บทที่ 249: จากนี้ไปเราจะเป็นสหายร่วมเรียนกัน
ในวันนี้ ทันทีที่มู่ไป๋ไป่ออกมาจากตำหนักฉือซิ่งของไทเฮา เธอก็ถูกใครบางคนที่สวมชุดสีชมพูพุ่งเข้าใส่
“ไป๋ไป่! ท่านอาจารย์สัญญาว่าจะพาข้ากลับไปที่หุบเขาหมอเทวดาด้วย!” เซียวถังถังคว้ามือของอีกคนมาพูดอย่างตื่นเต้น “ต่อจากนี้ไปข้าจะเป็นศิษย์น้องของท่าน!”
นั่นทำให้มู่ไป๋ไป่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และเธอก็ต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะเข้าใจว่าเด็กคนนี้กำลังพูดถึงเรื่องอะไร
เพื่อเป็นการเอาใจเซียวถังถังชั่วคราว เธอได้ยกเจียงเหยามาอ้าง
เดิมทีเธอคิดว่าอาจารย์ของเธอจะเป็นคนที่เข้าถึงยาก และเซียวถังถังก็จะยอมแพ้ไปเองถ้าหากหาตัวนางไม่พบ
แต่ไม่คาดคิดว่าหลังจากที่ไม่ได้พบหน้ากันมาสักพักหนึ่ง เด็กหญิงจะรีบเข้ามาแจ้งข่าวว่าเจียงเหยายอมตกลงที่จะรับนางเป็นศิษย์
“จริงหรือ?” มู่ไป๋ไป่แทบไม่อยากเชื่อเลย เธอยกมือขึ้นแตะหน้าผากตัวเองเพื่อให้แน่ใจว่าตนไม่ได้ป่วย จากนั้นเธอก็หยิกแก้มกลม ๆ ของตัวเองเพื่อยืนยันว่าเธอไม่ได้ฝันไป ก่อนที่เธอจะถามว่า “ท่านอาจารย์รับปากเจ้าจริง ๆ หรือว่าจะพาเจ้ากลับไปที่หุบเขาหมอเทวดาด้วยกัน?”
“แน่นอน!” เซียวถังถังยืดอกตอบอย่างภาคภูมิใจ “ข้าจะโกหกท่านได้อย่างไร! เป็นเพราะว่าข้าน่าเอ็นดู ท่านอาจารย์จึงจะพาข้ากลับหุบเขาหมอเทวดาด้วย”
เจียงเหยาขึ้นชื่อเรื่องแพ้ของน่ารัก แม้ว่าเซียวถังถังจะน่ารักมาก แต่นางกลับรู้สึกไม่ถูกชะตากับอีกฝ่าย
มู่ไป๋ไป่จึงเชื่อว่าเพราะเซียวถังถังแซ่เซียว แค่นี้ก็เพียงพอแล้วที่จะเป็นเหตุผลให้หญิงสาวปฏิเสธ
ทว่าตอนนี้จู่ ๆ เจียงเหยากลับตอบตกลง ซึ่งมันดูผิดปกติมากจนเกินไป
เธอพยายามครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้พร้อมกับดึงเซียวถังถังกลับไปที่ตำหนักอิ๋งชุน จากนั้นเธอก็ขอให้นางเล่าให้ฟังอย่างละเอียดว่านางทำอย่างไรท่านอาจารย์ถึงยอมตกลง
เนื่องจากมู่ไป๋ไป่กำลังจะออกจากวังหลวง ที่ลานด้านในของตำหนักอิ๋งชุนจึงวุ่นวายมาก เพราะขณะนี้เหล่านางกำนัลกำลังช่วยกันเก็บสัมภาระของเด็กหญิงตามคำสั่งของซูหว่าน
ปัจจุบันองค์หญิงหกกำลังจะเดินทางไปร่ำเรียนนอกวังหลวง นางไม่รู้ว่าลูกสาวจะจากไปนานเพียงใด
แน่นอนว่าทางวังหลวงจำเป็นจะต้องเตรียมของไปให้พร้อมมากที่สุด
“โอ้โห… ไป๋ไป่ ท่านคิดจะเอาของมากมายขนาดนี้ติดตัวไปด้วยหรือ?” เซียวถังถังรู้สึกประหลาดใจในขณะที่มองดูนางกำนัลและขันทีถือถาดเดินเข้าออกตำหนักแทบไม่ขาดสาย “ข้ายังไม่มีเวลาไปแจ้งให้ท่านพี่ช่วยเก็บสัมภาระให้ข้าด้วยซ้ำ”
“เจ้ารีบเล่ามาให้ละเอียดเร็วเข้าว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น อย่าเพิ่งไปสนใจเรื่องสัมภาระเลย” มู่ไป๋ไป่กล่าวพลางยื่นพวงองุ่นที่เธอชอบให้กับอีกฝ่าย
องุ่นพวกนี้ถูกจัดส่งอย่างเร่งด่วนมาจากชายแดน ถึงกระนั้นมันก็มีจำนวนไม่มากนัก และมู่เทียนฉงก็ได้มอบมันครึ่งหนึ่งให้กับตำหนักอิ๋งชุน
แต่เด็กหญิงไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก เพราะตอนที่เธออยู่ในยุคปัจจุบัน เธอได้กินมันมามากพอแล้ว
“ก็ไม่มีอะไรมาก…” เซียวถังถังหัวเราะเบา ๆ ขณะที่เด็ดองุ่นเข้าปาก “ข้าก็ทำตามที่ท่านพูดและขอให้อาจารย์รับข้าเป็นศิษย์”
“ในตอนแรกอาจารย์ก็ไม่ยอมรับข้า…”
ก็แน่สิ
มู่ไป๋ไป่แอบคิดในใจ
“ต่อมา ข้าบอกนางว่าพี่ชายของข้าจะมอบเงินให้ข้าทุกปีซึ่งข้าสามารถมอบให้นางได้” เด็กน้อยยืดอกอย่างภาคภูมิใจ “จากนั้นอาจารย์ก็ตอบตกลงด้วยท่าทางมีความสุขมาก”
“...” มู่ไป๋ไป่ที่ได้รู้ความจริงถึงกับพูดไม่ออก
นี่มันไม่ต่างจากการที่เซียวถังถังกำลังใช้เงินซื้อเกียรติบัตรนี้ไม่ใช่หรือ?
เธอไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าอาจารย์ของเธอจะมีด้านนี้กับเขาเช่นกัน
แต่พอมาคิดดูดี ๆ อีกครั้ง ตามนิสัยปกติของเจียงเหยา เงินของเซียวถังอี้เป็นสิ่งเดียวที่นางชอบ
“ฮี่ ๆๆ ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลไหน ข้าก็สามารถเดินทางไปที่หุบเขาหมอเทวดากับท่านได้แล้ว” เซียวถังถังจับมือคนตรงหน้าด้วยความตื่นเต้นพลางถามว่า “ท่านดีใจหรือไม่?”
“ดีใจ…” เมื่อมู่ไป๋ไป่เห็นใบหน้ายิ้มแย้มสดใสของเด็กหญิง เธอก็ไม่สามารถเอ่ยออกไปว่าไม่ดีใจได้
“ข้าเองก็ดีใจเหมือนกัน!” เซียวถังถังกินองุ่นหมดภายในไม่กี่อึดใจแล้วก็กระโดดลงจากม้านั่งหินพร้อมกับพูดว่า “ข้าจะต้องรีบกลับไปบอกให้ท่านพี่เตรียมสัมภาระให้พร้อม ไม่อย่างนั้นข้าคงจะเตรียมตัวไม่ทันเพราะอีก 3 วันเราจะเดินทางแล้ว”
นางพูดจบแล้วก็วิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ในชั่วพริบตา นางก็หายไปจากสายตาของมู่ไป๋ไป่
“เหตุใดท่านหญิงถึงกลับไปเร็วนักล่ะ?” ซูหว่านเดินเข้ามาพร้อมกับของว่างและบังเอิญเห็นเด็กตัวเล็กที่วิ่งออกไป นางจึงถามขึ้นมา “อีก 3 วันเจ้าจะออกเดินทางแล้ว แม่คิดว่านางจะมาใช้เวลากับเจ้าอยู่ที่นี่ทุกวันเสียอีก”
นับตั้งแต่เรื่องที่เกิดในวันเกิดของมู่ไป๋ไป่ หว่านกุ้ยเฟยก็ไม่ได้ทำเหมือนกับว่าลูกสาวเป็นเด็กอีกต่อไป
ในบางครั้งที่มีเรื่องบางอย่างกวนใจนาง นางก็จะเอ่ยปากบอกเด็กหญิง และถามอีกฝ่ายในเชิงปรึกษา
นั่นยิ่งทำให้ 2 แม่ลูกสนิทกันมากขึ้นกว่าเดิม
“นางคงไม่มารบกวนที่นี่อีก…” มู่ไป๋ไป่ยืนขึ้นและเอื้อมมือไปหยิบขนมในมือของซูหว่าน “เพราะนางจะไปหุบเขาหมอเทวดาเช่นกัน”
“หืม? ท่านหญิงก็จะไปเรียนที่หุบเขาหมอเทวดาหรือ?” ซูหว่านรู้สึกประหลาดใจ “นี่… ท่านอ๋องรู้เรื่องนี้หรือไม่?”
ก่อนหน้านี้หญิงสาวกังวลว่าถ้ามู่ไป๋ไป่ทำตัวสนิทสนมกับเซียวถังอี้จนเกินไป มันจะทำให้ลูกสาวตกอยู่ในอันตราย แต่ต่อมาเขาก็ได้ช่วยพวกนาง 2 แม่ลูกอยู่หลายครั้ง
นางจึงรู้ว่าท่านอ๋องเป็นคนดี
ยิ่งไปกว่านั้นเขายังเป็นคนที่มีอำนาจในท้องพระโรงรองจากมู่เทียนฉง
การที่เซียวถังอี้กับมู่ไป๋ไป่สนิทกันมันก็เป็นผลดีกับนางเช่นกัน
ดังนั้นนางจึงไม่เคยตั้งคำถามเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 คน
“ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเขาจะรู้แล้วหรือยัง” มู่ไป๋ไป่ยักไหล่เบา ๆ พลางนึกภาพสั้น ๆ ว่าเจ้าสัตว์ประหลาดจะขมวดคิ้วแน่นแค่ไหนหลังจากที่ต้องปวดหัวกับน้องสาว แล้วเธอก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเสียงดัง “ฮ่า ๆๆ! ท่านแม่ ข้าขอพูดตามตรงเลยนะ เซียวถังอี้กับเซียวถังถังถึงแม้ว่าจะเป็นพี่น้องกัน แต่ทำไมพวกเขาถึงได้มีนิสัยแตกต่างกันมากขนาดนี้”
“มันต่างกันราวฟ้ากับเหวเลย”
“ไป๋ไป่…” ซูหว่านจ้องลูกสาวแบบดุ ๆ “ท่านอ๋องเป็นเสด็จอาของเจ้า เจ้าอย่าได้หยาบคายเช่นนี้สิ”
คนตัวเล็กหน้าเบา ๆ “เพคะ”
“มังกรมีลูกอยู่ทั้งหมด 9 ตัว ซึ่งลูก 9 ตัวมีฤทธิ์และความชอบต่างกันออกไป” หว่านกุ้ยเฟยคุกเข่าลงให้อยู่ในระดับเดียวกับมู่ไป๋ไป่และลูบหัวอีกคนด้วยความรักใคร่ “คนเราถึงแม้ว่าจะเป็นพี่น้องที่คลานตามกันมา แต่ก็มีจุดอ่อนจุดแข็งและนิสัยใจคอที่แตกต่างกัน”
เด็กหญิงคิดอยู่สักพักหนึ่งแล้วรู้สึกว่าสิ่งที่ผู้เป็นแม่อธิบายนั้นมีเหตุผล เธอจึงเลิกคิดเรื่องนี้ต่อ
…
สิ่งที่มู่ไป๋ไป่เดาถูกต้องก็คือ หลังจากที่เซียวถังถังกลับไปบอกเซียวถังอี้ว่านางกำลังจะไปเรียนที่หุบเขาหมอเทวดา เขาก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที
เซียวถังถังดูเหมือนจะมีนิสัยแตกต่างจากเซียวถังอี้ แต่ในความเป็นจริงแล้วทั้ง 2 มีความดื้อรั้นที่เหมือนกัน
ครั้งนี้นางได้ตัดสินใจแน่วแน่ที่จะไปยังหุบเขาหมอเทวดาให้ได้ ไม่ว่าเด็กหนุ่มจะพูดอย่างไร นางก็ยังยืนหยัดในความคิดของตัวเอง
สุดท้ายแล้วคนเป็นพี่ชายที่ไม่สามารถทำอะไรได้ก็เดินหนีไปด้วยความโกรธ
เซียวถังถังจึงคิดว่าเขายอมรับแล้วจึงสั่งให้องครักษ์เตรียมสัมภาระให้นางอย่างมีความสุข
“พวกท่านไม่จำเป็นจะต้องเตรียมเสื้อผ้าไปเยอะนักหรอก ถึงอย่างไรข้าก็อยู่ในวัยกำลังโต ไม่ถึง 1 ปีข้าคงไม่สามารถสวมเสื้อผ้าพวกนี้ได้แล้ว”
“พอถึงเวลานั้นท่านพี่ก็คงซื้อชุดใหม่ให้ข้าแล้วด้วย”
“แต่ข้าต้องเอาของเล่นทั้งหมดรวมถึงตุ๊กตาไป ข้าจะได้เล่นกับไป๋ไป่”
“แล้วที่สำคัญที่สุดคือเงินส่วนตัวของข้า!”
ชิงหานได้ออกคำสั่งให้กับกลุ่มองครักษ์ที่ส่วนใหญ่จะได้รับคำสั่งทำงานสังหารคนข้างนอกให้พากันเดินวุ่นทั่วห้อง และเขากังวลถึงน้ำที่เด็กหญิงดื่มนั้นจะเย็นไปหรือไม่ เขาจึงคอยเปลี่ยนน้ำให้ตลอด
“คุณหนู หากนายท่านกลับมา ท่านก็ควรคุยกับนายท่านดี ๆ สักหน่อย” ชิงหานอดไม่ได้ที่จะพูดกับเด็กหญิง
“นายท่านเองก็คงไม่อยากให้ท่านจากไปเช่นกัน”
“ท่านเองก็รู้ใช่หรือไม่ ถึงแม้ว่านายท่านจะพูดจาแข็งกร้าวเวลาอยู่ต่อหน้า แต่ในใจจริง ๆ แล้วนายท่านเป็นคนอ่อนโยนมาก”
เซียวถังถังจิบชาเบา ๆ จากนั้นก็กวาดสายตามองสัมภาระที่ถูกจัดเตรียมไว้ตรงหน้าอย่างละเอียดเพราะกลัวว่าเหล่าองครักษ์จะเตรียมของให้ไม่ครบ ก่อนที่นางจะแค่นเสียงในลำคอ “เฮอะ! ท่านพี่ก็แค่ลำเอียงต่างหาก”
“ข้ารู้จักพี่ชายของข้าดีกว่าท่าน!”
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 249
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น