บทที่ 251: ออกเดินทางไปหุบเขาหมอเทวดา
“เอาล่ะ ในเมื่อท่านหมอเจียงพูดเช่นนี้ เราก็ขอฝากองค์หญิงหกและท่านหญิงให้ท่านดูแล” มู่เทียนฉงพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ถึงเวลาแล้ว พวกเจ้ารีบออกเดินทางกันเถอะ”
จากนั้นประตูวังบานใหญ่สีแดงก็เปิดออกช้า ๆ มู่ไป๋ไป่มองดูกลุ่มคนที่อยู่ตรงหน้าแล้วจู่ ๆ ก็เริ่มรู้สึกไม่อยากไป
เมื่อก่อนเธอคิดอยากที่จะออกจากวังหลวงมาโดยตลอด แต่เมื่อวันนั้นมาถึงจริง ๆ เธอก็เริ่มรู้สึกลังเลขึ้นมา
“ไป๋ไป่ ไปกันเถอะ” เซียวถังถังที่แทบทนไม่ไหวพอเห็นว่าองค์หญิงหกไม่ยอมก้าวขึ้นรถม้าสักที นางก็อดไม่ได้ที่จะยื่นหน้าออกมาเรียกอีกฝ่าย “ถ้ามัวแต่ชักช้า มันจะไม่ทันกาล”
มู่ไป๋ไป่สูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อระงับความรู้สึกที่เอ่อล้นขึ้นในใจ จากนั้นก็คำนับให้ผู้เป็นพ่อและคนอื่น ๆ อีกครั้ง ก่อนจะหันหลังเดินขึ้นรถม้าไปในที่สุด
เมื่อผู้โดยสารขึ้นจนครบแล้ว รถม้าก็ค่อย ๆ เคลื่อนตัวออกจากประตูวังหลวง ในตอนนั้นเอง คนตัวเล็กได้ยินเสียงร้องไห้ของไทเฮาที่ดังมาจากด้านหลังเบา ๆ
“ในที่สุดเราก็ออกเดินทางกันแล้ว” เซียวถังถังที่อยู่ด้านข้างดูมีความสุขมาก “ไป๋ไป่ เมืองแรกที่เราจะไปพักหลังจากออกจากเมืองหลวงคือที่ไหนหรือ มีของอร่อยอะไรกินหรือไม่?”
พอมู่ไป๋ไป่เห็นท่าทางร่าเริงของเด็กหญิง เธอกลับรู้สึกสับสน ไม่รู้ว่าควรจะร้องไห้หรือยิ้มแย้มดี “ถังถัง เจ้าไม่รู้สึกลังเลบ้างเลยหรือ พอพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ดูเหมือนว่าเสด็จอาจะไม่ได้มาส่งเจ้าในวันนี้ด้วย”
“ลังเลอะไรกัน?” เซียวถังถังกะพริบตามองคนถามด้วยความสับสน “ข้าตั้งตารอที่จะได้ออกไปเผชิญโลกกว้างมาตั้งนานแล้ว! และคราวนี้ข้าก็กำลังจะไปหุบเขาหมอเทวดากับท่านเพื่อร่ำเรียนวิชาแพทย์ หลังจากเรียนจบ ข้าก็จะกลายเป็นหมอเทวดา”
“ท่านพี่จะไม่กล้าเกลียดข้าอีกต่อไป!”
“...”
2 คนนี้สมกับเป็นพี่น้องกันจริง ๆ นิสัยแปลกประหลาดพอกันเลย
“ส่วนเรื่องที่ท่านพี่ไม่มาส่งข้า…” เซียวถังถังยักไหล่อย่างเมินเฉยพลางกล่าวว่า “ข้าคิดว่าเขาน่าจะไปดื่มอยู่ที่ไหนสักแห่ง แล้วคงจะเมาหลับไปแล้ว”
“จริง ๆ แล้วเขาไม่อาจทนอยู่ในเมืองหลวงได้ เขาจึงได้หนีออกไปข้างนอกตลอด”
“พอเขามีโอกาสได้กลับเมืองหลวงเป็นครั้งคราว เขาก็จะไปเที่ยวเมามายกับท่านอาจารย์พ่อไปทั่วจนมีสภาพไม่น่าดูสักเท่าไหร่”
ขณะเดียวกัน อวี้เซิ่งส่งเสียงกระแอมในลำคอจากด้านนอกรถม้า ก่อนจะพูดขึ้นว่า “เซียวถังถัง ระวังคำพูดของตัวเองด้วย พี่ชายของเจ้ากับข้าออกไปดื่มด้วยกันไม่กี่ครั้ง ดังนั้นเจ้าอย่าพูดไร้สาระจนทำให้อาจารย์ของเจ้าต้องเข้าใจผิด”
“จริงหรือ?” เจียงเหยาถามด้วยรอยยิ้ม แต่น้ำเสียงที่เปล่งออกมานั้นดูต่ำลงกว่าปกติ “ท่านเคยดื่มกับเซียวถังอี้แค่ 2-3 ครั้งจริง ๆ หรือ? ทำไมข้าได้ยินหลายคนพูดว่าพวกท่านเป็นสหายสุรากัน”
“ข่าวลือ มันเป็นเพียงแค่ข่าวลือ” ชายหนุ่มพยายามเอาใจภรรยาสาวทันที “เซียวถังอี้นั้นน่ารำคาญจะตายไป ถ้าเขาไม่มาขอร้องข้า ใครจะไปอยากดื่มกับเขากัน”
“น้องหญิง หลังจากที่เราไปถึงหุบเขาหมอเทวดา เรามาจัดงานแต่งกันอีกครั้งเถอะ”
“เจ้าบอกเองไม่ใช่หรือว่าท่านอาจารย์กับอาจารย์แม่เป็นคนเลี้ยงดูเจ้ามา เจ้าเลยนับว่าพวกเขาเป็นเหมือนพ่อแม่ของเจ้า”
“ครั้งนี้เรารีบแต่งงานกันจนทำให้ท่านอาจารย์และอาจารย์แม่เดินทางมาที่เมืองหลวงไม่ได้ ดังนั้นเรามาจัดพิธีกันใหม่เถอะ”
“ครั้งนี้จะนับได้ว่าเป็นการขอให้ท่านอาจารย์และอาจารย์แม่เป็นพยานความรักของเรา”
“อวี้เซิ่ง ท่านอย่ามาเปลี่ยนเรื่อง” เจียงเหยาพูดขึ้นมาอย่างเย็นชา “ข้าบอกท่านแล้ว หากหลังจากนี้ข้ารู้ว่าท่านไปดื่มกับเซียวถังอี้อีก ข้าจะหย่ากับท่าน!”
“ตกลง ๆ” อวี้เซิ่งตกปากรับคำซ้ำ ๆ “หลังจากนี้ถึงแม้ว่าเซียวถังอี้จะร้องไห้ขอร้องข้า ข้าก็จะไม่มีวันไปดื่มกับเขาอีก”
มู่ไป๋ไป่ที่นั่งฟังบทสนทนาระหว่าง 2 สามีภรรยาอยู่ในรถม้าตกตะลึง ขณะที่เธอกำลังจะเอ่ยปากถามเจียงเหยาว่าทำไมนางถึงไม่ชอบเจ้าสัตว์ประหลาดมากขนาดนั้น จู่ ๆ เธอก็ได้ยินเสียงแหลมดังขึ้น
เสียงนั้นมันฟังดูคุ้นหูมาก
“องค์หญิงหก ดูเหมือนจะมีนกอินทรีติดตามเรามา” จื่อเฟิงที่อยู่ถัดจากรถม้าเปิดผ้าม่านพลางกัดผลไม้ในมือแล้วชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้า “มันเป็นสหายของพระองค์หรือไม่?”
“นั่นคือชางหลาน!” มู่ไป๋ไป่จำเจ้าของเสียงนั้นได้ทันที “นั่นคือเหยี่ยวทะเลที่เซียวถังอี้เลี้ยงเอาไว้ ถังถัง จะต้องเป็นเซียวถังอี้ที่มาหาเจ้าแน่ ๆ”
“ฮึ… เขาจะมาที่นี่ทำไมกัน?” เซียวถังถังขมวดคิ้วพูด “เขาคงจะมีอะไรอยากพูดกระมัง”
ขณะที่เด็กหญิงพูด รถม้าก็หยุดลง
มู่ไป๋ไป่เปิดม่านออกก่อนจะเห็นชายคนหนึ่งยืนเอามือไพล่หลังอยู่ตรงหน้า เขาสวมชุดสีดำและสวมหน้ากากเงิน แน่นอนว่านั่นคือเซียวถังอี้
“เซียวถังอี้ ถ้าท่านมาช้ากว่านี้อีกสักหน่อย เราคงจะเดินทางออกจากเมืองหลวงไปแล้ว” อวี้เซิ่งยืดหลังตรงอย่างอวดดีขณะกล่าวว่า “ถ้าท่านมีอะไรจะพูดกับเซียวถังถังก็รีบพูดเถอะ เรากำลังรีบ”
“หากเราล่าช้าไปมากกว่านี้ ในคืนนี้คงจะต้องหยุดพักที่กลางป่า ไม่ได้นอนโรงเตี๊ยมดี ๆ แน่นอน”
เด็กหนุ่มไม่ได้พูดอะไรตอบกลับ เข้าเพียงแค่ยกมือขึ้นแล้วขว้างบางอย่างใส่อวี้เซิ่งและเจียงเหยา
หญิงสาวเคลื่อนไหวได้เร็วกว่าชายหนุ่ม และนางก็คว้ากล่องเอาไว้ได้
“นี่คืออะไรน่ะ อาวุธลับหรือ?”
“ของขวัญแต่งงานสำหรับพวกท่านทั้ง 2” เซียวถังอี้กอดอกแล้วพิงต้นไม้ด้านข้าง “ข้าจะไม่สามารถไปร่วมงานแต่งของพวกท่านในหุบเขาหมอเทวดาได้ ดังนั้นข้าจึงมอบของขวัญนี้ให้กับพวกท่านก่อน”
ในตอนที่เจียงเหยากับอวี้เซิ่งจัดงานแต่งในเมืองหลวงก่อนหน้านี้ เด็กหนุ่มก็ได้ส่งของขวัญแสดงความยินดีให้กับพวกเขาแล้ว
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้เป็นของขวัญในนามของ ‘อ๋องเซียว’
ส่วนในครั้งนี้เป็นของขวัญจาก ‘เซียวถังอี้’ สหายของพวกเขา
อวี้เซิ่งเข้าใจเป็นอย่างดีว่าอีกฝ่ายต้องการจะสื่ออะไร นั่นทำให้รอยยิ้มตรงมุมปากกดลึกมากยิ่งขึ้น “ช่างเถอะ ในเมื่อท่านมาร่วมงานไม่ได้ ถ้าวันไหนท่านอยากจะดื่ม ท่านก็— เอ๊ย!”
หลังจากชายหนุ่มเห็นสายตาพิฆาตของภรรยาสาว เขาก็รีบเปลี่ยนใจไปพูดว่า “ถ้าท่านอยากจะดื่มก็อย่าได้มาหาข้าอีก ตอนนี้ข้าแต่งงานแล้ว ข้าไม่สามารถไปร่วมดื่มกับคนไม่มีคู่อย่างท่านได้อีกต่อไป!”
แล้วเจียงเหยาก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ จากนั้นก็หันไปเลิกคิ้วยั่วยุเซียวถังอี้ “อะไรกัน ในที่สุดท่านก็คิดตกและพร้อมที่จะปลิดชีพตัวเองเพื่อให้โลกนี้สงบสุขมากยิ่งขึ้นแล้วหรือ?”
“ถ้าเช่นนั้นท่านก็สามารถพาตัวน้องสาวของท่านออกไปได้ ข้าได้ทำ 3 สิ่งที่ข้าสัญญากับท่านเอาไว้แล้ว ข้าไม่อยากเลี้ยงดูน้องสาวของท่านเปล่า ๆ หรอก”
ในรถม้า เซียวถังถังรีบเปิดม่านออกมาทักท้วงอย่างเป็นกังวล “ไม่นะ ท่านอาจารย์ ท่านตกลงที่จะรับข้าเป็นศิษย์ของท่านแล้ว ท่านจะคืนคำได้อย่างไรกันเจ้าคะ!”
“ไม่รู้ล่ะ ข้าไม่สนใจ ข้า ในฐานะลูกศิษย์ของหุบเขาหมอเทวดาจะใช้ชีวิตและตายอยู่ในหุบเขาเทวดาเท่านั้น!”
เซียวถังอี้เหลือบมองน้องสาวที่ไร้หัวใจของตัวเองและขมวดคิ้วเข้มที่เริ่มสั่นด้วยความโกรธ “ข้าไม่มีน้องสาว”
“ฮึ! ถ้าไม่ใช่เพราะว่าท่านเป็นถึงท่านอ๋องและมีเงินมากมาย ข้าเองก็ไม่อยากเป็นน้องสาวของคนอย่างท่านเหมือนกัน” เซียวถังถังแลบลิ้นใส่พี่ชาย ทำให้เด็กหนุ่มที่โมโหก้าวเท้าเข้ามาเพื่อจะจัดการกับอีกฝ่าย แต่นางก็รีบวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังของเจียงเหยา
“เซียวถังอี้ ข้าจะบอกท่านให้นะว่าตอนนี้ข้าเป็นศิษย์ของหุบเขาหมอเทวดาแล้ว ท่านไม่มีสิทธิ์ลงโทษข้าได้!”
เมื่อก่อนนางมักจะถูกเซียวถังอี้ตีอยู่บ่อยครั้ง
ซึ่งมันเกิดขึ้นหลายครั้งจนนางจะต้องพัฒนาความสามารถในการแกล้งร้องไห้เสียงดังขึ้นมา
“เซียวถังอี้ ท่านกล้าแตะต้องคนของหุบเขาหมอเทวดาของข้าอย่างนั้นหรือ?” เจียงเหยาพูดพร้อมกับยกขลุ่ยขึ้นมา “ท่านต้องได้รับอนุญาตจากข้าก่อน”
คำพูดของหญิงสาวทำให้ดวงตาของเซียวถังอี้มีประกายบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้ปรากฏขึ้น ในขณะที่เขาพูดว่า “ข้าจะกล้าแตะต้องคนของท่านได้อย่างไร ข้าหวังว่าหลังจากที่หุบเขาหมอเทวดารับนางเข้าไปแล้วจะไม่ส่งคนมาร้องขอให้ข้าไปเอานางคืนหลังจากผ่านไปเพียงไม่กี่วัน”
ถัดมา เขาก็กระโดดขึ้นไปบนต้นไม้ก่อนจะพูดทิ้งท้ายว่า “พวกท่านรีบไปเถอะ ขอให้โชคดี”
“ถังถัง…” มู่ไป๋ไป่นิ่งฟังบทสนทนาทั้งหมดจากด้านในรถม้า ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าตนเข้าใจเซียวถังถังผิด “ปกติแล้วเจ้าชอบสร้างปัญหาหรือไม่?”
ทำไมจู่ ๆ เธอก็รู้สึกไม่ดีขึ้นมาล่ะ?
“จะเป็นไปได้อย่างไร!” เซียวถังถังส่ายหัวตอบอย่างจริงจัง “ข้าที่เก่งกาจเช่นนี้จะสร้างปัญหาได้อย่างไร ท่านอย่าได้ฟังคำพูดไร้สาระของพี่ชายข้าเลย”
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: มีลางสังหรณ์ว่าไป๋ไป่จะได้กลายเป็นพี่เลี้ยงเด็กป่วนแทน เจอถังถังเข้าไป ไป๋ไป่ดูเหนียม ๆ ไปเลย 55555
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 254
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น