บทที่ 184 อสูรเพลิง
บทที่ 184 อสูรเพลิง
หลังเปลวเพลิงดับลง กลุ่มผู้เล่นทั้ง 200 คนของบลัดเติสตี้ก็เสียชีวิตลงไปเป็นจำนวนมากทำให้มีผู้เหลือรอดชีวิตอยู่เพียงแค่ 6 คนเท่านั้น
“เราชนะแล้ว!” จางจื่อโป๋ตะโกนด้วยความตื่นเต้น
“อาจารย์ คุณโคตรเก่งเลย!!” ทุกคนโห่ร้องขึ้นมาด้วยความยินดี
เซี่ยหยู่เว่ยถอนหายใจออกด้วยความโล่งอก และเนื่องมาจากเหตุการณ์ในวันนี้ส่งผลกระทบต่อจิตใจของเธอมากจนเกินไป มันจึงยังทำให้เธอยังไม่สามารถรวบรวมสติกลับมาได้เลย
“ลู่หยาง คุณพูดถูกเจิ้งหยวนได้ทรยศต่อพวกเราแล้วจริง ๆ” เซี่ยหยู่เว่ยกล่าวอย่างหดหู่
“ทำไมเจิ้งหยวนถึงโง่ขนาดนี้ เมื่อกี้พวกบลัดเติสตี้คิดจะฆ่าพวกเราไปพร้อมกันด้วยซ้ำ” จางจื่อโป๋พูดด้วยความโกรธ
“คุณรู้ได้ยังไงว่าเจิ้งหยวนจะทรยศพวกเรา?” เซี่ยหยู่เว่ยถาม
“นิสัยแก้ได้แต่สันดานแก้ยาก เจิ้งหยวนเป็นคนเห็นแก่ตัว คิดถึงแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง สิ่งที่เขาสนใจมีแค่คุณกับหลานอวี่ การที่พวกคุณทำดีกับฉันขนาดนี้แล้วเขามายอมขอโทษฉันแต่โดยดี ไม่ว่าจะมองยังไงเรื่องนี้มันก็มีกลิ่นตั้งแต่แรกแล้ว” ลู่หยางตอบ
“พวกเราไม่ได้ทำดีกับคุณขนาดนั้นสักหน่อย” หลานอวี่กล่าวพร้อมกับใบหน้าที่เปลี่ยนไปเป็นสีแดง ขณะที่เซี่ยหยู่เว่ยก็กำลังแสดงสีหน้าอันเขินอายอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นออกมาด้วยเช่นกัน
“พวกเรารีบไปกันเถอะ ไม่งั้นพวกบลัดเติสตี้อาจจะวกกลับมาฆ่าพวกเราก็ได้” จางจื่อโป๋กล่าว
“คิดจะหนีไปไหน?” เย่กู่ซิงในชุดเขี้ยวโลหิตปรากฏตัวพร้อมกับรอยยิ้มอันเย็นชา
“เย่กู่ซิง? ทำไมแกถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ถึงแกมาที่นี่คนเดียวแกก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี” จางจื่อโป๋พูดขึ้นมาด้วยความตกใจ
เย่กู่ซิงพ่นลมออกมาอย่างเย็นชา ก่อนที่เขาจะโบกมือส่งสัญญาณทำให้คนจำนวนนับไม่ถ้วนที่สวมชุดเกราะเขี้ยวโลหิตประมาณ 500 คนปรากฏล้อมรอบลู่หยางในระยะ 60 เมตร
ชุดเกราะเขี้ยวโลหิตมีสีแดงเลือดและเพียงแค่การมองจากระยะไกล มันก็ทำให้ผู้ที่สวมใส่ชุดเกราะเหล่านี้มีท่าทีที่น่าหวาดกลัว
“เราเจอกันอีกแล้วนะลู่หยาง แกคงคาดไม่ถึงใช่ไหมว่าดีม่อนบลัดกับฉู่หานเป็นแค่เหยื่อล่อ แต่ความจริงมันเป็นฉันต่างหากที่เป็นกำลังหลักในการฆ่าแก” เย่กู่ซิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ฆ่า!” โจรทั้ง 500 คนส่งเสียงตะโกนขึ้นมาพร้อมกันก่อให้เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งบริเวณ
“ชิบหายแล้ว! ถ้าดีม่อนบลัดกับฉู่หานเป็นแค่เหยื่อล่อ มันก็แสดงว่าคนพวกนี้ต่างหากที่เป็นบลัดการ์เดี้ยนจริง ๆ”
เซี่ยหยู่เว่ยมองดูกลุ่มโจรที่ล้อมรอบทุกทางอย่างหนาแน่น ก่อนที่เธอจะกัดฟันพูดขึ้นมาว่า
“อาจารย์ สกิลเมเทโอฟอลล์ของคุณมีเวลาคูลดาวน์นานแค่ไหน?”
“6 ชั่วโมง” ลู่หยางตอบ
คำตอบที่ได้รับยิ่งทำให้ทุกคนหดหู่มากขึ้นกว่าเดิม
“เดี๋ยวพวกเราจะบุกทะลวงไปด้านหลัง เท่าที่ดูพวกมันน่าจะกระจายกำลังกันอย่างสม่ำเสมอ หากพวกเราบุกทะลวงออกไปอย่างกะทันหันน่าจะพาอาจารย์ออกไปจากวงล้อมได้” เซี่ยหยู่เว่ยกล่าว
“ฉันเห็นด้วย” หลานอวี่กล่าว
“พวกเราก็ไม่มีปัญหา” จางจื่อโป๋กล่าว
“ทำไมพวกเราต้องหนีด้วย ไม่ต้องกังวลหรอกโจร 500 คนพวกนี้ไม่ได้อยู่ในสายตาของฉันด้วยซ้ำ” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“อะไรนะ!?” ทุกคนอุทานอย่างตกตะลึง
ลู่หยางมองไปทางเย่กู่ซิงที่อยู่ไกลออกไป ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นมาด้วยความภาคภูมิใจว่า
“แกรู้ไหมว่าฉันรอแกมานานแล้ว ความจริงฉันก็ไม่คิดเลยว่าแกจะเป็นเพียงแค่เต่าหัวหดที่ต้องรอจนกว่าพรรคพวกของตัวเองจะตายก่อนถึงจะกล้าปรากฏตัวออกมา”
“อะไรนะ? จะตายอยู่แล้วยังจะกล้าปากดีอยู่อีกงั้นเหรอ ทุกคนบุกไปหุบปากมันซะ!!” เย่กู่ซิงตะโกนสั่งด้วยความโกรธ
โจรทั้ง 500 คนพุ่งเข้าไปหาลู่หยางพร้อม ๆ กัน
“อาจารย์ รีบหนีไปเร็วเข้า!!” เซี่ยหยู่เว่ยตะโกน
“แปลงร่าง!” ลู่หยางตะโกนเสียงดัง ก่อนที่ร่างกายของเขาจะถูกห่อหุ้มด้วยเปลวเพลิง ทันใดนั้นเปลวเพลิงก็เริ่มขยายตัวออกไปอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นอสูรตัวใหญ่ที่มีความสูงมากกว่า 5 เมตร
โฮก!
“ลู่หยาง!?” เซี่ยหยู่เว่ยมองดูลู่หยางที่กลายเป็นอสูรเพลิงด้วยความตกตะลึง ขณะที่ใบหน้าน้อย ๆ ของหลานอวี่ก็กำลังเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
พวกเย่กู่ซิงที่กำลังบุกไปตรงหน้าก็กำลังตกใจจนหน้าซีดไปด้วยเช่นกัน
เมเทโออิมแพค!
อสูรเพลิงยกมือขวาเรียกอุกกาบาตสีแดงเพลิง 3 ลูกขึ้นมาบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว และทันใดนั้นฝูงอุกกาบาตก็จู่โจมไปยังโจรสามกลุ่มแรกที่เคลื่อนที่เข้ามาในระยะ 20 เมตร
โดยปกติอุกกาบาตเหล่านี้จะมีระยะการโจมตีอยู่ที่ 10 เมตร แต่ภายใต้ผลจากสกิลแปลงร่างทำให้พวกมันมีคุณสมบัติดีขึ้นจากเดิมอีก 30% แล้วมันก็ทำให้ระยะการโจมตีของอุกกาบาตเพิ่มขึ้นเป็น 13 เมตรด้วย
ตูม ๆ ๆ
-674, -698, -702,...
อุกกาบาตที่ตกลงมาทำให้โจรที่ถูกจู่โจมเสียพลังชีวิตไปเกือบครึ่ง และในตอนที่พวกเขาคิดว่าการโจมตีจะจบลงแล้ว จู่ ๆ ลูกอุกกาบาตกลับไม่แตกออกแต่ยังคงกลิ้งไปด้านหน้าอย่างต่อเนื่อง
-684, -691, -677,...
ลูกอุกกาบาตบดขยี้โจรทั้งสามทีมจนได้รับความเสียหายกันไม่น้อยกว่าคนละสามครั้งและทำให้พวกเขาเสียชีวิตลงไปทั้งหมด
—
ขณะเดียวกันบลัดไทแรนท์ก็กำลังนั่งดูการต่อสู้อยู่ภายในสำนักงานใหญ่ผ่านมุมมองการถ่ายทอดสดของเย่กู่ซิง
“เป็นไปได้ยังไง!?”
“หัวหน้า ทุกคนไม่น่าจะรอดนะครับ” ลูกน้องที่อยู่ใกล้ ๆ กล่าว
“ฉันไม่เชื่อว่าสกิลของมันจะไม่มีข้อจำกัด” บลัดไทแรนท์กล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปยังลูกน้องทั้งแปดคนที่อยู่ตรงหน้า
“รวบรวมกองกำลังทั้งหมดที่อยู่ในเมืองเซนต์กอลล์ไปที่หุบเขาปีศาจเดี๋ยวนี้ ไม่ว่ายังไงลู่หยางมันก็จะต้องตาย!”
“ครับ!” ผู้นำทีมทั้งแปดลุกขึ้นพร้อมกัน ก่อนที่พวกเขาจะแยกย้ายกันไปรวบรวมกองกำลังของตัวเอง
หลังสมาชิกของบลัดเติสตี้ที่กำลังเก็บเลเวลหรือกำลังปล้นชิงผู้เล่นอยู่ในแผนที่ต่าง ๆ ได้รับคำสั่ง พวกเขาต่างก็หยุดมือและมุ่งหน้าตรงไปยังหุบเขาปีศาจ
เมื่อจู่ ๆ ผู้เล่นทุกคนได้เห็นสมาชิกของบลัดเติสตี้ถอนตัวไปอย่างกะทันหัน พวกเขาต่างก็เริ่มหันมาพูดคุยกันด้วยความสงสัย
“ทำไมพวกนั้นถึงหายไปหมดเลยล่ะ?”
“หัวหน้าผมว่ามันแปลก ๆ นะ”
—
อีกด้านหนึ่ง
ฉวยอู๋อี้ มือขวาสาวสวยของฉงป้ากำลังสั่งการลูกน้องให้ไปแย่งชิงดินแดนกับบลัดเติสตี้ และการถอนตัวอย่างกะทันหันของคู่แข่งในครั้งนี้มันก็กำลังทำให้เธอรู้สึกสงสัยด้วยเช่นกัน
พี่ฉงป้า พวกบลัดเติสตี้ถอนตัวกันออกไปหมดเลย ฉันว่ามันจะต้องมีเรื่องอะไรแน่ ๆ :ฉวยอู๋อี้ส่งข้อความหาฉงป้า
ฉงป้าส่งข้อความตอบกลับพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะ: ฉันได้ข่าวมาว่าพวกบลัดเติสตี้กำลังสู้กับลู่หยางอยู่ ไอ้หนุ่มนั่นไม่รู้ว่าไปได้อุปกรณ์พิเศษอะไรมา แต่เขาคนเดียวกลับสามารถเอาชนะคนของบลัดเติสตี้กว่า 700 คนได้ บลัดไทแรนท์มันเลยโกรธมากและสั่งให้รวมกองกำลังทั้งหมดไปกำจัดลู่หยางซะ
แบบนี้พวกเราก็ไม่ควรพลาดโอกาสสินะคะ :ฉวยอู๋อี้ตอบอย่างร่าเริง
แน่นอน งานใหญ่แบบนี้จะขาดฉันไปได้ยังไง :ฉงป้าหัวเราะเสียงดังก่อนที่เขาจะออกคำสั่งเรียกระดมพลลูกน้องในทันที
—
หุบเขาปีศาจ
โจรทั้ง 500 คนที่เย่กู่ซิงนำทีมมาถูกลู่หยางสังหารจนแทบไม่เหลือ เพราะท้ายที่สุดในร่างอสูรเพลิงเวทมนตร์ของลู่หยางก็ไม่มีคูลดาวน์ เขาจึงสามารถปล่อยเวทมนตร์ออกมาได้อย่างต่อเนื่องและสามารถสังหารศัตรูไปได้มากกว่า 400 คนแล้ว
ตอนนี้เย่กู่ซิงไม่มีความสามารถในการตอบโต้กลับแล้ว และเขาก็ได้แต่เสียใจว่าทำไมตัวเองถึงไม่นำนักรบเข้าร่วมทีมมาด้วย เพราะอย่างน้อยหากภายในทีมมีนักรบ พวกเขาก็สามารถพุ่งชาร์จเข้าใส่เพื่อขัดจังหวะการใช้เวทมนตร์ของลู่หยางได้ ซึ่งมันก็จะทำให้อีกฝ่ายไม่สามารถปล่อยเวทมนตร์ออกมาได้อย่างอิสระแบบนี้
“ลู่หยาง หัวหน้าของฉันจะไม่ปล่อยแกไปแน่!” เย่กู่ซิงตะโกนอย่างบ้าคลั่งเมื่อได้เห็นลูกน้องเสียชีวิตลงไปเรื่อย ๆ
สาเหตุที่นักเวทหนุ่มจงใจไม่สังหารเย่กู่ซิงก็เพื่อให้อีกฝ่ายสัมผัสกับความเจ็บปวดเช่นนี้นี่เอง เพราะย้อนกลับไปในชาติที่แล้วเขาก็เคยทำได้เพียงแต่ยืนมองเย่กู่ซิงสังหารลูกน้องซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนทำให้อุปกรณ์ต้องดรอปลงไปจากตัวแบบนี้เหมือนกัน
แค้นต้องชำระด้วยแค้น!!


แสดงความคิดเห็น