กบฏผู้มีบุญบนดินแดนอีสาน: ศรัทธา ความเหลื่อมล้ำ ความยากจน สู่การลุกฮือต่อต้านรัฐสยาม

-A A +A
ภาพขาวดำกลุ่มผู้นำและชาวบ้านที่ถูกจับกุม ในฐานะกบฏผู้มีบุญ ณ ทุ่งศรีเมือง จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อปี พ.ศ. 2444 ผู้ถูกจับกุมหลายคนถูกใส่ขื่อคา และนั่งอยู่บนพื้นดิน มีทหารสยามยืนควบคุมอยู่ด้านหลัง

กบฏผู้มีบุญบนดินแดนอีสาน: ศรัทธา ความเหลื่อมล้ำ ความยากจน สู่การลุกฮือต่อต้านรัฐสยาม

ในหน้าประวัติศาสตร์ไทยยุครัตนโกสินทร์ตอนต้นถึงปลายรัชกาลที่ 5 หากเอ่ยถึงการต่อต้านรัฐส่วนกลางที่ไม่ใช่แค่การประท้วงทางการเมือง แต่ยังแฝงไว้ด้วยความเชื่อทางศาสนา ความหวัง และการดิ้นรนของชาวบ้านในพื้นที่ชายขอบ หนึ่งในปรากฏการณ์สำคัญที่น่าสนใจคือ “กบฏผู้มีบุญ” หรือที่รัฐเรียกว่า “กบฏผีบุญ”

กบฏกลุ่มนี้ไม่ใช่เพียงการต่อต้านธรรมดา แต่เป็นการลุกฮือของชาวบ้านภาคอีสานที่มีทั้งอาวุธ ความเชื่อ และผู้นำซึ่งถูกยกย่องว่าเป็น “ผู้มีบุญมาเกิด” ที่จะมากอบกู้โลก เป็นเรื่องราวของความหวังในดินแดนที่ถูกกดขี่ และจบลงด้วยการปราบปรามอย่างเด็ดขาดจากรัฐสยามที่กำลังรวบอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง

ทำไมถึงเกิดกลุ่มผู้มีบุญ

กบฏผู้มีบุญไม่ได้เกิดขึ้นเพราะแรงผลักจากสาเหตุเดียว แต่เป็นผลลัพธ์ของปัจจัยหลายอย่างที่ซ้อนทับกัน ทั้งโครงสร้างรัฐ ศาสนา ความยากจน และความเหลื่อมล้ำระหว่างรัฐกับประชาชนในท้องถิ่น โดยเฉพาะในภาคอีสานที่รัฐยังเข้าไม่ถึงอย่างเต็มรูปแบบในยุคนั้น

  1. ความเชื่อเรื่อง “ผู้มีบุญ”

ในพุทธศาสนาภาคพื้นอุษาคเนย์ มีความเชื่อว่ายามใดที่โลกเข้าสู่ยุคเสื่อม จะมี “พระศรีอาริยเมตไตรย” หรือ “ผู้มีบุญ” มาปรากฏเพื่อนำพาชาวบ้านหลุดพ้นจากความทุกข์ ความเชื่อนี้ฝังรากลึกในภาคอีสานซึ่งใกล้ชิดกับลาว และผูกโยงกับระบบผี พุทธ และบุญแบบพื้นบ้านอย่างแนบแน่น

ผู้มีบุญในบริบทนี้จึงไม่ใช่แค่คนธรรมดา แต่คือบุคคลที่ชาวบ้านเชื่อว่ามีบารมีศักดิ์สิทธิ์ เป็นผู้รู้ทางธรรม ผู้กล้าแห่งยุคที่จะปลดปล่อยพวกเขาจากอำนาจอันไม่เป็นธรรมของรัฐ

  1. การรวมศูนย์อำนาจของรัฐสยาม

ในช่วงปลายรัชกาลที่ 5 รัฐสยามกำลังปฏิรูปการปกครองและเก็บภาษีให้มีประสิทธิภาพขึ้น รัฐเข้าไปแทรกแซงพื้นที่ชายขอบ เช่น ภาคอีสาน ด้วยระบบเทศาภิบาลและหัวเมือง ทำให้ขุนนางท้องถิ่นที่เคยมีอำนาจถูกลดบทบาท ชาวบ้านต้องจ่ายภาษีมากขึ้น ถูกเกณฑ์แรงงาน และไม่คุ้นกับระบบราชการแบบใหม่

ในมุมของรัฐ นี่คือการพัฒนาและรวมชาติ แต่ในสายตาชาวบ้าน มันคือการเข้ามายึดพื้นที่ ยึดอำนาจ และบีบบังคับที่แย่งชิงอิสรภาพไปจากพวกเขา

  1. ความยากจนและความเหลื่อมล้ำ

อีสานในช่วงเวลานั้นเผชิญภัยแล้ง โรคระบาด ความหิวโหย และถูกทิ้งห่างจากโอกาสในการพัฒนา การเข้าถึงการแพทย์ การศึกษา และทรัพยากรจากรัฐจึงน้อยมาก ความรู้สึกว่ารัฐละเลยกลุ่มคนชายขอบจึงสะสมกลายเป็นไฟในใจผู้คน เมื่อมีผู้นำที่อ้างว่าตนคือผู้มีบุญมาเกิด ความเชื่อนั้นก็ยิ่งจุดติดอย่างรวดเร็ว

ใครคือผู้นำกบฏผีบุญ

กบฏผู้มีบุญเกิดขึ้นในหลายจังหวัด หลายช่วงเวลา จึงไม่ได้มีผู้นำเพียงคนเดียว แต่มีหลายคนที่ถูกยกขึ้นมาเป็นศูนย์รวมความศรัทธาในแต่ละพื้นที่

  1. องค์มั่น - บ้านสะพือ จ.อุบลราชธานี

เป็นผู้นำที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ของผู้มีบุญ องค์มั่นอ้างตนว่าเป็นผู้มีบุญ และตั้งฐานที่มั่นอยู่ที่บ้านสะพือ อ.ตระการพืชผล จ.อุบลราชธานี เขารวบรวมคนจำนวนมาก มีการตั้ง “องค์เขียว องค์แดง องค์เหลือง” ซึ่งเป็นผู้นำฝ่ายต่าง ๆ เหมือนคณะรัฐมนตรี หรือแม่ทัพในกลุ่ม

  1. องค์หาญ – ชายแดนมุกดาหาร

เคลื่อนไหวในลักษณะคล้ายกันโดยอ้างว่าตนเป็นพระศรีอาริย์มาเกิด มีอาวุธและกำลังคน เคยปะทะกับทางการและถูกปราบในภายหลัง

  1. องค์ทาบ และอีกหลายคน

ในบางพื้นที่มีชื่อที่เป็นตำนานมากกว่าข้อเท็จจริง เช่น ผีบุญเมืองมหาชัย ผีบุญเมืองชัยภูมิ ซึ่งล้วนเป็นผู้นำที่ชาวบ้านเชื่อว่ามีบารมี และได้รับนิมิตให้มาช่วยเหลือโลก

ทำไมต้องสู้กับส่วนกลางของไทย

เหตุผลหลักคือความรู้สึกว่ารัฐไม่ได้เป็นของพวกเขา รัฐสยามในยุคนั้นเป็นรัฐรวมศูนย์ที่สั่งการจากกรุงเทพฯ โดยไม่เข้าใจวิถีชีวิตของชาวบ้านในชนบทห่างไกล ชาวบ้านจึงรู้สึกว่าตนเป็นเพียงผู้ถูกปกครอง ไม่ใช่เจ้าของแผ่นดิน

การสู้กับรัฐจึงไม่ใช่แค่สู้เพื่อเปลี่ยนแปลงการเมือง แต่เป็นการทวงคืนอำนาจ ทวงศักดิ์ศรี และรักษาความเป็นเจ้าของท้องถิ่นไว้ในมือของตนเอง โดยเฉพาะเมื่อรัฐสั่งเก็บภาษีมากขึ้น เกณฑ์แรงงานเข้ากรุงเทพฯ หรือใช้กำลังทหารเข้าควบคุมพื้นที่แบบไม่ฟังเสียงคนท้องถิ่น

กบฏผีบุญเกิดขึ้นที่ไหนบ้าง และเป็นอย่างไร

กบฏผีบุญเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ภาคอีสาน เช่น

  • อุบลราชธานี (บ้านสะพือ)
  • ยโสธร
  • มุกดาหาร
  • ร้อยเอ็ด
  • อำนาจเจริญ
  • ศรีสะเกษ
  • สุรินทร์

เหตุการณ์สำคัญ

พ.ศ. 2444 - กบฏผีบุญบ้านสะพือ ภายใต้การนำขององค์มั่น ได้เคลื่อนกำลังเข้าสู่เมืองเขมราฐ (จ.อุบลราชธานี) มีผู้ร่วมหลายร้อยคน พร้อมอาวุธครบมือ

พวกเขาตั้งเป้าที่จะยึดเมือง ปลดปล่อยผู้คน และจัดตั้งบ้านเมืองใหม่ตามระบอบ “ธรรมาธิปไตย” ที่มีผู้นำคือผู้มีบุญ ไม่ใช่ขุนนางของรัฐสยาม

อย่างไรก็ตาม รัฐกลางส่งทหารพร้อมปืนใหญ่เข้าปราบปรามอย่างรุนแรง ในเหตุการณ์ที่บ้านสะพือ มีผู้เสียชีวิตกว่า 300–400 คน ถูกจดจำในประวัติศาสตร์ว่าเป็น “ทุ่งสังหาร” แห่งภาคอีสาน

จบลงอย่างไร

กบฏผีบุญในที่สุดก็ถูกปราบโดยรัฐ เนื่องจากไม่สามารถต่อสู้กับอาวุธและกำลังของราชการได้ ผู้ที่รอดชีวิตถูกจับกุม บางคนประหารชีวิต บางคนถูกเนรเทศออกนอกพื้นที่

ส่วนชาวบ้านที่เคยร่วมขบวนการ ก็ถูกทางการจับตาอย่างใกล้ชิด หลายคนปิดปากเงียบ ไม่พูดถึงอดีตอีกเลย

แต่ถึงจะจบลงด้วยความพ่ายแพ้ กบฏผู้มีบุญได้ทิ้งคำถามสำคัญไว้กับรัฐไทย:

  • ทำไมชาวบ้านจึงไม่ไว้วางใจอำนาจกลาง?
  • ทำไมพวกเขาจึงหันไปหาผู้นำทางศรัทธาแทนข้าราชการ?
  • และจะมีทางไหมที่รัฐกับประชาชนจะเดินไปด้วยกัน?

สะท้อนอะไรกับสังคมไทย

กบฏผู้มีบุญคือภาพสะท้อนของความขัดแย้งที่ฝังลึกระหว่างรัฐกับประชาชนชายขอบ พวกเขาไม่ได้เพียงต่อต้านรัฐบาล แต่ต่อต้านโครงสร้างอำนาจที่ไม่ฟังเสียงพวกเขา และมองพวกเขาเป็นเพียงผู้ถูกปกครอง

บทเรียนของผู้มีบุญ คือบทเรียนของการฟัง เข้าใจ และให้โอกาสคนชายขอบมีส่วนร่วมในการกำหนดอนาคตของตนเอง ไม่ใช่ถูกเขียนชีวิตจากกรุงเทพฯ เพียงที่เดียว

อ้างอิง

ที่มาภาพ

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.