บทที่ 186 กองกำลังจาก 4 ทิศ
บทที่ 186 กองกำลังจาก 4 ทิศ
“หัวหน้า พวกเราจะเอายังไงกันดีครับ?” จางจื่อโป๋ถาม
ลู่หยางชี้ไปที่หุบเขาปีศาจและพูดว่า
“ทางเข้าหุบเขากว้างพอที่จะให้ผู้เล่นเดินเรียงกันไปได้แค่ 10 คนเท่านั้น พวกเราไปตั้งรับกันที่นั่นก่อน”
นี่คือเส้นทางล่าถอยที่ลู่หยางได้วางแผนเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าถ้าหากมีศัตรูไล่ตามมา เขาจะพาทุกคนหนีไปยังเส้นทางนี้
สองข้างทางของหุบเขาเป็นหน้าผาสูง แล้วในปัจจุบันมันก็มีผู้เล่นที่รู้วิธีใช้เชือกจับม้าอยู่แค่ไม่มากนัก ขอแค่ลู่หยางวางไฟร์วอลล์เอาไว้ที่ทางเข้าของหุบเขา และให้พวกเหมาชิวคอยเฝ้าอยู่บนหน้าผาทั้งสองด้าน สถานที่แห่งนี้ก็จะกลายเป็นป้อมปราการที่ไม่มีใครสามารถบุกทะลวงเข้ามาได้
“หัวหน้า การได้เข้าร่วมทีมกับคุณคือการตัดสินใจที่ผมภูมิใจมากที่สุด” ไป๋เหลิงกล่าวอย่างตื่นเต้น
ทุกคนรีบถอยเข้าไปในหุบเขาลึกตามสั่ง ขณะที่ลู่หยางใช้ไฟร์วอลล์จากทางเข้าลึกเข้าไปอีก 30 เมตร
กำแพงไฟที่เขาร่ายมาสามารถสร้างความเสียหายได้มากกว่า 800 หน่วย ซึ่งไม่ว่าใครที่ต้องการจะเดินเข้ามาพวกเขาก็คงจะเสียชีวิตในเวลาเพียงแค่ไม่นาน
ด้านนอกหุบเขา
ไม่นานบลัดไทแรนท์ก็ได้นำผู้เล่นกว่า 8,000 คนมาหยุดอยู่นอกปากทางเข้าหุบเขา โดยผู้เล่นทั้งหมดต่างก็ยืนเรียงแถวเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสอย่างเป็นระเบียบ และในตอนนี้บลัดไทแรนท์ก็กำลังมองไปยังลู่หยางด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
“ในที่สุดฉันก็ได้เจอแกสักที” บลัดไทแรนท์กล่าว
“ฉันก็รอวันนี้มานานแล้วเหมือนกัน” ลู่หยางกล่าวอย่างเย็นชา
“ตอนนี้ฉันจะให้ทางเลือกกับแก 2 ทางเลือก หนึ่งคือประกาศคำขอโทษไปทั่วทั้งเซิร์ฟเวอร์แล้วยอมจำนนต่อฉันซะ หรือสองฉันจะฆ่าแกซ้ำ ๆ จนกว่าแกจะไม่มีที่ยืนในเกมนี้อีกต่อไป” บลัดไทแรนท์กล่าว
“ฆ่า!” ผู้เล่น 8,000 คนตะโกนพร้อมกันสร้างบรรยากาศให้เต็มไปด้วยความตึงเครียด
“โอ้โห! นั่นมันใครกันนะ อย่าตะโกนเสียงดังแบบนั้นสิ หูคนแก่อย่างฉันมันจะหนวกเอาซะก่อน” จู่ ๆ ฉือมู่ก็ปรากฏตัวทางฝั่งทิศตะวันออกของบลัดเติสตี้พร้อมกับกองกำลังผู้เล่น 5,000 คน
“หัวหน้า ฉือมู่จากกิลด์เพอร์เพิลโกลด์เดสตินี่มาครับ” เย่กู่ซิงที่เพิ่งฟื้นคืนชีพรายงาน
“เฝ้าที่นี่เอาไว้ก่อน” บลัดไทแรนท์ออกคำสั่ง ก่อนที่เขาจะหันไปถามฉือมู่ด้วยสีหน้าอันเย็นชา
“คุณมาที่นี่ทำไม?”
“ฉันก็แค่อยากจะมาช่วยไกล่เกลี่ย อย่างน้อยการมีมิตรมันก็ดีกว่ามีศัตรู ดังนั้นเรื่องนี้ก็ให้มันแล้วกันไปเถอะ” ฉือมู่กล่าวอย่างร่าเริง
“ฉือมู่! แกแก่จนสมองกลับไปแล้วหรือไง?! ลู่หยางมันฆ่าคนของฉันไปเกือบ 1,000 คน ไม่ว่ายังไงวันนี้ฉันก็จะต้องฆ่ามันให้ได้ ถ้าแกมาขวางก็อย่าโทษที่ฉันจะประกาศสงครามเต็มรูปแบบกับเพอร์เพิลโกลด์เดสตินี่” บลัดไทแรนท์ตะโกนด้วยความโกรธ
“ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วแต่พวกเราก็ต้องเจอกันอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ” ฉือมู่ยังคงพูดอย่างร่าเริง
ทันใดนั้นชิงเฟิง, ซิลเวอร์วูฟ, ลั่วซืออวี่และผู้เล่นชั้นยอดอีกหลายสิบคนที่ยืนอยู่ด้านหลังชายชราต่างก็ยกอาวุธภายในมือของพวกเขาขึ้นมาพร้อมกัน
“ฆ่า!” กองกำลังทั้ง 5,000 คนส่งเสียงตะโกนขึ้นมาพร้อมกัน และมันก็สร้างแรงกดดันไม่ได้ด้อยไปกว่าเสียงตะโกนของบลัดเติสตี้เลย
บลัดไทแรนท์หรี่ตาลงก่อนที่เขาจะยกอาวุธภายในมือขึ้นและออกคำสั่งให้ผู้เล่นกว่า 8,000 คนจัดกระบวนทัพสำหรับการต่อสู้ในทันที
ทั้งสองฝ่ายต่างก็พร้อมที่จะเริ่มทำสงครามได้ทุกเมื่อ และถ้าหากว่าบลัดไทแรนท์หรือฉือมู่ คนใดคนหนึ่งออกคำสั่งให้มันมีการโจมตี มันก็จะมีสงครามครั้งใหญ่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ทันใดนั่นเองมันก็มีผู้เล่นอีกกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างฉับพลัน ทำให้บลัดไทแรนท์และฉือมู่ต่างก็ลดแขนลงและมองไปทางกลุ่มผู้เล่นที่เพิ่งปรากฏตัว
ฉงป้าและฉวยอู๋อี้นำทีมผู้เล่นกว่า 5,000 คนเดินเข้ามาอย่างภาคภูมิใจ ก่อนที่พวกเขาจะมาหยุดอยู่ตรงกลาง ฉงป้าจึงส่งเสียงหัวเราะและพูดว่า
“ไม่ทราบว่าท่านหัวหน้ากิลด์ทั้งสองกำลังทำอะไรอยู่งั้นเหรอ?”
“ฉงป้า! แกมาที่นี่ทำไม?” บลัดไทแรนท์กล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ฉันติดหนี้บุญคุณลู่หยางอยู่ คราวนี้ถือซะว่าเห็นแก่หน้าฉันแล้วปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปได้ไหม?” ฉงป้ากล่าวด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยอำนาจ
บลัดไทแรนท์ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างเคร่งเครียด ก่อนที่เขาจะแอบส่งข้อความไปหาลูกน้อง
“รวมกำลังพลทั้งหมดแล้วมาที่หุบเขาปีศาจเดี๋ยวนี้”
“แกคิดว่าฉันกลัวแกมากนักหรือไง แกถึงกล้ามาสั่งฉันแบบนี้” บลัดไทแรนท์ร้องตะโกนด้วยความโกรธ
ฉงป้านำทีมไปยืนอยู่ฝั่งเดียวกันกับฉือมู่ ก่อนที่เขาจะมองไปยังบลัดไทแรนท์อย่างดูถูก
“แล้วถ้าแบบนี้ล่ะ แกคิดว่ายังไง?”
หากรวมกำลังพลของฉงป้ากับฉือมู่ มันก็จะทำให้กองกำลังนี้มีปริมาณผู้เล่นมากกว่า 10,000 คน มันจึงทำให้บลัดไทแรนท์เริ่มรู้สึกลังเลในทันที
ฉือมู่ส่งสายตาให้ฉงป้า ก่อนที่เขาจะหันไปพูดกับบลัดไทแรนท์ว่า
“น้องชาย พวกเราแยกย้ายกันดีกว่าไหม? การพาคนออกมาเยอะขนาดนี้มีแต่เสียเวลาเสียเงินทองกันเปล่า ๆ”
หากรวมกำลังของทั้งกิลด์โอเวอร์ลอร์ดและเพอร์เพิลโกลด์เดสตินี่ มันก็จะมีกำลังพลรวมกันอยู่มากกว่า 150,000 คน ขณะที่บลัดเติสตี้มีกำลังพลเพียงแค่ 80,000 คนเท่านั้น หากต้องเป็นศัตรูกับกิลด์ทั้งสองพร้อมกัน บลัดเติสตี้ก็จะตกอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่เสียเปรียบอย่างหนัก
ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายกำลังจดจ้องกันอยู่นั้น กองกำลังที่ 4 ก็ปรากฏตัวขึ้นในระยะไกล และผู้ที่นำกองกำลังใหม่เข้ามาก็ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกเสียจากแบล็คบลัดนั่นเอง
“บลัดไทแรนท์ ฉันจะช่วยคุณเอง” แบล็คบลัดนำทีม 5,000 คนเข้าร่วมกับทางฝั่งบลัดเติสตี้
ด้วยการปรากฏตัวของผู้มาใหม่นี้ มันจึงทำให้กองกำลังของทั้งสองฝ่ายเปลี่ยนเป็น 13,000 ต่อ 10,000 คน
“ฉันไม่ได้มาสายไปใช่ไหม?” แบล็คบลัดเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น ขณะจ้องมองไปทางฉงป้าและฉือมู่
ช่วงนี้กิลด์ของเขาถูกกิลด์ของทั้งสองฝ่ายกดดันอย่างหนักจนจำเป็นจะต้องล่าถอยออกไปอยู่ทางใต้ของเมืองเซนต์กอลล์และไม่มีเวลาว่างมาหาเรื่องลู่หยางเลย
“ไม่สายหรอก นายมาทันเวลาพอดี” บลัดไทแรนท์กล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ
“ฉงป้า! ฉือมู่! ฉันจะขอพูดย้ำอีกครั้งว่าถ้าหากพวกแกไม่ถอยไป กิลด์ของพวกเราทั้งสี่จะเริ่มทำสงครามกันอย่างเป็นทางการ” บลัดไทแรนท์ร้องคำรามพร้อมกับยกมือขึ้นมาอีกครั้ง
แบล็คบลัดก็ยกแขนขึ้นเช่นกัน
เมื่อได้รับสัญญาณสมาชิกของบลัดเติสตี้และเอเวอร์ลาสติงต่างก็หยิบอาวุธขึ้นมาเพื่อเตรียมพร้อมทำการโจมตี
ฉงป้ากับฉือมู่หันมามองสบตากัน ซึ่งความเป็นจริงการปรากฏตัวของพวกเขาก็เป็นการนัดแนะกันมาก่อนแล้ว
หลังจากที่พวกเขาทำลายกลุ่มผู้เล่นอิสระและขับไล่เอเวอร์ลาสติงออกไป พื้นที่การเก็บเลเวลของพวกเขาก็เริ่มทับซ้อนกับบลัดเติสตี้ ทั้งสองจึงตั้งใจเดินทางมาในครั้งนี้เพื่อจัดการกับบลัดไทแรนท์ซะ แต่กำลังเสริมของแบล็คบลัดกลับทำให้พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ
ในสนามรบขนาดใหญ่ที่มีผู้เล่นเข้าร่วมเป็นจำนวนมากแบบนี้ ความสามารถส่วนบุคคลแทบจะไม่มีผลต่อสถานการณ์โดยรวมเลย แม้แต่ลู่หยางที่แปลงร่างเป็นอสูรเพลิงและมีพลังชีวิตมากกว่า 2,000 หน่วยก็ยังคงจะต้องพ่ายแพ้อย่างแน่นอน เพราะถึงแม้พลังป้องกันในร่างอสูรเพลิงของเขาจะสูงมาก แต่ระบบเกมก็จะคำนวณค่าความเสียหายขั้นต่ำต่อการโจมตี 1 ครั้งอยู่ที่ 1 หน่วยอยู่ดี
ขณะเดียวกันภายในกองกำลังของศัตรูกว่า 13,000 คนก็มีนักธนูอยู่มากกว่า 2,000 คน หากนักธนูพวกนั้นจู่โจมเข้าใส่ลู่หยางได้คนละครั้งแค่นั้นนักเวทหนุ่มก็จะเสียชีวิตลงไปแล้ว และมันก็ไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงว่าในกองทัพยังมีนักรบ, นักเวทและอาชีพอื่น ๆ ที่สามารถสร้างความเสียหายให้กับลู่หยางได้มากกว่า 1 หน่วยรวมอยู่ด้วย
พูดง่าย ๆ ก็คือหากฝ่ายไหนมีจำนวนมากกว่าพวกเขาก็จะกลายเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบ ส่วนฝ่ายไหนที่มีคนจำนวนน้อยกว่าพวกเขาก็จะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบนั่นเอง
ในหุบเขา
ลู่หยางมองดูกองกำลังที่มารวมตัวกันจาก 4 ทิศด้วยความประหลาดใจ เพราะเขาไม่เคยคิดเลยว่าฉงป้ากับฉือมู่จะนำกองกำลังมาช่วยเขาแบบนี้
“หัวหน้า พวกเราจะเอายังไงกันต่อดีครับ?” ไป๋เหลิงถาม
“อย่าพึ่งทำอะไร ฉันจะส่งข้อความไปถามสถานการณ์จากฉือมู่กับฉงป้าก่อน” ลู่หยางกล่าวก่อนที่เขาจะสร้างห้องสนทนากลุ่มและเชิญหัวหน้ากิลด์ทั้งสองเข้ามา
“พี่ชาย ทำไมพวกคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” ลู่หยางถาม
“เป็นไง ตกใจเลยใช่ไหมล่ะ?” ฉือมู่พูดติดตลก
“น้องชาย คราวนี้นายติดหนี้บุญคุณพวกเราแล้วนะ พวกเราอุตส่าห์ยอมเป็นศัตรูกับบลัดไทแรนท์เพื่อนายเลย” ฉงป้ากล่าว
“นี่พวกคุณเป็นพันธมิตรกันแล้วเหรอ?” ลู่หยางถามอย่างประหลาดใจ
เวลาเจอหน้ากันยังจิกกัดกันอยู่เลย แต่เวลาได้ผลประโยชน์ก็จับมือกันเป็นเรื่องธรรมดา ดั่งสัจธรรมที่ว่าไม่มีมิตรแท้หรือศัตรูถาวร อิอิ


แสดงความคิดเห็น