ตอนที่ 4 .. “ มิตร หรือ ศัตรู ”

พยัคฆ์ร้าย..สายลับ

-A A +A

ตอนที่ 4 .. “ มิตร หรือ ศัตรู ”

ฟังเพลงเพราะๆ ประกอบ นิยาย พยัคฆ์ร้าย..สายลับ

มันคือความรัก - ลุลา (เพลงประกอบ นิยาย พยัคฆ์ร้าย..สายลับ) พัชฌา

มันคือความรัก - ลุลา (เพลงประกอบ นิยาย พยัคฆ์ร้าย..สายลับ) พัชฌา

sds

นิยาย แนว อาชญากรรม และนักสืบ (Detective and Crime Novel) / สืบสวนสอบสวน (Suspense) / Action

ตอนที่ 4 .. “มิตร หรือ ศัตรู”

sds

sds

  “ทำกับฉันแบบนี้ได้ยังไง ฉันจะฆ่าแก” นางแมวป่า รวบรวมกำลังเท่าที่แรงมีอยู่ บิดตัวไปทางขวาเพื่อต้องการให้หลุดออกจากวงแขนของเผด็จ แต่ก็ไม่สำเร็จ เธอคิดผิด ร่างของเธอกลับพลิกมาอยู่ด้านหน้า เผด็จดึงตัวเธอเข้ามากอดแทน โดยลำตัวเธอแนบชิดกับเผด็จมือทั้งสองของเธอกอดเผด็จแน่น ใบหน้าของเธอประกบกับเผด็จเต็มๆ ปากของทั้งสองประกบกันโดยไม่ได้ตั้งใจและเจตนา นางแมวป่าตกตะลึงและตาเบิกโพงเป็นครั้งที่สอง เธอตกอยู่ในภวังค์ของการจูบในครั้งนี้อยู่พักหนึ่ง พอได้สติก็ผละปากตัวเองออกมาจากปากของเผด็จ “ยี้”

sds

  และพอได้จังหวะที่เผด็จเผลอ เธอก็เอาเท้าซ้ายของเธอกระทืบลงไปที่เท้าขวาของเผด็จอย่างแรง “โอ๊ย” และจังหวะที่เธอจะหลุดออกจากวงแขนของเผด็จ เธอดันตัวถอยไปด้านหลังเพื่อจะออกไป ได้ใช้มือทั้งสองของเธอดันไหล่ของเผด็จให้ห่างออกนั้น นิ้วกลางขวาของเผด็จก็ได้เกี่ยวหน้ากากของเธอหลุดติดมือมาด้วย และล้มลงไปกับพื้นทั้งคู่ เมื่อเธอรู้ว่าหน้ากากเธอหลุด เธอก็รีบหันหน้าหลบไปทางขวา แล้วดึงผ้าคลุมขึ้นมาปิดหน้าทันที เผด็จไม่ทันเห็นหน้าเธอ พอเธอลุกขึ้นมาได้ ก็รีบวิ่งหนีหายไปกับกลุ่มควันทันที ปล่อยให้เผด็จที่ซึ่งลุกขึ้นนั่งอยู่ตรงนั้น ยกหน้ากากของเธอขึ้นมาดู เขาจ้องอยู่นาน แล้วก็อมยิ้มอยู่คนเดียวแบบมีความสุข แล้วก็ลุกขึ้นเดินไป

sds

  ทางด้านอัธวุฒิกับนางเสือดาว คู่นี้ก็เช่นกัน อัธวุฒิ ได้แต่ปัดป้อง ไม่ได้โจมตีอะไรมากนัก เพราะเห็นว่าเป็นผู้หญิง ได้แต่ดูทางต่อสู้ของเธอว่าจะเป็นเช่นไรบ้าง พอได้จังหวะก็ดึงตัวนางเสือดาวเข้ามาประชิด เขากอดเธอไว้ในอ้อมแขน ลักษณะเหมือนคนกำลังเต้นรำกันมากกว่า นางเสือดาวหงายหน้าอยู่ในแขนซ้ายของอัธวุฒิเท้าซ้ายชี้ขึ้นไปด้านบน เท้าขวาประคองลำตัวอยู่ แขนขวาถูกอัธวุฒิจับยกขึ้นฟ้า มือซ้ายของเธออัธวุฒิก็บีบอยู่ สักพักดึงแขนขวาลงมาทับลำตัว แล้วเอื้อมมือจะดึงหน้ากากออก

  “ไหนขอดูหน้าจริงหน่อยซิว่า จะสวยงามขนาดไหน ทำไมถึงต้องมีหน้ากากปิดไว้”

sds

  “อย่านะ” นางเสือดาว ขอร้อง พอได้จังหวะที่อัธวุฒิเผลอ เธอรีบหันหน้าตัวเองไปทางขวา แล้วเอาหัวชนหน้าอกของอัธวุฒิอย่างแรง แล้วพลิกตัวออกไปทางซ้ายหมุนตัวหลบ เมื่อได้โอกาสที่อัธวุฒิเจ็บหน้าอก เธอจึงรีบหนีไปทันที ไม่ทันให้อัธวุฒิตั้งตัว พออัธวุฒิตั้งสติได้ ก็บ่นออกมา “แหม..ไว สมกับเป็นเสือจริงๆ แม่คุณ”

sds

  นางสิงห์ดำ วิ่งหนีจ่าสน มาอีกฝากของตึก จ่าสนบุกนางสิงห์ดำ แบบไม่ให้ตั้งตัวเลย เธอหนีอย่างเดียว สู้ครั้งหนีครั้ง เธอยืนประจันหน้ากับจ่าสน การต่อสู้ระหว่างหญิงกับชาย ใครก็มองออกว่า ผู้ชายชนะอยู่แล้ว

  “เข้ามา” จ่าสนเรียก นางสิงห์ดำ “อย่าเอาแต่หนี มันเหนื่อยรู้ไหม เวลาวิ่งตามเนี่ย” แล้วก็ตั้งการ์ด

  นางสิงห์ดำ ก็ตั้งการ์ดเช่นกัน ทั้งคู่วิ่งเข้าต่อสู้กัน เนื่องจากนางสิงห์ดำเด็กกว่าจ่าสน จึงทำให้ดูว่องไวกว่ากันเยอะ นางสิงห์ดำ ตีลังกาผ่านหลังจ่าสนไป ต่อสู้ได้สักพัก ก็เสียท่าจ่าสน โดนจ่าสนล๊อคคอไว้ เพราะจ่าสนแรงเยอะกว่า ระหว่างที่นางสิงห์ดำกำลังเสียทีจ่าสนอยู่นั้น นางเสือดาววิ่งผ่านมาทางนั้นพอดี เห็นเพื่อนกำลังเสียท่า ก็เลย ใช้เข็มบินอาวุธประจำตัวซัดไปที่มือขวาของจ่าสน 3 เล่ม “โอ๊ย” จ่าสนปล่อยมือ เพราะเจ็บมือ นางสิงห์ดำได้โอกาส ก็รีบหนีออกมาจากตรงนั้น แล้วก็วิ่งหนีหายไปพร้อมกันทั้งคู่

  “เป็นไงบ้างสน” จ่าหมูวิ่งผ่านมา “ที่เหลือไปดูทางโน้น” จ่าหมูบอกกำลังที่ตามมาให้ตามไปดู

  ทางอัธวิทย์ ก็ยังวิ่งไล่ล่าสัตยา จากด้านบนลงบันไดมาข้างล่าง ยิงปืนสวนกันคนละนัดสองนัด ขิงวิ่งสวนขึ้นมาพอดี “หลบไป” อัธวิทย์ ตะโกนบอก < เปรี้ยง > เสียงปืนดังขึ้นเกือบโดนขิง สัตยา เห็นขิง อยู่ด้านล่างของเขา ก็เลยเปิดประตูแล้วเข้าไปในตัวอาคาร อัธวิทย์เห็น ก็เลยวิ่งตามสัตยา เข้าตัวอาคารไปเช่นกัน

  ขิง ก็เปิดประตูวิ่งตามเขาไปด้วย สัตยา ถือปืนวิ่งเข้าไปในอาคาร ผู้คนแตกตื่นหนีกันคนละมุม อัธวิทย์บอกให้ทุกคนก้มลง โบกมือไปมา “ก้มลงๆ” < เปรี้ยง > เสียงปืนดังขึ้น อัธวิทย์กระโดดหลบ ขิงวิ่งขึ้นมาจากชั้นล่าง เขาเห็นสัตยากำลังวิ่งไปทางนั้น ขิงขึ้นมาพอดี ชนกับสัตยาเต็มแรง ล้มลงทั้งคู่ สัตยาลุกขึ้นมาก่อน จับขิงเป็นตัวประกัน อัธวิทย์ จ่อปืนไปที่สัตยา “ยอมให้จับซะดีๆ อย่าคิดหนี แกหนีไม่รอดหรอก” อัธวิทย์ห่วงขิงมาก

  พวกตำรวจ บางส่วนวิ่งตามมาทันก็ล้อมสัตยาเอาไว้ ยังไม่มีใครทำอะไร

  “ปล่อยตัวประกันซะ โทษหนักจะได้เป็นเบา” อัธวิทย์ขู่สัตยา

  “เปิดทางให้ข้าออกไป ไม่งั้น อีนี่เป็นศพ” สัตยายังคงไม่ยอม มีการต่อรอง

  เพ็ญ และเบียร์ วิ่งมาสมทบข้างอัธวิทย์

  “ผู้กอง นั่นหมวดขิง คนของเราค่ะ ระวังหน่อยนะคะ” เพ็ญ กระซิบบอก

  “เหรอ ทำไมเฟอะฟะ แบบนี้นะ เป็นตำรวจได้ยังไง ไม่เข้าใจ” อัธวิทย์บ่นเบาๆ แต่เพ็ญได้ยิน

  “ดูพูดเข้าผู้กอง ปากร้ายนะเราหนะ” เพ็ญต่อว่าอัธวิทย์โดยไม่สนใจยศแล้ว

  สัตยา ค่อยๆ เดินแล้วลากขิงไปด้วย เอาปืนกดลิฟท์เพื่อที่จะลง “อย่าตามมานะ ไม่งั้น อีนี่เน่าแน่” พอลิฟท์เปิดออก คนในลิฟท์ตกใจเมื่อเห็นสัตยาถือปืนจ่อเข้าไป ทุกคนร้องวี๊ดว๊าย แล้วรีบวิ่งออกมา สัตยาได้โอกาสที่ชุลมุน รีบเข้าไปแล้วกดลิฟท์ลงทันที อัธวิทย์รีบวิ่งไปกดลิฟท์ แต่ก็ไม่ทัน จึงรีบวอร์ให้คนข้างล่างรับช่วง แล้วก็รีบลงไป “ไปไปไป พวกเรา ลงข้างล่างเร็ว” อัธวิทย์และคนทั้งหมด รีบลงไปข้างล่างทันที

  ลิฟท์ลงมาถึงที่จอดรถชั้นใต้ดิน ประตูเปิดออก กระบอกปืนจ่อสัตยาอยู่เต็มไปหมด แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะมีตัวประกันติดมาด้วย สัตยา มองหารถว่าคันไหนที่พอจะหนีได้บ้าง ทันใดนั้นเอง ก็มีดอกธนูเล็กๆ ดอกหนึ่งพุ่งมาปักที่มือซ้ายของสัตยา ซึ่งล๊อกคอขิงอยู่ “โอ๊ย” สัตยาปล่อยมือ ขิงทรุดตัวลงแล้วรีบวิ่งออกมาจากตรงนั้น เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ สัตยายิงปืนออกไปพอดี < เปรี้ยง > เสียงปืนดังขึ้น อัธวิทย์กระโดดบังตัวขิงไว้ได้ทัน กระสุนโดนแขนขวาอัธวิทย์แทน ขิงล้มลงกับพื้นโดยมีอัธวิทย์คร่อมอยู่

  ปืนหลายกระบอกได้ระดมยิงสัตยา เขาหลบไปบังตัวที่เสาได้ทัน พอสิ้นเสียงปืน สัตยา ก็เหลียวมองซ้ายขวาว่าใครเป็นคนยิงธนูใส่เขา ขณะที่สัตยานั่งหลบอยู่ เบื้องหลังของเขาก็ปรากฏร่างคนลึกลับคนหนึ่ง พอเขาหันไปเห็นก็ต้องตกใจ เพราะนั่นคือ เหยี่ยวราตรี ผู้พิทักษ์ความยุติธรรมที่อยู่ภายใต้หน้ากากสีน้ำเงิน ขาว แดง ทอง ในชุด ลายขาวดำ

sds

  “ใครวะ” สัตยาตกใจ แล้วเขาก็ถอยหลังออกมาจากตรงนั้น ระหว่างที่พวก เผด็จ กำลังเดินตามเขาอยู่ เพ็ญและเบียร์ พาอัธวิทย์กับขิงไปโรงพยาบาล ระหว่างทางที่จะออกไป พวกสมุนที่ขับรถเข้ามาช่วยสัตยา ก็ยิงกราดเข้าไป พวกเขาหลบแทบไม่ทัน < เปรี้ยงๆๆๆๆๆๆๆๆ > เสียงปืนดังขึ้นเป็นชุด สักพัก ก็มีเสียงดัง “ตูม” สวนกลับไป รถคันนั้นหม้อน้ำพังยับ เสียหลักไปชนเสา คนนับสิบวิ่งลงมาจากรถ

  สัตยา ค่อยๆ ลุกขึ้นมา “ใครอีกวะเนี่ย แต่งตัวแปลกๆ” สัตยา ถอดผ้าคลุมหน้าออกแล้วโยนทิ้ง และตั้งหมัดเตรียมสู้ ทั้งสองยืนประจันหน้ากันอยู่พักหนึ่ง สัตยาเริ่มก่อน เขาต่อยขวาไปตรงๆ เหยี่ยวราตรี หลบ สัตยา แย๊บซ้าย เขาก็เอามือปัด สักพัก ก็ตะลุมบอนกัน เผด็จ อัธวุฒิ จ่าหมง จ่ามิ่ง วิ่งมาเห็นพอดี ก็เลยหยุดดูการต่อสู้ของคนทั้งสอง “ใครอีกวะหนะ” จ่าหมง อุทานออกมา เผด็จบอกให้ทุกคนหลบไปดูเหตุการณ์อยู่ห่างๆ ก่อน สัตยากับเหยี่ยวราตรีสู้กันอย่างดุเดือด อัธวุฒิเล็งปืนไว้ กะว่าจะหาจังหวะยิงสัตยาเพื่อจับไปเค้นหาความจริงให้ได้ เผด็จเอามือขวากดปืนลงห้ามไว้ “ดูไปก่อนว่าเขาเป็นใคร มิตร หรือ ศัตรู” อัธวุฒิ ก็ทำตาม เก็บปืนและดูอย่างเดียว

  ทางกลุ่มของอัธวิทย์ ก็กำลังมองดูว่า ใครมาช่วยเขา สักพักพอควันจางลง เขาก็เห็นร่างของสองสาวซึ่งสวมหน้ากากยืนหน้าอยู่ เธอใส่เสื้อและกางเกงขายาวสีขาว รองเท้าบูทยาว ผมยาวสลวย ใส่หน้ากากคล้ายนกอินทรีย์ ถือหน้าไม้เล็กเป็นอาวุธประจำกาย เธอคือ วิหคขาว ส่วนอีกคนคือ พิราบเทา เธอใส่เสื้อและกางเกงขายาวสีเทา รองเท้าบูทยาว ผมยาวสลวย ใส่หน้ากากคล้ายนกพิราบ ถือกระบองเหล็กสองท่อนเป็นอาวุธประจำกาย

sds

“พาผู้กอง ไปทำแผลก่อนได้เลย ทางนี้ เราสองคน จัดการเอง” พิราบเทา เอ่ยวาจาบอกไป

sds

  พวกที่กระจายจากรถเมื่อกี้ วิ่งออกมาลุยกับพวกเธอ สักพัก พวกนั้นก็ตายเรียบ เหลือหลุดรอดไปได้ 1 คนวิ่งหนีหายไป..สัตยา ดูท่าว่าจะสู้เหยี่ยวราตรีไม่ได้ เหมือนจะเสียท่า พอดีกับจังหวะคนที่วิ่งหนี พิราบเทามาเห็นเข้า ก็เลยยิงปืนไปนัดนึง แต่ไม่โดน เหยี่ยวราตรีรีบถอยห่างออกมา “ไปเร็วพี่” คนนั้นรีบตะโกนบอก สัตยาลุกขึ้นมาได้รีบวิ่งหนีเอาตัวรอดทันที วิหคขาว กับ พิราบเทา วิ่งมาสมทบ ยิงปืนตามหลัง แต่ก็ไม่ทันแล้ว

  “เป็นไงบ้างพี่” วิหคขาวถามพี่ชาย

  “ไม่เป็นไร มันยิงไม่แม่น” เหยี่ยวราตรี บอกน้องสาว

  ทันใดนั้น เผด็จและพวกที่ซ่อนอยู่ ก็ปรากฏตัวขึ้นจากที่ซ่อนทันที จ่ามิ่ง จ่าหมง ถือปืนจ่อมาที่คนทั้งสาม

  “หยุด” เผด็จเอ่ยขึ้น “วางอาวุธและยกมือขึ้น” อัธวุฒิ กล่าวขณะที่กำลังล้วงปืนขึ้นมา

  “อะไรกัน เรามาช่วยนะ” วิหคขาว ต่อว่ากลับ

  “เราไม่อาจรู้ได้ว่าพวกคุณเป็นใครมาดีมาร้าย” เผด็จ ก็สวนกลับเช่นกัน

  “เมื่อกี้เราก็พึ่งสู้กับพวกที่สวมชุดคล้ายๆ กับเธอเหมือนกัน ฉันไม่รู้ว่า เธอกับพวกนั้นเป็นพวกเดียวกันไหม ฉันเลยขอไม่ไว้ใจพวกเธอจะดีกว่า” เผด็จอธิบายให้ฟัง

  “แต่ผู้การ ก็เห็นนี่ครับว่าพวกเราน่าจะอยู่ฝ่ายไหน” เหยี่ยวราตรีเสริมต่อ

  “คุณรู้ได้ยังไงว่าผมเป็นใคร แบบนี้ ผมยิ่งไว้ใจพวกคุณไม่ได้” เผด็จ เริ่มระแวง

  “แบบนี้เขาเรียกทำคุณบูชาโทษนะคะ ทางโน้นเราก็พึ่งช่วยมา” พิราบเทารีบทวงบุญคุณ

  “เอาเป็นอันว่า ผู้การจะจับพวกเราสามคนให้ได้ ว่างั้น” เหยี่ยวราตรี ถามย้ำเพื่อความแน่ใจ

  “ใช่” เผด็จ ตอบอย่างหนักแน่ แบบมั่นใจสุด ๆ

  “ถ้ามีปัญญา ก็เชิญ” พูดจบ เหยี่ยวราตรี ก็ปาระเบิดควันอย่างไว “ตูม” เสียงดัง ควันกระจายหนามาก พอควันจางหายหมด ก็ไม่เหลือใครให้จับอีกแล้ว เผด็จเจ็บใจมาก “โธ่เว๊ย หนีไปจนได้”

***** +++++ *****

sds

  ภายในบ้านอันหรูหราและกว้างใหญ่ของมาเฟียเจ้าพ่อใหญ่ นาม แทนไท เขากำลังเพลินอยู่กับการไดรฟ์กอล์ฟ ภายในบ้านตัวเอง

  “คฑา สนไปไหน ฉันไม่เห็นหน้ามันเลย 2 – 3 วันเนี่ย”

  “เห็นมันบอกว่า ญาติมันป่วย ขอลาครับ” คฑา รายงาน

  “เหรอ แล้วทำไมฉันถึงไม่รู้”

  “ผมนึกว่าท่าน ทราบแล้ว”

  จีจี้ ลูกสาว เดินเข้ามาหอมแก้ม แทนไท “มอนิ่ง ค่ะป๊า”

  “ไม่เช้าแล้วลูก นี่มันจะเที่ยงแล้ว” แทนไน กระเซ้าลูก

  “อ้าวเหรอ หนูไม่ได้ดูเวลา” จีจี้ ยังหาวอยู่เลย

  “แล้ววันนี้ไม่ออกไปไหนรึลูก” แทนไท ถามลูกพร้อมจิบบรั่นดี

  “สายๆ ค่ะป๊า ทางคนจัดไอ้แฟชั่นโชว์การุศลอะไรนั่น เขาบอกว่าขอเลื่อนไปอีก 3 วัน”

  “เหรอ ช่างมันเถอะ ลูกสาวป๊า สวยอยู่แล้ว” แทนไท พูดเอาใจลูกสาวขี้วีน

  “เออ แล้วนี่ยัยขิงไปไหนหละป๊า” จีจี้ มองหา แล้วมองไปที่คฑา แล้วแหย่เล่น

  “แฟนแกไปไหนหนะ คฑา” จีจี้ ตะโกนถามแบบเสียงดังฟังชัด

  “คุณจีจี้ ก็พูดไป คุณขิงเป็นแฟนผมที่ไหน เดี๋ยวท่านจะเข้าใจผมผิดเอานะครับ”

  “เหรอ ฉันนึกว่าใช่ เห็นเกิดอะไรขึ้นที่ไร ก็ถึงก่อนทุกที ทีฉันเป็นลูกสาวแท้ๆ ของป๊า แกยังไม่เห็นห่วงฉันแบบยัยขิง บ้างเลย” จีจี้แขวะคฑาแต่หัววัน คฑา ทำหน้าไม่ถูก เพราะความจริงมันเป็นเช่นนั้น

  “ไม่มีอะไรหรอกป๊า หมู่นี้ หนูไม่ค่อยเห็นหน้ามันเลย คนโปรดของป๊าหนะ”

  “เขาก็ไปทำงานของเค้านั่นแหละ เขาเป็นตำรวจนี่ แกก็รู้” แทนไท ออกตัวแทนขิง

  “ไปดีกว่า คนสวยเพลีย” แล้วจีจี้ ก็ลุกไป ยังไม่วาย หันไปมองหน้าคฑา แล้วชี้หน้า คฑา

  แทนไท ลุกขึ้นมา แล้วเดินไปแตะไหล่ซ้าย คฑา พร้อมทั้งพูดให้กำลังใจ

  “อย่าไปถือสามันเลย คฑา แกก็รู้ว่ามันไม่ถูกกัน มันชอบคิดว่าฉันเนี่ย รักยัยขิงมากกว่ามัน ซึ่งเป็นลูกในไส้ มันคิดได้ยังไง ไม่เข้าใจ ใคร..จะรักลูกเลี้ยงมากกว่าลูกตัวเองใช่ไหม” แทนไท หันไปถาม คฑา

  “ครับท่าน” คฑา ตอบแบบเกรงใจ “ผมเข้าใจครับ” คฑา แสดงความจริงใจ

  “ถึงมันจะจริงอย่างที่จีจี้ มันพูด ฉันก็ไม่ขัดขวางนะ รักใครชอบใคร ฉันคงเข้าไปเกี่ยวไปยุ่งด้วยไม่ได้ แต่ขออย่างเดียวนะ ขออย่างเดียว” แทนไท ยกแก้วบรั่นดีขึ้น แล้วหันไปบอก คฑา “งานอย่าเสีย”

  “ครับท่าน ผมจะจำสิ่งที่ท่านแนะนำและสั่งสอนไว้ครับ” คฑา โค้งคำนับแทนไท

  “เออ..แกเห็นข่าวรึยัง เมื่อกี้ข่าวออกมาว่า รองฯ เผด็จ นำทีมบุกกู้ระเบิด และจัดการไอ้พวกองค์กรลับ ที่มันส่งจดหมายมาขู่ฉันได้แล้ว กระเจิงไปเลยนี่ สำคัญนะ นายตำรวจหนุ่มคนนี้ ไม่เบา ไม่เบา ทีเดียว”

  “เห็นแล้วครับท่าน” คฑา ตอบทั้งๆ ที่ยังไม่รู้ แต่กลัวเสียหน้า

  “ฉันว่า สงสัยคงต้องไปเยี่ยมสักหน่อยซะแล้ว เพื่อให้กำลังใจคนที่ทำดี แกว่าดีไหม คฑา”

  “ดีครับท่าน ผมก็คิดเช่นนั้น”

  “ถ้างั้นช่วยจัดกระเช้าให้ฉันด้วยนะ พรุ่งนี้ จะไปยินดีกับท่านรองฯ พ่อหนุ่มคนนี้สักหน่อยแล้ว”

  แล้วก็ยิ้มด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์ ยกบรั่นดีจิบแบบมีความสุข เพราะในใจคิดเอาไว้แล้วว่า จะจับคู่ให้กับจีจี้ลูกสาวตัวเอง ถ้าเป็นไปได้อย่างที่คิด การทำงานของเขาจะไปได้ดีกว่าทุกวันนี้แน่นอน

***** ----- *****

  < ที่กาญจนบุรี > คร้าม เห็นรถเจ้านายมา ก็รีบเปิดประตู เผด็จ ขับรถพาแม่และลูกทั้งสองคนมาหลบภัยที่นี่ เทียนหอม เกศินี ออกมาต้อนรับ เพ็ญ ขอตามเผด็จมาด้วย เพราะรู้จักกับ 3 คนนี้

  “ถึงแล้วคะ คุณย่า” เพ็ญ พยุง ย่าผาด ลงมาจากรถ

  “ขนมผิง ขนมเบื้อง ลงมาได้แล้ว” เพ็ญ เรียก น้องทั้งสองคนลงมา

sds

  ทั้งสองคนทำท่ากลัวอยู่ เพราะขวัญเสียมานานตั้งแต่โดนจับไปเป็นตัวประกัน

  “ปลอดภัยแน่นะพี่เพ็ญ” ขนมผิง ถามแบบกลัวๆ

  “100% จร้าน้องรัก พี่เพ็ญขอรับประกัน” เพ็ญ การันตี

  “พี่เพ็ญอยู่กับพ่อที่นี่เหรอครับ” ขนมเบื้อง ถามเพราะเห็นเพ็ญดูเหมือนเป็นเจ้าของบ้าน

  “ป่าวหรอกจร้า พี่แค่ไปๆ มาๆ ทำไมถึงถามแบบนั้นหละ ขนมเบื้อง” เพ็ญตอบแบบยิ้มๆ

  “นั่นซิเจ้าเบื้อง ทำไมถึงไปถามพี่เขาแบบนั้นไม่เอาๆ มันไม่ดี เข้าใจไหม” ย่าผาด รีบออกตัว

  “ที่พักเรียบร้อยแล้วนะคะคุณท่าน เชิญพักผ่อนด้านบนได้เลยคะ ส่วนคุณหนูทั้งสอง จะขึ้นไปดูห้องพร้อมกันเลยไหมคะ หรือจะอยู่ข้างล่างนี่ก่อน พี่จะได้เตรีมของว่างให้” เทียนหอม มาบริการเต็มที่

  “ผมขอตัวเดินเล่นข้างล่างก่อนครับพี่ เดี๋ยวผมขึ้นไปเอง” พูดจบ ขนมเบื้อง ก็เดินออกไปสำรวจบ้านพ่อตัวเองทันที แล้วเทียนหอมก็พา เพ็ญ คุณย่า และขนมผิง ขึ้นไปชั้นบน

  “ค่อยๆ เดินนะคะคุณย่า” เพ็ญพยุง ย่าผาดขึ้นชั้นสองไป พร้อมทั้งขนมผิงที่คอยพยุงอยู่อีกข้าง

///// +++++ /////

sds

  ที่โรงพยาบาลตำรวจ อัธวิทย์และขิงได้มานอนรักษาตัว หลังจากที่ได้รอดพ้นกระสุนปืน และเหตุการณ์อันดุเดือด อัธวุฒิ เข้ามาเยี่ยมลูกชาย วิทย์ยกมือไหว้ จ่ามิ่งได้วางกระเช้าดอกไม้ไว้ที่หัวเตียง

  “เป็นไงบ้างครับ ผู้กอง ได้ข่าวว่าเป็น Hero เหรอครับ กระโดดรับลูกปืนบังสาวเอาไว้ เท่ห์จริงๆ”

  “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกจ่า เป็นจ่าถ้าอยู่ในเหตุการณ์อย่างผมตอนนั้น จ่าก็ต้องทำ”

  “แล้วเป็นไงบ้างหละลูก เจ็บแผลอะไรบ้างไหม นอนให้น้ำเกลือแบบนี้ หมดท่าเลยลูกชั้น”

  “พ่อก็ลองมานอนอย่างผมดูบ้างซิ จะได้รู้ ว่ามันเป็นยังไง” อัธวุฒิ ปาหมอนเล็กที่อยู่ตรงนั้นไปที่ลูก

  “ไอ้ลูกเวร แช่งพ่อซะงั้น” < ก๊อกๆๆๆ > เสียงเคาะประตู จ่ามิ่งเดินไปเปิดประตูให้

  สาวน้อยนางหนึ่ง ถือกระเช้าดอกไม้+ขนมเล็กน้อย เข้ามา จ่ามิ่งรับและนำไปวางไว้

  “อ้อม” อัธวิทย์ นึกไม่ถึงว่าเธอจะมาเยี่ยม แล้วเธอก็ยกมือไหว้ทุกคน มาในชุดเครื่องแบบเต็มยศ

sds

(หมวดอ้อม ร้อยตำรวจตรีหญิง โอบอ้อม มโนกุล สาวน้อยที่แอบรักอัธวิทย์)

  “ทางหน่วยที่อยู่ทำงานอยู่ ทราบข่าวว่า พี่วิทย์โดนยิงบาดเจ็บ หนูก็เลยเป็นตัวแทนในหน่วยมาเยี่ยมคะ”

  “ขอบใจมากๆ เลยนะ พี่ไม่นึกว่าอ้อม จะมา” แล้ววิทย์ก็ชี้ไปทางพ่อ

  “อ้อม นั่น พันตำรวจเอก อัธวุฒิ ปัญจโชติ พ่อพี่” เธอยกมือไหว้

  “ส่วนนั่นจ่ามิ่ง กับ จ่าหมง คนสนิทของพ่อ” เธอยกมือไหว้อีกครั้ง

  “หนูเป็นเพื่อนเจ้าวิทย์เหรอ ทำไมฉันไม่เคยเห็นมันพูดถึงเลย”

  “หนู ทำงานอยู่สายธุรการค่ะ คุณลุง” คำพูดนี้ สะอึกเลยอัธวุฒิ

  “ลุงเลยรึลูก อาก็พอมั้ง ฉันยังไม่แก่ขนาดนั้นหรอก” อัธวุฒิ รีบออกตัว

  “ขอโทษค่ะ คุณอา” อ้อม ยกมือไหว้ขอโทษ

  “หนูไม่ได้อยู่กองปราบเหมือนพี่วิทย์ แต่ชอบการบู๊นะคะ คิดว่าสักวันคงได้มีโอกาสบู๊ กะเขาบ้าง”

  “แหม หมวดอ้อมนี่ ท่าทางจะชอบบู๊นะครับ” จ่ามิ่งเย้าเล่น

  “มากเลยคะลุงจ่า” ทุกคนหัวเราะ จ่ามิ่ง ทำหน้าไม่ถูกเลย

  “ลุงก็ลุงเออ ข้ามันแก่แล้ว” แล้วก็หาที่นั่ง

  “แล้วทำไมไปอยู่ธุรการหละครับหมวด” จ่าหมงถาม

  “พอหนูจบติดยศ ตำแหน่งธุรการว่างพอดี เขาก็เลยให้หนูไปลงที่นั่น แต่ก็อยู่ในกองปราบนั้นแหละคะ แต่คนละตึก กะพี่วิทย์” เธออธิบายได้ละเอียดทีเดียว แล้วเธอก็หันไปที่อัธวิทย์

  “ขอให้หายไวๆ นะคะ พี่วิทย์ หนูเป็นกำลังใจให้” แล้วอ้อม ก็เอื้อมมือไปดึงดอกกุหลาบมาจากกระเช้า 1 ดอก และหันไปยื่นให้กับอัธวิทย์ แล้วยิ้มกริ่มอยู่คนเดียว อัธวิทย์รับเอาไว้เป็นพิธี เดี๋ยวเธอจะเสียน้ำใจ

  อัธวุฒิ ผู้เป็นพ่อ สังเกตอากัปกิริยาของอ้อมตลอดเวลาว่าเป็นเช่นไร เขาพอจะดูออกว่าเด็กคนนี้ชอบลูกชายเขา แต่ก็ยังไม่พูดอะไร ส่วนสองจ่า นั้นไม่สนใจใคร หาของฝากที่อยู่แถวนั้นกินอย่างเดียว

----- ***** -----

sds

  อีกห้องของโรงพยาบาลแห่งนั้น พยาบาลกำลังดูแลหมวดขิงอยู่ สายน้ำเกลือ ยังคงห้อยอยู่ข้างลำตัว มีหมวดเบียร์ นั่งเฝ้าเป็นเพื่อน ขิงยังหลับอยู่ สักพักก็มีเสียงเคาะประตู < ก๊อกๆๆๆ > เสียงเคาะประตู เบียร์ชะโงกดูว่าใคร เพราะกำลังจัดของบนโต๊ะอยู่  “เชิญค่ะ” ชายหนุ่งคนหนึ่งเดินถือกระเช้าดอกไม้และผลไม้ใบใหญ่ เข้ามา

sds

  “สวัสดีค่ะ” เบียร์รับกระเช้าไว้แล้ววางลง “มาเยี่ยม ขิงเหรอคะ”

  “ครับ คุณหนูเป็นไงครับ เจ็บมากไหม” คฑา ถามแบบสุภาพด้วยความเป็นห่วง

  เบียร์ตกหลุมรักคฑา ตั้งแต่แรกเห็น เงียบไปพักหนึ่ง คฑา เลยสะกิด เบียร์ เพราะเธอเงียบไม่ตอบ

  “ขา..อะไรนะคะ คุณว่าอะไรนะคะ” เบียร์ สะดุ้งตื่นจากภวังค์

  “ไม่สบาย เป็นอะไรไปอีกคนรึป่าวครับ ผมถามว่า คุณหนูเป็นไงบ้าง เห็นคุณเงียบ ผมก็นึกว่าคุณไม่สบาย ผมจะได้เรียกพยาบาลให้” คฑาพูดเหมือนเป็นห่วง

  “อ๋อ ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ ส่วนขิง สบายดี ไม่ได้โดนยิงอะไร แค่เพลีย และก็ตกใจเท่านั้น เพราะโดน ล๊อกที่คออย่างแรง ดูซิคะที่คอยังมีรอยรัดแดงอยู่เลย” เบียร์ ชี้ให้คฑาดู คฑา ก็เดินไปดู จังหวะนั้น ขิงฟื้นพอดี

  “ขอน้ำหน่อย น้ำ” คฑา มองหาขวดน้ำ และเทใส่แก้ว แล้วก็เอาหลอดใส่ให้ขิงดูด ขิงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา

  “คฑา” ขิงยังสลึมสลือ หันมองซ้ายมองขวา ว่ามีใครอยู่ในห้องบ้าง

  “อ้าวเบียร์ เธอมาอยู่เป็นเพื่อนฉันเหรอ” ขิงถามทั้งๆ ที่ยังเพลียอยู่

  “ใช่ ท่านรองฯ บอกให้มา เพราะเห็นว่าไม่มีใคร ฉันก็เลยรับอาสา เพราะกลับไปที่บ้านก็ไม่มีอะไร อยู่นี่ดีกว่า สบายดี” แล้วเบียร์ก็ดันเก้าอี้ไปให้คฑา เพื่อนั่งคุยกับขิงข้างเตียง

  “ขอบใจครับ” คฑา ขอบใจในความมีน้ำใจ

  “คฑา นี่หมวดเบียร์นะ เพื่อนในทีมของฉัน รู้จักกันไว้ซิ” ขิงแนะนำให้คฑารู้จักเบียร์

  “ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณเบียร์” แล้วคฑา ก็หันไปยิ้มให้ เบียร์เขินหน้าแดง ใจแทบละลายเลย

  “ยินดีเช่นกันค่ะ” เธอค่อยๆ เอื้อมมือไป แชคแฮน กับคฑา เวลามือจับกัน เธอนิ่งไปเลย

  “แล้วอีตาอะไรนะ ใครนะที่ช่วยฉันไว้หนะ เขาเป็นยังไงบ้าง ฉันจำได้ว่า ฉันได้ยินเสียงปืนดังขึ้นมา มันเร็วมาก แล้วฉันก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย” เธอค่อยๆ ขยับตัวขึ้นมานั่งพิงที่หัวเตียง คฑา เข้ามาช่วย

  “ขอบใจ” ขิง ขอบใจ คฑา ที่มีน้ำใจ

  “แล้วตกลง เขาเป็นใครหนะ ดูท่าทางจะเต๊ะน่าดู ไม่ใช่ย่อย พูดแต่ละคำเนี่ย มะนาวไม่มีน้ำเลย”  

  “ผู้กอง อัธวิทย์ ลูกชาย ผู้กำกับ อัธวุฒิ ของพวกเรานี่แหละ เขาเป็นตำรวจอยู่กองปราบ”

  “เหรอ ทำไมฉันไม่เคยเห็นหน้าเลย ทั้งๆ ที่ฉันก็อยู่ที่นั่น”

  “ไม่รู้ซิ เห็นได้ข่าวว่า เป็นครูฝึกตำรวจใหม่ด้วยนะ ยังงี้มั้ง เธอถึงได้ไม่เคยเห็น พอมีงานใหญ่ๆ ผู้ใหญ่ถึงจะเรียกตัวมาช่วย อย่างงานนี้ไง คุมหน่วยคอมมานโด หน่วยรบพิเศษมาด้วย โก้ไม่เบาเลยนะขิง”

  “ขี้เก็กหละไม่ว่า” ขิงดูเหมือนไม่ชอบอัธวิทย์เอามากๆ

  “ไม่เอาน่าคุณหนู ไปว่าเขา เขาอาจจะทำตามหน้าที่ก็ได้นะ” คฑา พูดขัดคอ

  “พวกใคร คฑา พวกใคร ไปเลย มาทางไหนไปทางนั้น” ขิงชี้นิ้วไล่คฑา

  เบียร์ จ้องมองดูสองคนคุยกันจนเพลิน เหมือนจะมีความสุข แต่พอนึกถึงตัวเองที่ไม่มีใครเลย ตัวคนเดียว เธอก็เกิดเศร้าใจขึ้นมา และก็ขอตัวเดินออกไปข้างนอกห้อง เพื่อหาอะไรทาน

  “คุยกันไปก่อนนะขิง เราขอตัวไปหาอะไรทานก่อน”

  “ตามสบายเลยเบียร์ ไม่ต้องห่วงฉัน มีคฑาอยู่ทั้งคน สบายหายห่วง ไปนานๆ ได้เลย”

  แล้วก็ยกมือเหมือนไล่เบียร์..เบียร์ ก็คว้ากระเป๋าสตางค์แล้วก็เดินออกไปเลย

***** ----- *****

sds

  ณ.สำนักงานนักสืบ ของปูน พลอยใส หุ้นส่วนของเธอดินลงมาจากด้านบนซึ่งเป็นที่พักของเธอ เห็นสภาพของสองสาวและหนึ่งหนุ่ม มานอนแอ้งแม๊งหมดแรงกันอยู่ตรงโซฟาหน้าร้าน ก็เลยสงสัย เห็นหมอนเล็ก ๆ วางอยู่แถวนั้น ก็เลยเอาหมอนตีไปที่ปูนกับทับทิม ซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด

  “ตื่นๆๆ” แล้วสองสาวก็รู้สึกตัว งังเงีย ลืมตามาดูว่าใคร

  “ไปทำอะไรกันมา ดึกๆ ดื่นๆ ไม่นอน นี่มันบ่ายแล้ว ลูกค้าเข้ามาเสียภาพพจน์หมด โน้นก็อีกคน ไปเลยไปปลุก พี่ชายตัวดีของเธอเลย ทับทิม ว่าจะขอแรงให้ช่วยขับรถไปธนาคารให้หน่อย ไม่เอาแล้ว”

  “เปาเปา เปาเปา” อารมณ์เสีย ก็เลยไปเรียกลูกจ้าง

  “ขา พี่พลอย” เปาเปา ขานรับ แล้วพลอยใสก็เดินไปที่เคาน์เตอร์

  “เอาซองเงินที่วางอยู่บนโต๊ะพี่มาซิ จะไปธนาคาร ต้องพึ่ง Taxi อีกแล้ว ไม่ไหวๆ ” พลอยใสไปแบบหัวเสีย เธอหันไปมองดูท้องฟ้า ฝนทำท่าจะตก เธอจึงยืนโบกมือเรียกรถ Taxi แต่ก็ไม่มีเลยที่มันจะจอด พอดีกับ ปริ้นซ์ เพื่อนของแตงโม ขับรถเข้ามาพอดี เขาจึงบีบแตรเรียก < ปิ้นๆๆๆๆ > พลอยใส หันไปดูว่าใคร

  “จะไปไหนเหรอพลอย” ปริ้นซ์ ชะโงกถาม

  “จะไปธนาคารหนะพี่ พลอยเรียก Taxi ก็ไม่มีคันไหนจอดเลย ฝนก็จะตกแล้วด้วย”

  “เหรอ งั้นขึ้นมาเลย เดี่ยวพี่ไปส่งเอง” ปริ้นซ์ ชวนแบบไม่ลังเล

  “พี่มาหาพี่โม ไม่ใช่เหรอ พลอยเกรงใจ” พลอยใสเป็นคนขี้เกรงใจคน

  “ไม่เป็นไร ไอ้โมหนะ เมื่อไหร่ก็หาได้ นี่มันก็บ่ายกว่าเข้าไปแล้วรีบไปเถอะ ก่อนที่รถจะติดมากกว่านี้”

  “ขอบคุณค่ะพี่” แล้วพลอยใส ก็รีบเปิดประตูรถ เพราะรถด้านหลังติดมาก เขาปีบแตรไล่แล้ว

%%%%%% ----- %%%%%%

  ทางด้านสามสาวก็แย่ไม่แพ้กัน ทั้งสามคน สะบักสะบอม เพราะงานนี้หนักกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา งานนี้ไม่หมูเลย โดยเฉพาะโบว์ รอยจูบบนแก้ม ที่เผด็จ ฝากไว้ให้ เธอถูยังไง ล้างยังไง ก็ไม่มีวันออก เธอโกรธและโมโหมากอารมณ์เสีย ฟาดงวงฟาดงาไปหมดขณะที่อยู่ในห้องน้ำ เธออาบน้ำเพื่อพยายามที่จะชำระล้างสิ่งที่เผด็จทำไว้กับเธอ แต่ยิ่งคิดเธอก็ยิ่งหวั่นไหว หรือว่าเธอเริ่มมีใจให้กับเผด็จเสียแล้ว “ไม่น่า” เธอพูดกับตัวเอง “ไม่ ไม่ ไม่จริง”

  “เป็นไปไม่ได้ เราจะไปชอบ จะไปรักผู้ชายพันธุ์นั้นได้ยังไง เราต้องเกลียดเขาซิ เราต้องเกลียด”

  แล้วเธอก็เอามือตบแก้มซ้ายแก้มขวาเธอไปมาเบาๆ เธอปล่อยให้สายน้ำไหลลงหัวเธอผ่านไปยังใบหน้า เพื่อทำให้จิตใจของเธอสบายและไม่คิดถึงใคร หลังจากอาบน้ำเสร็จ เธอก็ออกมาเพื่อจะเปลี่ยนชุดก็ต้องตกใจเมื่อเห็นเบ็นซ์ พี่สาวตัวเองมานั่ง ผมยุ่งในมุมมืดๆ

  “ทำไมไม่เปิดไฟหละพี่” เธอเอื้อมมือไปเปิดไฟ แล้วก็เอาผ้าเช็ดตัวยีหัว แล้วมานั่งคุยกะพี่สาว

  “แล้วมานั่งทำอะไรตรงนี้คนเดียว มืดก็มืด ไฟก็ปิดไม่เปิด” เบ็นซ์ ยังคงนั่งเหม่อลอยนึกถึงเรื่องที่เขาต่อสู้กับอัธวุฒิ นึกถึงตอนที่อยู่ในอ้อมกอดอัธวุฒิ น้องสาวเรียกตั้งนาน จนโบว์ต้อง เขย่าตัว เบ็นซ์ถึงจะรู้สึกตัว

  “เป็นอะไรไปพี่ ดูใจลอยๆ นะหนูเรียกเท่าไหร่พี่ก็เงียบ พูดอะไรไปถามอะไรไปรู้ไหมเนี่ย”

  “กำลังคิดอะไรเพลินไปหน่อย ขอโทษที” แล้วก็มานั่งคิด สักครู่ ก็หันไปถามน้องสาว

  “โบว์ พี่อยากเลิก” เบ็นซ์ทำหน้าจริงจังกับน้องสาว

  “เป็นไรขึ้นมาอีกหละพี่” เบ็นซ์มีความรู้สึกว่า มีคนที่เก่งกว่าพวกเธอ และสักวันถ้ามันพลาดขึ้นมา ชีวิตพวกเธอจะเป็นเช่นไร อนาคตที่เขาฝันเอาไว้ ก็คงต้องพังทลาย ไม่อยากพบจุดจบโดยเร็วก่อนวัยอันสมควร

  “เหตุการณ์ในวันนี้ มันทำให้พี่คิดนะซิ แกก็แพ้เขามาไม่ใช่เหรอ พี่ก็เห็นแกพลาดท่าเขานะ อย่านึกว่าฉันไม่รู้ ไอ้แป๋วก็แพ้ หนีนอนไปแล้ว สะบักสะบอมตามกัน เราทำงานกันมาไม่เคยพลาดเหมือนงานนี้เลยนะโบว์ แต่ละคนไม่หมู เหมือนงานที่ผ่านมา ผู้กำกับอัธวุฒิ พี่ดูออกว่าเขาออมให้ ทุกคนเลย โดยเฉพาะ ผู้การเผด็จ นั่นยิ่งแล้วใหญ่ เขาแทบจะไม่ตอบโต้แกเลย รับอย่างดียว ขนาดแกรุกเขาขนาดนั้น เขาก็ไม่เคยที่จะทำร้ายอะไร มันก็เลยทำให้พี่กลับมาคิดว่า ถ้าพวกเราทนทำงานแบบนี้ไป พวกเราจะมีจุดจบที่ไม่สวยนะ ยังไงแกก็ลองเอาไปคิดดูนะ ที่พี่บอกเนี่ยก็เพราะว่า เราเป็นพี่น้องกัน ที่จริงไอ้แป๋วมันก็อยากเลิก มันก็เคยเปรยๆ กับพี่เหมือนกัน”

  “แล้วบอสจะยอมหรือพี่เบ็นซ์ หนูว่าคงยาก หนูยังไงก็ได้ เขาเลี้ยงเรามา เขาฝึกพวกเรามา ก็หวังว่าจะให้มาทำงานให้เขา พี่ก็รู้ บุญคุณต้องทดแทน อะไรแบบนี้ เอ้า..ว่าไงว่าตามกันพี่ หนูเอาด้วย ถ้าพวกพี่สองคนอยากเลิก หนูก็จะเลิก เอาไว้มีจังหวะดีๆ แล้วเราค่อยอธิบายให้บอสฟังแล้วกันเนาะ” แล้วโบว์ก็หอมแก้มพี่สาว

  “รักนะ เด็กโง่ พี่ไปนอนหละ” เบ็นซ์หอมแก้มน้องสาว แล้วก็เดินออกไป ปล่อยให้โบว์นั่งคิดอะไรเพลินๆ อยู่คนเดียว สักพัก หน้าของเผด็จก็ลอยขึ้นมาอยู่ตรงหน้าได้ยังไงก็ไม่รู้ แล้วเธอก็สะบัดหน้า แล้วไปนอน

+++++ ****** +++++

sds

  ฉัตรเทพ อารมณ์เสียมาก ถึงแม้จะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรจากงานนี้ อย่างน้อยก็ได้กุญแจมา ดรัณ คนสนิทของ ฉัตรเทพ เป็นห่วงนายใหญ่มาก จึงรีบเข้ามารับใช้อย่างใกล้ชิด ถือผ้าเช็ดหน้ามาให้ ฉัตรเทพ หยิบขึ้นมาเช็ด

  “สัตยา กลับมารึยัง”

  “ยังเลยค่ะนาย”

  “ไปไหนของมันวะ แยกกันตั้งนานแล้ว ไม่ใช่ว่า ไปพลาดท่าโดนจับไปอีกนะ หมู่นี้ฝีมือยิ่งตกๆ อยู่ด้วย แล้วพวกสามสาวติดต่อกลับมาบ้างรึป่าว”

  “ยังเหมือนกันค่ะนาย ถ้านายต้องการพบ เดี๋ยวดิฉันจะเรียกให้มาพบโดยเร็วที่สุด”

  “ดีเหมือนกัน หมู่นี้ไม่ค่อยได้เจอพวกนั้นเลย งานที่ให้ไปทำก็ไม่เห็นมารายงานเลยเดี่ยวนี้”

  “ได้ค่ะนาย ดิฉันจะรีบดำเนินการให้อย่างด่วนที่สุด” แล้วดรัณ ก็เอาผ้าที่ฉัตรเทพส่งให้ไปเก็บ

  ฉัตรเทพ หยิบกุญแจขึ้นมาดู แล้วก็กำเอาไว้ “ไอ้เผด็จ” ฉัตรเทพ รำพึงออกมา 

  “พรุ่งนี้ได้รู้กันว่าของของฉันยังจะอยู่ไหม” เขารีบเก็บกุญแจใส่กล่องอย่างมิดชิด แล้วก็หาเหล้ามาทาน สักพักก็มีเสียงกุกกักๆ ที่ประตู ดรัณ กับฉัตรเทพ หยิบปืนเตรียมไว้ เพื่อความปลอดภัย พอประตูเปิดออก ปืน สองกระบอกก็จ่ออยู่หน้า สัตยา “ผมเองนาย” เขาเดินเข้ามาสภาพดูไม่ได้ แทบหมดแรง

  “เกือบเป็นผีแล้วไหมหละแก ทำไมไม่เคาะประตู” ทั้งสองคนเก็บปืน

  “ทำไมพึ่งมา” ฉัตรเทพ ถาม แล้วสายตาก็จ้องมองดูสภาพสัตยา

  “ไม่ต้องถามเลยนาย” ดรัณ ตอบแทนสัตยา..สัตยา หันไปองหน้าดรัณ

  “อย่าปากดี แกไม่ได้เจอแบบข้า” แล้วก็หันไปบอกนาย

  “รู้ไหมนาย ว่าวันนี้ผมไปเจออะไรมา” แล้วก็พยายามพาร่างของตัวที่ยับเยินไปหาที่นั่ง

  “แล้วฉันจะรู้กะแกไหม มีอะไรก็เล่ามา” ฉัตรเทพ ชักเริ่มไม่พอใจ

  “ข้าไปเจอคนใส่หน้ากาก 3 คน” ฉัตรเทพหัวเราะ

  “แกยังไม่ชินกะอีนาง 3 คนนั้นอีกเหรอ” สัตยา เอาปากเปิดจุกบรั่นดี แล้วยกซด แล้วก็พูดต่อ

  “มันไม่ใช่พวกเรานะซิ มันมีมนุษย์หน้ากากโผล่มาอีกแล้ว เหมือนพวกเราเลยนาย มันเล่นงานผมแบบไม่ทันได้ตั้งตัวเลย” ฉัตรเทพลุกขึ้นหัวเราะอีกครั้งอย่างดัง

  “555555+ แกสู้พวกมันไม่ได้ หรือ ไม่มีน้ำยาต่างหากวะสัตยา กี่ครั้งแล้วที่แกพลาด หลังๆ เนี่ย แกทำอะไรไม่เคยสำเร็จสักงานเลยนะ อย่าให้พูดเลย” สัตยานั่งก้มหน้า เหมือนยอมรับความผิด

  “พรุ่งนี้ไปท่าเรือกะฉัน” แล้วก็หันไปบอก ดรัณ

  “บอกสามสาวด้วยนะ ฉันจะไปโกดังท่าเรือพรุ่งนี้ให้มาทำงานด้วย ส่วนแกสัตยาไปเจอฉัน 10 โมงเช้า”

  “ค่ะนาย” ดรัณรับคำ แล้วก็ส่งข้อความไปให้สามสาวทันที ส่วนสัตยา รับคำและนั่งซดบรั่นดีอย่างเดียว

..... +++++ .....

  กลางดึกที่เมืองกาญจน์ อากาศกำลังดี เผด็จ ยืนดูธรรมชาติที่ดาดฟ้าหลังบ้าน พร้อมกับสั่งลูกน้องทุกคนไว้เป็นอย่างเด็ดขาดว่า ต้องดูแลแม่และลูกๆ ของเขาให้ดี ต่อไปนี้ใครจะเข้าจะออก จะไปไหนจะมาไหน ต้องระมัดระวังให้ดี โดยเฉพาะแม่ของตัวเอง เขาได้สั่ง เทียนหอม ไว้อย่างเคร่งครัด เป็นบอดี้การ์ด ทั้งสามคน งานนี้หินที่สุด เท่าที่เทียนหอมเคยรับมา

  “ไหวไหมเทียนหอม” เผด็จ ถามเพราะดูแล้วเหมือนเธอไม่อยากรับงานนี้

  “ไหวค่ะท่าน” เทียนหอมรับคำหนักแน่น

  “ฉันเข้าใจนะ ว่างานนี้มันหนัก แต่ฉันเชื่อใจเธอคนเดียวนะ” แล้วเผด็จก็เดินมาแตะไหล่ขวาของเทียนหอม หยุดนิ่งสักพัก แล้วเดินผ่านไป หยุดตรงหน้า คร้าม

  “สำหรับคร้าม ฉันมีเรื่องให้ช่วยหน่อย นายเป็นคนพื้นเพแถวนี้ใช่ไหม”

  “ครับท่าน” เผด็จ เอามือตบไหล่ขวาเบาๆ แล้วก็เดินวนไปด้านหลัง

  “ฉันอยากรู้ว่า ไอ้เขาฟากโน้นหนะ มันของใคร วันก่อนฉันเห็นรถวิ่งเข้าออก ค่อนข้างบ่อยมาก เหมือนมีการขนอะไรกันสักอย่าง ถ้ามีเวลา ช่วยไปสืบให้ฉันหน่อยซิ”

  “เป็นของกำนันเทิ้มครับท่านรองฯ” คร้าม อธิบายให้เผด็จฟังเหมือนไม่พอใจกำนัน

  “ไอ้นี่มันเป็นนักเลงเก่า เป็นหัวคะแนนให้กับ นักการเมือง มีอิทธิพลกับคนแถวนี้มาก พูดแล้วก็เจ็บใจ ที่นาผมก็โดนมันยึดไปต่อหน้าต่อตา ทั้งๆ ที่ยังไม่หมดจำนอง มันเห็นว่า พ่อแม่ผมไม่รู้หนังสือ มันโกงเอาไปหน้าตาเฉย แบบหน้าด้านๆ ที่ผมติดคุก ก็เพราะว่า ผมไปฆ่าน้องชายมันนั่นแหละครับ ถ้าผมไม่ได้ท่านรองฯ ช่วยไว้คราวนั้น ผมท่าจะแย่ เพราะมันมีเส้นสายในคุกค่อนข้างเยอะ ขนาดจ้างคนไปเก็บผมในคุก มันยังทำได้”

  “ช่างมันเถอะคร้าม เรื่องมันก็ผ่านมาแล้ว อย่าไปนึกถึงเลย เราเป็นยังไงเรารู้ตัวดี ผิดถูกว่ากันไปตามสถานการณ์ ก็แล้วกัน” แล้วเผด็จก็หันไปมอง ภูเขา เขาชี้ไปที่นั่นแล้วก็บอกกับเทียนหอมและคร้าม

  “ทำตัวให้เหมือนอย่างภูเขานะ หนักแน่น รับได้ทุกสภาวะการ ฝนตกเกิดน้ำป่า ดินทรุดดินถล่ม มันก็ยังคงอยู่ ระเบิดลงตูมตาม มันก็ยังคงตั้งอยู่เหมือนเดิม อะไรผ่านมาก็ตั้งรับได้เป็นอย่างดี จำไว้นะทุกคน ทำงานกับผม ต้องใจเย็น มีสติ คิดก่อนทำ วางแผนเดินเกมส์ให้ดีแล้วทุกคนจะปลอดภัย ผมดีใจนะที่ได้ร่วมงานกับทุกคน ทุกคนเหมือนพี่น้องของผม ทุกข์สุข มีอะไรเราต้องมีกันและกัน มีอะไรขอให้มาบอก แล้วมันจะดีขึ้นเอง”

  แล้วเผด็จก็บอกให้พวกนั้นแยกย้ายกันกลับไป เขาหันกลับไปยืนดูภูเขา ธรรมชาติเพียงลำพัง สักพักเพ็ญเดินเข้ามา เผด็จยังไม่รู้ เพราะกำลังเพลินกับธรรมชาติด้านหน้า เพ็ญค่อยๆ สวมกอดเอวเผด็จจากด้านหลังแล้วเอาแก้มขวาซบที่แผ่นหลัง เผด็จ ก้มดูนิดนึง แล้วค่อยๆ หันซ้ายไปดูว่าใคร “เพ็ญ” เผด็จหันตัวเองนิดหน่อย แล้วเผด็จก็ดึงตัวเพ็ญมาด้านข้าง แล้วเอาแขนซ้ายของตัวเองโอบเพ็ญและก็ก้มลงจูบหน้าผาก เพ็ญยังคงโอบกอดเผด็จเอาไว้ แล้วยิ้มพริ้มแบบมีความสุข เผด็จเอามือขวาบี้จมูกสาวน้อยขี้อ้อน

sds

  “มีอะไร จะมาอ้อนอะไรอาอีกรึ นางฟ้าตัวน้อยน้อย” เผด็จ ถามแบบเอ็นดู

  “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ หนูเห็นอาเต๋า ดูเครียดกับงาน ก็เลยอยากมาให้กำลังใจ ถึงแม้ว่าจะน้อยนิด แต่ก็ดีกว่าที่ไม่ได้ทำอะไรเลย” แล้วเพ็ญก็เขย่งตัวขึ้นไปหอมแก้มซ้ายเผด็จ เผด็จหันไปมองหน้าหลานสาว

  “ทำไมวันนี้มาแปลก เมื่อก่อนไม่เคยเห็นเป็นแบบนี้” แล้วเผด็จก็ปล่อยแขนที่โอบ มาจับไหล่ทั้งสองของเพ็ญ แล้วงอตัวมาจ้องที่หน้า “มีไรบอกมา อารู้นะ อาเลี้ยงหนูมา ทำไมจะไม่รู้” เพ็ญยิ้มและหน้าแดง

  “อาเต๋าหนะ รู้ทันหนูอีกแล้ว” แล้วก็เอาแก้มขวาซบไปที่หน้าอกซ้าย ของเผด็จ

  “พรุ่งนี้หนูขอกลับกะอาด้วยนะคะ” ยังอ้อนอยู่

  “อ้าวไหนบอกจะอยู่พักผ่อน คุยกะย่าไง เห็นบ่นว่าคิดถึง อาออกเช้ามืดนะ”

  “เปลี่ยนใจแล้ว อากลับหนูกลับ นะนะ อยู่นี่ก็ไม่มีอะไรแล้ว คุณเทียนหอม ก็อยู่ สบายใจได้ .. Ok”

  พวกเขาไม่รู้หรอกว่า มีสายตาของเด็กน้อยคนหนึ่งแอบจ้องมองดูอยู่ ขนมผิง ตั้งแต่เสียแม่ไป กลายเป็นเด็กที่มีปัญหา ขี้อิจฉา หวงพ่อ ระแวงผู้หญิงทุกคนที่มาเข้าใกล้พ่อ ถ้ามีใครมาเกาะแกะกับพ่อของเธอ เธอจะอาละวาดทันที วันนี้ก็เช่นกัน เธอจ้องมองเพ็ญ สายตาที่เริ่มไม่เป็นมิตรของเธอที่มีต่อเพ็ญ ความไม่เป็นมิตรเริ่มก่อตัวขึ้นในใจเสียแล้ว แต่นอกเหนือจากขนมผิงแล้ว ก็ยังมีสายตาของผู้เป็นแม่อีกคนที่คอยดูอยู่ห่างๆ เช่นกัน

  “ขนมผิง” ขนมผิง สะดุ้ง แล้วหันไป เห็นคุณย่ายืนอยู่

  “ขา คุณย่า” ย่าผาดจ้องหน้า ขนมผิง แล้วเดินไปหา

  “ย่ารู้นะ ว่าแกคิดอะไรอยู่ อย่าเชียวนะ นั่นพ่อแกนะ แล้วนั่นก็พี่สาวแก ไม่ว่าจะยังไง ย่าก็ขอห้าม”

>>>>>>>>>> ********** <<<<<<<<<<

โปรดติดตามตอนต่อไปใน ตอนที่ 5 .. “ของรักของหวง”

sds

ตอนที่ 4 .. “มิตร หรือ ศัตรู”

นิยาย แนว อาชญากรรม และนักสืบ (Detective and Crime Novel) / สืบสวนสอบสวน (Suspense) / Action

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.