บทที่ 20 ฝ่าด่าน

นักบู๊หฤโหด

-A A +A

บทที่ 20 ฝ่าด่าน

บทที่ 20 ฝ่าด่าน

 

ผ่านทางหุบเขาลดเลี้ยวอีกช่วงใหญ่ เบื้องหน้าจัดตั้งแผ่นศิลาหนาร่วมสองเชียะกว้างสูงหนึ่งวาอันหนึ่ง ถัดไปตระหง่านด้วยชายชราหนวดเคราครึ้มตาโปนโตสองคน เซี่ยเคอกวาดมองก็ทราบแน่ชัด ด่านนี้จะต้องทุ่มเทพลังยกวัตถุอันหนักอึ้งนี้ ดังนั้นประสานมือต่อทั้งสอง

 

"เชิญได้!"

 

คนทางซ้ายโบกมือให้สัญญาณ จึงสาวเท้าก้มกาย สองแขนเกร็งลมปราณเตรียมพร้อมแต่แรกแตะแผ่นศิลาแล้วผลักเบาๆ ตามเหตุผลความจริงวัตถุด้านหน้าต้องถูกกระแทกล้มลง ทว่าใจกลางฝ่ามือบุรุษหนุ่มบังเกิดพลังดูดรั้งอันรุนแรงแผ่ทะลักตรึงแผ่นศิลานั้นติดแน่น แค่นเสียงเฮอะหนักๆสลัดแขนขึ้นสูง ศิลาทั้งหนาทั้งหนักอย่างน้อยร่วมพันชั่ง ถึงกับลอยจากพื้นดุจปุยนุ่นต้องลม ยกชูแขนง๋ายฝ่ามือแบกรับน้ำหนักทั้งมวลจากนั้นทิ้งแขนลงอย่างแช่มช้า ระบายลมจากปากยาวๆวางแผ่นศิลาลงดังเดิม

 

"ผ่าน!"

 

ชายชราขวามือตวาดกึกก้อง เซี่ยเคอจูงแขนขอทานน้อยเยี่ยนฟางเฉียดผ่านข้างกายรุดหน้าสืบต่อ ขอทานน้อยพลันเหลือบแลข้างแก้มมันแวบ เห็นสีแดงฉานปรากฏเล็กน้อยจึงเอ่ยเสียงสดใส

 

"น่าชมยิ่ง ข้าพเจ้ามุ่งหวังให้ความกระด้างเฉื่อยชาดั่งศพตายซากอย่าได้ปรากฏขึ้นอีก"

 

เซี่ยเคอฝืนยิ้มท่าทีกระอักกระอ่วนย้อนถาม

 

"ว่ากระไร หากแสดงออกทางใบหน้าโดยง่ายดาย นั่นก็พ่ายแพ้ต่อผู้อื่นสามส่วนแล้ว"

 

"นี่เป็นเหตุผลใด เราหาใคร่รับฟังไม่"

 

ปั้นหน้าบูดบึ้งเบือนไปอีกทาง เซี่ยเคอขมวดคิ้วแค่นเสียง อีกฝ่ายยิ่งมายิ่งแง่งอนอ่อนไหว ชายชาตรีไฉนอารมณ์ปรวนแปรมิแน่นอน

 

"ท่านมีโทสะหรือเห็นว่า ความคิดข้าพเจ้ามีอันใดผิดแผก"

 

เยี่ยนฟางสลัดมือข้างที่ถูกอีกฝ่ายยึดจับไว้ออก เปลี่ยนเป็นเดินตามหลังเชิดปากน้อยๆกล่าวว่า

 

"ผู้อื่นจึงมิสนทนาด้วย"

 

เซี่ยเคอมึนงงวูบ ช่วงเวลานั้นปราศจากวาจาแม้สักครึ่งคำ ช้อนตาข่มท่าทีเยือกเย็น ด่านที่สามปรากฏแคร่อาวุธเรียงรายทั้งซ้ายขวา มีดสั้นดาบกระบี่หอกทวนกระทั่งอาวุธนอกสารบบหลายชนิด ยังวางเป็นระเบียบเรียบร้อย บุรุษกลางคนแต่งกายเยี่ยงบัณฑิตอกเสื้อด้านซ้ายเสียบพัดจีบก้านทองจำนวนแปดคนกระจายปิดหนทาง บุคคลกึ่งกลางรอจนเซี่ยเคอบรรลุถึงพลันตวาดกึกก้อง

 

"ผู้ผ่านด่านใช้อาวุธใด"

 

บุรุษหนุ่มกวาดตาเย็นชา ปากตอบเสียงราบเรียบ

 

"ขลุ่ย"

 

พลางเอื้อมปลดขลุ่ยทองหนักสองตำลึงเลาหนึ่งจากแคร่ คนทั้งแปดพากันรั้งอาวุธในมือขึ้นสูง ที่แท้เป็นพัดก้านทองซึ่งเสียบในกระเป๋าเสื้อตลอดเวลานั่นเอง เงาคนกระโดดขวับละลานตา รอบกายรายล้อมก่อตั้งค่ายกลในสี่นอกสี่ กักบุรุษอายุเยาว์ทั้งสองไว้กึ่งกลาง

 

ขอทานน้อยเยี่ยนฟางสอดส่ายสายตาตลบหนึ่ง มุมปากปรากฏรอยยิ้มอันพิสดาร ตากลมโตทอแววลึกล้ำดุจห้วงมหรรณพคำนึงในใจ

 

'คิกๆ!ดูว่าท่านสามารถคุ้มครองผู้อื่นหรือไม่'

 

ยามนั้นเซี่ยเคอเนื่องจากมิได้เหลียวหน้ากลับ และจดจ่ออากัปกิริยาบัณฑิตทั้งแปดแน่วนิ่ง สมองขบคิดอย่างว่องไว จิตใจกลับสงบเฉื่อยชา บัณฑิตกลางคนผู้กล่าววาจาชี้นิ้วพลางถามไถ่

 

"ตระเตรียมพร้อมแล้วหรือไม่"

 

เซี่ยเคอผงกศีรษะ ทันใดขวามือพลันปรากฏเงาถลันวูบวาบ มีสภาพดุจหมอกควันสายลมโชย รูปกายสูงโปร่งสาดพุ่งลงนอกวง โบกมือขึ้นสูงตวาดสำทับ

 

"เริ่มทดสอบผู้ผ่านด่านในบัดดล"

 

ขาดคำค่ายกลเคลื่อนไหว สี่คนชั้นในหมุนตามเข็มนาฬิกาอีกสี่คนชั้นนอกกลับพุ่งวนย้อนทวน เงาพัดสี่จี้สี่คลี่สะบัดครอบคลุม จู่โจมหนุนเสริมหนึ่งล่างหนึ่งบน มุ่งตรงใส่จุดสำคัญบนร่างทั้งสองดุจตาข่ายมหึมาพายุคลุ้มคลั่ง แน่นหนา...ถี่ยิบ...เกรี้ยวกราดโหดเหี้ยมเปี่ยมอานุภาพสะท้านวิญญาณ

 

พริบตานั้นสรรพเสียงพลังลมอื้ออึง เงามากมายสุดคณานับ แหวกฝ่าอากาศจากร้อยทิศพันทาง ล้วนโถมถล่มยังใจกลางโดยสิ้นเชิง เซี่ยเคอตาสาดประกายอำมหิตอยู่แวววับ หัวคิ้วขมวดมุ่นเลือดลมพลุ่งพล่านดาลเดือด นี่ไหนเลยเป็นการทดสอบผ่านด่านธรรมดา เจตนาลี้ลับพฤติการณ์สุดจะหยั่งทุกๆยี่สิบปี ที่แท้ซุกซ่อนปริศนาใด มีแผนชั่วร้ายขุมกำลังยิ่งใหญ่ชักใยหรือไม่

 

เงื่อนปมพอวาบสู่ห้วงสมอง กระตุ้นความฮึกหาญใคร่ค้นหาประดัง พลันกู่ร้องเสียงกังวาน กระแสพลังประกายพัด ระดมกระหน่ำบรรลุระยะปิดป้องปะทะ ขอทานน้อยพานกระโดดลอยตัวสองแขนเหนี่ยวรั้งโอบรอบคอมันสุดกำลัง หมอบฟุบบนแผ่นหลังอันเด็ดเดี่ยว คล้ายแตกตื่นตระหนกต่อสภาพปัจจุบันแทบสติโบยบิน

 

"เซี่ยเกอเกอ...ท่าน"

 

กลิ่นหอมรวยรินโชยปะทะ นาสิกสูดได้กลิ่นถนัดถนี่ กะทันหันมิจำแนกสิ่งผิดปรกติวิสัย เข้าใจว่าขอทานน้อยลนลานกริ่งเกรงประสบภัยถึงชีวิต ผนึกพลังสมาธิรับมือ ขลุ่ยทองกรีดเป็นรูปครึ่งวงโค้งคุ้มครองเบื้องหน้า กระบวนท่าเพิ่งใช้ออก ร่างโผพุ่งขึ้นสูงสองวาหมุนคว้างเร่งร้อนสภาวะคล้ายอินทรีถลาฟ้า สะบัดข้อมืออาศัยความว่องไวพลิกแพลงท่าขลุ่ยทั้งจี้...ฟาด...ควง

 

เสียงเคร้งคร้างติงตังสับสน เงาคนพุ่งวนยิ่งนานยิ่งรวดเร็วปราศจากช่องว่างรอยโหว่ ทว่าปลายขลุ่ยพอสัมผัสเงาพัดนับร้อยพันสาย กลับเผชิญพลังดีดสะท้อนอันเข้มแข็งสุดเปรียบประมาณ บัณฑิตทั้งแปดอุทานเซ็งแซ่ สีหน้าซีดเผือดถดถอยเสียขบวนทันที รู้สึกสะท้านง่ามมือเจ็บแปลบปลาบ โลหิตแดงฉานหยดหยาดสู่พื้น

 

เซี่ยเคอละลิ่วลงยังที่ซึ่งไกลร่วมสามวา โยนขลุ่ยทองเสียบบนแคร่ทุ่มเทฝีเท้าสู่ส่วนลึกของหุบเขา ตอนนั้นขอทานน้อยลืมตาเงยหน้ามอง ระบายลมจากปากเป่าใส่ใบหูตน บุรุษหนุ่มแสร้งทำจมูกฟุดฟิด สีหน้าเคร่งเครียดตำหนิว่า

 

"น้องเราเมื่อเกิดเป็นบุรุษเพศ สมควรรักษาท่าทีหนักแน่นจิตใจกล้าหาญ ภายภาคหน้าย่อมมิมีผู้ใดนึกดูแคลนเหยียดหยาม"

 

มิคาดขอทานน้อยซุกซนอย่างยิ่ง หัวร่อเฮอะๆเอ่ยด้วยความหมายลึกซึ้ง

 

"หากข้าพเจ้าเป็นสตรี คำพูดเมื่อครู่เฉกเช่นลมพัดผ่านข้างหู ไยต้องนำพาเล่า"

 

"แต่ท่านหาใช่"

 

"อือ!ถ้าหากข้าพเจ้ากลายเป็นสตรี...ท่าน จะรักหรือไม่"

 

เซี่ยเคอรับฟังจนหัวร่อเบาๆ ชั่วครู่จึงกล่าวว่า

 

"เห็นแน่ชัดว่าท่านเป็นบุรุษ ไหนเลยรักชอบเพศเดียวกัน"

 

"แต่ข้าพเจ้าหวังว่าท่านสามารถชมชอบ"

 

กล่าวแล้วโน้มศีรษะหอมแก้มฟอดใหญ่ ค่อยปล่อยแขนทิ้งตัวลงเดินติดตามหลัง เซี่ยเคอถึงกับสมองพองโตสูดลมหายใจลึกๆเงียบงันมิส่งเสียง ขอทานน้อยเยี่ยนฟางเลิกคิ้วเรียวงาม ใบหน้าปลาบปลื้มเอียงอายจนระเรื่อ เกาะกุมแขนเสื้อมันกล่าวว่า

 

"นี่!ข้าพเจ้าเพียงล้อเล่น ท่านไฉนขุ่นเคืองมีโทสะ"

 

เซี่ยเคอใบหน้าสงบราบเรียบ ตอบโดยไม่เบือนศีรษะ

 

"หามิได้ เรากำลังครุ่นคิด วังอสนีบาตที่แท้มีเจตนาอันใด"

 

"อ้อ!"

 

เยี่ยนฟางลอบแย้มยิ้ม พลันนึกได้เรื่องหนึ่งจึงโพล่งอีกว่า

 

"เมื่อครู่ข้าพเจ้าสังเกตุ พวกมันลงมือดั่งต้องการเข่นฆ่าก็ปาน"

 

เซี่ยเคอผงกศีรษะ ลดเลี้ยวเหลี่ยมเขาอีกยี่สิบวา หนทางยิ่งมายิ่งลาดต่ำ โขดหินผนังผาระเกะระกะ ทิ้งตะไคร่น้ำจับเกาะแทบลื่นไถลเสียหลัก หนำซ้ำกรวดเขียวยิ่งมายิ่งมาก มีลักษณะตะปุ่มตะป่ำพื้นผิวขรุขระ บางแห่งยังแหลมคมน่าหวาดเสียว

 

เพิ่งหยุดยั้งเงี่ยหูสดับ ริมโสตแว่วซุ่มเสียงครืนครั่นสนั่นหวั่นไหว จมูกสูดกลิ่นคาวฉุนเฉียว หากยังดำเนินในลักษณะตนนำหน้าขอทานน้อยตามหลัง น่ากลัวมันพอสะดุดล้มจะต้องรับบาดเจ็บถึงแก่ชีวิต อย่าว่าแต่ภูมิประเทศปัจจุบัน ทอดต่ำลงทุกขณะ ยามกราดตาสำรวจนอกจากสีเขียวขุ่นรอบบริเวณแล้ว ไม่อาจสังเกตพบสภาพอื่นใด

 

เยี่ยนฟางกระพริบตาพลางถามอย่างสงสัย

 

"เกิดเรื่องใด"

 

เซี่ยเคอเบือนศีรษะยิ้มเล็กน้อยกล่าวว่า

 

"ข้างหน้าอันตรายยิ่ง ท่านยังคงขี่หลังข้าพเจ้าเถอะ"

 

ยินเสียงขานรับคำหนึ่ง แขนกลมกลึงพลันโอบรอบลำคอ รู้สึกเรือนร่างอีกฝ่ายเบาหวิวนุ่มนิ่ม กลิ่นอายพิสดารโชยกระทบ เซี่ยเคอในใจครุ่นคิดเปลือกนอกถามว่า

 

"น้องเราเรียนรู้ตัวเบา มิน่าเล่าอากัปกิริยาจึงปราดเปรียวแคล่วคล่องผิดสามัญ"

 

"สร้างความอับอายแก่ท่านแล้ว เป็นขอทานกระยาจกแอบถ่ายทอด บิดาแทบล่วงรู้ แต่ทว่าเฒ่าผู้นั้นวางแผนกับเราแก้ต่างได้น่าฟังยิ่ง"

 

บอกเล่าจบหัวร่อคิกคัก เซี่ยเคอส่ายหน้าถามสืบต่อ

 

"โอ!น่ากลัวน้องเราครั้งกระโน้นซุกซนร้ายกาจยิ่ง"

 

"เพ้ย!ท่านว่าผู้ใด เมื่อครู่ยังมิได้ตอบคำถามข้าพเจ้า"

 

เซี่ยเคอหัวร่อมิออกร่ำไห้มิได้ นับว่าขอทานน้อยดื้อรั้นเอาแต่ใจ บีบคั้นผู้คนสาหัสนัก โลดแล่นแตะปลายเท้าเบาๆบนหินใหญ่เปลี่ยนกำลัง จริงดั่งคาดทางหุบเขาขาดสะบั้น ด้านหน้าปรากฏธารน้ำตกกว้างสามวายาวตั้งแต่ผนังผาซ้ายมือจรดทางขวา ผิวน้ำใสกระจ่างราบเรียบดั่งกระจก พลังวังวลหนุนเนื่องบิดตัวเป็นเกรียว ใต้หุบเขาอาจบางทีมีทางลับ

 

เห็นฝั่งตรงข้ามปรากฏกระแสเชี่ยวกรากโกรกกระแทกปานระลอกคลื่น มวลน้ำมหาศาลพอไหลหลั่งลงจากที่สูงกระทบลำธารสายนี้ บังเกิดซุ่มเสียงราวอสนีบาตฟาดทลาย ข้างหูอึงอลสมองลั่นเกรียวกราว เซี่ยเคอพยายามมองฝ่าม่านน้ำเขม็ง ฝั่งตรงข้ามปรากฏกระแสธารสาดเทลงมา แสดงว่าเป็นผนังผาลาดชันแห่งหนึ่ง

 

ปัญหาน่ากังวลคือ...แม้สามารถบรรลุถึงฝั่งตรงข้ามประการแรกต้องเผชิญกับแรงกดดันจากเบื้องบนไม่หยุดยั้ง ต่อให้เปลี่ยนลมปราณอึดใหม่เกาะเกี่ยวทะยานขึ้น ยังคงถูกมวลน้ำกระหน่ำพลัดร่วงเสียชีวิต

 

สองความสูงจากผนังผาสู่ทางชั้นต่อไปมีความสูงเท่าใด คำถามข้อที่สองจึงเป็นปัญหายุ่งยากที่สุด ยามนั้นขอทานน้อยเงยหน้ากวาดมองตาม เบิกตากลมกว้างแย้มยิ้มก้มลงเอื้อนเอ่ยที่ข้างหูบุรุษหนุ่ม

 

"มีแล้ว!กระบี่ของท่านใช้ปักตรึงผนังผา จากนั้นฟาดฝ่ามือสลายม่านน้ำเบื้องบน"

 

เซี่ยเคอกระโดดปราดส่งเสียงอุทานอย่างลิงโลด ลดมือชักกระบี่คลั่งเลือดจากฝัก ประกายเย็นเยียบสีขาวพวยพุ่ง กล่าวชมเชยขึ้นว่า

 

"น้องเราเยี่ยมยอดนัก ทดสอบดูสักคราเถอะ"...

สารบัญ / นำทาง

ความคิดเห็น

รูปภาพของ tor

รอตอนต่อไปครับผม

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.