ตอนที่ 23 .. “ ความลับในรอยยิ้ม ”

พยัคฆ์ร้าย..สายลับ

-A A +A

ตอนที่ 23 .. “ ความลับในรอยยิ้ม ”

ฟังเพลงเพราะๆ ประกอบ นิยาย พยัคฆ์ร้าย..สายลับ 

   เป็นเพียงความบันเทิงในการฟัง เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ รวมถึง เหตุการณ์ของตัวละครในนิยาย เพื่อให้เกิดอรรถรสในการอ่านเท่านั้น ไม่ได้มีผลใดๆกับทางการค้าทั้งสิ้น

.. ด้วยความเคารพ ผู้ประพันธ์นิยาย .. พัชฌา

 

(เพลงประกอบ นิยาย พยัคฆ์ร้าย..สายลับ)  พัชฌา

โรส มีเดีย แอนด์ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ Rose Media & Entertainment ที่เอื้อเฟื้อเพลงให้มาประกอบในนิยาย

ขอเวลาหน่อย - ดอน สอนระเบียบ

https://www.youtube.com/watch?v=waIJ4Z-e0e4

นิยาย แนว อาชญากรรม และนักสืบ (Detective and Crime Novel) / สืบสวนสอบสวน (Suspense) / Action

ตอนที่ 23 .. “ ความลับในรอยยิ้ม ”

   เผด็จวางเบ็นซ์ลงบนที่นอน แล้วก็ดันเสื้อของเบ็นซ์ขึ้นผ่านหัวไปพร้อมกับดันแขนของเบ็นซ์ขึ้นตาม เสื้อนอกหลุดผ่านหัวออกไปแล้ว บาร์เสื้อในก็ได้ถูกแกะออกแล้วเรียบร้อย เป็นบาร์รุ่นใหม่ที่ไม่มีสายคล้องไหล่ จึงง่ายต่อการใช้งาน เผด็จไซร์ซอกคอแล้วก็ผ่านมาที่หน้าอก ซ้ายขวาอย่างช้าๆ เผด็จค่อยๆดึงบาร์ขึ้นมาอย่างช้าๆเพราะมันไม่มีสายจึงง่ายต่อการเอาออก จมูกของเขาไซร์ผ่านร่องปทุมถันของเบ็นซ์ เบ็นซ์กำลังได้ที่ อารมณ์กำลังมา มือสองข้างที่ชูขึ้นด้านบนกำมือเผด็จไว้แน่น

   เผด็จใช้จมูกไล่ผ่านจากปทุมถันทั้งสองข้างมายังสะดือ เบ็นซ์กำมือตัวเองแน่น เหมือนใจจะขาดอยู่แล้ว จึงเผลอครางออกมาเบาๆ เผด็จไม่สนใจ หรือเป็นเพราะไม่ได้ยินก็ไม่รู้

“คุณอาขา ที่รัก ที่รักขา หนูใจจะขาดอยู่แล้ว” จึงเอามือที่ยึดอยู่ด้านบนเลื่อนมาจับที่หัวและจิกผมเผด็จแทน

   เผด็จเอามือล้วงเข้าไปในกระโปรง แล้วค่อยๆดึงชั้นในของเบ็นซ์ออกมา หลุดกองอยู่ที่ปลายเท้า แล้วกำลังจะใช้สองมือที่ว่างนั้นดึงกระโปรงขึ้น ทันใดนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ของเบ็นซ์ก็ดังขึ้น เสียงดังลั่น จึงทำให้เบ็นซ์และเผด็จตื่นจากภวังค์ทันทีพร้อมกัน เบ็นซ์มีข้อเสียคือถ้าตกใจจะเผลอทุกครั้ง ครั้งนี้ก็เช่นกันเผลอยกเท้าขวาขึ้นไปโดนปลายคางเผด็จอย่างแรงโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะเผด็จนั่งอยู่ตรงนั้นพอดี

“โอ๊ย” สิ้นเสียงร้อง ร่างของเผด็จก็หงายหลังลงไปนอนกับพื้น นอนแผ่สลบและเงียบไปเลย นอนนิ่งอยู่ตรงนั้น

   เบ็นซ์รีบดันตัวเองลุกขึ้นมาจากเตียงอย่างไว แล้วรีบสำรวจมองดูตัวเอง ว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง ไม่เข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ก้มมองดูเห็นสภาพตัวเองที่ท่อนบนโป๊เปลือยไม่มีอะไรปกปิดเลย จึงร้องออกมาอย่างตกใจและลืมตัว

“ว๊าย อะไรเนี่ย”

   มองลงไปที่เท้า เธอก็พบว่าเหยียบชั้นตัวเองอยู่ จึงเอามือคลำกระโปรงดูแล้วล้วงเข้าไปข้างใน โล่ง ไม่มีจริงๆ สักพักก็พึ่งสังเกตุเห็นว่ามีใครนอนนิ่งอยู่ตรงหน้าเธอ บนพื้นห้อง เธอจึงลุกขึ้นไปดู

“ที่รัก คุณอานี่ ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกับฉันวะเนี่ย” เธอบ่นกับตัวเอง โทรศัพท์ดังขึ้นอีก เบ็นซ์นึกขึ้นได้จึงรีบวิ่งไปรับ

“ฮัลโหล ใครหนะ” เธอรับทั้งๆที่ไม่รู้ว่าใคร เพราะไม่ได้ดูชื่อ ห้องก็มืด แต่ไม่มาก

“พี่เบ็นซ์ อยู่ไหน กะใคร”

“พี่ พี่” เธอตกใจเลยลืมไปเลยว่าตอนนี้ ท่อนบนเธอโป๊และเปลือยอยู่ไม่มีอะไรปกปิด

“เดี๋ยวพี่โทรกลับนะโบว์ ตอนนี้ไม่ว่าง ติดธุระอยู่”

“พี่เบ็นซ์” เบ็นซ์วางสาย แล้วรีบเก็บเสื้อผ้าที่กระจัดกระจาย รีบแต่งตัวกลับเหมือนเดิม พอเสร็จก็โทรกลับไปหาโบว์อีกครั้ง

“เอ้ามีอะไรว่ามา”

“พี่ไปไหน อยู่กับใคร พี่โกหกหนูใช่ไหม พี่ไม่ได้ไปทำงาน”

“แกเอาอะไรมาพูด พี่ทำงาน พี่มาทำงาน” เสียงสูงมาก และเบ็นซ์แกล้งทำเสียงตลกใส่น้องสาว

“หนูโทรไปหาพี่หนูดีแล้ว พี่เค้าบอกว่าวันนี้พี่เป็นคนสั่งยกกองไม่มีการถ่ายทำอะไรทั้งสิ้น พี่อยู่ไหนกับใครบอกมาเดี๋ยวนี้นะ”

“พี่ เอ้อ” เบ็นซ์มองไปที่เผด็จซึ่งกำลังนอนหมดสติอยู่

   เบ็นซ์จึงเปิดผ้าม่านและประตูออกมานั่งนอกห้อง รับลมทะเลเพื่อให้ใจสดชื่น เสียงคลื่นและน้ำทะเล ดังฟังชัด

“เสียงน้ำทะเล พี่อยู่ทะเลใช่ไหม”

“พี่เอ้อ..”

“หนูเห็นนะเมื่อเช้าหนะ ว่าใครมารับพี่..ทำไมพี่ไม่พูดความจริงกับหนู พี่เห็นหนูเป็นอะไร”

“ใจเย็นๆไอ้โบว์” แป๋วคอยเตือนสติอยู่ข้างๆ

“มันเย็นไม่ไหวแล้วพี่” โบว์เริ่มเดือด แล้วก็กลับไปพูดกับเบ็นซ์ต่อ

“ทีหนูสนิทกับคุณอา พี่ห้าม แล้วมาคราวนี้ ทำไมพี่ถึงทำซะเอง ทำไมฮะพี่ ทำไม”

   โบว์จิตหลุดแล้ว เมื่อพี่สาวแอบไปตีท้ายครัวกับผัวตัวเอง แป๋วดึงยังไงก็ห้ามไม่อยู่จริงๆ โบว์งุ่นง่านมือขยำผมยุ่งหมดแล้ว

“พี่ขอโทษ” เบ็นซ์ตั้งตัวไม่ติด เพราะยังมึนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอจำอะไรไม่ได้จริงๆว่าทำอะไรลงไปบ้าง

“พูดง่ายจังนะ คราวของหนูพี่ด่าหนูโกรธหนูเอาเป็นเอาตาย 3 วัน 3 คืน พอมาถึงคราวตัวเอง พูดได้แค่นี้เองนะเหรอ ง่ายดีนะ”

“โบว์พี่..ฟังพี่ก่อน”

“ไม่ฟังโว๊ย รีบกลับมาเลยนะ เรามีเรื่องต้อง Clear กัน..เดี๋ยวนี้” คำสุดท้าย เน้นมาก

“ยังกลับไม่ได้”

“ทำไม”

“คือ”

“อะไร ใครรั้งตัวเอาไว้”

“ไม่มี..แต่คุณอา”

“คุณอาทำไม”

“ไม่รู้ว่าพี่เผลอทำอะไรลงไป ทำให้คุณอาสลบอยู่ตรงหน้าพี่เนี่ย ก็เลยกลับไม่ได้ ไม่มีคนขับรถ”

“เวรเอ๊ย แล้วตอนนี้อยู่ไหน”

“ชายหาดส่วนตัว บังกะโลเล็กๆใกล้ๆบางแสน”

“รออยู่ที่นั่นแหละ รอที่นั่นเลยนะ อย่าไปไหน แชร์โลเกชั่นไว้ด้วยก็แล้วกัน เดี๋ยวจะไปรับ และจะได้ไปเมืองกาญจน์กันเลย แล้วตอนนี้กรุณารีบออกมาจากที่ตรงนั้นเลยนะ ด่วน เรามีเรื่องที่ต้องคุยกัน..ไปพี่แป๋ว เดินทาง เอาสวีฟไปแล้วกัน มันกระทัดรัดดี”

“ได้..ไป เดี๋ยวพี่จัดการให้”

   แล้วทั้งสองคนก็ตรงไปรับเบ็นซ์ทันที ณ โลเกชั่นที่เบ็นซ์แชร์ไว้ให้

+++++ ***** +++++

   หลังจากที่โบว็และแป๋วได้มารับเบ็นซ์ ตอนนั้นก็น่าจะประมาณ 5 โมงเย็น นับไปอีกประมาณ 1 ชั่วโมง เผด็จค่อยๆได้สติตื่นขึ้นมาหันมองซ้ายมองขวา ดูแล้วปรากฏว่าไม่พบใครเลย เขาค่อยๆพยุงตัวเองลุกขึ้นมามองเข้าไป ในความมืด ยกมือขวาขึ้นมาดูเวลา 6 โมงกว่า เขาหันหลังมองออกไปด้านนอก ก็เห็นลมพัดผ้าม่านปลิวโบกสะบัดอยู่ไหวๆ จึงร้องเรียกเบ็นซ์

“เบ็นซ์ๆ” เอามือจับหน้าตัวเองสะบัดไปมาอยู่พักหนึ่ง เดินโซซัดโซเซออกมา ดูภายนอก มืดสนิท เบ็นซ์คงหนีกลับไปแล้วหละมั้ง เขาเลยล้วงโทรศัพท์จากกระเป๋ากางเกงขึ้นมาแล้วกดหาทันที

   แป๋วกำลังขับรถไปที่เมืองกาญจน์ เปิดเพลงฟังเบาๆโบว์กับเบ็นซ์สงบศึกชั่วคราวหลังจากที่ได้ทะเลาะกันมาพักนึงแล้วตั้งแต่ออกมาจากทะเล เบ็นซ์นอนแผ่หลาอยู่คนเดียวที่เบาะหลัง เอาโทรศัพท์ฝากแป๋วชาร์ตไว้ที่คอนโซลหน้ารถ

< ตึ๊ดๆๆๆๆ > ชื่อเผด็จขึ้นที่หน้าจอ โบว์นั่งอยู่ตรงนั้นหันไปดูว่าใครโทรมา เบ็นซ์เมมชื่อเผด็จไว้หวานมาก จนโบว์แทบอยากจะทุบโทรศัพท์พี่สาวทิ้ง [เผด็จที่(น่า)รัก]

   เบ็นซ์รีบลุกไปดูว่าใครโทรมาหาเธอตอนนี้ พอเห็นชื่อและรูปจึงหลุดปากออกมา “คุณอา” โบว์รีบหยิบโทรศัพท์มาถือไว้ทันที แล้วรีบรูดปิดวางสาย

“ไอ้โบว์ ทำไมทำแบบนี้ เอาโทรศัพท์พี่คืนมา แล้ววางสายอาเด็จทำไม เสียมารยาท ไม่น่ารักเลย”

“อาเด็จ กล้าเรียกเนาะ หน้าด้าน หน้าไม่อาย”

“อีโบว์ มันจะมากไปแล้วนะ” เบ็นซ์พยายามแย่งโทรศัพท์จากมือน้องสาว โบว์ก็ไม่ยอมให้ หลบไปหลบมาอยู่ตรงนั้นแหละ

   แล้วเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีก โบว์หงายดู [ เผด็จที่(น่า)รัก ] คนเดิม

“เอาคืนมา..โบว์”

“เราคุยกันแล้วนะพี่เบ็นซ์”

“คุยอะไร ฉันไม่เคยตกลงและรับปากอะไรแกเลยนะ” แป๋วรำคาญสองพี่น้องนี้มาก

“โอ๊ย มันจะอะไรกันนักหนาวะ ไอ้สองพี่น้องนี่ เสียงโทรศัพท์ก็ดัง รำคาญอยู่แล้วนะ ก็คืนๆมันไปซะ มันจะคุยกับใครก็ปล่อยมัน อย่าไปยุ่งกับชีวิตมันเลย เร็ว คืนเขาไป” เสียงโทรศัพท์เงียบไปอีก

   โบว์มองหน้าแป๋ว “คืน..ซิ เร็ว” แล้วโบว์ก็มองหน้าเบ็นซ์

“ก็ได้ เอาไป” แล้วโบว์ก็คืนโทรศัพท์ให้ ขณะยื่นให้ เผด็จโทรมาอีกครั้ง เบ็นซ์รีบดึงมาจากมือโบว์ทันที แล้วรีบกดรับสายคุยทันที “สวัสดีค่ะที่รัก.. อ๋อไม่มีอะไรหรอกค่ะ.. ไม่ได้โกรธอะไรที่รักเลย.. จริง.. หนูซิต้องเป็นฝ่ายขอโทษคุณอาที่ทำให้คุณอาเจ็บ.. พอดีมาเที่ยวกับเพื่อนๆหนะค่ะ”

   แล้วทำลอยหน้าลอยตาใส่โบว์ โบว์ยกมืออยากจะทุบ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่ชี้หน้าพี่สาว แป๋วก็ได้แต่ส่ายหัวกับพี่น้องสองคนนี้ เอามือซ้ายไปเขย่าหัวโบว์ โบว์นั่งทำหน้ายุ่งไม่พอใจที่ผัวตัวเองโทรมาหาพี่สาว ทีเราหละไม่โทรหาบ้าง (น้อยใจผัว)

“เมียนะโว๊ย” เธอบ่นในใจ หงุดหงิด แล้วก็เผลอเอามือซ้ายทุบไปที่คอนโซลหน้ารถอย่างแรง เจ็บซิ ถึงได้สติกลับมา

“ทำไมหนีอากลับก่อนหละ แล้วกลับยังไง”

“ก็บอกแล้วไงว่า ไม่ได้หนี เพื่อนมารับ เกรงใจมัน...” แล้วก็คุยกันยาว

   ตลอดทางไปเมืองกาญจน์ เบ็นซ์ก็คุยหวานจ๊ะจ๋า กับเผด็จอย่างมีความสุข ไม่สนใจโบว์ บางครั้งก็ทำท่าลิงหลอกเจ้าไปตลอดเส้นทางเหมือนกัน พอคุยได้สักประมาณชั่วโมง เนื่องจากเครื่องของเบ็นซ์พึ่งชาร์ต แบตจึงมีน้อย

“คุณอาขา แบตหนูเตือน จะหมดแล้ว ไม่อยากจะวางเลย แต่ก็ต้องขอวางสายก่อนแล้วกัน ถึงที่พักแล้วหนูจะโทรหาแล้วกันนะคะ คิดถึงนะคะ.. อะไรนะคะ..ค่ะ.. ดูแลตัวเองด้วยแล้วกัน แล้วพรุ่งนี้คุยกัน.. บาย.. จุ๊บๆๆๆๆ”

   พอวางสายก็หันไปเจอกับสายตาของน้องสาวที่จ้องมองอย่างเขม็งอยู่ แต่เบ็นซ์ไม่สน เพราะแบตหมดพอดีเครื่องดับไปโดยปริยาย “เอ้า แป๋ว ฝากชาร์ตด้วย”

   แล้วก็ส่งเครื่องไปให้แป๋ว แป๋วรับเครื่องแล้วก็เอาไปชาร์ตต่อ จากนั้นก็เอนตัวนอนลงกับหมอนอย่างมีความสุข แกล้งผิวปากแกล้งคน อยู่ดีๆ โบว์ก็พูดออกมา

“เจอเค้ากี่ครั้งแล้ว ไม่ถึง 3 ด้วยมั้ง ทำไมถึงได้เรียกเค้าแบบนั้น ที่รักคะ ที่รักขาหนะ หน้าด้าน หน้าไม่อาย”

   แป๋วหันไปมองหน้าโบว์ เพราะสังเกตุมานานแล้วว่า ทำไมพูดถึงเผด็จที่ไร โบว์ต้องออกอาการทุกที เหมือนมันมีอะไรคาใจ

“แรงไปไหมอีหนู พูดอยู่ได้คำนี้หนะ ตกลงแกเป็นอะไรกับผู้การรึเปล่าเนี่ย ทำไมดูหวงๆยังไงไม่รู้ ไหนบอกพี่มาซิ คาใจหวะ”

“เปล่านะพี่แป๋ว ไม่มี” เบ็นซ์เด้งตัวขึ้นมาทำหน้าสงสัยเช่นกัน

“ใช่..ทำไมพูดถึงคุณอาทีไร แกต้องออกอาการทุกที เหมือนๆ มันเหมือนแสดงความเป็นเจ้าของอะไรทำนองนั้นแหละ”

“บ้าน่า อย่าๆ อย่าเลย ตอนนี้กำลังพูดถึงตัวเองอยู่นะพี่เบ็นซ์ อย่ามาเปลี่ยนแปรประเด็น แล้วหนูจะไปมีอะไรกับคุณอาได้ยังไง เจอกันไม่กี่ครั้ง อีกอย่างเขาก็เป็นศัตรูเรานะ พี่จะไปชอบศัตรูได้ยังไง เราต้องเกลียด ต้องไม่ชอบ เพราะเค้าจ้องเล่นงานเราอยู่ตลอดเวลา จริงไหมพี่แป๋ว” โบว์เปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาสหาแนวร่วม

“อันนี้ไอ้โบว์มันพูดถูกนะเบ็นซ์ฉันเห็นด้วย 100% แกควรจะฟังมันบ้าง เรื่องคุณอาหนะเพลาๆลงบ้าง เจอกันเพียงไม่กี่ครั้ง แกจะบ้าอะไรขนาดนั้นวะ ฉันเป็นกลางเสมอนะ ไม่ได้เข้าข้างใคร” เบ็นซ์เอามือดันหัวแป๋ว เพราะนั่งอยู่ข้างหลัง แป๋วเซนิดหน่อย

“เข้าข้างมันเข้าไป สักวันจะรู้สึกไอ้แป๋ว” เบ็นซ์ไม่ค่อยพอใจที่ไม่มีแนวร่วม

“ไงตอบมา ยังไม่ได้ตอบหนูเลย ทำไมถึงเรียกคุณอาแบบนั้น”

“ทำไมจะเรียกไม่ได้ ถามแล้วขอแล้ว คุณอาเขาก็อนุญาต ไม่ได้ว่าอะไร”

“ผู้ชายก็แบบนี้แหละ เอาแต่ได้ พอสมใจอยาก ก็ตีจาก” ตกลงพูดแบบนี้ว่าใครจ๊ะหนูโบว์ พูดให้ตัวเองหรือพี่สาวฟัง

“เจอกันกี่ครั้ง มันไม่เกี่ยวหรอก มันอยู่ที่ใจ และความเข้าใจของทั้งสองฝ่ายต่างหากโว๊ย เจอกันครั้งเดียววันเดียว ก็ชอบก็รักกันได้ แล้วแกเป็นใคร เป็นแค่น้อง ถึงมาว่าฉันฮะไอ้โบว์”

“เจอกันแค่ไม่กี่ครั้ง พี่ก็รักก็ชอบเค้าแล้วเหรอ”

   โบว์ถามแบบไม่พอใจเลยตะโกนใส่หน้าเบ็นซ์ เบ็นซ์ก็เลยฟิวส์ขาดเช่นกันจึงชะโงกหน้าแล้วตะโกนกลับไปกรอกเต็มหูขวา “เออใช่..ฉันรักเค้า ได้ยินไหม ฉันรักเค้า ฉันรักอาเด็จ ได้ยินไหม ฉันรักคนชื่อเผด็จ ไอ้โบว์”

“ได้ยินโว๊ย ได้ยิน โอ๊ย..” โบว์เอามือปิดหูทั้งสองข้าง แล้วก็หันหน้ากลับไปนั่งก้มหน้า น้ำตาซึม

   เท่านั้นหละ เงียบกันทั้งรถ ตั้งแต่จบประโยคนั้น ก็ไม่มีเสียงคุยกันอีกเลย โบว์นั่งทำใจ ไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว นี่ก็พี่ นั่นก็ผัว แล้วจะทำยังไงดีละทีนี้ โอ๊ยกลุ้ม คิดไม่ออก ส่วนเบ็นซ์ก็นอนยิ้มและหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้

***** ----- *****

   เผด็จขับรถกลับถึงบ้านประมาณ 4 ทุ่ม เพราะกว่าจะออกจากทะเลก็เกือบจะสองทุ่มแล้ว ใช้เวลาบึ่งรถถึงบ้าน 2 ชั่วโมงก็ถือว่าเร็วยังกะจรวด พอมาถึง ก็เจอด่านขนมผิง ซึ่งนั่งหน้างอ รอพ่ออยู่คนเดียว

“อ้าวทำไมยังไม่นอนอีกหละลูกมานั่งทำอะไรคนเดียวที่นี่”

“พ่อไปไหนมา หนูเห็นและได้ยินนะที่พ่อคุยโทรศัพท์กับคนชื่อเบ็นซ์หนะ

“ไอ้ผิง นี่มันเรื่องส่วนตัวพ่อนะ แกเป็นลูก ไม่ใช่แม่ฉันนะ แม่ฉันเขายังไม่จุ้นจ้านขนาดนี้เลย ไปไป ไปนอนไป ไม่ใช่เรื่องของเด็ก พ่อมีงานที่จะต้องทำอีก”

“ไปนอนกก นอนกอดกับมันมาอีกแล้วใช่ไหม คงมีความสุขมากหละซิ อย่านึกว่าหนูไม่รู้นะ”

< เพลี๊ยะ > เสียงตบหน้าลูกสาวดังมาก ผาดเดินออกมาทันที เพราะยืนดูอยู่นานแล้ว ผิงร้องไห้โฮ ผาดดึงผิงมากอดไว้ที่อก

“ทำอะไรหนะเต๋า นี่ลูกแกนะ ไม่รักไม่สงสารมันบ้างเลยเหรอ” หันไปเรียกคนใช้

“ดวง เอาน้องไปนอน”

“ค่ะ คุณย่า ไปค่ะคุณหนู”

“พ่อขอโทษ” ขนมผิงร้องไห้ไม่หยุด เอามือจับแก้มตัวเองตรงที่พ่อตบ

“หนูเกลียดพ่อ หนูเกลียดพ่อ” แล้วขนมผิงก็วิ่งขึ้นบันไดไปชั้นบน วิ่งชนขนมเบื้องเกือบตกบันได ขนมเบื้องก้มมองลงไป

“เกิดอะไรขึ้นครับย่า”

“ไม่ใช่เรื่องของเด็ก กลับขึ้นไปนอน”

“ครับ” แล้วขนมเบื้องก็กลับขึ้นไปนอนแบบงงๆ แล้วผาดก็หันมาต่อว่าลูกชาย

“ถึงแกจะไม่เคยรัก ไม่ใยดีมัน เพราะมันไม่ได้เกิดมาจากความรักระหว่างแกกับแม่มันอย่างไอ้เบื้อง แต่นั่นมันก็เลือดเนื้อเชื้อไขของแก ในเมื่อแกทำให้มันเกิดขึ้นมาแล้ว จะอ้างว่าเพราะเมา ไม่ได้ตั้งใจหรืออะไรก็ตามแต่ในตอนนั้นก็เถอะ แกให้ความรักความเอ็นดูมันสักนิดไม่ได้เชียวเหรอ ฉันเข้าใจ แต่นั่นมันก็ลูกแก ทุกครั้งที่แกมีปัญหาหรือหงุดหงิด แกอย่ามาระบายหรือลงกับมันได้ไหม ฉันขอร้องหละได้ไหม”

“คือ.. มัน.. คือ.. ผมไม่ได้คิดแบบนั้นนะแม่” เผด็จไม่รู้จะอธิบายให้แม่เข้าใจยังไง คือมันพูดยาก

“ใช่..ไอ้ผิงมันคือความผิดพลาดของแกฉันรู้ เพราะมันไม่ได้เกิดมาจากคนที่แกรัก มันเสียแม่คนที่มันรักไปคนนึงแล้ว นี่แกจะให้มันเสียพ่อ คนที่มันรักสุดหัวใจไปอีกคนนึง ยังงั้นเหรอ ทั้งๆที่ยังเป็นๆมีลมหายใจเนี่ยนะเต๋า”

“ผมไม่ได้เกลียด ไม่ได้ชังมัน อย่างที่แม่คิดนะ”

“สงสารมันบ้าง เด็กมันเหงา มันก็แค่อยากได้ความรักจากคนที่มันรักบ้างก็เท่านั้น ไม่มีอะไรมากไปกว่านี้เลย ให้เวลาอยู่กับมันบ้าง จะได้ไหมเต๋า”

“ผมให้ได้ ไม่งั้นผมจะหาครูมาสอนเหรอ ผมก็อยากให้มันมีความรู้มีเพื่อน อยู่ในสังคมและเอาตัวรอดได้เหมือนเด็กอื่นทั่วไป”

   ตกลงว่าพูดเรื่องเดียวกันไหมเนี่ย ผาดพยายามสั่งสอนลูก แต่เผด็จก็ไปอีกเรื่อง ผาดเลยตัดปัญหา กลับไปต้นเรื่องที่เกิดขึ้น

“เต๋า แกโตแล้วนะ ทำไมถึงไม่มีการยับยั้งชั่งใจ ระงับอารมณ์ไม่เป็นแล้วใช่ไหม ใช้เหตุผลพูดกับลูกมันซิ”

“ผมขอโทษครับแม่ ผมลืมตัว”

“แม่คงไม่มีเวลามาสั่งสอนแกได้อีกสักกี่วันกี่เดือนหรอกนะ แม่คงเตือนแกได้เท่านี้แหละ ว่าถ้าแกยังให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล ต่อไปแกจะไม่เหลือใครและปกครองใครไม่ได้ หัดเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง นั่นลูกคนในบ้าน แกเคยอยู่ให้ความอบอุ่นมันบ้างไหม วันๆมีแต่ออกไปช่วยคนข้างนอก แล้วคนในบ้านแกช่วยรึยังเต๋า เด็กมันเหงา มันรักของมันให้เวลากับมันบ้างได้ไหม รักมันบ้าง สงสารมันบ้าง แกก็รู้ว่าเด็กมันกำพร้าแม่ มันมีแกเป็นหลักอยู่คนเดียว ถึงแกจะไม่รักมัน แต่เคยคิดถึงเรื่องนี้บ้างไหม”

“ใครว่าผมไม่รักมัน ถ้าไม่รักผมไม่เอามันมาอยู่ด้วยแบบนี้หรอก”

“แบบนี้มันไม่เรียกว่ารักหรอกเต๋า มันเรียกเห็นแก่ตัว ฉันรู้นะว่ากำลังมีความรักครั้งใหม่ แต่ฉันไม่รู้หรอกว่ากับใคร”

“แม่” เผด็จมองหน้าแม่ แต่ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง

“ฉันรู้นะว่าที่แกหายออกไปบ่อยๆตอนกลางคืนหนะแกไปไหน ฉันก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น เพราะเห็นว่าแกเป็นหัวหน้าครอบครัว โตแล้ว เลยไม่อยากก้าวก่าย แต่อะไรที่มันมากไปหรือน้อยไป มันไม่ดี ฉันก็แค่มาเตือน บอกให้แกรู้ไว้บ้างก็เท่านั้น”

“มันไม่ใช่อย่างที่แม่คิดนะครับ”

“จำไว้นะเต๋า จะมีแต่พระเดชอย่างเดียวไม่ได้เราต้องมีพระคุณด้วย ไม่ว่านอกบ้าน หรือในบ้าน คงเข้าใจที่แม่บอกนะ แม่คงบอกแกได้เท่านี้แหละ”

   แล้วแม่เดินจากไป ปล่อยให้เผด็จยืนนิ่ง จมอยู่กับความผิดของตัวเอง เพียงอารมณ์ชั่ววูบจริงๆ พอนึกถึงภาระกิจขึ้นได้ ก็ล้วงหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วก็โทรหา พู่กันกับเนเน่ทันที

“พร้อมรึยัง”

“พร้อมครับ/ค่ะ”

“ดี เดี๋ยวเจอกัน”

   หลังจากวางสาย เผด็จก็เดินเข้าไปหยิบกล่องใบหนึ่งขึ้นมา ที่ให้กันตภณเอามาให้ออกมาตรวจสอบ หยิบแฟลชไดรฟ์ขึ้นมาแล้วเสียบไปที่ Notebook ดูเหตุการณ์ที่พวกนั้นขับรถบรรทุกขนยาเข้าออกที่หุบเขาอย่างละเอียด เขาดูอยู่ค่อนข้างนาน แล้วก็ยิ้ม ความลับในรอยยิ้มของเขาครั้งนี้ไม่สามารถเดาได้เลยว่าคืออะไร พอเสร็จกิจตรงนั้นก็เปิดอีกกล่องตรวจชุดอุปกรณ์ไฮเทคอีกครั้ง ที่เขาออกแบบมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะ เพื่อความมั่นใจ เขาจึงเอามีดจิ้ม แทงกรีดลงไป เอาน้ำมันลาดแล้วจุดไฟ เมื่อเห็นว่าสมบูรณ์แบบ ก็เก็บลงกล่อง มันคือชุดพิเศษที่สามารถทนไฟ ความร้อนและแรงกระแทกได้เป็นอย่างดี เอามาปรับและใส่อุปกรณ์ใหม่นิดหน่อย พอเดินออกมาจากห้องทำงานเผด็จมองขึ้นไปที่ห้องด้านบน ตัดสินใจจะเอายังไงดี จะขึ้นไปหาลูกก่อนหรือไม่ไปดี สุดท้ายก็ตัดใจไม่ขึ้นไป เดินออกไปที่รถ จากนั้นก็ขับรถออกไปรับพู่กันกับเนเน่ทันที

   ส่วนขนมผิงก็ได้แต่นอนร้องไห้อยู่คนเดียวในห้อง ย่าผาดเดินขึ้นไปดู ก็สงสาร ไม่รู้จะทำยังไงดีแล้ว ก็ต้องปล่อยไปตามเวรตามกรรม พ่อก็มัวบ้าแต่งาน ไม่มีเวลามาดูแลลูกเลย มัวแต่ไปดูแลคนอื่น เมื่อคิดได้เช่นนั้น จึงเดินเข้ามานอนกอดขนมผิง ลูบหัวเช็ดหน้าเช็ดน้ำตา แล้วก็นอนเป็นเพื่อน

+++++ ***** +++++

   ประมาณ 5 ทุ่ม ทีมของโบว์ก็ถึงที่พัก พวกเธอได้มาเปิดห้องที่รีสอร์ทแถวนั้นเพื่ออาศัยนอนชั่วคราวก่อน พอเช้าแล้วค่อยว่ากันใหม่..แป๋วขับรถมาจอดที่รีสอร์ทเล็กๆแห่งหนึ่งนอกเมืองกาญจน์

“คืนนี้พวกเราพักเอาแรงที่นี่ก่อนแล้วกัน พอเช้าแล้วก็ว่ากันใหม่ ยังมีเวลาวางแผนอีกหลายวัน”

“โอเครพี่” แล้วโบว์ก็หันไปดูพี่สาวตัวแสบ ยกมือซ้ายอยากจะทุบ หลับสบายไม่สนใจใครเลย

“พี่แป๋วปลุกเองแล้วกัน หนูเหม็นขี้หน้า เรื่องห้องพักเดี๋ยวหนูจัดการเอง”

“เออ ไปเถอะ เดี๋ยวพี่ตามไป”

   แล้วโบว์ก็เดินเข้าไปจัดการเรื่องที่พัก โบว์เดินเข้าไป มองหาเจ้าหน้าที่ เมื่อไม่เห็นจึงกดกริ่งที่วางอยู่ตรงนั้นถี่ยิบ < กริ๊งๆๆ >

“รู้แล้วๆ ทีเดียวก็ได้ยินแล้ว กดยังกะใครตาย” ตุ๊ดวัยกลางคน คนหนึ่งโผล่หน้าขึ้นมาจากใต้เคาน์เตอร์ อย่างไว กำลังงัวเงีย

 “ว๊าย” โบว์ตกใจ

“ว่าไงจ๊ะยัยชะนีน้อย มีอะไร ทีเดียวก็รู้เรื่องแล้ว” โบว์ยกมือขอโทษ

“ขอโทษค่ะเจ๊ ก็หนูมองไม่เห็นใคร ก็เลย..” เจ๊สะบัดมือไม่เป็นไร

“เอ้า ว่าไป จะมาเปิดห้องใช่ไหม แล้วจะเปิดกี่ห้องหละ มากันกี่คน” เจ๊ก็หันซ้ายขวา

“ห้องเดียวค่ะ 3 คน” แล้วโบว์ก็ยื่นบัตรประชาชนให้

“กี่คืนหละ..ชื่อเพราะจัง บัวบูชา” ยังไม่วายปากหวานอีก เผื่อจะพักนาน ได้ผล ทีแรกโบว์กะว่าจะพักแค่คืนเดียว

“3 ค่ะ”

“3 คืนๆละ 300 ทั้งหมด 900 จ่ายสดงดเชื่อเบื่อทวง ล่วงหน้า” โบว์มองหน้า แล้วก็หยิบแบ็งค์พันวางให้

“เค็มเหมือนกันนะเจ๊”

“ไม่ได้ เจ๊โดนมาเยอะ เบี้ยวมาแยะ ไอ้พวกที่ชอบอยู่ฟรีเนี่ย”

“จ้า..เจ๊คนสวย ไปหละ” แล้วก็แบบมือขอกุญแจ

“เอ้า นี่กุญแจ เห็นว่าน่ารัก ใจถึง พูดจาเพราะ ไม่เรื่องมาก เจ๊ให้ห้องสวย ดี ราคาพิเศษเลย ริมทะเลสาบ ออกไปแล้วเลี้ยวขวา”

“ขอบใจมากจร้า” แล้วเจ๊ก็ส่งกุญแจ พร้อมเงินทอนให้

“อ้อ..ขอบคุณนะคะที่ชมชื่อหนู ว่าเพราะ” แล้วโบว์ก็ส่งจูบให้เจ๊

“คนอาราย น่ารักชะมัด นี่ขนาดเราเป็นหญิงยังชอบเลย”

   แล้วโบว์ก็เดินกลับไปที่รถ ควงกุญแจที่เอามาไปตลอดทาง

“ไง เรียบร้อยไหม เห็นหายเข้าไปซะนาน”

“เรียบร้อยแล้วพี่ ใช้เทคนิคนิดหน่อย ก็เลยได้ห้องดีราคาพิเศษมา..ไปเถอะ”

   แล้วก็มองไปที่พี่สาวที่กำลังนั่งงัวเงียอยู่ที่เบาะหลังรถ โบว์ส่ายหัว แล้วก็เปิดกระโปรงหลังรถหยิบกระเป๋าเสื้อผ้า ของตัวเองสะพายบ่าแล้วเดินตรงไปที่ห้อง แป๋วก็ตบไหล่เพื่อน

“ไปไอ้เบ็นซ์ ไปนอนต่อที่ห้อง ไป ลุก” เบ็นซ์ยกมือบอก ไปไป แล้วก็ลุก แป๋วโยนกระเป๋าเสื้อผ้าให้ เธอรับและก็อุ้มเดินไป

   โบว์เดินไปตามทางที่เจ๊คนสวยบอก เดินผ่านไปหลายห้องดูเลข

“เจอแล้ว ทางนี้พี่” โบว์เห็นห้องก็มีรอยยิ้ม สวยถูกใจ

“เออ ใหญ่ดีวะ เท่าไหร่หวะ” แป๋วถามโบว์

“300 พี่”

“จริงดิ พี่นึกว่า เป็นพัน ไปๆ ดู..ไอ้เบ็นซ์” ลากกระเป๋าเดินตาม เหมือนคนไม่มีแรง ผ่านการกรัมศึกมาแบบโชกโชน

“อย่าไปสนใจเลยพี่ หนูเลิกสนใจนานแล้ว ดูดิ ใครจะเชื่อว่านี่คือนางเสือดาว นักฆ่าสาวที่สุดจะแข็งแกร่ง สภาพดูไม่ได้”

   แล้วโบว์ก็ไขประตูห้องเปิดเข้าไป มีเตียงอยู่ 2 เตียง 1 ชุดรับแขก โบว์ไม่สนใจ โยนกระเป๋าไปที่โซฟา แล้วเดินตรงไปที่เตียงคว่ำหน้าแผ่หลา แล้วก็หลับไปเลยทันที ส่วนแป๋วก็ประคองเบ็นซ์เข้าห้อง แล้วก็ปิดประตูล๊อคห้อง กระเป๋าวางไว้ตรงนั้นแหละ

“ไอ้เบ็นซ์ อะไรของแกวะ มันจะง่วงอะไรขนาดนั้น ไอ้เบ็นซ์..ตัวหนักเหมือนกันนะเนี่ย”

   แล้วแป๋วก็ลากเบ็นซ์มาไว้ได้แค่โซฟา เอาหัวพิงขอบ ดันขาขึ้น หาผ้าห่มมาห่มให้ จากนั้นก็เปิดแอร์ เดินไปปิดไฟ แล้วหงายร่างล้มตัวนอนเลยเช่นกัน

***** ----- *****

   เผด็จมารับพู่กันและเนเน่ ตามจุดที่นัดหมาย สองคนเปิดประตูหลัง เอากระเป๋าเก็บ แล้วเดินขึ้นมานั่งที่เบาะหลัง เพราะเบาะหน้าเผด็จเอากล่องสองใบวางไว้ สักพักเผด็จเปิดกล่องดูให้แน่ใจว่าไม่ผิดและก็ปิด แล้วยื่นให้กับเนเน่ เนเน่รับไปแบบงงๆ

“อะไรค่ะนาย”

“ชุดของเธอ”

“จริงดิ” เนเน่ ไม่นึกว่าเธอจะมีชุดเป็นของตัวเอง “ขอบคุณค่ะนาย” เนเน่ พนมมือขอบคุณ

 

“ไม่เป็นไร เอ้า ส่วนกล่องนี้ขอแกพู่”

“ของผมก็มี..ขอบใจครับนาย”

   แล้วทั้งสองก็เปิดกล่องหยิบชุดที่อยู่ในกล่องออกมาดูทั้งเสื้อ+กางเกง สวยมาก สีดำใยแก้ว ทั้งสองคนเอามือลูบไล้เครื่องแบบชุดปฏิบัติการชุดแรกในชีวิต

“สวยมากเลยนาย หนูไม่นึกว่านายจะให้จริงๆ หนูนึกว่านายพูดเล่น”

“แกก็รู้ คนอย่างฉัน คำไหนคำนั้น พร้อมไหม เนเน่”

“พร้อมปฏิบัติการค่ะนายจะไม่พร้อมได้ไงก็นายอุตส่าห์เสียเวลามาฝึกฝนให้กับมือขนาดนี้ ถ้าไม่ไหวก็คงอยู่ในทีมนี้ไม่ได้แน่”

“ใช่ครับนาย ผมก็พร้อมครับ”

“ไอ้พวกขี้คุย ไปกันได้แล้ว”

   เผด็จเอามือเขย่าหัวเนเน่อย่างเอ็นดู เพราะอายุรุ่นราวคราวเดียวกับขนมผิงลูกสาวเขานั่นเอง แล้วก็ขับรถออกไปทันที

฿฿฿฿฿ ***** ฿฿฿฿฿

   รุ่งเช้าวันใหม่ที่สดใสก็มาถึง วันพุธ 1 วันก่อนที่จะมีการขนส่งยา ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ด้วยสัญชาตญานการตื่นเช้าจนชินของโบว์ก็ทำงานเสมอ โบว์ตื่นขึ้นมาก่อนพวกพี่ๆ เธอดูเวลาที่ข้อมือ 6 โมงนิดๆ เธอลุกขึ้นจากเตียงบิดขี้เกียจนิดหน่อย มองไปที่สองพี่สาว แป๋วนอนหลับสบายอยู่บนเตียง ส่วนพี่สาวตัวเองนอนหลับคุดคู้อยู่ที่โซฟา โบว์เดินช้าๆไปเปิดม่าน ดูวิวธรรมชาติที่สวยงามภายนอก แล้วก็เดินไปที่ประตูหน้าห้องเปิด และก้าวขาเดินออกไปสูดอากาศที่สดชื่น นานแล้วที่ไม่ได้มาเจอแบบนี้ ไม่นานเจ๊คนสวย เดินมาพร้อมพนักงานสาว เอาอาหารเช้ามาให้ โบว์หันไปมอง

“ตื่นแล้วเหรอจ๊ะคนสวยของเจ๊”

“อ้าว เจ๊สวัสดีตอนเช้าค่ะ มีอะไรกะหนูแต่เช้าคะเนี่ย หนูลืมอะไรไปหรือเปล่า”

“โอ๊ย..ไม่หรอกจร้า เจ๊ก็แค่มาดูว่า เป็นไงบ้างชอบไหม ห้องที่เจ๊จัดให้ ชอบไหม”

“ชอบค่ะ สวยมากจริงๆ มีทะเลสาบด้วย ไม่พลุกผล่านหนูชอบ ขอบใจนะคะที่เจ๊กรุณา”

“ไม่เป็นไร เจ๊ชอบ บอกตามตรงนะ เจ๊ถูกชะตากะหนูมากไม่รู้ทำไม มามะ เจ๊ก็เลยจัดของขวัญพิเศษมาให้โดยเฉพาะ”

“อะไรคะ” เจ๊ดาว ลากโบว์ไปที่อาหาร

“อะไรคะเนี่ยเจ๊ หนูไม่ได้สั่งนี่”

“เจ๊จัดมาให้ อาหารเช้าสำหรับสามคน พิเศษ”

“หนู..” โบว์พยายามจะขอร้องกับการใจดีและมีน้ำใจของเจ๊ดาว

“บอกแล้วไง ไม่ต้องพูดอะไร เจ๊ให้ เพราะความน่ารักของหนู”

“หนูเกรงใจ ค่าห้องก็เก็บหนูแสนจะถูกแถมยังให้ห้องหรูกะหนูอีก”

“ไม่เอา ไม่เอา ไม่ต้องเกรงใจ” จนพนักงานสาวต้องเอ่ยปากออกมาได้

“เจ๊ เค้าก็เป็นแบบนี้หละพี่ ตามใจเค้าเถอะ ถูกใจใคร แกเปย์ให้หมด” โบว์หันไปยิ้มกับน้องพนักงานสาว

“ขอบคุณค่ะเจ๊ เอาเป็นว่าหนูขอรับน้ำใจมื้อนี้มือเดียวจากเจ๊พอนะคะ ถ้ามากกว่านี้ หนูรับไม่ได้จริงๆ หนูคงต้องจ่ายเงินเพิ่มให้เจ๊แล้วหละ นะคะ” เจ๊ดาว เอามือมาจับคางน้อยๆของโบว์แล้วยิ้ม

“ได้ๆ เนี่ยก็เพราะน่ารักแบบนี้ จะไม่ให้เจ๊ชอบได้ยังไง เอาหละๆ ตามสบายนะ เจ๊ไปหละไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของหนูแล้ว”

“ขอบคุณมากนะคะเจ๊” แล้วโบว์ก็ยกมือไหว้ขอบคุณเจ๊ดาวอีกครั้ง

“เอ้อ.. ไหนๆก็ดีกับหนูขนาดนี้แล้ว หนูยังไม่รู้ชื่อเจ๊เลย”

“ดาวค่ะพี่ เรียกว่าเจ๊ดาว” พนักงานสาวตอบแทน แล้วก็เดินจากไปพร้อมกับเจ๊ดาว

   โบว์ยิ้มแล้วก็เดินกลับไปที่โต๊ะมองดูอาหารเช้าคงน่าทาน จึงเปิดดู ขนมปังไข่ดาว แซนวิส และกาแฟ จากนั้นเธอก็เดินกลับเข้าห้องไปอาบน้ำ

----- ***** -----

   8 โมงเช้า เผด็จสะดุ้งตื่นขึ้นมา ลุกขึ้นจากเตียงเปิดประตูหลังห้องแล้วเดินออกไปที่ระเบียง สูดรับอากาศบริสุทธิ์ คงนอนไม่หลับ เป็นเพราะมาถึงหน่วยก็เกือบตี 3 แล้วล้มตัวนอนกับชุดเดิม ยังไม่ทำอะไรก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรหาเบ็นซ์ทันที

   < ตึ๊ดๆๆๆๆ > ชื่อเผด็จขึ้นที่หน้าจอ เบ็นซ์กำลังทานมื้อเช้าอยู่นอกห้อง จึงรีบวิ่งกลับเข้าไปรับ แต่ไม่ทันโบว์เพราะโบว์อยู่ในห้อง คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วรับทันที

“สวัสดียามเช้าครับ ที่รัก” โบว์นี้จี๊ดขึ้นมาทันที เผลอหลุดปากออกไป แต่ไม่ดังมาก

“อึ๊ย ไอ้ผัวเฮงซวย” เบ็นซ์รีบวิ่งมาคว้าโทรศัพท์ จากมือโบว์ แล้วเอามือชี้หน้า แล้วค่อยๆเดินถอยหลังออกไป

“เมื่อกี้ ที่รักว่าไงนะ ได้ยินไม่ชัด อะไรหัวๆปวดหัวเหรอ”

“ขา ที่รัก ไม่มีอะไร ก็ประมาณนั้นหละค่ะ” แป๋ววิ่งเข้ามา เบ็นซ์เดินคุยโทรศัพท์ผ่านแป๋วออกไปแบบมีความสุข

“เกิดอะไรขึ้น” ผิดกับโบว์ที่อารมณ์เสีย หยิบโทรศัพท์ตัวเองแล้วก็เดินออกไปนอกห้อง ไม่ตอบแป๋ว แป๋วงงหันตามออกไป

“ไหนบอกว่าจะโทรหาอา เห็นหนูไม่โทร อาก็ต้องโทรเองซิ ในเมื่อแฟนคนสวยเบี้ยวนี่ แล้วจะให้รางวัลอะไรอาที่เบี้ยวเนี่ย”

“คุณอาหนะปากหวานแต่เช้าเลย แล้วแบบนี้หนูจะไปไหนรอดหละคะเนี่ย ก็คงต้องจอดอยู่ที่คุณอานี่แหละ”

   เบ็นซ์หัวใจเป็นสีชมพูกับความรักที่มีให้เผด็จ ยิ่งเผด็จโทรมาหาแต่เช้าแบบนี้ ก็ยิ่งทำให้เธอทั้งรักและหลงเผด็จแบบโงหัวไม่ขึ้นเข้าไปอีก ในขณะที่เดินไปคุยไปเบ็นซ์ยิ้มแบบมีความสุขไปตลอดทางจนทำให้โบว์หมั่นไส้ แป๋วกับโบว์ก็เดินชมธรรมชาติอยู่แถวนั้นเพราะวิวที่นี่สวย ความลับในรอยยิ้ม ของเบ็นซ์เป็นยังไงไม่มีใครรู้ พอคุยได้สักพัก เผด็จก็ขอตัว

“ที่รัก อาขอตัวก่อนนะพอดีมีธุระ แค่นี้ก่อนถ้าว่างแล้วอาจะโทรหาแล้วกันเนาะ”

“ไม่อยากวางเลย คุยกันได้แป๊บเดียวเอง หนูยังไม่หายคิดถึงคุณอาเลย”

“เกือบชั่วโมงเนี่ยนะ ยังบอกว่าแป๊บเดียวอีกเหรอ หนูเบ็นซ์”

“ก็มันจริงๆนี่ค่ะ คุยทั้งวัน มันก็คงยังไม่พอ เพราะตัวคุณอาไม่ได้อยู่ตรงนี้” อัยย่ะ เจอเบ็นซ์หยอดเข้าไปหนึ่งดอก

“ว่าไป ใครกันแน่ที่ปากหวาน ไม่ใช่อาแล้วหละมั้ง เครนะ ต้องไปแล้ว ดูแลตัวเองด้วย คิดถึงเสมอนะครับ บาย”

“บายค่ะ จุ๊บๆๆๆๆๆๆๆๆ” แล้วเบ็นซ์ก็วางสาย แล้วก็เผลอตะโกนออกมาเสียงดังแบบไม่รู้ตัว

“มีความสุขจริงโว๊ย ฮู้ๆๆๆๆ” จนต้องร้องเพลงออกมา < มันคือความรัก – ลุลา > https://youtu.be/gwxYm37gAMw

  อย่างไม่รู้ตัวต่อหน้า แป๋วและโบว์ พอร้องเพลงจบ เบ็นซ์ก็วิ่งมาโบว์ทันที เพื่อที่จะขอให้โบว์ช่วย เพราะโบว์เป็นคนเดียวที่จะช่วยเธอได้ โบว์รีบปิดหน้าจอโทรศัพท์เพราะกำลังดูรูปแฟนตัวเองอยู่

“น้องโบว์จ๋า” โบว์งง ว่าอยู่ดีๆทำไมพี่สาวตัวเองเปลี่ยนอารมณ์เร็วจัง แล้วมาทำดีด้วย

“อะไร” โบว์เดินหนี แล้วเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกงข้างหลัง  

   เบ็นซ์วิ่งตาม ดึงมือโบว์ไว้ โบว์หันมา เบ็นซ์มองหน้าแล้วทำตาน่าสงสาร

“มีอะไรก็ว่ามา ไม่ต้องมาทำท่าทางประหลาดๆแบบนี้เลย หนูไม่ชิน”

“พี่ขอไปหาอาเด็จด้วยนะเวลาที่เธอไปสอนหนังสือพวกลูกๆคุณอาหนะ”

“อะไรนะ” โบว์หลุดปากออกมา แป๋วยืนงง ว่าทำไมเบ็นซ์ถึงเป็นได้ขนาดนั้น

“นะนะ น้องโบว์ นึกว่าเห็นใจพี่นะ ไม่รู้ซิว่าทำไม ตอนนี้พี่ทำอะไรก็คิดถึงแต่เค้าอยู่ตลอดเวลาเลย แบบนี้ใช่ไหมที่เรียกว่ารัก”

“ไอ้เบ็นซ์เอ๊ย กู่ไม่กลับแล้วแก” แป๋วยืนท้าวสะเอวบ่นออกมา

“รักมาก คิดถึงมาก นะนะ โบว์นะ ถ้าพี่ไม่เห็นหน้าเค้า ได้ยินเสียงเค้า พี่คงบ้าตายแน่เลย แต่งงานเมื่อไหร่คงหาย”

   โบว์ยืนคิดอยู่นาน ค่อนข้างลำบากใจมาก ก็อย่างที่บอก คิดทุกครั้ง นี่ก็พี่นั่นก็ผัว เธอเอามือซ้ายขึ้นมาจับหัวตัวเอง ทำหน้าหงุดหงิดหันซ้ายหันขวา จะเอายังไงดี

“มันไม่ดีนะพี่เบ็นซ์ หนูไปสอนหนูไปทำงาน คนอื่นรู้เข้าเขาจะมองยังไง มันจะดูไม่ดี” โบว์พยายามอธิบาย

“นะนะ จะให้พี่ไหว้แกก็ได้นะนะ”

“ไม่เอา ทำอะไรหนะพี่ ไม่ไม่” เบ็นซ์ก้มกราบโบว์จริงๆ จนแป๋วต้องวิ่งเข้ามาจับตัวเบ็นซ์ให้ลุกขึ้นมา

“ไอ้เบ็นซ์ พอแล้ว พอแล้ว พอเถอะ”

“เออๆ ได้ๆ พอแล้วๆ ไม่ต้องไหว้แล้ว หนู หนูจะช่วย หนูจะช่วย พอใจรึยัง” โบว์ตะโกนออกมา ด้วยสีหน้าที่เครียด

“ขอบใจมากน้องสาวที่น่ารัก” เบ็นซ์ดีใจมาก ที่โบว์ยอมรับปากช่วย

   แล้วเบ็นซ์ก็กระโดดหอมแก้วซ้ายขวาของโบว์และก็ชูแขนสองข้างวิ่งตะโกนออกไปอย่างมีความสุข

“จะมีผัวแล้วโว๊ย ฉันจะมีผัวแล้ว มีความสุขจริงโว๊ย”

   โบว์ต้องยอมรับปากพี่สาว ที่ขอให้มาเป็นแม่สื่อ จีบแฟนตัวเอง เพราะนางชอบเผด็จจริงๆแบบกู่ไม่กลับแล้ว เบ็นซ์เป็นหนักถึงขั้นจะแต่งงาน เพื่อไม่อยากให้ความลับรั่ว ว่าเธอเป็นอะไรกับเผด็จ เธอจึงยอมไปก่อน แล้วค่อยหาทางออกอีกที

฿฿฿฿฿ ***** ฿฿฿฿฿

   ดรัณ ติดต่อกลับมาให้สามสาวทำงานลับชิ้นนี้ให้สำเร็จให้ได้

“มาถึงกันแล้วใช่ไหม พร้อมกันรึยังนังโบว์”

“พร้อม ไม่ต้องห่วง พรุ่งนี้จะจัดการให้ แล้วอย่าลืมบอกนายของอาจารย์ด้วยหละว่าอย่าลืมทำตามสัญญาด้วยก็แล้วกัน”

   แล้วโบว์ก็วางสายทันที ดรัณเปิดลำโพงให้ฉัตรเทพได้ยินด้วย ฉัตรเทพยิ้มออกมาแบบมีเลสนัย แล้วก็หัวเราะ

“ปากดีได้อีกไม่นานหรอกนังโบว์ 5555555+”

“ติดต่อ สัตยาได้รึยัง”

“เรียบร้อยค่ะนาย สแตนบาย รอฝังพวกมันอยู่ที่นั่นแล้ว” มองไปที่ฉัตรเทพ แล้วก็ยิ้มออกมา

“งานนี้สนุกแน่ 55555555+” ฉัตรเทพหัวเราะแบบมีความสุข ที่จะกำจัดพวกหนามในใจได้สักทีโดยไม่ต้องเปลืองแรง

“อ้อ..แล้วอย่าลืม ฝึกพวกเด็กใหม่ให้มันแกร่งและอึดกว่านังสามคนนั้นด้วยหละ ฉันชักอยากจะเห็นฝีมือเร็วๆซะแล้ว”

   ฉัตรเทพหัวเราะออกมาดังมาก บวกกับรอยยิ้มที่ดูเหมือนเหี้ยมโหดยังไงก็ไม่รู้ ความลับในรอยยิ้ม คืออะไรไม่มีใครรู้ได้

----- ***** -----

   แต่ตำรวจอย่างอัธวุฒิก็สืบรู้มาเช่นกันว่ายังไงพวกสามสาวก็ต้องมางานนี้ด้วยแน่ จึงพยายามวางแผนจับตัวพวกเธอให้ได้ในงานนี้ด้วย อัธวุฒิวางแผนทั้งๆที่ตัวเองเจ็บ แต่ทำไงได้งานต้องมาก่อน งานนี้ได้ใจเพ็ญไปเลยทางอ้อม

“จำไว้นะพวกเรา งานนี้จะประมาทไม่ได้ เราไม่ได้สู้แค่พวกยาบ้าแต่เรามีศึกสองทาง ต้องจับพวกสามสาวหน้ากากให้ได้ด้วย เพราะฉันรู้ว่า ยังไงๆพวกนั้นก็ต้องมา งานยักษ์ๆระดับบิ๊กๆแบบนี้ ถ้าไม่มาก็เสียศักด์ศรีสาวหน้ากากหมดนะซิ”

   เพ็ญเดินมาอยู่ข้างๆเป็นกำลังใจอัธวุฒิโดยไม่รู้ตัว ไม่รู้ทำไม เบียร์แอบเห็นจึงยิ้มออกมาโล่งอกไปอีกเปราะ อัธวุฒิหันไปก็พบว่าเพ็ญมายืนเกาะแขนซ้ายข้างที่เจ็บ อยู่ดีๆเพ็ญก็ส่งยิ้มให้กับอัธวุฒิ เขามีกำลังขึ้นอีกเยอะโดยไม่รู้ตัวเช่นกัน

“ตามนี้นะครับ แยกย้ายกันไปพักและอย่าลืมนะครับ พรุ่งนี้สแตนบายตามตำแหน่งกันแต่เช้ามืด รอให้จ่าสนรายงานตำแหน่งที่แน่นอนเข้ามาก่อน แล้วเราค่อยลุยกับพวกมัน”

   หลังจากประชุมเสร็จและแยกย้ายกัน เพ็ญก็ประกองอัธวุฒิออกไปพักอย่างช้าๆทุกคนหันไปมอง แบบงงๆ ว่ายังไงกันแน่

----- ***** -----

   เผด็จเรียกประชุมหน่วยของเขา ที่ชายป่าข้างฐาน ซึ่งประกอบด้วย เนตรอัปสร/เทียนหอม/กันตภณ และคร้าม พร้อมด้วยทีมหน่วยพิฆาตอีก 10 นาย ที่ซุ่มเตรียมพร้อมไว้เรียบร้อย ที่ยังไม่นับรวมกับพวกที่ทำงานในฐานนี้ พู่กัน และ เนเน่ ยังไม่ออกมา

“วันนี้ที่ผมเรียกประชุมด่วนเพราะว่าพรุ่งนี้เรามีงานสำคัญงานใหญ่ ทุกคนคงจะทราบดีแล้วว่ายาเสพติดทุกชนิดเป็นพิษร้าย ที่บ่อนทำลายประเทศของเรามาช้านาน นอกจากผมจะได้จัดตั้งทีมใหม่เพิ่มมาอีก 2 ทีม คือ นางฟ้าพญายม และ เสือดาว ขึ้นมาแล้ว และเพื่อความกระชับของงานนี้ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการผิดพลาดเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา ผมจึงได้เพิ่มผู้ช่วยมาให้อีก 2 คน เพื่อที่พวกเราจะได้มั่นใจว่าพวกเราทุกคนมีคนคอยระวังหลังให้”

   ทุกคนงง แล้วเผด็จก็เรียก  พู่กัน และ เนเน่ ออกมา “เชิญครับ” ซึ่งทั้งสองมาในชุดพิเศษที่เผด็จออกแบบ ทุกคนปรบมือให้

“อาจจะแปลกใจว่าสาวน้อยผู้นี้ กับเด็กหนุ่มคนนี้ จะมาทำอะไรได้ เพราะยังเด็กกันอยู่เลยทั้งคู่”

   จากนั้น เผด็จก็ให้ คนของเผด็จ 6 คนออกมา พู่กัน และ เนเน่ ไม่รู้ว่ามีแบบนี้ด้วย เพราะเผด็จไม่ได้บอกหรือเตี้ยมกันไว้ เมื่อเห็นว่าโดนหักหลังแล้ว เนเน่จึงตะโกนถามเผด็จ

“นาย นี่มันอะไร ที่ตกลงกัน มันไม่ใช่แบบนี้นี่ ทำไมมันไม่เหมือนที่คุย” เผด็จไม่สนใจ ส่งสัญญานให้ 6 คนนั้นจู่โจมทันที

“ซวยแล้วเนเน่ ใช้วิชาที่เรียนมาช่วยตัวเองก่อนเถอะตอนนี้มากันโน้นแล้ว”

   เผด็จได้กระซิบคนทั้ง 6 ไว้แล้วว่า ไม่ต้องออมมือมาก เอาพอประมาณ แต่ต้องทำให้เหมือนเหตุการณ์จริงทุกประการ ไม่งั้นพวกนั้นตายแน่ ถ้าตกอยู่ในเหตุการณ์จริงในวันพรุ่งนี้

   2 คนวิ่งแยกกันออกมาเป็น 2 มุม เนเน่วิ่งมาทางขวาของฐาน พู่กันวิ่งไปทางซ้าย สามคนวิ่งไปปะทะจู่โจมเนเน่ คนแรกชกไปที่หน้า เนเน่หงายหลังหลบ แล้วดันตัวขึ้นมาเตะโครมเข้าลำตัวคนนั้นเซไป อีกคนดึงไหล่เนเน่ เธอยกเท้าถีบไปข้างหลัง กระเด็นออกไปอีกหนึ่ง คนที่ 3 เอากระบองสั้นฟาดไป เนเน่ทรุดตัวลงฉีกขากว้างเป็นรูปตัวที ก้มตัวหลบไปทางขวา พลิกตัวกลับไปทางซ้ายเตะตัดขาคนนั้นล้มลงไป แล้วดีดตัวขึ้นมา วิ่งกระโดดเหยียบขา แล้วลอยตัวไปเตะก้านคออีกคนที่กำลังวิ่งเข้ามา พอตัวถึงพื้นก็ม้วนตัวกลิ้งหลบ ลุกขึ้นมายืนตั้งการ์ด สายตาจ้องไปที่คู่ต่อสู้ว่าจะมาทางไหน อยู่ดีๆปืนไฟมาจากไหนไม่รู้เป็นทางยาว ไฟพ่นไปโดนชุด เนเน่ยกมือมาบังหน้าแล้วตีลังกากลับหลังหลบ อีกคนเอากระบองควงตาม เธอตีลังกากลับหลังหลบประมาณ 5 รอบ พอตั้งหลักได้ เท้าเหยียบถึงดิน เธอม้วนตัวไปข้างหน้าและกระโดดขึ้นไปนั่งเข่าลอยอยู่บนบ่าชายหนุ่ม ยกศอกคู่กระแทกลงไปที่หัวอย่างแรง แล้วก็ตีลังกากลับหลังลงมา ย่อเข่าข้างซ้ายลงกับพื้นเข้าขวาตั้งชันขึ้นมา ปลายนิ้วมือทั้งสองจิ้มดินไว้ คนสุดท้ายที่เหลือ ดึงมีดสปาต้ายาวพอประมาณขึ้นมา วิ่งตรงไปที่เธอแล้วฟาดไปที่หัวอย่างแรง เนเน่ ดึงอาวุธประจำกายขึ้นมา กระบอกเหล็กเล็กสองอัน ขึ้นมากันที่หัวไว้ แล้วดันมือขึ้นหมุนตัวเองหลบออกมา พอยืนได้ก็เข้าประชิดตัว ฟาดกระบองซ้ายขวาๆไปที่ชายคนนั้น ด้วยความเร็วและว่องไวจนชายคนนั้นรับมือไม่ทันถอยหลังหนีอย่างเดียว เจอเท้าของเนเน่ถีบเข้าไปที่กลางอก กระเด็นลงไปนอนจุก เนเน่หมุนตัวเอาเข่ากระแทกลงไปที่กลางลำตัวอีกที เป็นอันสลบ พอหันไปดูก็ปรากฏว่าสามคนที่มาละรานเธอนอนเจ็บเป็นแถว แผ่อยู่กลางลาน เมื่อเห็นว่าตัวเองปลอดภัยแล้ว ก็ไปนั่งพักเหนื่อยเช็ดเหงื่อ

   ทางพู่กันก็ใช่ย่อย สองคนจู่โจมพร้อมกัน คนแรกชกไปที่หน้า พู่กันยกแขนซ้ายมากันแล้วใช้เท้าถีบออกไป คนที่สองมาอีกด้าน พู่กันย่อตัวลงแล้วใช้มือซ้ายต่อยสวนไปที่ท้อง คนที่สามมาดึงขาซ้ายพู่กันหมุนตัวกลับใช้เท้าถีบมือออก พอตัวเป็นอิสระ ก็ลุกมายืนตั้งการ์ด คนที่หนึ่งวิ่งเข้าใส่ตรงๆปะทะกันซึ่งหน้า พู่กันวิ่งแล้วตีลังกาม้วนหน้า เอาเท้าฟาดเข้าไปเต็มๆที่หัว พอคนที่หนึ่งล้มลง คนที่สองกระโจนเข้าถึงตัว คนที่สามกระโดดโถมตาม ทับร่างพู่กันไว้ เขาสะบัดอยู่พักใหญ่ไม่หลุด หลับตานึกถึงตอนฝึก จำได้ว่า เผด็จเคยสอนไว้เช่นไร ถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้ พอนึกได้ พู่กันจึง เอามือตบไปที่หูของทั้งสองคน ได้ผล พอสองคนหลุดออกจากร่างของเขา เขาดีดตัวขึ้น เพื่อไม่ให้คู่ต่อสู้ได้ทันตั้งตัว พู่กันรีบหมุนตัวหนึ่งรอบแล้วกระโดดเตะก้านคอหลับไปอีกหนึ่ง เหลือคนสุดท้ายไม่รู้ไปไหน เสียงปืนดังมาสองนัด โดนที่ตัวเขา ไม่เป็นไร เพราะเป็นชุดพิเศษพอเห็นตัว เขาเลยเดินดุ่มๆเข้าไปกระชากปืน สู้กัน ยื้อกันอยู่พักนึง พู่กันก็แย่งปืนออกมาจากชายคนนั้นได้ ดันรังเพลิงออก แล้วก็โยนทิ้งไปพู่กันถีบคนนั้นออกไป คู่ต่อสู้ดึงมีดออกมาเช่นกัน เมื่อคู่ต่อสู้มีอาวุธ เขาก็มี ดึงกระบองสองท่อนออกมาแล้วทำการต่อสู้ ต่อสู้กันได้พักใหญ่ อาวุธก็หลุดจากมือทั้งคู่ สุดท้ายต้องใช้มือเปล่า พู่กันดูเท้าของคู่ต่อสู้ขยับไปมาอย่างเร็ว โดนเตะที่แขนขวาไปหนึ่งทีพู่กันเซ เขาตั้งหลักใหม่ สู้แบบมีสติเผด็จเคยบอกไว้ ถึงตัวใหญ่กว่าใช่ว่าจะชนะ ต้องใช้ปัญญา เมื่อคิดได้ จึงวิ่งเข้าไปแล้วกระโดดทิ้งตัวลงกับพื้นขาสองข้างเหยียดตรง ลอดใต้หว่างขา ใช้มือซ้ายสับขาอ่อนขวา แล้วใช้มือขวาต่อยไปที่เป้ากางเกงอย่างแรง คู่ต่อสู้ทรุดตัวลงมากองกับพื้นทันที พอผ่านออกมา ลุกขึ้นและหันไปดูรอบๆตัวว่าหมดรึยัง เมื่อไม่มีใครแล้วจึงนั่งลง

   หลังจากที่ ทั้งสองคนเอาตัวรอด ผ่านการสอบจริงจากคนของเผด็จได้แล้ว ทุกคนก็ปรบมือให้ ทั้งสองคนก็ยิ้ม ลุกขึ้นจากที่นั่งอยู่ เดินมาอยู่ด้วยกันกลางลาน จับมือชูขึ้นพร้อมกัน โค้งคำนับรับคำขอบคุณ แล้วคนทั้ง 6 คนก็ค่อยๆลุกขึ้นมาแบบสะบักสะบอมช่วยประคองกัน เดินไปหาเผด็จ สภาพแบบว่า ดูไม่ได้ ผู้ชาย 6 คนจากทีมเสือดาว อายุน่าจะประมาณ 25-35

“ขอขอบคุณพวกพี่ๆน้าๆอาๆ ทุกคนนะคะ ที่ออมมือให้กับเนเน่และพี่พู่กัน” เนเน่และพู่กัน ยกมือไหว้ขอบคุณสตั๊นท์ทั้ง 6 คน

>>>>>>>>> ********** <<<<<<<<<<

โปรดติดตามตอนต่อไปใน ตอนที่ 24 .. “ ระแวง ”

ตอนที่ 23 .. “ ความลับในรอยยิ้ม ”

นิยาย แนว อาชญากรรม และนักสืบ (Detective and Crime Novel) / สืบสวนสอบสวน (Suspense) / Action

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.