บทที่ 170 ระบบแลกเปลี่ยนเงินตรา
บทที่ 170 ระบบแลกเปลี่ยนเงินตรา
ระหว่างการเดินทางพวกฉิงชางก็ได้ไปพูดคุยกับสามฝาแฝดตระกูลไป๋ และเนื่องจากทั้งสองฝ่ายต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นผู้เล่นมือชก หลังจากพูดคุยกันไปได้เพียงแค่ไม่นานพวกเขาก็เริ่มสนิทสนมกันอย่างรวดเร็ว
หลังจากการเดินทางผ่านพ้นไป 2 ชั่วโมง จู่ ๆ มันก็มีประกาศทั่วทั้งเซิร์ฟเวอร์ดังเข้ามาภายในหูของผู้เล่นทุกคน
ประกาศทั่วเซิร์ฟเวอร์: ขณะนี้ทางเกมเปิดให้บริการฟังก์ชั่นแลกเปลี่ยนเงินตราอย่างเป็นทางการแล้ว ผู้เล่นที่ต้องการแลกเหรียญทองสามารถทำธุรกรรมได้ในทันที
“วันนี้มันมาถึงแล้วสินะ” ลู่หยางคิดภายในใจและตั้งแต่วันนี้เป็นเป็นต้นไป เซคคัลเวิลด์ก็เพิ่งจะเริ่มต้นอย่างแท้จริง
ระบบแลกเปลี่ยนเงินตราจะนำไปสู่สงครามอย่างมากมาย กิลด์ขนาดใหญ่ทุก ๆ กิลด์จะเริ่มทำการต่อสู้ในทั่วทุกมุมของแผนที่ ยิ่งไปกว่านั้นในชาติก่อนมันยังไม่มีกลุ่มผู้เล่นอิสระรวมตัวกันแบบนี้ ซึ่งมันก็หมายความว่าในชาตินี้การต่อสู้จะชุลมุนมากขึ้นกว่าเดิม
อย่างไรก็ตามสงครามก็ถือว่าเป็นโอกาสครั้งสำคัญของลู่หยางด้วยเช่นกัน เพราะสงครามคือตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในช่วงแรกของเกมที่ใครมีน้ำยามากกว่าก็มักจะเป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะ
เมื่อคิดได้ดังนี้นักเวทหนุ่มจึงส่งข้อความไปหาจินปู้ฮวนในทันที
ลู่หยาง: นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปให้รับสมัครนักปรุงยาเข้ามาเป็นจำนวนมาก อย่างน้อยนายต้องมีนักปรุงยาในสังกัดมากกว่า 80 คน
จินปู้ฮวน: เยอะขนาดนั้นเลยเหรอครับ? ก่อนหน้านี้มันก็มีนักปรุงยาเข้ามาขอสมัครงานอยู่เยอะมาก พรุ่งนี้น่าจะได้นักปรุงยามากกว่า 80 คนอย่างที่อาจารย์บอก
แม้ช่วงแรกจินปู้ฮวนจะประหลาดใจอยู่บ้าง แต่เขาก็สามารถทำความเข้าใจลู่หยางได้อย่างรวดเร็ว
ลู่หยาง: ดีมาก ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ก็เปิดร้านขายยาได้เลย
ก่อนหน้านี้ลู่หยางมีสูตรยาต้านพิษเพียงแค่สูตรเดียว และเพื่อป้องกันไม่ให้ฉือมู่ขึ้นราคาวัตถุดิบ เขาจึงยังไม่ให้จินปู้ฮวนเปิดร้านขายยา แต่ในตอนนี้เขามีสูตรน้ำยาภายในมือมากกว่า 20 สูตรแล้ว ซึ่งมันก็หมายความว่าเขาต้องการสมุนไพรเป็นวัตถุดิบเป็นจำนวนมากและสามารถอำพรางเรื่องน้ำยาต้านพิษได้อย่างสมบูรณ์
หลังคุยจบลู่หยางก็พาพวกฉิงชางเดินทางไปอีกนานกว่า 1 ชั่วโมง ก่อนที่จะมาถึงเกาะเล็ก ๆ ริมทะเล จากนั้นเขาก็พาทีมมาจนถึงหน้าประตูของซากปรักหักพัง
“ทุกคนเข้าไปล่อซอมบี้มาได้เลย ซอมบี้พวกนั้นเคลื่อนที่ช้ามาก พวกมันมีเท่าไหร่ก็ล่อพวกมันออกมาให้หมด ฉันจะอยู่ที่นี่ใช้สกิลไฟร์วอลล์รอไปเรื่อย ๆ” ลู่หยางกล่าวพร้อมกับใช้สกิลไฟร์วอลล์ลงบนพื้น
คราวนี้พวกเขาเดินทางมาด้วยกันถึง 15 คน ลู่หยางจึงไม่สามารถเข้าไปในวังเหมือนเดิมได้อีกต่อไป มันจึงจำเป็นจะต้องค่อย ๆ เคลียร์มอนสเตอร์เข้าไปทางด้านในทีละน้อย
“ครับ/ค่ะ” พวกฉิงชางตะโกนพร้อมกัน ก่อนที่พวกเขาจะกระจายวิ่งเข้าไปในซากปรักหักพังคนละทาง
ภายในซากปรักหักพังแต่ละเส้นทางมีซอมบี้อยู่เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ละคนจึงอาศัยเทคนิคของตัวเองเพื่อหลอกล่อมอนสเตอร์กลับมาหาลู่หยางให้ได้มากที่สุด
บริเวณหน้าประตูซากปรักหักพังมีพื้นที่โล่งประมาณ 60 ตารางเมตร ลู่หยางจึงวางไฟร์วอลล์ลงบนพื้นไปเรื่อย ๆ และซุนหยูก็เป็นคนแรกที่ลากมอนสเตอร์กลับมา
“หัวหน้า ผมลากมอนสเตอร์กลับมาได้ 100 กว่าตัว” ซุนหยูตะโกน
“ผมก็ใกล้ถึงแล้ว” เหมาชิวที่เห็นซุนหยูตะโกนในช่องแชทรีบรายงานด้วยเช่นกัน
“ของพวกเราเหลืออีกประมาณ 30 วินาทีครับ” บิทเทอร์เลิฟกล่าว
“พี่สองเร็วหน่อย พวกเราช้ากว่าคนอื่นแล้วนะ” ไป๋เหลิงเร่งไป๋หูอย่างร้อนรน
“ทำไมทุกคนถึงบ้าพลังกันแบบนี้ ฝั่งเราต้องใช้เวลาอย่างน้อยอีก 1 นาทีถึงจะลากกลับไปได้” ไป๋หูกล่าว
“เร็ว ๆ หน่อย ถ้ากลับมาช้าไม่ได้ค่าประสบการณ์นะ” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“กำลังรีบกลับแล้วครับ!”
…
หลังได้ยินเสียงร้อนรนของลูกน้อง มันก็ทำให้ลู่หยางอดที่จะขำขึ้นมาไม่ได้ ท้ายที่สุดตามกฎของเกมผู้เล่นจะแชร์ประสบการณ์ภายในรัศมี 80 เมตร ซึ่งในตอนนี้ทุกคนก็อยู่ภายในระยะหรือมันก็หมายความว่าถึงแม้เขาจะฆ่ามอนสเตอร์จนตาย แต่ทุกคนก็ยังจะได้รับค่าประสบการณ์อยู่ดี
“หัวหน้า ผมต้องลากวนรอไหม?” ซุนหยูถาม
“ไม่ต้อง ลากพวกมันเข้ามาได้เลย ทุกคนยังคงได้ค่าประสบการณ์อยู่ดี” ลู่หยางกล่าว
“ได้ครับ” ซุนหยูไม่วิ่งวนเป็นรูปตัวเอสอีกต่อไป แต่ลากซอมบี้กว่า 100 ตัวเข้ามาในทะเลเพลิง
ช่องทางเดินมีความกว้าง 10 เมตรทำให้ซอมบี้เดินเข้ามาเรียง 8 แถวโดยอัตโนมัติ ระหว่างนั้นลู่หยางก็ยังคงท่องคาถาไม่หยุดก่อให้เกิดนกเพลิงพุ่งเข้าใส่ฝูงซอมบี้อย่างต่อเนื่อง ทำให้ซอมบี้ทุกตัวที่อยู่ในทะเลเพลิงจะถูกนกเพลิงโจมตีไม่น้อยกว่าตัวละ 2 ครั้ง
ซอมบี้ในแผนที่นี้เป็นมอนสเตอร์เลเวล 25 ที่มีพลังชีวิต 3,660 หน่วย ขณะเดียวกันตอนนี้สกิลไฟร์วอลล์ของลู่หยางสามารถสร้างความเสียหายได้ครั้งละมากกว่า 500 หน่วย เมื่อพวกซอมบี้เดินเข้ามาในทะเลเพลิงประกอบกับการถูกโจมตีด้วยนกไฟจึงทำให้พวกมันล้มลงเสียชีวิตทั้ง ๆ ที่ยังไม่สามารถเดินข้ามผ่านขอบเขตของทะเลเพลิงได้ด้วยซ้ำ
ระบบ: คุณได้รับค่าประสบการณ์ 136 หน่วย (รวมโบนัสค่าประสบการณ์จากการล่ามอนสเตอร์เลเวลสูงกว่า 82 หน่วย)
…
ข้อความแจ้งเตือนค่าประสบการณ์เด้งในช่องแชทของระบบอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามฝาแฝดตระกูลไป๋ที่กำลังวิ่งกลับมาอย่างร้อนรนแสดงสีหน้าออกมาอย่างยินดี
“หัวหน้า พวกเรามาถึงแล้ว” เหมาชิวเป็นคนที่ 2 ที่ส่งเสียงตะโกน
“พวกเราก็กำลังจะถึงแล้วเหมือนกัน” ฉิงชางและสามฝาแฝดตระกูลไป๋ตะโกนแทบจะพร้อมกัน
“เข้ามาได้เลย เดี๋ยวฉันจัดการมอนสเตอร์พวกนั้นเอง” ลู่หยางตะโกนบอกพร้อมกับใช้สกิลต่าง ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง
ฝูงซอมบี้ที่ทุกคนลากมารวมกันมีจำนวนเกือบ 1,000 ตัว ซึ่งโดยปกติผู้เล่นต้องใช้เวลาเกือบทั้งวันถึงจะฆ่าซอมบี้จำนวนมากขนาดนี้ได้หมด แต่ลู่หยางได้ใช้เวลาในการสังหารซอมบี้ทุกตัวภายใน 20 นาทีเท่านั้น
“เร็วมาก! ผมใกล้จะอัปเลเวลเป็นเลเวลต่อไปแล้ว” เครซี่เบลดกล่าว
“อย่าเปิดเผยตำแหน่งแผนที่นี้ออกไปล่ะ ต่อไปที่นี่จะเป็นจุดเก็บเลเวลประจำของกิลด์” ลู่หยางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลังผู้เล่นถึงเลเวล 20 พวกเขาจะสามารถสร้างฐานที่มั่นของกิลด์ภายในเกมได้ และฐานที่มั่นก็สามารถที่จะเพิ่มค่าประสบการณ์ให้กับกิลด์ได้ด้วยเช่นกัน เมื่อกิลด์มีเลเวลถึงเลเวล 5 ในเวลานั้นพวกเขาก็จะมีสิทธิ์เข้าร่วมการต่อสู้เพื่อแย่งชิงป้อมปราการ
พวกฉิงชางยังไม่รู้เรื่องสิทธิ์การแย่งชิงป้อมปราการ แต่พวกเขาก็พอใจมากที่ลู่หยางเลือกสถานที่แห่งนี้เป็นฐานที่มั่นของกิลด์
“ทุกคนเดินหน้าต่อไปจนกว่าจะถึงพระราชวังนีลตรงกลางซากปรักหักพัง” ลู่หยางสั่ง
ซากปรักหักพังแห่งนี้แต่เดิมคือเมือง ๆ หนึ่งและถึงแม้ลู่หยางจะลอบเร้นเข้ามาด้วยความรวดเร็ว แต่มันก็จำเป็นจะต้องใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมงกว่าจะเข้าถึงประตูวัง ตอนนี้เขาพาลูกน้องมาด้วยอีก 14 คน มันจึงจำเป็นจะต้องค่อย ๆ เคลียร์มอนสเตอร์ไปพร้อม ๆ กับการเดินทางไปข้างหน้า
กว่าที่ลู่หยางจะพาทีมมาถึงหน้าประตูวัง มันก็ใช้เวลาไปทั้งสิ้นกว่า 4 ชั่วโมง ซึ่งในระหว่างนี้ทุกคนได้สังหารซอมบี้ไปมากกว่า 10,000 ตัว ทำให้แต่ละคนได้รับค่าประสบการณ์กลับมามากกว่า 200,000 หน่วย
ซุนหยูและพวกฉิงชางที่ติดอยู่เลเวล 12 มีเลเวลเพิ่มขึ้นมา 1 เลเวล ส่วนพวกบิทเทอร์เลิฟที่มีเลเวลต่ำกว่าก็มีเลเวลเพิ่มขึ้นถึงสองเลเวล
“ถ้าหัวหน้าพาพวกเรามาเก็บเลเวลที่นี่สักอาทิตย์หนึ่ง พวกเราก็น่าจะถึงเลเวล 20 กันหมดแล้วล่ะมั้ง” บิทเทอร์เลิฟกล่าวอย่างตื่นเต้นโดยมีคนอื่น ๆ พยักหน้าอย่างเห็นด้วย
ลู่หยางก็มีแผนการประมาณนั้นอยู่พอดีและนั่นก็คือเป้าหมายที่เขาพาทีมมาที่นี่เพื่อเก็บเลเวล หลังจากนักเวทหนุ่มพาทุกคนเข้าไปในพระราชวังและเดินเข้าไปภายในห้องของสุนัขโครงกระดูก เขาก็หันไปพูดกับพวกฉิงชางว่า
“จำตรงนั้นได้ไหม?”
เมื่อได้ยินคำถามพวกฉิงชางก็ทำได้เพียงแต่เผยรอยยิ้มออกมาแหย ๆ
ความทรงจำในการปีนขึ้นเสาแล้วตะโกนโหนหวนยังอยู่ในใจเสมอ 5555


แสดงความคิดเห็น