ตอนที่ 8 .. “ เพียงชายคนหนึ่ง ”

พยัคฆ์ร้าย..สายลับ

-A A +A

ตอนที่ 8 .. “ เพียงชายคนหนึ่ง ”

ฟังเพลงเพราะๆ ประกอบ นิยาย พยัคฆ์ร้าย..สายลับ

มันคือความรัก - ลุลา (เพลงประกอบ นิยาย พยัคฆ์ร้าย..สายลับ) พัชฌา

มันคือความรัก - ลุลา (เพลงประกอบ นิยาย พยัคฆ์ร้าย..สายลับ) พัชฌา

นิยาย แนว อาชญากรรม และนักสืบ (Detective and Crime Novel) / สืบสวนสอบสวน (Suspense) / Action

ตอนที่ 8 .. “เพียงชายคนหนึ่ง”

  อัธวุฒิออกคำสั่งทันทีทีมงานก็รีบไปประจำตามจุดทางเข้าออกทั้งหมดเท่าที่จะเร็วได้สถานการณ์เริ่มไม่ดีแล้ว นักข่าวทำงานไวมาก รายงานข่าวสดทันทีที่รู้ว่า มีเครื่องเพชรมากมายหายไป

“จะเอาไงต่อครับผู้กำกับ” จ่าหมง ถามอัธวุฒิ

“ขอเวลาผมคิดแป๊บนะ” อัธวุฒิ ใช้ความคิด

  เครื่องเพชรที่อยู่ในคอของนางแบบทุกคน อันตธานหายไป ตอนที่ไฟดับในพริบตา ได้ยังไง และหาร่องรอยอะไรไม่ได้อีกเช่นเดิม เหมือนเดิม เช่นเดียวกับคดี ของนักธุรกิจ

  เบ็นซ์ยังคงทำตัวเนียน กลมกลืนกับพวกที่อยู่ในงานทั้งหมด..อัธวุฒิ เดินคิดไปคิดมา ก็บอกกับทีม ให้ส่วนหนึ่งตรึงตรงนี้ไว้ก่อน และบอกให้ที่เหลือตามเขาไป มาถึงตรงเวที อัธวุฒิให้ ม่านมุก และ อ้อม สอบปากคำและเหตุการณ์ระหว่างที่ไฟดับกับพวกนางแบบบนเวที ให้ตำรวจหญิงอีกกลุ่มหนึ่ง ค้นหาร่องรอยในห้องแต่งตัว แล้วให้จ่ามิ่ง จ่าหมง ตามเข้าไปในห้องน้ำ

“ให้เพ็ญ ช่วยไหมค่ะ” เพ็ญ อาสาที่จะช่วย แต่ม่านมุกห้ามไว้

“คงไม่ได้หรอกค่ะหมวด ตอนนี้หมวดอยู่ในข่ายผู้ต้องสงสัย ต้องขอโทษด้วยนะคะ” สถานการณ์แบบนี้ เพ็ญนึกถึงเผด็จขึ้นมาทันที เพราะถ้าเขาอยู่ รับรองต้องรู้เรื่องแน่ เพ็ญก็เลยตัดสินใจลืมเรื่องโกรธเผด็จ และรีบโทรหาเผด็จทันที

  เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น < ตี๊ดๆๆๆ > เผด็จ ไม่ได้รับเพราะกำลังตามโบว์หวานใจของเขาอยู่ เพ็ญอารมณ์เสีย เมื่อเผด็จไม่รับโทรศัพท์ “มัวไปทำอะไรอยู่นะ กกใครอยู่รึป่าวเนี่ย” แล้วก็หงุดหงิดขึ้นมาทันที

“ข้าบอกแล้วว่า อย่ามา ก็ไม่เชื่อ เป็นไงหละซวยเลย” ไตรทศ ต่อว่าอัธวิทย์

“ก็ใครจะไปรู้หละวะว่ามันจะเกิดเรื่อง เห็นมีสาวๆ สวยๆ เต็มไปหมดก็เลยอยากพักสมองบ้าง” อัธวิทย์ หาที่นั่งแล้ว ทำท่าหมดอาลัยตายอยาก หมดอารมณ์สนุกเลย

  เบ็นซ์ หลังจากให้ปากคำแล้วก็ขอตัวลงมาจากเวทีไปหาที่นั่ง และขอตัวเปลี่ยนชุด หลายคนที่อยู่บริเวณนั้น ก็ได้แต่โทรศัพท์กลับไปที่บ้านกันทั้งนั้น เสียงโขมงโฉงเฉงเซ็งแซ่เต็มฮอล์ไปหมด

  เบ็นซ์ หาโอากาสโทรหาโบว์ แต่ไม่ติดเพราะโบว์ปิดเสียง เลยโทรหาแป๋ว

“ว่าไงแป๋ว เรียบร้อยไหม” แป๋วกำลังขับรถไปยังจุดนัดหมาย

“เรียบร้อย โล่งปลอดโปร่ง”

“แล้วไอ้โบว์หละ ฉันติดต่อน้องไม่ได้ มันไม่รับสาย”

“ไม่รู้ซิ ใจเย็นๆ ฉันรอดไอ้โบว์มันก็รอดหละวะ”

  ระหว่างที่เบนซ์คุยกับแป๋ว อัธวุฒิ กำลังเดินสำรวจหาสิ่งผิดปกติ เขาเดินผ่านมาแถวนั้นตรงมุมมืดแต่ไม่สนิทมาก เบ็นซ์แอบมาคุยตรงฝ้าเพดาน ด้านในสุด

“ใครหนะ” อัธวุฒิ ส่องไฟฉายตัวเล็กๆ เข้าไปเห็นเป็นหญิงสาวเอามือยกมาป้องหน้าตัวเองอยู่ แล้วเขาก็เดินมาถึงตัวเบ็นซ์

“ทำไมมาอยู่ตรงนี้หละครับ” เบ็นซ์ วางสายกับแป๋วทันที

“ช่วยเอาไฟฉายลงก่อนได้ไหมคะ ไฟมันแยงตาดิฉันอยู่”

“ขอโทษครับ” อัธวุฒิ ขอโทษแล้วลดไฟลง แต่ไม่รู้ว่าคุยกะใครเพราะตรงนั้นไม่มีไฟ

“ดิฉันกำลังโทรศัพท์กลับไปที่บ้าน เดินมาเรื่อยๆ ถึงตรงนี้เมื่อไหร่ก็ไม่รู้” เบ็นซ์ อธิบายให้อัธวุฒิฟังเหมือนคนหลงทาง

“พอดีผมกำลังเดินหาอะไรบางอย่างอยู่หนะครับ” แล้วเขาก็ส่องไฟขึ้นเพดานส่ายไปมา

“ต้องขอโทษด้วยนะครับ ผมว่าทางที่ดีคุณออกไปรวมตัวกับทุกๆ คนด้านนอกจะดีกว่า เพราะผมไม่แน่ใจว่า คนร้ายยังจะหลบอยู่ในนี้ไหม เดี๋ยวจะเกิดอันตรายได้นะครับ” แล้วเขาก็ขอให้เบ็นซ์ ออกมาจากตรงนั้น

“ค่ะ ขอบใจมากค่ะ” แล้วเบ็นซ์ ก็ค่อยๆ เดินออกไปช้าๆ โดยใช้ไฟฉายจากโทรศัพท์นำทาง

  ระหว่างนั้น เธอก็หันไปดูอัธวุฒิด้วยว่าเป็นเช่นไรบ้าง สักพักอัธวุฒิ ก็ไปสะดุดตาอะไรบางอย่าง คล้ายๆ เศษขุยของผ้าอะไรสักอย่างขาดห้อยอยู่ เพราะมันกระทบกับแสงไฟฉายแล้วมันเป็นประกาย ห้อยติดอยู่กับฝ้าเพดานที่ปิดสนิทด้านบน เขามองหาเก้าอี้แถวนั้นแล้วก็ดึงมาใช้ เขาเหยียบเก้าอี้แล้วยืนขึ้นไป เอามือดันฝ้าแล้วส่องไฟฉายเข้าไป แล้วดึงเศษขุยผ้าขาดชิ้นนั้นออกมา แล้วก็รีบเดินออกไปจากตรงนั้น เบ็นซ์แอบดูอยู่ ก็รีบโทรกลับหาแป๋วทันที

“มีไรไอ้เบ็นซ์” แป๋วสงสัย

“ฉันว่าผู้กำกับต้องเจอหลักฐานอะไรบางอย่างแน่ ไม่งั้นคงไม่รีบเดินออกไปอย่างไวขนาดนั้นหรอก พวกแกทำอะไรพลาดไปรึเปล่าวะไอ้แป๋ว ลองสำรวจดูเสื้อผ้าร่างกายของแกซิ ฉันชักใจไม่ดีแล้วหวะ”

“จ่ามิ่ง จ่าหมง ตามผมมา ที่เหลือตรึงกำลังไว้ตรงนี้” อัธวิทย์เห็นพ่อวิ่งวุ่นทางโน้น ก็เลยคิดว่า ดีกว่านั่งอยู่เปล่าๆ ไปช่วยพ่อดีกว่า ก็เลยลุกจากตรงนั้นแล้ววิ่งไปหาพ่อ

“พ่อ ผมไปด้วย” อัธวิทย์ วิ่งไปหาพ่อ พ่อก็กอดคอแล้วพากันเข้าไปด้านในห้องแต่งตัวมุมในสุดที่เขาสงสัยเมื่อกี้

“แค่นี้ก่อนนะแก ผู้กำกับพากำลังมาทางนี้เต็มเลย สงสัยคงได้ร่องรอยอะไรแน่เลย” เบ็นซ์ นั่งหันหลังแล้วก้มหน้าหลบอัธวุฒิ

“ต้องขอโทษด้วยนะครับคุณ ช่วยลุกออกห่างจากตรงนั้นด้วยนะครับ” แล้วเบ็นซ์ก็ก้มหน้าหลบ และเดินออกมาจากตรงนั้น “เอาบันไดมาซิ จ่าหมง วางตรงนั้นเลย ตรงนั้นแหละ แล้วขึ้นไปดูซิว่าไอ้ช่องตรงนั้น มันเป็นยังไง ลองขึ้นไปดูซิ”

  จ่าหมง ก็ทำตามที่อัธวุฒิสั่ง แต่พอจะขึ้น ก็หันหน้าลงมาบอกอัธวุฒิ

“ขึ้นไม่ได้หรอกครับ ผมตัวใหญ่ ต้องคนตัวเล็กๆ”

“ไปตามหมวดอ้อมกับม่านมุกมาซิจ่ามิ่ง”

“ครับ” แล้วจ่ามิ่งก็วิ่งไปหาทั้งสองสาว สักพัก ม่านมุกกับอ้อม ก็วิ่งเข้ามา

“มีอะไรค่ะผู้กำกับ” หมวดม่านมุก รายงานตัว

“คุณกับหมวดอ้อม ลองขึ้นไปที่ช่องนั้นให้ผมหน่อย แล้วช่วยดูด้วยว่า มันมีทางไปออกทางไหนได้บ้าง”

“รับทราบค่ะ” ทั้งสองคนรับคำ แล้วก็รีบปีนบันไดขึ้นไป

  เบ็นซ์ แอบดูอยู่ตลอด ก็รีบโทรหาแป๋วอีกที “ซวยแล้วแก”

“อะไรของแกวะ ไอ้เบ็นซ์” แป๋วชักเริ่มใจไม่ดีแล้ว

“ก็ผู้กำกับอัธวุฒิหนะซิ เจอช่องทางลับของพวกแกแล้ว แค่นี้ก่อนนะ ท่าทางจะไม่ดีแล้ว แกต้องรีบติดต่อไอ้โบว์ให้ได้ ไม่งั้นซวยแน่แกเอ้ย ตอนนี้ฉันคงจะทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้แล้วหละ เพราะเดี๋ยวมันผิดสังเกตุ ฝากด้วยนะเพื่อน”

“ได้ได้ แกอยู่นิ่งๆ เฉยๆ คอยส่งข่าวฉันก็พอ ไม่ต้องทำอะไร อยู่ข้างนอกนี่เดี๋ยวฉันจัดการเองง่ายกว่ากันเยอะ บาย”

#####%%%%%#####

  เผด็จ รู้ว่างานนี้ แฟนตัวเองต้องลงมือแน่นอน จึงแอบตามนางแมวป่าออกมา เธอไปที่ไหนเขาจะรู้หมด เพราะเขาได้แอบติดเครื่องติดตามไว้ที่รถของเธอแล้ว เมื่อครั้งที่เจอกันครั้งที่แล้ว..โบว์ไม่รู้ว่า เผด็จกำลังแอบตามเธออยู่ เธอก็ขับรถด้วยความสบายใจแล้วมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปาก ความสุขอยู่ได้ไม่นาน สักพักเธอก็สังเกตุว่ามีรถมอเตอร์ไซด์ ลึกลับเร่งเครื่องตามเธอมา

  พอใกล้เข้ามาเหมือนจะปาดเธอ โบว์หักรถหลบแล้วก็เร่งเครื่องหนี มอเตอร์ไซด์ลึกลับคันนั้นก็ยังคงขับตามเธอ ชัดแล้ว โบว์แน่ใจว่า ต้องตามเธอแน่นอน เธอก็รีบเร่งเครื่องหนี รถมอเตอร์ไซด์ทั้งสองคัน ขับปาดกันไปกันมาอยู่บนซุปเปอร์ไฮเวย์

===== +++++ =====

  หลังจากเกิดเรื่อง นักข่าวก็เตรียมตัวรายงานข่าวและถ่ายทอดสดกันเต็มที่ ถ้าผู้กำกับอนุญาต เมื่อเหตุการณ์เริ่มดีขึ้น พวกนักข่าวนั่งรอจนหงุดหงิดเช่นกัน จ่ามิ่งเดินออกมาบอกพวกนักข่าวว่า อนุญาตให้ออกอากาศได้แล้ว พวกนักข่าวก็ไม่รอช้า เริ่มถ่ายทอดสดกันเลยทีเดียว เชี่ยว เห็นข่าวว่าเครื่องเพชรถูกโจรกรรม ตกใจมาก รีบโทรหาลูกสาว ทางแทนไทก็เช่นกัน

“ขาคุณพ่อ” เพ็ญ รับสายคุณพ่อ

“เป็นอะไรมากไหมลูก พ่อเห็นข่าว”

“หนูไม่เป็นไรค่ะ แค่ตกใจนิดหน่อย แล้วนี่อาเต๋าเค้าหายไปไหนคะเนี่ย หนูติดต่อไม่ได้เลย หน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้ คุณอาหายไปไหน คุณอาไม่เคยพลาดเลยนี่คะคุณพ่อ”

“พ่อก็ไม่รู้ เอางี้ยัยหนู ไปอยู่ใกล้ผู้กำกับอัธวุฒิเอาไว้นะลูก แล้วลูกจะปลอดภัยแค่นี้นะลูก”

“คุณอาเค้าก็วุ่นๆ อยู่นะคุณพ่อ”

“เอาเถอะน่า ทำตามที่พ่อบอกก็แล้วกัน แค่นี้นะ”

<<<<< ****** >>>>>

  ม่านมุกและอ้อม คลานมาถึงทางแยก ม่านมุกอยู่ด้านหน้า เธอหันไปบอกอ้อมว่า เธอจะไปทางขวา ให้อ้อมไปทางซ้าย อ้อมพยักหน้า แล้วม่านมุกก็เลี้ยวไปทางขวา อ้อมไปทางซ้าย

===== +++++ =====

“เป็นไงบ้างจีจี้”

“ป๊า หนูกลัว”

“แล้วคฑาไปไหน ทำไมไม่มาดูแล”

“มันวุ่นหนะค่ะ ปาดนี้หนูก็ยังไม่เห็นหน้ามันเลยคนดีของป๊าหนะ ไม่รู้ว่าไปมุดหัวอยู่ที่ไหน”

  แล้วก็มีตำรวจกลุ่มหนึ่งหามผู้ชายผ่านหน้าเธอไป เธอมองเห็นเป็นคฑา

“แค่นี้ก่อนนะพ่อ หนูรู้แล้วว่าคฑาอยู่ไหน” แล้วเธอก็วางสาย และวิ่งตามไปดู

“เดี๋ยวค่ะ” ตำรวจหันมาถาม

“ว่าไงครับ”

“เกิดอะไรขึ้นกับผู้ชายคนนี้เหรอค่ะ”

“เหมือนที่ศรีษะจะถูกตีให้สลบหนะครับ พวกผมไปเจอที่ข้างห้องเก็บของใกล้ทางออกตรงโน้นหนะครับ”

“ขอบคุณมากค่ะ”

“คุณรู้จักเขาไหม”

“รู้จักค่ะ คนที่บ้านฉันเอง”

“งั้นดีเลย ผมขอแรงฝากด้วยแล้วกัน เอ้าพวกเราวางไว้ตรงโซฟานี้แหละ เจอญาติแล้ว” แล้วกลุ่มนั้นก็แยกไป

“ผมขอตัวไปทำงานส่วนอื่นก่อนนะครับ”

“ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ..โธ่ คฑา ไม่น่าเลย” จีจี้ เหมือนสงสารและเป็นห่วงคฑา

  จีจี้ หยิบโทรศัพท์โทรหาพ่อ

“ป๊า..คฑาถูกทำร้ายค่ะ ไม่รู้ว่าถูกมือดีที่ไหนที่หัวแตกนอนสลบอยู่ตรงหน้าหนูนี่ค่ะ”

“เหรอ..ยังไงป๊าฝากดูแลด้วยนะ ไม่น่าเลย อุตส่าห์ให้ไปดูแลแกกลับบาดเจ็บซะเอง”

“ค่ะป๊า แค่นี้ก่อนนะคะแล้วถ้ามีอะไรคืบหน้าหนูจะโทรบอกนะคะ” แล้วจีจี้ก็วางสายและหันไปดูคฑา เธอทำอะไรไม่ถูกเลย

<<<<< ****** >>>>>

  ม่านมุก คลานไปเรื่อยๆ เลี้ยวไปเลี้ยวมาก็ไปโผล่ ที่ลานโล่งด้านหลังของโรงแรม เธอค่อยๆ ดันประตูลูกกรงออก แล้วมองไปรอบๆ เธอเห็นเป็นที่มืดคล้ายกับลานจอดรถเก่าๆ มีกำแพงเก่าๆ ยาวไปจนถึงบ่อบำบัดน้ำเสียเธอจึงรีบคลานกลับไปหาอัธวุฒิ

  ส่วนอ้อม ก็เช่นกันคลานไปโผล่ทางด้านข้างโรงแรม เธอดันเปิดประตูลูกกรงออกไป แล้วลงไปดูว่า ห้องตรงนั้นที่เธอเห็นคือห้องอะไร เธอเอาไฟฉายส่องดูชื่อ

“ห้องไฟฟ้าส่วนกลาง” แล้วเธอก็ส่องไฟ เห็นเป็นทางเดินเล็กๆ เธอจึงเดินไปตามทาง ก็ไปโผล่ที่ประตูกระจกบานหนึ่งเธอลองขยับทั้งผลักทั้งดัน แต่ก็ไม่ขยับ เธอส่องไฟไปดูภายใน เห็นมีท่อนไม้ท่อนหนึ่งขัดอยู่ แล้วเธอก็ส่องไฟไปเรื่อยๆ

“ลิฟท์สำหรับขนของ” แล้วเธอก็รีบวิ่งกลับไปทางเดิม กระโดดกลับขึ้นไปที่ช่องเดิมที่เธอคลานมา แล้วก็รีบคลานกลับไปหาอัธวุฒิ อย่างไว

===== +++++ =====

  โบว์ขับมอเตอร์ไซด์หนีแต่ก็ยังสลัดมอเตอร์ไซด์ลึกลับคันนั้นไม่ได้ เธอจึงตัดสินใจหักออกนอกเมืองทันที เธอฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าทำไมรถคันนั้นได้แต่ตาม แต่ไม่ทำอะไรเธอเลย เธอคิดว่ามันผิดสังเกตุแล้วหละ

  ขับรถออกมาห่างจากตัวเมืองค่อนข้างไกลแล้ว โบว์ตัดสินใจหยุดรถข้างทางแล้วลงมายืนรอ อะไรจะเกิดก็เกิด มอเตอร์ไซด์ลึกลับคันนั้นก็หยุดนิ่งไม่ไกลจากเธอนักแล้วดับเครื่อง โบว์สลัดอาวุธประจำตัวออกมา แล้วค่อยๆ สาวเท้าเดินตรงเข้าไปหารถคันนั้นอย่างช้าๆ คนที่อยู่บนรถไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ทั้งสิ้น โบว์ใจดีสู้เสือมองไปก็ไม่เห็นหน้าไม่รู้ว่าใครเพราะใส่หมวกกันน๊อคกระจกดำ เธอชี้หน้าแล้วส่งเสียงออกไปถาม

“แกเป็นใคร ต้องการอะไรจากฉัน อย่ามัวแต่เล่นแมวจับหนูอยู่เลย เผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมาซิ”

  แล้วก็มีเสียงออกมาเช่นกัน

“แล้วเธอหละ ทำไมถึงไม่เผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา” โบว์ สะดุ้งตกใจมาก ตาเบิกโพรงขึ้นมาทันที

  โบว์คิดว่าเสียงนี้คุ้นๆ เธอจำได้ว่าคล้ายกับเสียงของใครคนหนึ่งที่เธอรู้จัก แต่ก็ยังไม่ปักใจเชื่อ

“แกเป็นใครกันแน่ ถ้าไม่บอกฉันจะไปแล้วนะ” โบว์เริ่มกลัวขึ้นมาแล้ว ตามสัญชาตญานของคนที่เธอคิดว่าเธอรู้จัก

“จะรีบไปไหนหละนางแมวป่า” แล้วเผด็จ ก็ค่อยๆ ถอดหมวกกันน๊อคออกมาวางไว้บนหม้อน้ำรถ

“ป๊า” โบว์ อุทานออกมา เผด็จนั่งจ้องหน้าแฟนตัวเอง

“ป๊าทำแบบนี้ทำไม” โบว์เดินตรงดิ่งเข้ามา แล้วต่อว่าเผด็จหาว่ามายุ่งกับงานของตน

“ก็น้องแมวทำไม่ถูก” โบว์โกรธไม่พอใจสลัดอาวุธเก็บ แล้วหันหลังเดินกลับไปที่มอเตอร์ไซด์ตัวเองที่จอดอยู่ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ดับเครื่อง เผด็จรีบลงจากรถตัวเองและวิ่งไปดึงแขนแฟน โบว์หันมาตบหน้าเผด็จหนึ่งครั้ง เผด็จยั๊วที่ถูกตบ ดึงโบว์มาจูบปากแช่อยู่พักหนึ่ง โบว์สะบัดตัวออกมา แล้วก็เอามือขวาปาดปาก

“ทำไมป๊าทำแบบนี้ คนรักกันเขาทำแบบนี้กันเหรอ นึกจะจูบก็จูบ นึกจะหอมก็หอม หนูก็มีหัวใจเหมือนกันนะ”

“ก็น้องแมวทำผิด ทำไม่ถูกก่อนนี่ ป๊าก็เลยทำโทษ” แล้วเผด็จ ก็เดินเข้าไปกอดแฟน โบว์น้อยใจก้มหน้าซบอกแล้วกอดเผด็จ

“ไหนบอกป๊าว่าจะไม่ทำแล้วไง” เขาพยายามปลอบโบว์ แล้วโบว์ก็เงยหน้าขึ้นมา

“งานสุดท้ายแล้วหนูให้สัญญา แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าของที่ได้มาหนูไม่คืนให้ป๊านะอย่างแน่นอน จะโกรธก็ไม่ว่า รักก็ส่วนรัก งานก็ส่วนงาน” แล้วโบว์ก็ขยับตัวไปหอมแก้มซ้ายเผด็จ

“เจ็บไหม” เธอเอามือน้อยๆ ของเธอที่สวมถุงมืออยู่ ลูบไปมาที่แก้มซ้ายเผด็จที่โดนเธอตบ

“เจ็บ..แต่ทนได้” โบว์รู้สึกผิดที่ตัวเองอารมณ์ร้อน เผลอไปทำร้ายคนที่ตัวเองรัก นิสัยเสียอันนี้แก้ไม่หายสักที

  เผด็จพาโบว์ไปหาที่นั่งแถวนั้น และดับเครื่องมอเตอร์ไซด์ของโบว์

“สัญญากับป๊านะว่า จะไม่ทำอีก” โบว์อยู่ในอ้อมกอดของเผด็จ ใต้ต้นไม้มืดๆ ข้างทาง

“หนูไม่สัญญากับป๊านะ แต่จะพยายาม อะไรที่เลี่ยงได้หนูก็จะเลี่ยง” เผด็จแกล้งทำหน้าไม่พอใจ

“ดูทำหน้าเข้า ป๊าหนะ ก็เราสัญญากันแล้วไง มันไม่สามารถถอนตัวทีเดียวได้เลย”

“แล้วจะบอกป๊าได้รึยัง ว่าใครเป็นคนบงการ”

“นี่ก็เหมือนกัน เอาอีกแล้ว ได้คืบจะเอาศอก” โบว์บีบจมูกแฟนแล้วก็ลุกขึ้นยืน

“ก็บอกแล้วไงว่าห้ามพูดเรื่องงาน เวลาที่เราสองคนอยู่ด้วยกัน ผิดข้อตกลงนะคะคุณแฟน” โบว์ตีไหล่เผด็จ

“ก็ได้ ต่อไปป๊าจะไม่ผิดข้อตกลงอีกแล้ว ป๊าขอโทษ” แล้วก็ก้มไปหอมแก้มขวาโบว์เฉยเลย

“บ้า ป๊าเนี่ย เอาอีกแล้วนะ พึ่งรับปากหนูไปหยกๆ”

***** ----- *****

  เบ็นซ์ พยายามติดต่อโบว์ แต่ก็ติดต่อไม่ได้สักที ฉัตรเทพโทรเข้ามาหาพอดี

“เป็นไงบ้าง เห็นข่าวออกกันครึกโครม”

“แผนหนะสำเร็จ แต่ทางนี้หนูไม่แน่ใจว่าผู้กำกับอัธวุฒิจะเจออะไรบ้าง ขอวางสายก่อนนะคะเดี๋ยวคนอื่นจะสงสัย เผื่อมีการดักฟังเสียงคุยกันจะแย่ได้” แล้วฉัตรเทพก็วางสายทันที

  เบ็นซ์ นั่งไม่เป็นสุขเลย นั่งกระสับกระส่าย เธอหันไปเห็นม่านมุกลงมาจากช่องลับนั้น

  ม่านมุก ลงมาจากช่องลับแล้ว รีบตรงมารายงานตัว

“คุณอาคะ” ม่านมุก หยุดพัก เพราะเหนื่อย

“ว่าไง” อัธวุฒิอยากรู้

“ใจเย็นๆ แล้วบอกผมมาว่า ไปเจออะไรมาบ้าง” อัธวิทย์ ส่งน้ำให้ขวดหนึ่ง ม่านมุกรับไปทาน

“ทางด้านใน เป็นทางตรงยาวประมาณ 5 เมตร มีทางแยกด้านใน ซ้ายกับขวา หนูไปทางขวา ให้อ้อมไปทางซ้าย”

  ระหว่างที่ม่านมุกกำลังรายงาน อ้อมก็ลงมาจากช่องลับอีกคน แล้วรีบวิ่งตรงไปยังอัธวุฒิ

“นั่นอ้อมมาแล้วพ่อ” อัธวิทย์ยื่นน้ำให้เช่นกัน “ขอบคุณค่ะ”

“นั่งก่อน” เพ็ญ หาที่นั่งให้อ้อม

“หนูไปโผล่น่าจะเป็นด้านหลังโรงแรมหนะคุณอา มีบานประตูเหล็กเล็กๆ ปิดอยู่ มันมืดแต่ดูๆ แล้วคล้ายกับลานจอดรถเก่าๆ มีกำแพงเก่าๆ ยาวไปจนถึงบ่อบำบัดน้ำเสีย คงต้องรอตอนเช้าเราถึงจะเห็นชัด”

“แล้วทางอ้อมหละ เป็นไงบ้าง” เพ็ญถามเพราะอยู่ใกล้สุด

“ทางอ้อม คิดว่า น่าจะเป็นทางข้างโรงแรมทางโน้นหนะค่ะ” เธอชี้ไปทางนั้น

  ทุกคนมองตามที่อ้อมชี้ไป อัธวุฒิ ใช้ความคิด มองฝ้าเพดานและทำมือไปทางขวาและทางซ้าย และมองรอบห้องแต่งตัว

“เพราะหนูไปทางซ้าย ก็เจอบานประตูเหล็กเล็กๆ เช่นกัน หนูก็เลยลงไปดู มันเขียนว่า ห้องไฟฟ้าส่วนกลาง แล้วหนูก็เดินไปตามทางเล็กๆ ข้างห้องนั้น ก็ไปโผล่ที่ประตูกระจกบานหนึ่ง หนูลองขยับทั้งผลักทั้งดันแต่ก็ไม่ขยับ พอส่องไฟเข้าไปดูข้างใน ก็เห็นมีท่อนไม้ท่อนหนึ่งขัดอยู่ และหนูก็ส่องไฟเข้าไปดูรอบอีกๆ เห็นมีคำว่า ลิฟท์สำหรับขนของ ด้วยค่ะ”

“ลิฟท์ขนของเหรอ” อัธวุฒินึกอะไรขึ้นมาได้

“ไปตามผู้จัดการโรงแรมมาหน่อยซิเร็ว ใครก็ได้ ไป” ต่างคน ต่างวิ่งออกไปตามหาผู้จัดการ สักพัก ผู้จัดการก็วิ่งเข้ามา

“ลิฟท์ขนของ อยู่ตรงไหนผู้จัดการ รีบพาผมไปเลยด่วน” แล้วทุกคนก็วิ่งตามอัธวุฒิไปยังตรงนั้น

  เบ็นซ์เห็นพวกนั้นวิ่งลงไปชั้นล่าง เธอก็เลยวิ่งตามไปดูด้วย เพราะไม่อยากพลาดข่าวดีๆ นักข่าวเห็นก็เฮโลวิ่งตามไปด้วย

##### $$$$$ #####

  เผด็จพาโบว์ ไปที่คอนโดของเขา คอนโดนี้ไม่มีผู้ใดรู้ จะว่าเป็น Save House ของเขาเลยก็ว่าได้..โบว์บอกกับเผด็จอีกครั้งขณะที่นอนอยู่บนเตียงภายใต้อ้อมกอดของเผด็จ

“ตอนนี้ขอให้มีเพียงป๊ากับหนูสองคนได้ไหม อย่าเอาเรื่องงานมาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าเรื่องใดๆ ป๊าก็จะต้องทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้นจะได้ไหม” เผด็จก็พยักหน้ารับปาก แต่จมูกนี่ซิ ระดมหอมแก้มแฟนไม่ยั้ง

“พอแล้ว” โบว์ ตีแก้มเบาๆ “ฟังหนูก่อน เกเรตลอด”

“แล้วหนูก็ทำให้ได้อย่างปากที่พูดก็แล้วกัน” โบว์พยักหน้า เพราะใจของเธอก็ต้องการแบบนั้นอยู่แล้ว

“แล้วของที่ป๊าเอาของหนูไปอยู่ไหน หนูขอคืนด้วย” เผด็จแกล้งแหย่โบว์ เอื้อมมือจะปลดเข็มขัดกางเกงโบว์

“ทำอะไรหนะป๊า อย่านะ” โบว์ตีมือเผด็จ แล้วก็ลุกขึ้นมานั่งทันที แล้วก็ชี้นิ้วไปที่หน้าเผด็จ นิ้วชี้แทบตะทิ่มเข้าไปในตา

“สัญญากับหนูว่าไง ตราบใดที่ความประพฤติของป๊ายังไม่ดีหนูก็ยังไม่ให้ รอไปก่อนจนกว่าจะไว้ใจได้ และผ่านการพิจารณา เสียก่อน อดใจไว้ ทำได้ไหม คะ..ที่รัก” แล้วเธอก็ดึงมือกลับ ก่อนที่เผด็จจะจับนิ้วเธอไว้ได้

“ล้อเล่น จำได้..แต่เอ๊ะ เดี๋ยวนะ ไอ้ประโยคที่ว่าหนะ หนูพูดผิดรึเปล่า ไอ้ความประพฤติหนะ ของใคร คงไม่ใช่ของป๊าแน่”

“อย่าเฉไฉน่า คิดเหรอว่าหนูลืม” โบว์ขยับไปหาเผด็จ แล้วขยับนิ้วที่ฝ่ามือขึ้นลง

“น่า..ป๊าเก็บรักษาไว้ให้อย่างดี ไม่หายสักชิ้น น้องแมวไม่เชื่อใจแฟนตัวเองเหรอจ๊ะ”

แล้วเผด็จก็ได้โอกาสที่โบว์เผลอ ดึงตัวเธอมากอดไว้อีกครั้ง ระดมหอมแห้มซ้ายขวา ซ้ายขวาเป็นการใหญ่

“ป๊า..เล่นอะไร” เธอตกใจ แต่ก็มีความสุข ที่ได้มีเวลาอยู่กับคนที่เธอรัก และมั่นใจว่า เผด็จจะไม่หลอกเธอ

เขาทั้งสอง วัดใจกันก็ตรงนี้แหละ เผด็จสัญญาว่า จะคืนให้หลังจากพ้นคืนนี้ไปแล้ว โบว์ก็ตกลง

“แนะนะ” โบว์กระเซ้า “แน่” / “จริงหงะ” / “จริง” แล้วทั้งสองคนก็เล่นกันอยู่ใต้ผ้าห่ม

***** ----- *****

  ขิงอยู่ที่อยู่โรงพยาบาล เมื่อได้เห็นข่าวนี้ ก็ตกใจอีกครั้ง ไม่น่าเชื่อว่า เหตุการณ์อุกอาจแบบนี้จะเกิดขึ้นได้

“อีกแล้วเหรอ โอ๊ย ทำไมมันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย เกิดเรื่องไม่เว้นแต่ละวัน ทำไมนะ ช่างขยันสร้างเรื่องกันจริ๊ง”

  แล้วขิง ก็ปิด Tv นอนคิดถึงเรื่องต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ตั้งแต่ได้รับเลือกเข้าทีมของอัธวุฒิ

฿฿฿฿฿ ***** ฿฿฿฿฿

“สามหน้ากากคนดี พลาดงานแบบนี้ได้เช่นไร” ปริ๊นซ์ กระเซ้าเย้าแหย่เพื่อน แตงโม เลยปาแอปเปิ้ลไป ปริ๊นซ์รับแล้วก็กัดดังจ๊วบ ปูนกับทับทิม เดินเข้ามาพอดี เพราะพึ่งปิดร้านรู้ข่าวทาง Tv ก็เลยรีบมาปรึกษาหารือกัน

“มันเป็นความผิดของแก ไอ้ปริ๊นซ์ เพราะการหาข่าวมันเป็นหน้าที่ของแก จะมาโทษข้าได้ไง” ปริ๊นซ์ ทำหน้าเหวอ

“อ้าว ไหงโยนขี้มาให้ฉันหละเพื่อน”

“แล้วมันไม่จริงเหรอพี่” ทับทิม พูดขึ้นมา

“ใช่..เอ้าทับทิม” ปูนพูดเสริม และโยนแอปเปิ้ลให้เพื่อน

“งานใหญ่แบบนี้แกพลาดไม่บอกพวกฉันได้ยังไงวะไอ้ปริ๊นซ์ ถ้ารู้นะ อย่างน้อยพวกฉันสามคนจะได้ไปสังเกตุการณ์ได้ เพื่อจะได้รู้อะไรบ้าง นี่แสดงว่าแกไม่สนใจ มัวแต่ไปเปิด Web โป๊ดูอย่างเดียวเลยใช่ไหมเนี่ย”

“ไอ้บ้า เอาแล้วไง” แล้วก็ปาหมอนไปหาแตงโม

“พูดแมวๆ อีกแล้ว ก็ใครจะไปคิดหละว่า งานบ้านๆ แบบนี้ มันจะเกิดเรื่อง”

“บ้านๆ แกดิ เครื่องเพชรเยอะแยะขนาดนั้น” แตงโมเดินมาแล้วโยนหมอนไปให้ปริ๊นซ์ เขารับไว้แล้วเอามากอด

“ใช่พี่ปริ๊นซ์ งานแบบนี้แหละที่พวกมิจฉาชีพ มันชอบ เพชรพลอยทั้งนั้น” ปูน เห็นด้วยกับแตงโม

“ก็เอางี้ซิพี่ คราวหน้าเวลาเจาะได้ข่าวอะไรมา ก็มาบอกกันก่อน ส่วนพวกเราสามคน จะทำหรือไม่ ค่อยว่ากันดีไหม”

  ทับทิม ออกความเห็นที่ค่อนข้างจะดี ปูนกับแตงโม พยักหน้า เห็นด้วย

“เคร งั้นครั้งต่อไป ถ้าพี่ได้ข่าวอะไรมาจะมาบอกก่อนแล้วกัน ส่วนพวกเธอจะทำหรือไม่ พี่ไม่ยุ่ง..ตามนั้น”

“ตามนั้น” ทั้งสามหน้ากากพูดพร้อมกัน

+++++ ///// +++++

  ที่เมืองกาญจน์ แม่และลูกๆ ของเผด็จรวมทั้งเทียนหอมและคร้ามก็ได้เห็นข่าวนี้พร้อมกันทาง Tv แม้กระทั่งพวกเหล่าสายสืบต่างๆ ของเผด็จ ต่างก็เห็นข่าวกันหมดจึงรีบติดต่อหาเผด็จกันเป็นการใหญ่รวมถึงเนตรอัปสรด้วยเช่นกัน แต่ก็ไม่มีใครสามารถที่จะติดต่อเผด็จได้ เพราะเขาปิดเสียงเอาไว้เพื่อไม่ให้ใครรบกวน เผด็จตั้งใจว่า คืนนี้จะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับเรื่องงานสักคืน ขอมีความสุขเล็กๆ น้อยๆ สักหน่อยก็แล้วกัน

///// ----- /////

  จะมีก็แต่ฉัตรเทพเท่านั้นที่ยิ้มออก เพราะงานนี้ สามสาวทำได้ดีมากแต่จะดีใจมากกว่านั้นเมื่อของมาถึงมือเขา สัตยาและดรัณ ได้เตรียมการณ์ไว้หมดแล้ว ถ้าสามสาวเอาของมาให้ครบและตรงเวลา

  คืนนั้นดรัณ ได้โทรติดต่อหาสัตยาเป็นระยะๆ เพราะสัตยาได้ไปรอรับของที่จุดนัดหมายแล้ว เธอได้เล่าถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้สัตยารับรู้ เพื่อเตรียมป้องกันตัว หากมีอะไรที่ผิดพลาดไป

***** ----- *****

  อัธวิทย์ ได้เข้าไปช่วยพ่อในการสืบหาคราวนี้ด้วย ภายในงานวุ่นวายมาก เจ้าของเครื่องเพชร สลบเป็นลมไปตามๆ กัน แต่เหตุการณ์ก็เริ่มคลี่คลาย เมื่ออัธวุฒิ เริ่มได้เบาะแสอะไรบางอย่างจากเศษผ้าขาดที่เขาได้มา

“นี่แหละครับลิฟท์ขนของที่คุณถามถึง” ผู้จัดการโรงแรม พาอัธวุฒิมาดู

อัธวุฒิเดินไปดูท่อนไม้ที่ขัดประตูไว้ เขาดึงมันออกแล้วเดินออกไป หมวดอ้อมวิ่งตามไป

“คุณอาคะ” อ้อมพยายามจะบอกอะไรกับอัธวุฒิสักอย่าง

“มีไรเหรออ้อม” อ้อม รีบวิ่งนำแล้วไปหยุดยังห้องห้องไฟฟ้าส่วนกลาง

“มีอะไรที่นี่เหรอ” เธอส่องไฟเข้าไปข้างใน ให้อัธวุฒิดูว่าตรงแสงไฟที่เธอส่องหนะมันมีอะไรติดอยู่

  อัธวุฒิเพ่งดูยังไม่เห็นอะไร แต่อัธวิทย์เด็กกว่าสายตาจึงดีกว่าผู้เป็นพ่อ เขาเห็นเหมือนมีสายลวดใสๆ พันอยู่ที่ปลายเบรคเกอร์แล้วโยงขึ้นไปผูกติดกับอะไรสักอย่างที่เหนือขึ้นไป จึงขอให้ผู้จัดการเปิดประตูเหล็กนี้ด้วย พอประตูเปิดออก อัธวิทย์รีบวิ่งเข้าไปดูที่เขาเห็นทันที เขาเริ่มไล่สายตามไป แล้วก็ไปสุดที่อุปกรณ์คล้ายกับแขนจักรกลชนิดหนึ่ง ที่ทำงานด้วยรีโมท เพราะมีไฟกระพริบอยู่ตลอดเวลา ถ้าไม่มีใครสังเกตุ เพราะมันหลบอยู่ด้านบนในสุด อัธวิทย์จึงกระชากมันหักคามือลงมา

“พ่อ” อัธวิทย์ เดินมาบอกพ่อ

“เราเจอมือดีเข้าแล้ว” พร้อมกับยื่นแขนจักรกลพร้อมลวดเล็กๆ ใสๆ ให้พ่อดู

“อะไรหนะลูก” อัธวุฒิถามลูกชาย เพราะตัวเองไม่มีความรู้จริงๆ

“แขนจักรกล ครับพ่อ มันทำงานด้วยรีโมทคอนโทลระยะไกล ในรัศมีครอบคลุมได้เกือบ 30 เมตร”

  อัธวุฒิหยิบมันจากมือลูกชายมาดู แล้วหันไปขอบใจหมวดอ้อม “ขอบใจมากนะอ้อม” อ้อมแอบยิ้มแก้มปริอยู่คนเดียว

  แล้วทั้งหมดก็เดินเข้ามายังห้องงานเลี้ยงอีกครั้ง และได้เข้าไปถามคฑา หลังจากที่เขาฟื้นขึ้นมาว่า ถูกตีศรีษะได้ยังไง

“คุณคฑา” อัธวุฒิ นั่งอยู่ข้างๆ บนโซฟา “ครับท่าน” คฑา ยังมึนกับหัวตัวเองไม่หาย

“คุณพอจะบอกผมได้รึยังครับว่า ทำไมถึงไปโดนตีหัวสลบอยู่ตรงบริเวณนั้น”

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมโดนใครทำร้าย รู้อย่างเดียวว่าผมเดินออกมาจากห้องน้ำตรงข้างลิฟท์ แล้วจะเดินขึ้นไปบนงานเพื่อดูแลคุณจีจี้ ผมก็เห็นเหมือนผู้หญิงคนหนึ่งสวมชุดดำมีผ้าคลุม เดินเข้ามาจากประตูด้านล่างพอปิดประตูเธอก็เอาท่อนไม้ท่อนหนึ่งมาขัดประตูเอาไว้ พอเธอเดินไปจากตรงนั้น ผมก็ย่องเข้าไปเพื่อจะไปดึงท่อนไม้ท่อนนั้นออก จากนั้นผมก็ไม่รู้เรื่องอะไรอีกเลยมันก็เท่านี้หละครับ” คฑาเล่าให้ฟังทั้งๆ ที่ยังมึนหัวอยู่

“ขอบคุณมากครับคุณคฑา ที่ให้เบาะแสเรา พักผ่อนตามสบายเลยแล้วกัน” แล้วอัธวุฒิ ก็ลุกขึ้นยืน

“เอาไงต่อพ่อ” อัธวุฒิส่ายหัวเล็กน้อย

“ยังไม่รู้เลย แต่รู้อยู่อย่างเดียวว่างานนี้ไม่ได้ทำคนเดียวแน่ อย่างต่ำต้องสองคนขึ้นไป และต้องเป็นคนที่รู้ลู่ทางในสถานที่แห่งนี้ด้วย” สักพักอัธวุฒิ ก็เรียกจ่ามิ่ง กับจ่าหมงเข้ามา

“จ่ามิ่ง จ่าหมง” ทั้งสองจ่าวิ่งเข้ามา

“ครับท่าน” ทั้งสองคนมารายงานตัวแม้จะเหนื่อย

“ใครก็ได้คนหนึ่งไปคนบอกข้างนั้นนะว่า กลับบ้านได้ผมปล่อยแล้ว และอีกคนไปสืบหาให้ได้ว่า มีนางแบบคนไหน หรือผู้เกี่ยวข้องกับงานนี้ที่รู้จักสถานที่นี้หรือเข้าออกที่นี่บ่อยที่สุด อะไรก็ได้ที่จะป็นเบาะแส มาให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ รีบไป”

“พ่อรู้อะไรมาบอกผมหน่อยซิ ผมจะได้ช่วยพ่อได้” อัธวิทย์ชักเริ่มจะสนุกกับคดีนี้แล้ว

“แกได้ช่วยพ่อแน่ ไอ้ลูกรักสำรับเกมส์นี้” อัธวุฒิตบไหล่ลูกชาย

“ยินดีเลยพ่อ” แล้วเขาก็เอามือขวาของเขาจับมือขวาพ่อ ผนึกกำลังกัน

“หมวดอ้อม กับ หมวดม่านมุกไปไหนแล้วหละลูก”

“อยู่ทางโน้นหนะพ่อ” และพออะไรต่อมิอะไรคลี่คลายแล้ว อัธวุฒิก็อนุญาตให้ทุกคนในงานกลับบ้านได้

  จ่าหมงวิ่งกระหืดกระหอบออกมาที่ห้องโถงใหญ่หน้าโรงแรมที่ทุกคนส่วนใหญ่มานั่งรวมกัน แล้วก็ถือโทรโข่งประกาศด้วยเสียงดังๆ ว่า “ใครจะกลับบ้านก็กลับได้เลยนะครับ ท่านผู้กำกับอนุญาตแล้ว” เสียงโห่ร้องดังลั่นทั้งฮอล์

“ใครไม่อยากกลับก็หาที่พักผ่อนแถวนี้กันเอาเองแล้วกัน แค่นี้นะครับ เอ้าพวกเราเปิดประตู เปิดทางได้เลย”

  เมื่ออิสระภาพมาถึงแล้วได้กลับบ้าน ทุกคนก็รีบแยกย้ายกันออกไป บางคนก็ยังนั่งๆ นอนๆ อยู่แถวนั้น เพราะนี่มันก็เกือบตีสี่แล้ว เบ็นซ์ เมื่อได้โอกาสก็รีบออกมาจากตรงนั้นแล้วมุ่งหน้าไปหาแป๋วกับโบว์ทันที

+++++ ///// +++++

  รุ่งเช้าที่สดใส แต่บางคนอาจไม่สดใสเพราะคนที่อยู่ในงานกว่าจะได้กลับบ้านกันก็ย่ำรุ่ง บางคนก็หิวบางคนก็บาดเจ็บ ผิดกับเผด็จและโบว์ที่มีความสุขด้วยการนอนกอดกันทั้งคืนโดยที่ไม่ได้เปลี่ยนชุดเลย เผด็จก็ไม่ได้ฉวยโอกาสที่จะถอดหน้ากากของคนรักทั้งๆ ที่มีโอกาสเป็นเพราะความไว้ใจและเชื่อใจกันล้วนๆ โบว์ตื่นขึ้นมาก่อนภายใต้อ้อมแขนของเผด็จที่นอนกอดเธออยู่

  เธอหันตัวไปดูหน้าคนรักที่กำลังหลับพริ้ม เธอนอนหนุนแขนขวาเผด็จอยู่ แขนซ้ายเผด็จยังคงโอบเธอไว้ ส่วนขาซ้ายก็ก่ายเอวเธอ โบว์ค่อยๆ ขยับตัวแล้วค่อยๆ เขยิบตัวออกจากใต้ผ้าห่ม พอพ้นออกจากเตียงเธอก็เอียงตัวไปหอมแก้มซ้ายของเผด็จ แล้วก็คว้าผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำทันที

  ภายในห้องน้ำ โบว์ถอดหน้ากากและชุดเดิมที่ใส่มาตั้งแต่เมื่อวานออก แล้วเดินมามองหน้าตัวเองที่กระจก เธอจ้องกระจกอยู่นาน เพื่อสำรวจร่างกายทรวดทรงองค์เอวของตัวเองอยู่ดีๆ ก็ยิ้มขึ้นมาแล้วก็เดินไปที่ฝักบัวดึงม่านปิด เปิดฝักบัวอาบน้ำ ระหว่างที่เธออาบน้ำสระผม เธอก็คิดถึงเรื่องของเธอกับเผด็จ ว่าเธอคิดและตัดสินใจถูกไหมที่ทำแบบนี้หรือเธอคิดผิด แค่เพียงผู้ชายคนหนึ่ง ถึงทำให้เธอเปลี่ยนแปลงไปได้มากขนาดนี้

  เผด็จรู้สึกตัวขึ้นมา ไม่เห็นโบว์ แต่ได้ยินเสียงน้ำในห้องน้ำ ก็ใจชื้นนึกว่าเธอหนีหายไปซะแล้ว เขาลุกขึ้นมาจากเตียง เอามือเกาหัวเกาก้น ตามประสานิสัยเดิมๆ เดินไปหยิบผ้าข้าวม้าประจำตัวมาผลัดผ้า กางเกงนอกหลุดลงกะพื้น เขาก็เอานิ้มเท้าเขี่ยกางเกงโยนเข้าตะกร้า แล้วก็เดินไปเคาะประตูห้องน้ำ “ก๊อกๆๆๆ” โบว์ ได้ยินเสียง ก็ปิดฝักบัวแป๊บนึง

“ว่าไงคะที่รัก” โบว์ ตะโกนถามออกมา

“อาบด้วย” เผด็จตะโกนเข้าไป

“มะเหงกนี่” โบว์ตะหวาด สวนออกมาทันที

“ทะลึ่งแล้วป๊า ทะลึ่งหละ วอนแต่เช้าเลยนะ” แล้วโบว์ก็เปิดฝักบัวอาบน้ำต่อ

  สักครู่ใหญ่ พอโบว์อาบน้ำเสร็จก็จัดการเช็ดตัวเช็ดผมให้แห้งและห่มผ้าเช็ดตัวอย่างดีแล้วก็ไม่ลืมที่จะใส่หน้ากากเหมือนเดิม จากนั้นก็เปิดประตูห้องน้ำออกมา ก็เจอเผด็จแกล้งยืนหลับ แก้มซ้ายพิงคาประตูอยู่ เผด็จไม่ทันตั้งตัว ตัวไถลหน้าไหลเสียหลักไปชนตัวโบว์ทันที โบว์ตกใจ “ว๊าย” เธอกางมือสองออกข้างเพื่อรับน้ำหนักที่จะต้องล้มลง พร้อมตัวเผด็จ

  โบว์ล้มลงอย่างแรง มือซ้ายโบว์พลาดไปเกี่ยวตวัดผ้าเช็ดตัวที่พันตัวอยู่หลุด หน้าของเผด็จจมอยู่ที่ร่องหน้าอกพอดี โบว์รีบผลักหน้าเผด็จออกไปจากหน้าอกและลำตัวเธอ เพราะตอนนี้เธอโป๊ แล้วเธอก็รีบดึงผ้าเช็ดตัวขึ้นมาพันตัวเช่นเดิม

“เล่นอะไรหนะป๊า” โบว์ โกรธเผด็จ แล้วก็รีบลุกขึ้นเดินงอนตุ๊บป่องไปเลย เผด็จลุกขึ้นมาสะบัดหน้าเล็กน้อย โบว์นึกอะไรขึ้นมาได้สักอย่าง ก็รีบหันหน้าไป แล้วชี้หน้าเผด็จ

“เห็นอะไรไหม..” เธอพูดน้ำเสียงดุดัน “แล้วเมื่อกี้เห็นอะไรไหม..ป๊า” โบว์ เดินชี้หน้าประชิดตัวเผด็จ

“ป๊า..บอกมา เห็นอะไรไหม..บอก” โบว์ ขู่แฟนตัวเอง เสียงอย่างดังเท่าที่จะพูดออกมาได้

  เผด็จได้โอกาสดึงตัวโบว์เข้ามาหาตัวหลังโบว์ชนตัวเผด็จ เขากอดแล้วเอาหน้าก้มลงไปหอมแก้มซ้าย โบว์ก้มหน้าหลบไม่ให้หอม เมื่อซ้ายไม่ได้ก็ขวาหละ แกล้งอยู่พักหนึ่ง “ไม่เห็นอะไรเลย สาบาน” แล้วเขาก็หมุนตัวโบว์ออกมา

“แต่อันนี้ซิจะได้เห็นเต็มๆ” แล้วเผด็จก็ปลดผ้าขาวม้าออก มันหลุดลงต่อหน้าโบว์

“ว๊าย” โบว์ร้องลั่น แล้วก็รีบเอาสองมือปิดตาทันที

“ทำอะไรหนะป๊า” เผด็จหัวเราะ แล้วก็เอื้อมมือไปแกะมือทั้งสองของโบว์ที่ปิดตาอยู่ออก

“ไม่ ใส่ก่อน ป๊าเอาผ้าขาวม้านุ่งก่อน ไม่งั้นหนูไม่เปิด ลามก คนอะไรโรคจิต ชอบโชว์ของลับ”

“ของลับอะไร ตลกแล้วที่รัก ดูก่อน” เผด็จก็พยายามเกลี้ยกล่อมแฟน

“ไม่ เป็นตายยังไงหนูก็ไม่ดู ถ้าไม่ใส่ หนูโกรธป๊าจริงๆ ด้วย ไม่เชื่อก็คอยดู และจะหายไปเลยไม่มาให้ป๊าเห็นหน้าอีกด้วย”

“เอ้า..ใส่แล้ว ลืมตาดูได้แล้ว” เผด็จไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะมันไม่มีอะไร

“แน่นะ ถ้าหลอกหนู ได้เห็นดีกันแน่” โบว์ขู่เผด็จ

“จร้า..ยินดีรับโทษ” แล้วโบว์ก็ค่อยๆ เอามือที่ปิดอยู่ออกจากตาที่ละข้าง เธอเอามือขวาลงก่อน พอมองเห็นเป็นกางเกงขาสั้น

“เล่นบ้าๆ อะไรหนะป๊า ตกใจหมดเลย” เธอก็รีบเอามือลงทั้งสองข้าง แล้วก็หันหลังเดินไปหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง นั่งลงแต่งหน้าแปรงผม หน้ามุ่ยไม่มีรอยยิ้ม เผด็จก็เลยเดินเข้าไปหาเพื่อง้อแฟน เขาก้มลงไปหอมแก้มซ้ายโบว์ เธอทำไม่รู้ไม่ชี้

“คราวหน้าอย่าทำแบบนี้อีกนะ” โบว์หันมาเอาแปรงชี้หน้าว่าเผด็จ เผด็จจับมือไว้แล้วก็ก้มลงไปหอมมือนั้น โบว์ก็หวีผมต่อ

“ไปเลย ไปอาบน้ำ หนูมีนัดจะต้องเอาของไปให้เขาอีก” โบว์หันมาตีหลังเผด็จแล้วดันตัวให้ไปอาบน้ำ

“ไป..ยังอีก” เผด็จ ชอบแกล้งมาหอมแก้มซ้ายขวา ซ้ายขวาโบว์ เพื่ออยากให้ยิ้ม แล้วเธอก็ยิ้มจริงๆ เพราะความติ๊งต๊องของเขา

  แล้วเผด็จ ก็เดินเข้าไปอาบน้ำโดยดี ก่อนเข้าห้องน้ำยังไม่วายทำทะเล้นกับโบว์อีก “ที่รัก”

  โบว์หันมา เผด็จทำท่ามือเหมือนจะบอกว่า “BigMilk” โบว์ปาแปรงหวีผมที่ถืออยู่ใส่ เผด็จรีบปิดประตูแล้วอาบน้ำทันที

----- ฿฿฿฿฿ -----

  ปริ๊นซ์ รีบหาข่าวและการผิดปกติของการโจรกรรมในครั้งนี้ เขาแทบไม่ได้หลับได้นอนตั้งแต่เมื่อคืนตื่นบ้างหลับบ้าง หันไปดูเพื่อนๆ ที่นอนหลับกันสบายทั้งสามคน เพราะเขาคิดว่าเป็นความผิดของเขา จึงทำทุกวิถีทางที่จะได้ข้อมูลเชิงลึกมาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้และด้วยมันสมองเขา เขาก็ทำได้จริงๆ เขาสามารถเจาะเข้าไปในกล่องข้อมูลของกล้องวงจรปิดในโรงแรมได้โดยบังเอิญ เขาก็เลยบันทึกคลิปและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นได้ตั้งแต่ต้นจนจบ นับได้ว่าเป็นข่าวดีจริงๆ ตั้งแต่งานเริ่มจนเกิดเรื่อง ไปจนถึงที่อัธวุฒิไปดูที่เกิดเหตุและกลับมานั่งคุยกับคฑา และปล่อยคนกลับบ้านช่วงเกือบตีสี่

----- ***** -----

หลังจากที่เผด็จอาบน้ำเสร็จ จะเดินออกมาจากห้องน้ำ เขาก็เห็นชุดของโบว์ที่ถอดแล้วแอบไว้ในตะกร้าในห้องน้ำ โบว์นึกขึ้นได้ก็ลุกแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำเห็นเผด็จมองชุดของเธอ โบว์เอื้อมมือจะหยิบ

“ไม่ต้อง” โบว์มองหน้าเผด็จ

“เอาไว้นี่แหละ เดี๋ยวป๊าจัดการให้เอง” โบว์ ก็ยังจะหยิบ เผด็จเอื้อมมือไปจับมือซ้ายของโบว์

“เชื่อป๊า ถ้ารักป๊า” โบว์ก็ดึงมือกลับทันที แล้วก็เดินออกมา

“แล้วหนูจะใส่ชุดไหนกลับหละวันนี้” โบว์ หยิบแปรงที่ขว้างเผด็จขึ้นมา แล้วมานั่งแปรงผมต่อ

“แล้วใครบอกว่าจะให้หนูกลับหละ” โบว์ หยุดแปรงผม แล้วหันมามองหน้าเผด็จ

“แนะ ดูพูดเข้า ถ้าไม่ให้หนูกลับแล้วป๊าจะให้หนูไปอยู่ไหนตลกอีกแล้ว” เธอจ้องหน้าเผด็จ ขณะที่เผด็จยืนกอดอกพิงกำแพงห้องน้ำอยู่ แล้วเธอก็หันหน้าเข้ากระจก แต่งตัวต่อ ทาแป้งเขียนคิ้วตามประสาเด็กสาว

“ก็อยู่กะป๊านี่แหละ ไม่ต้องไปไหนแล้ว ป๊าเลี้ยงน้องแมวเอง” เผด็จยังคง ยืนคุยกับโบว์ตรงนั้น

“รู้ค่ะว่าป๊าจะเลี้ยง และเลี้ยงหนูได้ หนูไม่เถียง” โบว์ พยายามอธิบายให้แฟนตัวเองฟัง

“แต่หนูบอกแล้วว่าวันนี้หนูมีนัด หนูมีธุระป๊าจะมากักตัวหนูไว้ไม่ได้นะพ้นจากวันนี้ไปแล้วหนูตามใจป๊าทุกอย่าง”

“ป๊า ไม่ได้หมายความว่า ไม่ให้หนูไป” แล้วเผด็จ ก็เดินไปหาแฟน และหยิบแปรงที่มือโบว์กำลังสางผมอยู่มาหวีให้แทน

“ให้ไป แต่ป๊าจะไปด้วย”

“ไม่ได้” โบว์ จับมือเผด็จไว้

“ป๊า..” แล้ว โบว์ก็หันหน้ามาหาเผด็จ

“เราตกลงกันแล้วไง ป๊าอย่าดื้อ และทำตัวงี่เง่ากะหนูได้ไหม หนูไม่ชอบ” โบว์เงยหน้ามองเผด็จ แล้วก็หันกลับไปที่กระจก

“ก็ได้แต่ป๊าต้องไปส่ง” โบว์จะหันมาพูด เผด็จเอามือขวาปิดปากโบว์ทันที

“ฟังป๊านะที่รัก” โบว์พยักหน้า

“ป๊าให้หนูเอาของไปส่งให้เพื่อนได้ ส่งเสร็จแล้วหนูต้องไปกับป๊าทันที เข้าใจบ่”

“แต่” โบว์หันมามองหน้าแฟน เผด็จทำหน้าจริงจัง ทำปากเบ้ใส่แล้วพยักหน้า

“ถ้าน้องแมวต้องการจะหลุดพ้นจากตรงนี้จริงๆ ต้องเริ่มตั้งแต่วันนี้และเดี๋ยวนี้เข้าใจ๋”

โบว์นั่งนิ่งไปพักหนึ่ง แล้วก็ก้มหน้าลงแบบทำอะไรไม่ได้แล้วจริงๆ ในเมื่อมันมาถึงขั้นนี้และตัดสินใจลงไปแล้วด้วยใจรัก

“ก็ได้” แล้วเธอก็หันหน้าไปแต่งตัวต่อ

“น่ารักมากที่รัก แฟนใครหว่า” เผด็จพูดจบก็ก้มลงไปหอมแก้มซ้ายและขวา

“ก็แฟน ไอ้ยักษ์ปักหลั่นคนนี้นี่แหละ” และโบว์ก็ทุบไปที่ตัวเผด็จ

“แล้วหนูจะเอาชุดไหนใส่ไปหละเนี่ย” โบว์ กังวลเพราะไม่มีชุดใส่ จะไปทั้งชุดนี้คงไม่ได้แน่

“เยอะแยะ ไปเลือกเอาเลยในตู้ป๊า มีเพียบ” เผด็จชี้ไปที่ตู้เสื้อผ้าตัวเอง โบว์ลุกขึ้นไปดู เอามือปัดๆ ไม่มีชุดไหนเข้าตาเลย

“ยี้ ไม่เอา มีแต่ชุดอะไรก็ไม่รู้เสื้อเชิ้ต เสือยืด กางเกงยืนส์เก่าๆ” แล้วเธอก็เดินกลับมา ยังไม่ทันถึงโต๊ะเครื่องแป้ง เผด็จก็โอบตัวเธอไว้ เธอรีบหันหลังชนตัวเผด็จทันที เพราะไม่รู้ว่าแฟนตัวดีจะแกล้งอะไรเธออีก

“ก็ตามใจ ถ้าจะใส่ชุดนี้ออกไป เพราะชุดที่อยู่ในห้องน้ำมันเปียกหมดแล้ว” โบว์หยิกมือเผด็จ เผด็จเลยปล่อยมือที่โอบไว้

“เจ้าเล่ห์” โบว์จ้องหน้าแฟน แล้วยิงฟันใส่ “แฮ่” แล้วใช้มือขวาชูสองนิ้วจิ้มไปที่ตาเผด็จ เขาเอาฝ่ามือขวามารับไว้

“แก่แล้วยังมีลูกเล่นลูกไม้เยอะนักนะ อย่าให้ถึงทีหนูบ้างก็แล้วกัน แล้วป๊าจะหนาว จำไว้” โบว์ขู่เผด็จ

“ได้เลยไม่กลัว แต่วันนี้ ตอนนี้ ถ้าหนูไม่เลือกไอ้พวกในตู้ ก็ไปมันชุดนี้แหละ ป๊าชอบ อิอิ” เผด็จ ได้ทีแกล้งโบว์เลย

“ตลกแล้ว หนูไปซื้อใหม่ก็ได้” โบว์มีทางออก

“ถึงยังไง มันก็ต้องใส่ผ้าขนหนูออกไปซื้ออยู่ดี อิอิ..ว่าแต่ที่ว่าแก่หนะ แล้วรักไหม” โบว์อมยิ้ม แล้วตอบแบบเขินๆ

>>>>>>>>>> ********** <<<<<<<<<<

โปรดติดตามตอนต่อไปใน ตอนที่ 9 .. “พายุในใจ”

ตอนที่ 8 .. “เพียงชายคนหนึ่ง”

นิยาย แนว อาชญากรรม และนักสืบ (Detective and Crime Novel) / สืบสวนสอบสวน (Suspense) / Action

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.