บทที่ 241 หวังรุ่ย

-A A +A

บทที่ 241 หวังรุ่ย

บทที่ 241 หวังรุ่ย

เสียงรองเท้าส้นสูงกระทบพื้นเริ่มดังมาแต่ไกล ก่อนที่ในเวลาอีกไม่นานสาวสวยสวมแว่นก็เดินเข้ามาภายในห้อง

“เอาล่ะ ทุกคนนับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฉันจะเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของพวกเธอ อาจารย์ชื่อว่าหลิวโม่หรือพวกเธอจะเรียกฉันว่าอาจารย์หลิวเฉย ๆ ก็ได้”

“ครับ” เหล่าบรรดานักศึกษาชายต่างก็พูดตอบกลับหน้าสลอน เพราะเนื่องมาจากหลิวโม่เพิ่งจบปริญญาเอกเพียงแค่ไม่นานประกอบกับรูปร่างอันสง่างาม มันจึงทำให้แม้แต่นักศึกษาหญิงหลาย ๆ คนก็ยังต้องอิจฉาอาจารย์สาวสวยคนนี้

“เอาล่ะ นับตั้งแต่บ่ายวันนี้เป็นต้นไป พวกเธอทุกคนจะต้องเรียนวิชาทหารเป็นเวลา 1 เดือน”

หลังจากการสอนผ่านไปนานกว่า 2 ชั่วโมง มันก็ไม่มีนักศึกษาคนไหนคอยขัดจังหวะหรือก่อกวนเลยแม้แต่คนเดียว มันจึงทำให้หลิวโม่รู้สึกพอใจมาก

ทันใดนั้นมันก็มีเสียงเคาะประตูพร้อมกับนักศึกษาชายกลุ่มหนึ่งที่เดินเข้ามาภายในห้อง ก่อนที่ผู้นำของนักศึกษากลุ่มนั้นจะพูดขึ้นมาว่า

“อาจารย์หลิว ผมชื่อหวังรุ่ยเป็นประธานสภานักศึกษาครับ”

“มีอะไรงั้นเหรอ?” หลิวโม่ถาม

“นอกจากเป็นประธานสภานักศึกษา ผมยังเป็นประธานชมรมเทควันโดด้วยเพื่อเตรียมตัวสำหรับการแข่งเทควันโดระดับชาติในปีหน้า โค้ชเลยให้ผมมาดูตามห้องเรียนต่าง ๆ ว่ามีใครพอจะมีแววบ้างไหม” หวังรุ่ยกล่าว

“OK ถ้างั้นฉันก็ฝากทุกคนเอาไว้ด้วยนะ เดี๋ยวฉันจะไปดูชุดฝึกทหารสักหน่อย” หลิวโม่กล่าว

หวังรุ่ยยืนส่งหลิวโม่ออกจากห้องอย่างนอบน้อม ก่อนที่เขาจะหันกลับมาบรรยายเรื่องเทควันโดอย่างกระตือรือร้นเป็นเวลากว่าครึ่งชั่วโมง

ระหว่างนี้ลู่หยางไม่ได้ฟังสิ่งที่หวังรุ่ยพูดออกมาเลยแม้แต่คำเดียว เพราะเขารู้แค่เพียงว่าคนตรงหน้าคือคู่แข่งที่จะมาแย่งเสินเมิ่งเหยาไปจากเขา

ในชาติก่อนการปรากฏตัวของหวังรุ่ยทำให้ลู่หยางจำเป็นจะต้องกักเก็บความรู้สึกของตัวเองไว้ เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องรูปร่าง, หน้าตา, ฐานะ, ความรู้หรือเรื่องความสามารถ เขาก็ไม่มีอะไรโดดเด่นพอจะสู้อีกฝ่ายได้สักอย่างหนึ่งเลย

อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขามีประสบการณ์ในสังคมมากยิ่งขึ้น เขาก็ได้รู้ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับความรักมากขนาดนั้น ในทางตรงกันข้ามคนที่ดูดีอย่างหวังรุ่ยกลับเป็นคนกะล่อน เพราะเขาไม่จริงจังกับผู้หญิงคนไหนเลยแม้แต่คนเดียว

เมื่อมีโอกาสได้กลับมาเกิดใหม่ในชาตินี้ ลู่หยางก็จะไม่ยอมปล่อยให้หวังรุ่ยตามจีบเสินเมิ่งเหยาอย่างเงียบ ๆ อีกต่อไป เพราะเขาตั้งใจจะจีบเสินเมิ่งเหยาอย่างจริงจังและใครก็ตามที่เข้ามาขวางก็ต้องมีการแข่งขันกับเขาสักหน่อย

กริ้ง!

เสียงกริ่งดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าหมดเวลาคาบเรียน หวังรุ่ยจึงเดินเข้ามาก่อนจะพูดกับเสินเมิ่งเหยาด้วยรอยยิ้ม

“ตอนเที่ยงนี้ไปกินข้าวด้วยกันไหม?”

“ไม่ล่ะ พอดีฉันมีธุระ” เสินเมิ่งเหยาตอบอย่างรู้สึกขยะแขยงภายในใจ

ท้ายที่สุดเธอก็ได้ยินชื่อเสียงของหวังรุ่ยจากรุ่นพี่ที่เรียนที่นี่มาก่อนแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นเพย์บอลที่มักจะตามจีบผู้หญิงไปเรื่อย แล้วถึงแม้หวังรุ่ยจะมีฉายาว่าเจ้าชายขี่ม้าขาว แต่ในความเป็นจริงอีกฝ่ายก็ถือว่าเป็นคนเลวดี ๆ คนหนึ่งนี่เอง

“มีธุระอะไรงั้นเหรอ ให้ฉันช่วยจัดการไหม? ในมหาวิทยาลัยนี้ไม่มีเรื่องอะไรที่ฉันจัดการให้ไม่ได้หรอกนะ” หวังรุ่งถามอย่างห่วงใย

เสินเมิ่งเหยาไม่ได้มีธุระอะไรจริง ๆ คำถามของอีกฝ่ายจึงทำให้เธอพูดไม่ออก

“ขอโทษนะ แต่เธอคนนี้ต้องไปทานข้าวเที่ยงกับผม ว่าแต่หวังเสวี่ยกับเซี่ยลี่ล่ะ คุณจัดการเรื่องของพวกเธอเสร็จแล้วงั้นเหรอ?” ลู่หยางปรากฏตัวขึ้นมาข้าง ๆ เสินเมิ่งเหยาอย่างกะทันหัน

คำพูดนี้ถึงกับทำให้หวังรุ่ยยืนงงอยู่กับที่ เพราะหวังเสวี่ยคือแฟนคนปัจจุบันของเขา ขณะที่เซี่ยลี่คือผู้หญิงที่เขาเพิ่งตามจีบได้ไม่นาน มันยังไม่น่าจะมีใครมารู้เรื่องนี้เลย

อย่างไรก็ตามในตอนที่เขาเห็นเสินเมิ่งเหยา เขาก็เตรียมที่จะทิ้งผู้หญิง 2 คนนั้นแล้ว แต่ใครจะไปคิดว่าลู่หยางจะมาเปิดโปงเรื่องผู้หญิงเก่าของเขาต่อหน้าเสินเมิ่งเหยาแบบนี้

“นายเป็นใคร ทำไมมาพูดเรื่องเหลวไหลแบบนี้?!” หวังรุ่ยชี้หน้าลู่หยางด้วยแววตาอันดุดัน

“ผมชื่อลู่หยาง” ลู่หยางจ้องมองกลับไปโดยเผยจิตสังหารออกมาชั่วขณะ

จู่ ๆ หวังรุ่ยก็รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ความรู้สึกนั้นมันก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว เขาจึงคิดว่าตัวเองคิดมากไปเองและชี้หน้าลู่หยางพร้อมกับพูดต่อไปว่า

“ฉันจะจำนายเอาไว้!”

หลังพูดจบหวังรุ่ยก็เดินออกจากห้องนี้ไป กลุ่มนักศึกษาชายที่ติดตามหวังรุ่ยมาจึงเดินเข้ามาล้อมลู่หยางพร้อมกับพูดว่า

“ไอ้หนู พวกเราชมรมเทควันโดจะจำนายเอาไว้”

“ชมรมเทควันโดแล้วยังไงเหรอ?” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเย้ยหยัน

“นี่แก…” ลูกน้องของหวังรุ่ยไม่คิดว่าลู่หยางจะหยิ่งผยองถึงขนาดนี้ แต่ถึงแม้พวกเขาจะอยากสั่งสอนชายหนุ่มตรงหน้า แต่พวกเขาก็รู้ดีว่าตอนนี้พวกเขายังคงอยู่ในมหาลัย

“ฝากเอาไว้ก่อนเถอะ”

หลังจากเห็นพวกหวังรุ่ยเดินจากไป จางเหมิงก็พูดขึ้นมาอย่างโกรธเคือง

“ตอนแรกฉันก็คิดว่าหวังรุ่ยเป็นคนดี แต่ใครจะไปคิดว่ามันเป็นไอ้สารเลวที่มีแฟน 2 คนอยู่แล้วแต่ยังจะมาตามจีบเหยาเหยาของเราอีก”

“โชคดีนะที่เมื่อกี้ลู่หยางพูดความจริงออกมา ไม่งั้นพวกเราก็คงจะถูกหลอกเหมือนกัน” หลิวฉ่วงกล่าว

“ทำไมจู่ ๆ นายถึงพูดเรื่องนี้ออกมาล่ะ? ระวังหวังรุ่ยจะมาหาเรื่องนายเอานะ” เสินเมิ่งเหยาหันไปพูดกับลู่หยางด้วยความเป็นห่วง

“ฉันก็แค่ทนเห็นพวกเขาทำพฤติกรรมแบบนี้ไม่ได้ อีกอย่างเธอก็คิดซะว่าเรื่องที่ฉันทำเป็นการขอโทษแทนเรื่องในก่อนหน้านี้ไปก็แล้วกัน” ลู่หยางกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ

“นี่นายเก่งหรือแค่กล้าเพราะไม่รู้เรื่องอะไรกันแน่” เสินเมิ่งเหยากล่าวอย่างประหลาดใจเมื่อได้เห็นความใจเย็นของลู่หยาง

ฮวงเชียงพาพวกโม่หลงเดินเข้ามาโอบไหล่ลู่หยางแล้วพูดว่า

“วันนี้พวกเราไปด้วยกันเถอะ ถ้าหวังรุ่ยเห็นพวกเรามากันเยอะเขาก็คงจะไม่กล้าทำอะไรหรอก”

“ใช่ ต่อให้ต้องสู้กันจริง ๆ ฉันก็ไม่กลัว ความจริงฉันเกลียดคนแบบนี้ที่สุดเลย” โม่หลงกล่าวเสริม

“ขอบใจนะ แต่เรื่องนี้พวกนายอย่าเพิ่งเข้ามายุ่งเลย เอาเป็นว่าพรุ่งนี้พวกเราค่อยมาเจอกัน” ลู่หยางกล่าว

หากลู่หยางไม่รู้ว่าเป้าหมายของฮวงเชียงคือเสินเมิ่งเหยา เขาก็คงจะขอบคุณในน้ำใจของอีกฝ่าย อย่างไรก็ตามคนที่จริงใจมีเพียงแต่พวกโม่หลงเท่านั้นและพวกเขาก็ถูกฮวงเชียงใช้ประโยชน์ไม่ต่างไปจากตัวของลู่หยางเลย

ฮวงเชียงไม่คิดว่าลู่หยางจะปฏิเสธและถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกประหลาดใจ แต่เขาก็เลือกที่จะไม่พูดอะไรออกมา

ในระหว่างที่ฮวงเชียงกำลังประหลาดใจอยู่นั้น ลู่หยางก็ได้เดินเข้ามาตบไหล่โม่หลงเบา ๆ พร้อมกับพูดว่า

“ที่ฉันทำแบบนี้ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากเลี้ยงข้าวพวกนายนะ แต่ฉันไม่อยากให้พวกนายมาเดือดร้อนด้วย ฉันเป็นคนหาเรื่องหวังรุ่ยด้วยตัวเอง ดังนั้นฉันก็ต้องจัดการกับเรื่องนี้ด้วยตัวเองเหมือนกัน”

“เอางั้นก็ได้” โม่หลงกล่าว

ลู่หยางเผยรอยยิ้มขึ้นมาอย่างพึงพอใจ ก่อนที่เขาจะหันไปพูดกับเสินเมิ่งเหยา

“พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ”

จางเหมิงกับหลิวฉ่วงเดินเข้ามาเกาะแขนเสินเมิ่งเหยาพร้อมกัน ก่อนที่พวกเธอจะพูดว่า

“ไปกินข้าวกันนะ”

เสินเมิ่งเหยาถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะและเธอก็รู้สึกว่าเพื่อนสาวทั้งสองคนแค่อยากจะกินอาหารดี ๆ โดยมีเธอเป็นข้ออ้างก็เท่านั้นเอง

“อือ ฉันไปด้วยก็ได้”

ในห้องรับรองชั้น 2 ของร้านยูไล

ลู่หยางสั่งอาหารมาเลี้ยงทุกคนอย่างมากมายและถึงแม้เขาจะถูกเพื่อน ๆ ของเสินเมิ่งเหยาสั่งอาหารมากินอย่างหนัก แต่เขาก็ไม่ได้มีความคิดที่จะหยุดพวกเธอเลย เพราะถ้าหากเขาอยากจะจีบเสินเมิ่งเหยาจริง ๆ อย่างแรกเขาก็ต้องเอาใจเพื่อน ๆ ของเธอก่อน ไม่อย่างนั้นสาว ๆ เหล่านี้ก็อาจจะกลายมาเป็นอุปสรรคในอนาคตได้

“นายนี่เป็นคนดีจริง ๆ” หลิวฉ่วงกล่าวหลังจากกินอาหารเข้าไปอย่างพอใจ

“ฉันเห็นด้วย” จางเหมิงกล่าวทั้ง ๆ ที่ยังคงเคี้ยวกุ้งมังกรอยู่ในปาก

“ขอบคุณที่ชม คราวหลังพวกเราก็คงจะต้องมารวมตัวกันบ่อย ๆ แล้วฉันจะเลี้ยงอาหารพวกเธอเอง” ลู่หยางกล่าว

“ได้ ไม่มีปัญหา” หลิวฉ่วงกับจางเหมิงพูดขึ้นมาพร้อมกัน

เสินเมิ่งเหยาทำได้เพียงแต่ยกมือขึ้นมาตบหน้าผากอย่างเหนื่อยใจ และเธอก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังเจอปีศาจแสนเจ้าเล่ห์เข้าให้แล้ว เมื่อเทียบกับหวังรุ่ยเธอก็รู้สึกว่าตัวเองไม่สามารถคาดเดาความคิดของลู่หยางได้เลย แต่ในขณะเดียวกันเธอก็เริ่มรู้สึกสงสัยว่าทำไมลู่หยางถึงให้ความรู้สึกเหมือนกับหัวหน้ากิลด์ภายในเกมมากขนาดนั้น ที่สำคัญคือทั้งสองคนยังใช้ชื่อเดียวกันด้วย

อย่างไรก็ตามมันก็คงไม่มีใครมีความคิดอันแปลกประหลาดถึงขั้นเอาชื่อจริงของตัวเองไปตั้งชื่อตัวละครภายในเกม เสินเมิ่งเหยาจึงพยายามสะบัดศีรษะไล่ความคิดพวกนี้ออกไปจากหัว

 

 


เดินหน้าจีบสาวหนักมาก ทุกคนอย่าเพิ่งเลี่ยนกันนะ

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.