่ยงฉันขอเชิญทุกคนไปทานอาหารที่ร้านยูไลที่ข้างมหาลัยก็แล้วกัน พวกเธอทุกคนสามารถสั่งอาหารได้ตามใจชอบเลย แบบนี้พวกเธอโอเคไหม?”
ร้านยูไลเป็นร้านอาหารหรูที่นำเข้าอาหารทะเลมาจากต่างประเทศ ทำให้มีกุ้งมังกรสด ๆ น่ากินอยู่เยอะมาก
“ในเมื่อนายแสดงความจริงใจแบบนี้ ตอนพักเที่ยงฉันก็จะพาเสินเมิ่งเหยาไปรับคำขอโทษจากนายแน่นอน” จางเหมิงพูดแทนเสินเมิ่งเหยาอย่างพอใจ
ฉู่อวี้และหลิวฉ่วงต่างก็พยักหน้าอย่างเห็นด้วย ก่อนที่หลิวฉ่วงจะพูดขึ้นมาว่า
“เอาล่ะ ครั้งนี้พวกเราจะยอมยกโทษให้ก็ได้”
เสินเมิ่งเหยามองไปยังเพื่อน ๆ อย่างสับสน และเมื่อเธอมองเห็นรอยยิ้มที่น่าภาคภูมิใจของลู่หยาง มันก็ทำให้หญิงสาวตระหนักได้ในทันทีว่าตอนนี้เธอกำลังถูกอีกฝ่ายแกล้งอีกแล้ว
เมื่อได้เห็นว่าลู่หยางเดินไปนั่งอีกด้าน เสินเมิ่งเหยาก็รีบหันมาพูดกับเพื่อน ๆ อย่างร้อนรน
“ฉันยังไม่ได้ตอบตกลงเลยนะ ทำไมพวกเธอถึงตกลงแทนฉันไปแบบนั้นล่ะ?”
“เสินเมิ่งเหยา พวกเราตัดสินใจแล้วว่าตอนพักเที่ยงพวกเราจะกินอาหารเยอะ ๆ เพื่อเป็นการเอาคืนเขา ในตอนนั้นพวกเราค่อยกินไปตำหนิเขาไปก็ยังไม่สาย” จางเหมิงพูดอย่างจริงจัง ก่อนที่เธอจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดข้อมูลของร้านยูไลและชี้นิ้วไปยังกุ้งล็อบสเตอร์
“ฉันได้ยินมาว่าล็อบสเตอร์ย่างของที่นี่อร่อยมาก”
“ฉันก็อยากกินกุ้งย่างเนยของที่นี่เหมือนกัน” ฉู่อวี้กล่าว
หลิวฉ่วงมองไปยังร่างที่ค่อนข้างอ้วนท้วมของตัวเอง ก่อนที่จะกัดฟันพูดขึ้นมาว่า
“ฉันขอกินแค่หัวปลานิดหน่อยก็พอ เพราะช่วงนี้ฉันต้องลดน้ำหนัก”
เสินเมิ่งเหยาก้มหน้าลงด้วยความหงุดหงิด ยิ่งเธอได้เห็นรอยยิ้มของลู่หยางมันก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกโมโห
ทันใดนั้นเองเสินเมิ่งเหยาก็เริ่มรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาภายในใจ ก่อนที่เธอจะคิดเงียบ ๆ กับตัวเองว่า
“ทำไมเขาถึงดูเหมือนหัวหน้ากิลด์ลู่หยางเลยนะ?”
เมื่อลู่หยางได้เห็นท่าทางของเสินเมิ่งเหยา เขาก็อดที่จะหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ แต่ถึงยังไงเขาก็ชอบท่าทางแบบนี้ของเสินเมิ่งเหยามากที่สุด
“โอ้โหพี่ชาย คุณเก่งมากเลย ทั้ง ๆ ที่เพิ่งมาแท้ ๆ แต่กลับสนิทกับนางฟ้าประจำห้องไปซะแล้ว” นักศึกษาร่างอ้วนคนหนึ่งเข้ามาทักทายลู่หยาง
ชายหนุ่มสามารถจดจำอีกฝ่ายหนึ่งได้ในทันที เพราะโม่หลงคนนี้เคยเป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทในตอนที่เขาพักอยู่ในมหาวิทยาลัย
“ฉันชื่อลู่หยาง ยินดีที่ได้รู้จัก” ลู่หยางเริ่มแนะนำตัวก่อน
“ฉันชื่อโม่หลง ยินดีที่ได้รู้จักด้วยเหมือนกัน”
ในระหว่างที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่นั้น ชาย 4 คนก็เดินเข้ามาทักโม่หลงว่า
“โม่หลง พวกนายกำลังคุยอะไรกันงั้นเหรอ?”
“พวกนายมาพอดีเลย ฉันขอแนะนำให้พวกนายรู้จักกันนะ นี่คือหลินตง, เฟยหยง, จางเฉียงและฮวงเชียง พวกเราพักอยู่หอเดียวกัน ส่วนนี่ก็เพื่อนใหม่ของฉันชื่อว่าลู่หยาง”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ ตอนพักเที่ยงนี้ไปกินข้าวด้วยกันไหม? เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง” ฮวงเชียงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หากวันนี้คือการพบปะกันครั้งแรก ทุกคนก็คงจะถูกความอบอุ่นของฮวงเชียงดึงดูดและคิดว่าอีกฝ่ายเป็นสหายที่น่าคบหา แต่ใครจะไปคิดว่าจุดเริ่มต้นที่ทำให้ลู่หยางต้องตกต่ำในชาติก่อน มันก็เริ่มมาจากการทรยศของฮวงเชียงที่อยู่ตรงหน้านี้นี่เอง
ย้อนกลับไปในชาติก่อนลู่หยางเคยถามฮวงเชียงว่าทำไมถึงทรยศกับเขา ซึ่งคำตอบและสีหน้าที่อีกฝ่ายตอบกลับมาในตอนนั้น มันก็ทำให้เขาลืมไม่ลงแม้ว่าจะกลับมาเกิดใหม่ในชาตินี้แล้วก็ตาม
“เพื่อนงั้นเหรอ? คนอย่างแกมันคู่ควรกับการเป็นเพื่อนฉันตรงไหน แกก็แค่หมากตัวหนึ่งที่ฉันเอาไปใช้ประโยชน์ก็เท่านั้นแหละ”
ลู่หยางพยายามสงบสติอารมณ์ของตัวเองเอาไว้ เพราะตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการแก้แค้น
คนโบราณเคยว่าไว้ว่าให้เก็บศัตรูเอาไว้ใกล้ตัวมากที่สุด เมื่อในชาตินี้เขารู้แล้วว่าอีกฝ่ายเป็นคนแบบไหน เขาก็คิดที่จะใช้ฮวงเชียงเป็นมีดที่จะย้อนกลับไปแทงเข้าใส่ลิ่วเจีย
“ขอโทษด้วย แต่ตอนเที่ยงนี้ฉันไม่ว่างเพราะว่าฉันต้องพาสาว ๆ พวกนั้นไปเลี้ยงน่ะ” ลู่หยางกล่าว
ฮวงเชียงมองไปยังเสินเมิ่งเหยาด้วยแววตาอันเป็นประกาย ก่อนที่เขาจะกระซิบขึ้นมาเบา ๆ ว่า
“พี่ชาย ฉันขอเตือนนายสักหน่อยนะ ฉันได้ยินมาว่าประธานสภานักศึกษาหวังรุ่ยกำลังจีบเสินเมิ่งเหยาอยู่ ฉันคิดว่าบางทีนายอาจจะสู้คนพวกนั้นไม่ไหว”
“ขอบใจนะ ว่าแต่ห้องพักของพวกนายว่างไหม?” ลู่หยางถามด้วยรอยยิ้ม
“ห้องของพวกเราว่างที่ 1 พอดีเลย ถ้านายอยากจะมาพักด้วยกันเดี๋ยวฉันจัดการเรื่องที่เหลือให้เอง” ฮวงเชียงกล่าว
“ขอบใจมาก” ลู่หยางพูดอีกครั้ง
“อะไรกัน ตอนนี้พวกเราเป็นสหายกันแล้วไม่จำเป็นจะต้องเกรงใจหรอก” ฮวงเชียงกล่าว
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 183
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น