บทที่ 248: อวี้เซิ่ง อาจารย์พ่อ?
ทุกครั้งที่เซียวถังถังเริ่มร้องไห้ นางจะไม่หยุดร้องจนกว่าจะมีคนปลอบโยนเป็นเวลานานกว่า 2 เค่อ
ดังนั้นทุกครั้งที่เซียวถังอี้เห็นน้องสาวร้องไห้ เขาก็จะทำหน้านิ่วคิ้วขมวดและทำเป็นเมินเฉยอีกฝ่ายไป
แต่เขาไม่คาดคิดว่าคำพูดเพียงไม่กี่คำของมู่ไป๋ไป่ในวันนี้จะทำให้เซียวถังถังหยุดร้อง
นี่ทำให้เด็กหนุ่มจะต้องมองเจ้าตัวเล็กใหม่อีกครั้ง
“นายท่าน ดูเหมือนว่าคุณหนูจะจริงจังเรื่องการเดินทางไปที่หุบเขาหมอเทวดามากขอรับ” ชิงหานเหลือบมองสีหน้าของผู้เป็นนายครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อไปว่า “เราจะทำเช่นไรหากนางยืนยันที่จะเดินทางไปที่หุบเขาหมอเทวดาให้ได้?”
องครักษ์เงาทุกคนได้เฝ้าดูเซียวถังถังเติบโตขึ้นมา
สำหรับพวกเขา เด็กคนนี้ก็เป็นเหมือนน้องสาวของพวกเขาเช่นกัน
นั่นเป็นสาเหตุที่ชิงหานรู้สึกเป็นกังวลมากเกี่ยวกับอนาคตของเซียวถังถัง
“ถึงนางจะอยากไป” เซียวถังอี้ถอนสายตาจากเด็กน้อยทั้ง 2 แล้วเดินไปนั่งลงที่ตำแหน่งเดิมเพื่อดื่มต่อ “คิดว่าหุบเขาหมอเทวดานั้นเป็นสถานที่ที่นางคิดจะไปก็ไปได้เช่นนั้นหรือ?”
มู่ไป๋ไป่อาจจะสามารถไปร่ำเรียนที่หุบเขาหมอเทวดาได้เพราะเจียงเหยาเอ็นดูนางมานาน
แต่เขาไม่คิดว่าน้องสาวจอมซื่อบื้อของเขาจะมีความสามารถพอที่จะเข้าไปในหุบเขาหมอเทวดาได้
แล้วคืนนั้นในอุทยานก็เงียบสนิทจนถึงกลางดึก
ขณะเดียวกัน ทางด้านอวี้เซิ่งได้ใช้วรยุทธเดินทางไปกลับจากบ้านเกิดของราชครูได้ในเวลาเพียงไม่นาน
ข้อมูลที่เขานำกลับมานั้นมีมากกว่าที่มู่ไป๋ไป่เปิดโปงในอุทยานมาก
และข่าวที่เขานำกลับมาพิสูจน์ให้เห็นว่าสิ่งที่องค์หญิงหกพูดนั้นเป็นเรื่องจริง ราชครูไม่ใช่นักพรตอย่างที่เขากล่าวอ้างเลย แท้จริงแล้วเขาเป็นคนป่วยหนักที่กินยามากเกินไป
อีกทั้งนักฆ่าหนุ่มยังค้นพบเรื่องร่วมประเวณีระหว่างลี่เฟยกับองครักษ์ แม้แต่เด็กที่นางสูญเสียไปก็ไม่ใช่ลูกของมู่เทียนฉง
แต่เรื่องนี้มีคนรู้เพียงไม่กี่คนเท่านั้น
ในวันที่มู่ไป๋ไป่ได้ทราบเรื่องนี้ เขาก็ได้มีราชโองการให้คนนำตัวลี่เฟยไปขังไว้ในตำหนักเย็น และนางจะไม่ได้รับอนุญาตให้ก้าวออกจากตำหนักเย็นนั้นตลอดชีวิต
หลังจากเรื่องนี้จบลง ทุกอย่างก็กลับมาเป็นปกติดังเดิม แล้วชีวิตของมู่ไป๋ไป่ก็กลับมาสงบสุขอีกครั้ง
เมื่ออวี้เซิ่งรู้ว่ามู่ไป๋ไป่กำลังจะฝากตัวเป็นศิษย์ของเจียงเหยาอย่างเป็นทางการ เขาก็มองนางด้วยสายตาประหลาด
“จากนี้ไป พระองค์จะต้องเรียกข้าว่าอาจารย์พ่อหรือไม่?” ชายหนุ่มจิบสุราที่เขาขโมยมาจากที่ไหนสักแห่งขณะพูดคุยกับเด็กหญิงด้วยท่วงท่าสบายใจเฉิบจนน่าหมั่นไส้ “หลังวันปีใหม่ ข้าจะแต่งงานกับเจียงเหยา”
“พิธีน่าจะจัดขึ้นก่อนพิธีฝากตัวเป็นศิษย์ของพระองค์”
เนื่องจากเขามีความดีความชอบที่สามารถสืบสวนเรื่องของราชครูมาได้สำเร็จ มู่เทียนฉงจึงได้ฉีกสัญญาและปล่อยเขาให้เป็นอิสระ
หลังจากฝ่าบาททรงอนุญาตให้ชายหนุ่มแต่งงานกับเจียงเหยา เขาก็คิดว่าจะติดตามนางกลับไปที่หุบเขาหมอเทวดา
แม้ว่ามู่เทียนฉงจะไม่ได้พูดออกมาอย่างชัดเจน แต่ทุกคนก็รู้ว่านี่คือความตั้งใจที่เห็นแก่ตัวของเขา
ถึงเขาจะบอกว่าให้อวี้เซิ่งติดตามเจียงเหยากลับไปที่หุบเขาหมอเทวดา แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาอยากให้อีกฝ่ายติดตามมู่ไป๋ไป่เพื่อคอยปกป้องนาง
เด็กหญิงเข้าใจความหมายแฝงนั้นได้ในทันที และนักฆ่าหนุ่มก็เข้าใจเช่นกัน แต่ไม่มีใครคัดค้านข้อตกลงนี้
โดยเฉพาะตัวอวี้เซิ่งเอง
การที่เขาสามารถติดตามเจียงเหยากลับไปที่หุบเขาหมอเทวดาได้นั้นมันเกินความคาดหมายของเขาไปมาก
แน่นอนว่าเขารู้สึกพึงพอใจกับมันมากเช่นกัน
“ท่านแน่ใจหรือว่าอยากให้ข้าเรียกท่านว่าอาจารย์พ่อ?” มู่ไป๋ไป่นอนเอนกายอาบแดดอย่างเกียจคร้านที่ด้านข้างอีกฝ่าย “ถ้าท่านไม่กลัวถูกตัดหัว ข้าก็ไม่ขัดข้องอะไร”
คำพูดนั้นทำให้อวี้เซิ่งนึกถึงใบหน้าถมึงทึงของมู่เทียนฉง แล้วขนอ่อนทั่วร่างกายก็พากันลุกชัน “ลืมมันไปเสียเถอะ พระองค์เรียกข้าด้วยชื่อแบบนี้ต่อไปดีแล้ว”
คนตัวเล็กกลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่ไหว ก่อนจะกล่าวว่า “อย่างไรก็ตาม อวี้ฉีอยู่ที่ไหนหรือ? เขาอยากไปที่หุบเขาหมอเทวดากับท่านหรือไม่?”
แม้ว่าอวี้ฉีจะกลับมาเมืองหลวงพร้อมกับอวี้เซิ่ง แต่เขาก็ไม่ได้เข้ามาในวังหลวง
มู่ไป๋ไป่พบกับอีกฝ่ายครั้งหนึ่งตอนที่เธอออกจากวังหลวงไปพบเสิ่นจวินเฉาที่หอไป่เฉ่า
ทว่าตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เธอก็ไม่เคยเห็นเขาอีกเลย
“เขาไม่ไป” อวี้เซิ่งถอนหายใจหนัก ๆ “เขาบอกว่าเขาอยากกลับไปที่เมืองชิงหยางกับจินซือหยาง”
เนื่องจากปัญหาที่ชายแดน จินซือหยางจึงเดินทางกลับมายังเมืองหลวงพร้อมกับพวกเขา
จากนั้นเด็กหนุ่มก็ได้รับรางวัลจากมู่เทียนฉงเป็นการตอบแทนผลงานอันทรงเกียรติในการสังหารศัตรู
“ตระกูลจินจะต้องกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง… เขาจะเป็นกำลังสำคัญให้ได้จริง ๆ” มู่ไป๋ไป่พยักหน้าเห็นด้วย และดูเหมือนว่าจะคิดอะไรบางอย่างออกจึงถามว่า “แล้วท่านไม่เตรียมพิธีสมรสของตัวเองหรืออย่างไร ทำไมท่านถึงมานั่งทำตัวว่างงานอยู่ที่นี่?”
“ระวังเอาไว้เถอะ อาจารย์ของข้าจะไม่อยากแต่งกับท่าน”
“จุ๊ ๆ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาที่พระองค์จะเรียกนางว่าอาจารย์” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนพร้อมกับกล่าวว่า “พิธีฝากตัวเป็นศิษย์ยังไม่ได้ถูกจัดขึ้นด้วยซ้ำ”
แต่มู่ไป๋ไป่กลับไม่สนใจอีกฝ่าย เธอโต้กลับไปว่า “ถ้าท่านยังมัวแต่พูดจาไร้สาระอยู่ที่นี่ ข้าจะบอกท่านอาจารย์ว่าท่านซ่อนสุราไว้ที่ไหนบ้าง”
“องค์หญิงหก! ถึงอย่างไรพวกเราทุกคนต่างก็ผ่านความเป็นความตายมาด้วยกัน การที่พระองค์ทำเช่นนี้มันคงจะไม่เหมาะสมนัก” อวี้เซิ่งกล่าวด้วยสีหน้าบึ้งตึง
นับตั้งแต่ที่เขาหมั้นหมายกับเจียงเหยา นางก็ได้ยื่นคำขาดไม่ให้เขาดื่มสุราอีก
ทุกคนควรจะรู้ดีว่าคนที่เมามายมาตลอด การจะสั่งห้ามไม่ให้เขาแตะต้องสุรานั้นไม่ต่างจากการฆ่าเขาทั้งเป็นเลยสักนิด
ดังนั้นเขาจึงเริ่มซุกซ่อนไหสุราเอาไว้ในทุกที่ที่จะซ่อนได้
และมู่ไป๋ไป่ได้รู้เรื่องนี้เพราะเจ้าส้มเป็นคนนำมาบอก
“ฮึ ข้าไม่สนหรอก” เด็กหญิงแค่นเสียงในลำคอ “ใครใช้ให้ท่านมาหาเรื่องข้าก่อน…”
“ก็ได้ ๆ ข้าจะรีบไปเดี๋ยวนี้” อวี้เซิ่งเริ่มรู้สึกกลัวเจ้าตัวเล็ก “องค์หญิงหก พระองค์อย่าบอกเรื่องนี้กับอาจารย์ของพระองค์เด็ดขาด!”
ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็หายตัวไปจากตำหนักอิ๋งชุน
มู่ไป๋ไป่อดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้นและหลับตาอาบแสงแดดต่อไป
…
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พิธีฝากตัวเป็นศิษย์ได้ใกล้เข้ามาแล้ว
มู่จวินฝานที่ออกไปทำธุระก็กลับมาเช่นกัน
ในตอนแรกที่เขารู้ว่ามู่ไป๋ไป่กำลังจะไปร่ำเรียนที่หุบเขาหมอเทวดา เขาก็มีปฏิกิริยาเช่นเดียวกับมู่เทียนฉง เขาคิดว่านางโกรธกับเรื่องที่เกิดขึ้น
จากนั้นเขาก็ได้ยินสิ่งที่น้องสาวพูดตอนอยู่ที่อุทยาน นั่นทำให้เขารู้สึกประทับใจมาก
ดังนั้นหลังจากที่เขากลับมายังตำหนัก เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมากนักเกี่ยวกับการจะเดินทางออกไปเรียนของมู่ไป๋ไป่ แล้วเขาก็ได้มอบเข็มทองให้นาง 1 ชุดในวันที่นางฝากตัวเป็นศิษย์เรียบร้อยแล้ว
“นี่เป็นชุดฝังเข็ม พี่สั่งทำขึ้นมาเพื่อเจ้าโดยเฉพาะ” มู่จวินฝานลูบหัวเล็ก ๆ ของเด็กน้อยด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย เดิมทีเขาคิดว่าน้องสาวของเขาจะได้เติบโตอย่างไร้กังวลในวังหลวงจนกว่านางจะแต่งงาน
แต่เขาไม่คาดคิดว่าการพรากจากจะเกิดขึ้นอย่างกะทันหันเช่นนี้
“เข็มนี้ทำจากทองคำหรือเพคะ?” มู่ไป๋ไป่มองชุดฝังเข็มที่ถูกทำขึ้นมาอย่างประณีตด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
เด็กหนุ่มรู้สึกขบขันกับท่าทางของนางจึงอดไม่ได้ที่จะหยิกแก้มที่ดูเหมือนจะมีมากขึ้นกว่าแต่ก่อนของอีกคนเบา ๆ “ใช่ มันทำมาจากทองคำ แต่นี่เป็นของขวัญจากพี่ ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่มีเงินกินแล้ว เจ้าก็ไม่สามารถนำมันไปขายได้อย่างแน่นอน!”
“ไม่เช่นนั้นพี่จะรู้ได้ทันที เพราะในใต้หล้านี้มีเพียงคนเดียวที่ครอบครองมัน”
“ท่านพี่รัชทายาทไม่ต้องกังวล” มู่ไป๋ไป่รีบเก็บชุดเข็มทองนั้นไปกอดไว้ “ข้าไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย ข้าจะใช้ชุดฝังเข็มนี้ให้ดีและใช้มันรักษาโรคเพื่อช่วยชีวิตผู้คน!”
เธอจะทำตามสัญญา
หลังจากนี้เธอจะเดินทางไปรอบโลกพร้อมกับชุดฝังเข็มชุดนี้
พิธีการฝากตัวเป็นศิษย์นั้นเรียบง่ายมากตามคำขอของเจียงเหยา แต่มันก็มีมนต์ขลังเช่นกัน
เมื่อฝากตัวเป็นศิษย์เป็นที่เรียบร้อย มู่ไป๋ไป่ก็นับว่าเป็นคนของหุบเขาหมอเทวดา หลังจากผ่านวันขึ้นปีใหม่ เธอจะติดตามหญิงสาวกลับไปที่หุบเขาหมอเทวดาเพื่อร่ำเรียนวิชา
นี่เป็นวันขึ้นปีใหม่ครั้งแรกของมู่ไป๋ไป่ในวังหลวง แต่เธอค่อนข้างรู้สึกซาบซึ้งกับมันมาก
ยิ่งใกล้วันที่เด็กหญิงต้องออกเดินทาง ซูหว่านก็แอบปาดน้ำตาบ่อยมากขึ้น
มู่ไป๋ไป่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องใช้เวลากับซูหว่านผู้เป็นมารดาและมู่เทียนฉงผู้เป็นบิดาให้มากขึ้น
และในช่วงเวลานั้นเธอก็ยุ่งมาก
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: ถือว่าเป็นการปิดจบเรื่องในวังหลวงได้ดีก่อนที่น้องจะออกเดินทางไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ ฮือ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 230
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น