บทที่ 169 สมาชิกพร้อมหน้า
บทที่ 169 สมาชิกพร้อมหน้า
ณ สำนักงานใหญ่ของบลัดเติสตี้
บลัดไทแรนท์มองเย่กู่ซิงด้วยใบหน้าอันบึ้งตึง ก่อนที่เขาจะถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอันเคร่งเครียด
“พวกแกตายได้ยังไง? เล่ารายละเอียดมาให้หมด”
เย่กู่ซิงรีบเล่าเรื่องที่ลู่หยางล่อพวกเขาเข้าไปในหุบเขา ก่อนที่จะใช้เวทมนตร์ต้องห้ามสังหารสมาชิกภายในทีมลงไปพร้อม ๆ กันกว่า 160 คน
หลังบลัดไทแรนท์ฟังรายงานจนจบ เขาก็พูดด้วยน้ำเสียงที่โกรธจนถึงขีดสุด
“อุปกรณ์หายไปเกือบครึ่งหนึ่งเลยเนี่ยนะ?! แกจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง”
“ผมสั่งให้ลูกน้องทุกคนเก็บความลับเอาไว้แล้วห้ามเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ให้ใครฟังอย่างเด็ดขาด พร้อมกับสั่งให้ทุกคนกลับไปที่สนามรบเก็บพวกผู้เล่นอิสระ แต่ทุกคนเพิ่งเสียอุปกรณ์ไปขวัญกำลังใจของทีมจึงลดต่ำลงกว่าเดิมมาก ตอนนี้พวกเราก็คงจะทำได้เพียงแค่ยืดเยื้อสงครามออกไปเท่านั้น” เย่กู่ซิงพูดอย่างละอายใจ
“ความลับมันไม่มีในโลก อีกไม่นานคงจะมีใครเผยแพร่เรื่องในวันนี้ออกไปแน่ ๆ” บลัดไทแรนท์กล่าว
“หัวหน้า ผม…” เย่กู่ซิงพูดขึ้นมาได้เพียงแค่เล็กน้อย ก่อนที่บลัดไทแรนท์จะพูดขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน
“อีก 2 ชั่วโมงเซิร์ฟเวอร์จะเปิดใช้งานฟังก์ชั่นแลกเปลี่ยนเงินตรา รอบแรกฉันจะแลกเงินเข้ามา 100,000 เหรียญทอง แบ่งเงินส่วนหนึ่งไปใช้กับสมาชิกทีมชั้นยอดและแบ่งเงินอีกส่วนไปซื้อข่าวเกี่ยวกับภารกิจลับหรือภารกิจครั้งเดียวมาให้หมด”
เย่กู่ซิงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แล้วถึงแม้การถูกลู่หยางใช้เมเทโอฟอลล์สังหารจะเป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้ยาก แต่สาเหตุหลักที่ทุกคนตายก็เนื่องมาจากคำสั่งของเขาเอง เพราะท้ายที่สุดหากเขาไม่ประมาทขนาดนั้น เมเทโอฟอลล์ก็ไม่มีทางสังหารสมาชิกภายในทีมไปได้ถึง 160 กว่าคน
“หัวหน้าเชื่อใจผมได้ ผมจะต้องทำให้คนของเราเรียนรู้เวทมนตร์ต้องห้ามให้ได้” เย่กู่ซิงกล่าว
“ไปได้แล้ว” บลัดไทแรนท์กล่าว
หลังจากเย่กู่ซิงจากไปบลัดไทแรนท์ก็เหมือนกับหันไปพูดกับอากาศ
“ดูเหมือนว่าคราวนี้คงต้องพึ่งพาพวกเธอแล้ว”
ทันใดนั้นร่างของผู้เล่น 6 คนก็ปรากฏขึ้นมาจากความมืด ก่อนที่ผู้หญิงซึ่งเป็นผู้นำของคนในกลุ่มนั้นจะพูดขึ้นมาว่า
“พวกเราสตูดิโอผิ่นเยี่ยนจะไม่ทำให้คุณต้องผิดหวัง”
“แค่ลู่หยางคนเดียว ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเราเถอะ” นักรบภายในกลุ่มพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความดูถูก โดยที่อีกสี่คนที่เหลือได้เผยยิ้มออกมาอย่างเย็นชา
ทั้งหกคนนี้เป็นตัวแทนของ 6 สตูดิโอที่บลัดไทแรนท์เพิ่งรับเข้ามาใหม่ และพวกเขาก็เป็นสตูดิโอที่มีชื่อเสียงไม่ดีในวงการสตูดิโอของประเทศ
โดยปกติพวกเขาทำธุรกิจรับจ้างปั๊มเลเวลเป็นหลัก โดยการใช้บัคจนทำลายเกมในอดีตไปแล้วมากมาย แต่ถึงกระนั้นฝีมือของพวกเขาก็ยังถือว่าเป็นชั้นแนวหน้าของคนในวงการเกม
“ถ้ามีขาวของลู่หยางฉันจะแจ้งให้พวกเธอทราบเป็นคนแรก ไปเก็บเลเวลต่อเถอะ อย่าปล่อยให้ใครรู้ถึงความสัมพันธ์ของพวกเรา จงจำเอาไว้ว่าพวกเธอคือไพ่ตายใบสำคัญของฉัน” บลัดไทแรนท์กล่าว
คนทั้งหกใช้ม้วนคัมภีร์ย้อนกลับเพื่อเทเลพอร์ตออกไป เมื่อไม่มีใครอยู่ในห้องแล้วบลัดไทแรนท์จึงได้แสดงด้านที่โกรธแค้นออกมา
“ลู่หยาง ฉันจะต้องฆ่าแกให้ได้!”
—
หุบเขาปากหม้อ
เมื่อไป๋เหลิงเห็นลู่หยางพาโคลด์วิลโลว์กลับมา เขาจึงเอ่ยปากถามออกไปว่า
“หัวหน้า พวกเราจะไปไหนต่อกันดี?”
“ทุกคนช่วยรอก่อน ฉันกำลังเรียกคนมาที่นี่เพิ่ม พวกเขาต่างก็เป็นคนที่เซ็นสัญญาเหมือนกันและทุกคนต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นยอดฝีมือ” ลู่หยางกล่าว
ทุกคนรับฟังอย่างสนใจ ก่อนที่จะนั่งรอกันอย่างเงียบ ๆ
ลู่หยางส่งข้อความไปถึงฉิงชางพร้อมกับถามว่า
“ว่างไหมมาที่หุบเขางูพิษหน่อย ฉันจะพาพวกนายไปหาดีวายไฟร์สตาฟ”
ฉิงชาง: เดี๋ยวพวกผมรีบไปครับ
ฉิงชางปิดหน้าต่างสื่อสารก่อนจะหันไปบอกเอ็ม 16 ที่อยู่ใกล้ ๆ ด้วยความตื่นเต้น
“เอ็ม 16 นายได้แจ็คพ็อตแล้ว หัวหน้ากำลังจะพาพวกเราไปหาคทาดีวายไฟร์สตาฟ”
“คทาเลเวล 30 อันนั้นน่ะเหรอ? หัวหน้าใจดีกับพวกเราจริง ๆ” เอ็ม 16 ตื่นเต้นจนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง
พวกเขารู้ดีว่าลู่หยางได้คทาดีวายไฟร์สตาฟมาจากการต่อสู้ตัวต่อตัวกับบอสเลเวล 30 ซึ่งการทำแบบนั้นเป็นสิ่งที่อันตรายมาก เพราะความผิดพลาดเพียงแค่นิดเดียวมันก็มากพอที่จะก่อให้เกิดความสูญเสียได้เลย
“หัวหน้า ขอบคุณครับ” เอ็ม 16 ส่งข้อความไปหาลู่หยาง
—
ลู่หยางพาทุกคนกลับมาที่หุบเขางูพิษพร้อมกับเดินไปหาผู้พิทักษ์ป่าบาปนิรันดร์ที่ก่อนหน้านี้เขาได้ซ่อนเอาไว้ จากนั้นเขาก็พาอัศวินเกราะเงินไปทำการเก็บเลเวล
“มีอะไรถามมาได้เลย ไม่ต้องเกรงใจ” ลู่หยางกล่าวขณะใช้เบลซซิงเบิร์สจู่โจมเข้าใส่งูเหลือมแล้วให้ผู้พิทักษ์ป่าบาปนิรันดร์เข้าไปสังหาร
“หัวหน้า พวกเราก็อยากได้แหวนแห่งความฝันเหมือนกัน” ไป๋เหลิงกล่าว
คำถามนี้ถึงกับทำให้ลู่หยางปวดหัวจนหมดคำจะพูด เพราะนี่คือครั้งที่ 9 แล้วที่ไป๋เหลิงพูดประโยคนี้กับเขา
“เชื่อฉันสิว่าตอนนี้ความสามารถของนายยังไม่มากพอที่จะท้าทายภารกิจระดับ SSS ของราชาตัวตลกหรอก”
“แล้วผมจะท้าทายได้เมื่อไหร่?” ไป๋เหลิงถาม
“รอให้พวกนายทนฉันได้ 30 วินาทีก่อน” ลู่หยางตอบ
ทุกคนต่างก็ส่งเสียงร้องออกมาอย่างคร่ำครวญ เพราะพวกเขาได้เห็นพลังของลู่หยางด้วยตาของตัวเองมาแล้ว หากมันมีการต่อสู้กันแบบ 1 ต่อ 1 มันก็อย่าว่าแต่การต้านทานได้ 30 วินาทีเลย เพียงแค่การต้านทานได้สัก 3 วินาทีแค่นั้นมันก็ถือว่าเก่งมากแล้ว
“เดี๋ยวฉันฝึกพิเศษให้เอง อีกไม่นานฉันเชื่อว่าทุกคนจะทำได้” ลู่หยางกล่าว
“ขอบคุณครับ” ทุกคนกล่าวอย่างมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
ภารกิจของราชาตัวตลกมีโอกาสรับได้เพียงแค่ครั้งเดียว หากใครพลาดโอกาสในครั้งนี้ไปมันก็หมายความว่าพวกเขาจะพลาดโอกาสได้รับแหวนแห่งความฝันไปตลอดกาล ซึ่งอีกวิธีการที่จะได้รับแหวนแห่งความฝันก็คือการเปิดกล่องแพนดอร่า แต่การได้รับแหวนแห่งความฝันจากวิธีการนั้นถือว่ามีโอกาสน้อยเกินไป
ลู่หยางใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในการพาผู้พิทักษ์ป่าบาปนิรันดร์เก็บเลเวลจนถึงเจ็ดเลเวลได้สำเร็จ ร่างของผู้พิทักษ์เกราะเงินจึงได้กลายเป็นผู้พิทักษ์เกราะดำพร้อมกับดาบสั้นที่พัฒนากลายเป็นดาบใหญ่
“โคตรเท่!” ไป๋เหลิงกล่าว
ระหว่างนั้นมันก็มีกลุ่มผู้เล่นวิ่งเข้ามาทางพวกเขาจากระยะไกล เมื่อลู่หยางมองดูอีกฝ่ายอย่างละเอียด เขาก็ได้พบว่ากลุ่มคนพวกนั้นคือซุนหยูและพวกฉิงชางนั่นเอง
“หัวหน้า พวกเรามาแล้วครับ” ฉิงชางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ลู่หยางเริ่มแนะนำให้ทั้งสองฝ่ายได้รู้จักกัน ก่อนที่จะสั่งการออกมาว่า
“เอาชุดเกราะในกระเป๋าออกมาแจกให้พวกเขาคนละชุด”
“ได้ครับ” สามฝาแฝดตระกูลไป๋หัวเราะ ก่อนที่จะหยิบชุดเกราะระดับเงิน 6 ชุดที่เตรียมไว้ออกมาจากกระเป๋า
“นี่มันชุดเซ็ตหุบเขางูพิษระดับเงินหมดเลย หัวหน้าไปเอามันมาจากไหน?” ซุนหยูนี่ถามอย่างประหลาดใจ
“ฉันฆ่าคนแย่งพวกมันมา” ลู่หยางตอบ
“ฆ่าคน?” พวกฉิงชางมองไปทางลู่หยางด้วยความสนใจ
ไป๋เหลิงรีบเล่าเรื่องที่ลู่หยางใช้เวทมนตร์ต้องห้ามสังหารสมาชิกชั้นยอดของบลัดเติสตี้ให้ทุกคนฟังอย่างตื่นเต้น
“หัวหน้ามีเรื่องสนุก ๆ แบบนี้ทำไมไม่บอก” เหมาชิวกล่าวอย่างน้อยใจ
ลู่หยางถึงกับหมดคำจะพูดเมื่อได้เห็นว่าอีกฝ่ายก็เป็นคนที่ชอบสงครามเหมือนกัน
“ไม่ต้องห่วง ต่อไปทุกคนจะมีโอกาสได้ทำสงครามกับพวกมันอีกเยอะ คราวนี้บลัดเติสตี้คงจะเกลียดพวกเราจนเข้ากระดูกดำ ถึงเราจะไม่ไปหาพวกมันแต่อีกเดี๋ยวพวกมันก็จะมาหาพวกเราเอง”
“ฮ่า ๆ ๆ นั่นก็จริง”
ลู่หยางมองดูกลุ่มคนตรงหน้าพร้อมกับคิดในใจว่าสามฝาแฝดตระกูลไป๋เคยเป็นแชมป์โลกประเภท 3 ต่อ 3 พวกบิทเทิร์นเลิฟเคยเป็นแชมป์ 5 ต่อ 5 ในประเทศ ซุนหยูก็เป็นนักธนูที่เคยมีชื่อเสียงอันโด่งดัง ขณะที่พวกฉิงชางก็เคยสร้างวีรกรรมอันโด่งดังขึ้นมาอย่างมากมาย
โดยปกติการที่กิลด์ ๆ หนึ่งมีผู้เล่นเหล่านี้เพียงกลุ่มเดียวก็สามารถที่จะครอบครองอาณาจักรได้แล้ว แต่เขากลับสามารถรวบรวมผู้เล่นชั้นยอดมาเข้าร่วมตั้งแต่ระยะแรกได้ถึงสามกลุ่ม มันจึงทำให้เขารอคอยอย่างคาดหวังว่าในอนาคตพวกเขาจะพัฒนาไปได้ไกลขนาดไหนกันแน่
ยิ่งไปกว่านั้นมันยังมีร้านขายยาชั้นยอดอีก 2 ร้านที่กำลังจะเปิดให้บริการในอนาคต เมื่อรวมทุกอย่างเข้าด้วยกันลู่หยางก็ยิ่งมีความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ
“เอาล่ะหลังจากนี้พวกเราจะไปเก็บเลเวลในแผนที่เลเวล 30 กัน” ลู่หยางกล่าว
เหมาชิวกับซุนหยูเริ่มเปิดสกิลชีต้าออร่า ก่อนที่ทุกคนจะวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
กิลด์ลู่หยางมีคนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แล้ววววว


แสดงความคิดเห็น