บทที่ 239 ไม่ลืมจุดเริ่มต้น
บทที่ 239 ไม่ลืมจุดเริ่มต้น
หลังถูกพูดแซวบิทเทอร์เลิฟก็ยืนอึ้งอยู่กับที่ ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมาโดยแววตาที่เต็มไปด้วยความแน่วแน่
“หัวหน้า ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวังแน่นอน!”
ทุกคนต่างก็ส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาพร้อม ๆ กัน
“ที่แท้ทุกคนก็รู้กันหมดแล้วนี่เอง” บิทเทอร์เลิฟกล่าวอย่างเขินอาย
“แม้แต่คนโง่ยังรู้เลยว่านายกำลังคิดอะไร เพราะทุกครั้งที่นายมองโคลด์วิลโลว์ มันก็เหมือนกับหนูที่กำลังมองก้อนชีสนั่นแหละ” ไป๋ฉือกล่าว
“ฉันไม่ได้เป็นขนาดนั้นสักหน่อย” บิทเทอร์เลิฟพยายามกล่าวแย้ง
ทุกคนยังคงพูดแซวบิทเทอร์เลิฟอย่างสนุกสนาน ซึ่งในระหว่างนั้นลู่หยางก็เดินเข้าไปพูดคุยกับเซี่ยหยู่เว่ย
“เป็นไง? ตอนนี้เธอยังมีความคิดที่จะตั้งกิลด์ของตัวเองอยู่ไหม? ถ้าเธอยังอยากตั้งกิลด์อยู่ฉันอนุญาตให้เธอนำกองกำลังทั้ง 20,000 คนนี้แยกออกไปได้เลย”
เซี่ยหยู่เว่ยสะดุ้งขึ้นมาด้วยความตกใจ ก่อนที่เธอจะส่ายหน้าและพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่จนปัญญา
“ตอนนี้ฉันอยู่กับคุณน่าจะดีกว่า จากเรื่องที่ผ่าน ๆ มามันทำให้ฉันรู้แล้วว่าเงินไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง แล้วถึงแม้ครอบครัวของฉันจะลงทุนให้เงินฉันมาตั้งกิลด์เอง แต่ฉันก็ไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะคุณได้ ถ้าเป็นแบบนั้นฉันติดตามคุณไปแบบนี้มันไม่ดีกว่าหรอกเหรอ?”
ทุกสิ่งที่เซี่ยหยู่เว่ยพูดมาต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นความจริง เพราะหลังจากที่เธอติดตามลู่หยางมา 1 เดือน มันก็ทำให้เธอได้เรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากกว่าประสบการณ์การเล่นเกมที่เธอสั่งสมมานานนับ 10 ปี หลังจากที่เธอได้เรียนรู้ถึงความร้ายกาจของชายคนนี้ การพยายามคิดจะแยกตัวออกไปตั้งตัวเป็นศัตรูกับลู่หยางก็คงจะไม่ต่างไปจากการพยายามฆ่าตัวตาย
ยิ่งไปกว่านั้นเซี่ยหยู่เว่ยยังรู้สึกว่าลู่หยางเหมือนปีศาจมากกว่ามนุษย์ และเขาคนนี้ก็พร้อมที่จะกินคนเข้าไปได้ทุกเมื่อ
เมื่อฉิงชางและแม่ทัพคนอื่น ๆ ได้ยินคำพูดของเซี่ยหยู่เว่ย พวกเขาก็ไม่รู้จะโต้แย้งอะไรมีเพียงแค่พยักหน้าอย่างเห็นด้วยเท่านั้น
“ฉันน่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอ?” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับยิ้มแหย่ ๆ
“นี่หัวหน้า! พวกเราสามพี่น้องเคยคว่ำคนมาทั่วทั้งเซิร์ฟ แต่พวกเรา 3 คนร่วมมือกันยังเอาชนะคุณคนเดียวไม่ได้ด้วยซ้ำ แค่นี้คุณก็น่าจะรู้ตัวแล้วนะว่าคุณเป็นคนที่น่ากลัวมากแค่ไหน” ไป๋ฉือกล่าว
“ทั่วทั้งเกมนี้คงไม่มีผู้เล่นเลเวล 10 คนไหนกล้าเดินทางไปเก็บเลเวลในแผนที่เลเวล 30 ด้วยตัวคนเดียวหรอกนะครับ” ฉิงชางกล่าวเสริม
ลู่หยางทำได้เพียงแค่หัวเราะออกมาแต่ในใจก็ยังรู้สึกโล่งอกอยู่เหมือนกัน เพราะเขามักจะกังวลว่าเซี่ยหยู่เว่ยจะมีความคิดออกไปตั้งกิลด์เป็นของตัวเอง แน่นอนว่าข้อเสนอที่เขาให้ไปก่อนหน้านี้ก็เพื่อตอบแทนน้ำใจที่เธอเคยช่วยเหลือเขามา แต่สิ่งที่ดีที่สุดย่อมเป็นการที่เธอเลือกอยู่กับเขาต่อไปอยู่แล้ว
ความจริงในเกมนี้การจะดำรงตำแหน่งหัวหน้ากิลด์, รองหัวหน้ากิลด์หรือแม่ทัพมันก็ไม่ได้ยากลำบากอะไรทั้งนั้น และสิ่งที่ยากที่สุดคือการจัดการกับผลประโยชน์ให้ลงตัวกับทุกฝ่ายต่างหาก
“หลังจากนี้ทุกคนสามารถนำลูกน้องออกไปหาเงินด้วยตัวเองได้แล้ว แต่ฉันก็อยากจะให้ทุกคนจำไว้ว่าอย่าถูกผลประโยชน์บังตาจนลืมไปว่าก่อนหน้านี้พวกเราต้องเสียสละอะไรไป”
“3 วันก่อนพวกเรายังเป็นเพียงแค่กิลด์เล็ก ๆ ที่ถูกบลัดเติสตี้กดขี่จนอาจจะต้องยุบกิลด์ได้ทุกเมื่อ สาเหตุที่เรามีวันนี้ได้นั่นก็เพราะทุกคนร่วมแรงร่วมใจต่อสู้ด้วยกันมา”
“หลังจากทุกคนแยกย้ายกันไปนำทัพในเวลานั้นจะมีคนเข้ามาประจบสอพลอพวกนายอย่างมากมาย ในเวลานั้นทุกคนจะต้องตั้งสติให้ดี ๆ แล้วพิจารณาว่าใครกำลังพูดจริงและใครกำลังปั่นประสาทเราอยู่กันแน่ เวลามองสถานการณ์จงอย่ามองแค่ภาพเหตุการณ์ในปัจจุบัน แต่จงพิจารณาว่าถ้าหากทำตามคำแนะนำของคนเหล่านั้นมันจะส่งผลกระทบในอนาคตยังไงบ้าง”
ในชาติก่อนลู่หยางเคยเห็นกิลด์แตกสลายเพราะเรื่องขัดแย้งผลประโยชน์ภายในอย่างมากมาย เขาจึงไม่อยากจะให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นกับกิลด์ของตัวเอง
เหล่าบรรดาแม่ทัพไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน เมื่อพวกเขาได้ยินคำแนะนำจากลู่หยางต่างคนต่างก็แสดงสีหน้าอย่างครุ่นคิด
“หัวหน้า ถ้าในอนาคตพวกเรามีความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ พวกเราก็จะพยายามแก้ไขปัญหากันเองก่อน แต่ถ้าหากวันไหนที่ผมหาทางแก้ไขปัญหาไม่ได้ ในเวลานั้นผมก็คงจะต้องรบกวนหัวหน้าด้วยนะครับ ส่วนตัวผมขอสาบานต่อหน้าทุกคนเลยว่าผมจะไม่มีวันทะเลาะกับใครเพราะผลประโยชน์อย่างแน่นอน” ฉิงชางกล่าว
หลังฉิงชางพูดเปิดประเด็น, ซุนหยู, เซี่ยหยู่เว่ย, บิทเทอร์เลิฟและไป๋ฉือต่างก็สาบานขึ้นมาตาม ๆ กัน
“ดีมาก! ตราบใดก็ตามที่พวกเรายังคงสามัคคีกัน เมื่อนั้นพวกเราก็ยังคงเป็นกิลด์ที่แข็งแกร่งที่สุด” ลู่หยางกล่าว
ประโยคนี้ไม่ใช่ประโยคที่ลู่หยางพูดขึ้นมาเล่น ๆ เพราะผู้เล่นชั้นยอดกว่า 200 คนในชาติก่อนต่างก็ล้วนแล้วแต่ถูกรวมเข้ามาอยู่ภายในกิลด์ของเขา ตราบใดก็ตามที่มันไม่มีเรื่องผลประโยชน์เข้ามาให้ขัดแย้งกัน เมื่อนั้นกิลด์ของเขาก็จะพัฒนากลายเป็นกิลด์ที่แข็งแกร่งที่สุดในเซิร์ฟเวอร์จริงๆ
“อ้อ! ฉันลืมบอกเรื่องหนึ่งไปเพื่อป้องกันไม่ให้กิลด์อื่นมาดึงตัวคนของเราไป ฉันเลยให้เจียงเจ๋อเซ็นสัญญากับผู้เล่นชั้นยอดกว่า 200 คนภายในกิลด์ของเราใหม่ โดยทุกคนจะได้รับเงินเดือนขั้นต่ำอยู่ที่คนละ 10,000 เครดิต” ลู่หยางกล่าว
“หัวหน้า! เงินเดือนของพวกเขาสูงเกินไปหรือเปล่า? ฉันไม่ปฏิเสธหรอกนะว่าความสามารถของพวกเขามันดีจริง ๆ แต่ถ้าหากคุณต้องจ่ายเงินเดือนคนละ 10,000 เครดิต มันก็หมายความว่าในแต่ละเดือนคุณจะมีค่าใช้จ่ายมากกว่า 2 ล้านเครดิตเลยนะ” เซี่ยหยู่เว่ยกล่าวอย่างกังวล
“ฉันไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เพราะฉันให้พวกเขาเซ็นสัญญา 5 ปีโดยมีค่าฉีกสัญญา 20 ล้านเครดิต ถ้าฉันไม่ได้เสนอเงินเดือนให้กับพวกเขาสูงขนาดนี้ บางทีพวกเขาอาจจะไม่ยอมเซ็นสัญญาระยะยาวกับฉันก็ได้” ลู่หยางกล่าว
“แบบนี้พวกเราต้องช่วยระดมทุนไหมคะ?” เซี่ยหยู่เว่ยถาม
“ไม่ต้องห่วง แค่ค่าใช้จ่ายเดือนละ 2 ล้านฉันรับมือไหว ตอนนี้เรายังไม่จำเป็นจะต้องระดมทุน แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่กิลด์เริ่มมั่นคงในเวลานั้นถ้าทุกคนอยากจะมาลงทุนฉันก็ไม่คิดจะแย้งอะไร” ลู่หยางกล่าว
ด้วยการสนับสนุนจากร้านขายยาเพลิงโลหิต, การขายชุดเซ็ตคลื่นทะเลและอุปกรณ์เสริมอย่างร็อคเก็ตโมบายล์ มันจึงทำให้ลู่หยางไม่ได้ติดขัดเรื่องการหาเงินในช่วงนี้เลย
“เอาล่ะทุกคนแยกย้ายกันไปจัดการกองทัพของตัวเองได้ ช่วงนี้ให้เก็บเลเวลตามปกติไปก่อน รอให้ฉงป้าเริ่มบุกเบิกป้อมปราการในเวลานั้นฉันจะพาทุกคนไปบุกเบิกป้อมปราการด้วยเหมือนกัน” ลู่หยางกล่าว
หลังจากที่ทุกคนเดินจากไป ลู่หยางก็ติดต่อไปหาจินปู้ฮวน
“เป็นยังไงบ้าง ช่วงนี้มีปัญหาอะไรไหม?”
“ช่วงนี้ผู้เล่นทำภารกิจจนเอาค่าชื่อเสียงไปซื้อยาจากร้านของกองทัพได้บ้างแล้ว มันเลยทำให้ยาของพวกเราได้รับผลกระทบบ้าง ขณะที่ร้านขายยาอื่น ๆ ถึงแม้จะมีสูตรน้ำยาแต่พวกเขาก็ยังไม่มีนักปรุงยาแบบเรา ดังนั้นอาจารย์ไม่จำเป็นจะต้องกังวลครับ” จินปู้ฮวนรายงาน
ปัจจุบันร้านขายยาเพลิงโลหิตครองตลาดส่วนใหญ่ของเมืองเซนต์กอลล์อยู่แล้ว และภายในร้านก็มีนักปรุงยาระดับสูงอยู่มากกว่า 800 คน ในจำนวนนั้นมีนักปรุงยาที่มีความสามารถซ่อนเร้นอยู่มากถึง 260 คน ยาที่ผลิตออกมาจึงไม่เพียงแต่จะมีประสิทธิภาพตามสูตร แต่ยาหลาย ๆ ขวดยังมีเอฟเฟกต์พิเศษเพิ่มเติมจนทำให้พวกเขาสามารถครองตลาดได้อย่างง่ายดาย
“วิธีเพิ่มค่าชื่อเสียงกับกองทัพมีอยู่หลายวิธี หากผู้เล่นจะไปซื้อน้ำยาจากกองทัพได้บ้างมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เอาเป็นว่าช่วงนี้ฉันขอเวลาหน่อย อีก 2-3 วันเดี๋ยวฉันจะหาสูตรน้ำยาใหม่ ๆ มาให้กับนายเอง” ลู่หยางกล่าว
พรุ่งนี้เป็นวันเปิดเทอมแล้วและมันก็ถึงเวลาที่เขาจะได้เจอเสินเมิ่งเหยาซะที ช่วงนี้เขารอคอยที่จะได้พบเธออย่างใจจดใจจ่อ เพราะในชาติก่อนเขามีเรื่องที่รู้สึกเสียดายอยู่อย่างมากมาย และในชาตินี้เขาก็จะไม่มีวันปล่อยให้เรื่องมันเป็นแบบเดิมอีกเป็นอันขาด
อย่างไรก็ตามหากเสินเมิ่งเหยาได้เจอกับเขาก็ไม่รู้ว่าเธอจะโกรธไหม เพราะครั้งก่อนเขาพาเธอเดินอ้อมไปทั่วทั้งมหาลัยก่อนจะพาเธอไปส่งที่หอพัก
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ลู่หยางก็อดที่จะหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ และมันก็ทำให้เขาอยากจะรู้เหมือนกันว่าเธอจะทำหน้ายังไงหลังจากที่พวกเขาได้กลับมาพบเจอกัน
ถึงเวลาที่คิวปิดต้องเดินเกมรักของตัวเองแล้วหลังจากที่ไปช่วยคนอื่นมาตลอดทั้งทาง 555


แสดงความคิดเห็น