บทที่ 19 ประวัติการณ์20ปี

นักบู๊หฤโหด

-A A +A

บทที่ 19 ประวัติการณ์20ปี

บทที่ 19 ประวัติการณ์20ปี

 

เฒ่าทั้งสองหารือกันอีกชั่วขณะ หะแรกเซี่ยเคอซึ่งตั้งใจจะคร่ากุมเค้นหาที่ตั้งหมู่บ้านหฤหรรษ์ บัดนี้พอฟังตกลงเลิกล้มเจตนามันสองต้องมิใช่บริวารขบวนการผีเสื้อหยก ขบคิดพลางคลายใจลงกว่าครึ่ง เฒ่าสูงผุดลุกพลางชักชวนเฒ่าเตี้ยรุดออกจากศาลเจ้า

 

บุรุษหนุ่มทิ้งตัวยืนหยัดบนพื้น กวาดตาสำรวจรอบข้างตลบหนึ่ง กระโดดข้ามกำแพงซ้ายมืออ้อมถึงหน้าศาลเจ้า ทุ่มเทตัวเบาโลดตะบึงสืบต่อ เซี่ยเคอเดินทางปราศจากจุดหมาย แม้เจตนาต้องการสืบทราบขุมกำลังผีเสื้อหยก เนื่องจากข้อมูลที่ตนล่วงรู้กล่าวได้ว่าน้อยนิด จึงยังมิตกลงใจเคลื่อนไหวให้ผิดสังเกตุ จวบจนใกล้รุ่งค่อยย้อนกลับบรรลุถึงอู่ฮั่น

 

เมื่อวานปรากฏชนชาวยุทธจักรคับคั่งหนำซ้ำบุคคลอันดับสูงของสำนักมาตรฐานทะยอยส่งคนติดต่อข่าวคราวซึ่งกันและกัน พวกมันอย่างไรย่อมต้องหาทางระวังป้องกันรักษาเกียรติภูมิรากฐานปรมาจารย์ บุรุษหนุ่มทางหนึ่งครุ่นคิดทางหนึ่งลอบสังเกตุตลอดรายทาง จริงดั่งคาดผู้คนส่วนใหญ่ล้วนแต่งกายเยี่ยงนักบู๊พกพาดาบสะพายอาวุธ เร่งรุดสู่ทิศตะวันตกราวมีเรื่องสำคัญใหญ่หลวงก็ปาน

 

ภายในเมืองร้านน้ำชาร้านรวงบางแห่งเปิดกิจการแล้ว เซี่ยเคอสาวเท้าเข้าร้านข้างถนนขวามือ รู้สึกโครงสร้างโอ่อ่าไม่น้อย มาตรว่ามีเพียงสองชั้นแต่ก็กว้างขวางใหญ่โตอย่างยิ่ง จากคนซึ่งดื่มกินชั้นล่างสิบกว่าโต๊ะ เมื่อกวาดสำรวจมองโดยละเอียดไปรอบหนึ่งแล้ว ยังเหลือโต๊ะเก้าอี้ว่างอีกนับสิบทีเดียว

 

เฉียดผ่านผู้รับใช้ยืดอกก้าวยาวๆขึ้นบันไดเลือกที่นั่งริมหน้าต่างชั้นสองมุมหนึ่งทรุดกาย ผู้รับใช้เข้ามาถามไถ่รายการอาหาร ชั่วครู่จึงยกถาดน้ำชาและผัดผักสองสามจานมา เซี่ยเคอปรายตาให้มันแวบยัดเงินแท่งหนึ่งใส่ในอกเสื้ออีกฝ่ายพลางถามว่า

 

"ระหว่างนี้ได้ยินได้ฟังเรื่องใดมาบ้าง"

 

ผู้รับใช้ทั้งอ้วนทั้งเตี้ย รีบยกแขนเสื้อปาดเช็ดน้ำลายมุมปาก แยกเขี้ยวหัวร่อตอบว่า

 

"นายท่านนี้มือเติบนัก ผู้ต่ำต้อยรับฟังจากแขกเหรื่อผ่านทาง หุบเขาอสนีดำปรากฏของวิเศษสิ่งหนึ่งขึ้นในรอบยี่สิบปี ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยขออภัยที่ผู้ต่ำต้อยมิทราบชัด"

 

เซี่ยเคอแค่นเสียงเย็นชา โบกมือให้มันผละจากไป ก้มหน้ารับประทานอาหารอย่างเยือกเย็น ทันใดหน้าร้านคล้ายกำลังเกิดความชุลมุนวุ่นวายซุ่มเสียงแผดด่าระงม ดูท่าท้องถนนยามนี้มีผู้ก่อกวนเรื่องราวใดขึ้น กระตุ้นแขกเหรื่อนับสิบเพ่งมองยังต้นเสียงราวนัดแนะ

 

ท้องถนนใหญ่ปรากฏเงาคนพลุกพล่านสับสน ขอทานน้อยอายุสิบสี่สิบห้าปีคนหนึ่ง มาตรแม้นสวมใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย ทว่าตามเนื้อตัวเปรอะเปื้อนฝุ่นดินหน้าตามอมแมม รูปกายเตี้ยเล็กผมเผ้ายุ่งเหยิงปกคลุมครึ่งซีกหน้าประกอบกับท่าทีซุกซนปราดเปรียว ส่งผลให้อดประวัติถึงดรุณีชุดดำ จวบจนบัดนี้ตนยังมิล่วงรู้ชื่อแซ่พวกนางสองนายบ่าว พลังฝีมือของนางหาเป็นรองตนไม่ อายุยังเยาว์วัยไฉนกลอกกลิ้งร้ายกาจถึงเพียงนั้น ทอดถอนใจยาวๆส่ายศีรษะคำนึง

 

'เฮอะ!เราเป็นไรแล้วคิดถึงนางไปไย'

 

ขณะนั้นได้ยินขอทานน้อยส่งเสียงแหลมเล็กทุ่มเถียงกับผู้รับใช้ จึงก้มสายตามองลงจากหน้าต่างอีกครา

 

"หมั่นโถวเพียงสองลูกหยิบฉวยจะเป็นไร หรือร้านท่านจะขาดทุนเพียงเพราะข้าพเจ้าคนเดียวเชียวหรือ"

 

ผู้รับใช้ร่างอ้วนพุงยุ้ยขบฟันกรอดหน้าตาบิดเบี้ยว พลันตะคอกสอดคำ

 

"เมื่อไม่มีเงินจ่าย ขอทานสกปรกเจ้ายังกล้าขโมย ประพฤติเป็นโจรเยี่ยงนี้ เรามิฟาดโบยให้หลังหักก็นับว่าเวทนามากแล้ว"

 

ขอทานน้อยหาแยแสทำหูทวนลม ยกหมั่นโถวในมือกัดกินหัวร่อคิกคัก เดินเฉียดผ่านข้างกายอีกฝ่ายคิดเข้าร้าน ผู้รับใช้ตวาดอย่างขุ่นแค้นชิงขวางหน้ายกมือผลักไสโดยแรง ร่างขอทานเซถลากระแทกโครมก้นจ้ำเบ้า กระทั่งหมั่นโถวสองลูกยังกระเด็นหลุดมือ สร้างความขบขันแก่คนในร้าน มีบ้างหัวร่อจนท้องแข็ง มีบ้างซุบซิบวิจาร เรื่องเช่นนี้ถือเป็นปรกติวิสัย

 

ขอทานน้อยเจ็บปวดจนขมวดคิ้วนิ่วหน้า พลันดีดกายลุกขึ้นถ่มน้ำลายใส่ผู้รับใช้เบื้องหน้า ผู้รับใช้เดือดดาลแทบมีเปลวไฟพวยพุ่งอับอายสาหัส ตวัดมือตบฉาดแผดด่าไปทันที

 

"เด็กชั่วร้ายบัดซบ บิดาพานฟาดเจ้าให้ตายเสียเลย"

 

ขณะฝ่ามือห่างจากใบหน้าอีกฝ่ายสองนิ้ว ด้านหลังขอทานน้อยปรากฏร่างสูงโปร่งของคนผู้หนึ่งขึ้น แขนเสื้อชุดยาวสะบัดแผ่วเบา พลังหยุ่นเหนียวทะลักตามติด ผู้รับใช้รู้สึกแขนขวาชาวูบเรี่ยวแรงสาบสูญ ล้มคะมำศีรษะฟาดพื้นแทบปริแตกโลหิตหลั่งไหล รีบเงยหน้าถลึงตา ครั้นพบว่าเป็นบุรุษหนุ่มเสื้อครามเค้าหน้ากระด้างเย็นชาในตอนแรก จิตใจแตกตื่นตระหนกรีบยิ้มประจบน้อมกาย เซี่ยเคอแค่นเสียงเฮอะตัดบทว่า

 

"ล้วนจดใส่บัญชีเราทั้งสิ้น"

 

เอื้อมมือแตะบ่าขอทานน้อยกล่าวเสียงนุ่มนวล

 

"นี่!น้องเราเจ้าใคร่ดื่มกินมิใช่หรือ"

 

ขอทานน้อยสะดุ้งรู้ตัว หันมาแย้มยิ้มผงกศีรษะกล่าวว่า

 

"กงจื่อไม่รังเกียจว่าข้าพเจ้าสกปรกยากไร้ น่ากลัวร่วมโต๊ะกับท่าน ย่อมมีแต่ผู้คนหัวร่อ"

 

"อย่าได้กล่าวมากความ มาเถอะ ท่านอาศัยในอู่ฮั่นนานแล้วกระมัง"

 

ฉุดข้อมืออีกฝ่ายพลิ้วกายขึ้นริมหน้าต่าง เชื้อเชิญให้มันนั่งยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ท่ามกลางสายตาแขกเหรื่อหลายโต๊ะลอบชำเลือง เซี่ยเคอเรียกผู้รับใช้สั่งสุราอาหารมาอีกหลายอย่าง คนทั้งสองรับประทานพลางสนทนาพลาง ขอทานน้อยแนะนำตัวมีนามเยี่ยนฟาง เมื่อเซี่ยเคอบอกชื่อแซ่ตนให้มันทราบแล้ว รู้สึกเหตุการณ์เมื่อครู่ผิดปรกติเล็กน้อย ข้อมืออีกฝ่ายทั้งเรียวเล็กนุ่มนิ่มราวไร้กระดูก แลเห็นสีหน้าขอทานน้อยแม้มอมแมมแต่แดงระเรื่อ คาดว่ามันกระอักกระอ่วนเกรงใจ จึงกล่าวอีกว่า

 

"น้องเราเชิญตามสะดวก ดื่มกินให้อิ่มหนำ"

 

ขอทานน้อยเงยหน้าขึ้นมอง ยามนี้เซี่ยเคอสามารถพินิจถี่ถ้วน คิ้วเรียวโค้งดั่งใบหลิว ตาดำขลับสุกใสดุจน้ำค้าง ใบหน้ารูปไข่แม้อ่อนเยาว์แต่บริสุทธิ์น่ารักยิ่ง จมูกโด่งรับกับริมฝีปากจิ้มลิ้มละม้ายดรุณีแรกรุ่น มันพอดีผสานสบในตาบุรุษหนุ่ม ต้องสยิวกายก้มศีรษะต่ำ ประกายวูบวับแหลมคมดุจรังสีไร้สภาพเย็นเยียบถึงก้นบึ้ง ใช้ตะเกียบคีบเนื้อเข้าปากกลบเกลื่อนพิรุธ หัวร่อพลางตอบว่า

 

"ใช่แล้วผู้น้องอาศัยในอู่ฮั่นตั้งแต่เล็ก พี่ท่านน่ากลัวมีฝีมือสูงเยี่ยม"

 

เซี่ยเคอหัวร่อเบาๆมุมปากประดับรอยยิ้มเล็กน้อยกล่าวว่า

 

"นั่นยังห่างไกล น้องเราถามไถ่ไปใย"

 

"ข้าพเจ้าภูมิรอบรู้จำกัด หวังว่าท่านอย่าถือสาจึงประเสริฐ"

 

ทอดถอนใจสีหน้าหมองหม่นลงกล่าวสืบต่อ

 

"บิดามักกำชับเสมอบู๊ลิ้มเปี่ยมเล่ห์เพทุบายดังนั้นพยายามทุกวิถีทางห้ามผู้น้องเรียนรู้วิชาฝีมือกระทั่งลมปราณผิวเผิน ท่านว่านี่บีบคั้นผู้อื่นสาหัสหรือไม่"

 

เซี่ยเคอจิบสุราคำหนึ่งเงียบงันปราศจากวาจา พลันยักไหล่ถามอย่างสงสัย

 

"อ้อ!น้องเราเมื่อยังมีท่านผู้เฒ่าอยู่ ไฉนต้อง...!"

 

วาจาประโยคท้ายความจริงคิดถามไถ่ ไฉนต้องร่อนเร่ไร้หลักแหล่ง แต่กริ่งเกรงกระทบจิตใจมันจนว้าวุ่นจึงชะงักไว้เปลี่ยนเป็นเอ่ยเสียงนุ่มนวล

 

"บิดาท่านน่ากลัวเป็นห่วงแล้ว น้องเราวิ่งเล่นซุกซนเยี่ยงนี้ ยังคงกลับไปหาท่านจึงประเสริฐ"

 

ไหนเลยคาดคิดผู้อื่นหากมีที่พึ่งพิงย่อมมิเผชิญโลกเพียงลำพังทั้งอายุเยาว์วัยเด็ดขาด น้ำเสียงแม้ส่อเจตนากังวลห่วงใย ขอทานน้อยพอรับฟังคล้ายขุ่นเคืองขยี้เท้าเชิดปากกระชากเสียงสอดคำ

 

"ข้าพเจ้ารู้จักดูแลตนเอง ท่านอย่าได้หยามเหยียดผู้อื่นเกินไปนัก"

 

เซี่ยเคอมึนงงยกจอกสุราค้าง คนเบื้องหน้าอยู่ดีๆอารมณ์พลันกลับกลายจากหน้ามือเป็นหลังมือ การแสดงออกกะทันหันสร้างความเคลือบแคลงแก่บุรุษหนุ่มครุ่นคิดขึ้น

 

'เอ๊ะ!อยู่ดีๆมันไฉนเกิดโทสะ เสียดายหากเป็นอิสตรีนับว่าแง่งอนเอาแต่ใจน่าดูยิ่ง'

 

เปลือกนอกรีบส่ายศีรษะปฏิเสธ อธิบายพลางเปลี่ยนเรื่องแก้ขวย

 

"ขออภัย...เราเนื่องจากโดดเดี่ยวเคยชิน วาจาย่อมรุนแรงขาดการใคร่ครวญ เมื่อครู่ท่านถามถึงวิชาฝีมือ เราสอนท่าเท้าและตัวเบาให้ดีหรือไม่"

 

ขอทานน้อยเยี่ยนฟางสีหน้าครึ่งยิ้มครึ่งบึ้ง ขบคิดชั่วขณะพลันย้อนถามว่า

 

"เรื่องนั้นค่อยตกลงภายหลังเถิด สักครู่ท่านคิดไปที่ใดเล่า"

 

"หุบเขาอสนีดำ"

 

ขอทานน้อยทีท่าแตกตื่นประกายตาพิสดารปรากฏวูบ เพียงแวบเดียวแล้วสลายวับ เซี่ยเคอหาแยแสต่อกิริยาอีกฝ่าย ได้ยินมันส่งเสียงถามว่า

 

"ท่านจะสลักชื่อทดสอบเข้าวังอสนีบาตกระมัง"

 

เซี่ยเคอเลิกคิ้วเรียวงามส่งเสียงราบเรียบ

 

"น้องเราคล้ายรู้จักเรื่องราวมากหลาย หนำซ้ำวาจาดั่งราวเคยท่องตำราเรียนหนังสือ บอกตามความสัตย์ข้าพเจ้าเพิ่งท่องเที่ยววงนักเลง กับหุบเขาอสนีบาตดำและวังอสนีบาตอะไร หาเคยล่วงรู้ไม่"

 

"บิดาเมื่อยังมีชีวิตชมชอบคบหากว้างขวาง ฟังมาว่าวังอสนีบาตยี่สิบปีจะปรากฏครั้งหนึ่ง สำหรับข้อเท็จจริงยังเป็นปริศนา เพราะผู้สลักชื่อและผ่านบททดสอบ ล้วนเป็นบุคคลอันดับเยี่ยมแห่งยุค มีแต่เข้าไปมิเคยกลับออกมาตลอดกาล"

 

"อย่างนั้นนับว่าประหลาดมาก"

 

"อือ!"

 

ขอทานน้อยรับคำแผ่วเบา สายตาเลื่อนลอยปราศจากจุดหมาย มันพอรู้ว่าบุรุษหนุ่มเสื้อครามเค้าหน้าคมคาย เรือนร่างสง่าสูงโปร่งข้างหน้า ประสบชะตากรรมเดียวกัน ก็เปิดเผยความจริงในวาจาเมื่อครู่

 

เซี่ยเคอสะทกสะท้านลอบถอนใจยาว ตนยังมีอาจารย์คอยอบรมสั่งสอนสนิทสนมดั่งผู้บังเกิดเกล้า ทว่าเด็กหนุ่มอายุเยาว์ตรงกันข้าม ซัดเซพเนจรผ่านวันเวลาอย่างลำบากยากแค้น ความรู้สึกเวทนาสงสารผลักดันความคิดหนึ่งสู่ห้วงสมอง พลันลดเสียงทุ้มต่ำกล่าวว่า

 

"ข้าพเจ้าไร้เรื่องราว พาท่านไปชมดูวังอสนีบาตเถอะ"

 

"ว่าอะไร!ข้าพเจ้ามิรู้จักวิชาฝีมือรังแต่ถ่วงให้ห่วงหน้าพะวงหลัง"

 

"เรามองออกว่าท่านทราบเรื่องราวมากมายกว่าข้าพเจ้าหลายเท่า สำหรับปะทะหักหาญเราผู้พี่ย่อมมีปัญญาคุ้มครองท่านเหลือเฟือดอก"

 

แววเชื่อมั่นฉายชัด เลือดลมระอุประดัง ขอทานน้อยแย้มยิ้มน้ำตาคลอหน่วย เซี่ยเคอหัวร่อฮาๆ คิดบัญชีพลางยื่นมือเกาะกุมอีกฝ่ายเร่งรุดออกจากร้านอาหาร

 

เวลาสายมากแล้วอาทิตย์แรงกล้าแผ่รัศมีร้อนแรง โขดหินใบหญ้าสะท้อนประกายแห่งชีวิต ข้อมือข้างนั้นให้ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านวาบหวิวพิกล ลอบชำเลืองหางตาแวบ เห็นเยี่ยนฟางกลับมีท่าทีเปลี่ยนแปรบัดเดี๋ยวยิ้มแย้มบัดเดี๋ยวขมวดคิ้วนิ่วหน้า เซี่ยเคอทุ่มเทตัวเบาโลดแล่นดุจเหินบิน พลันเอ่ยถามว่า

 

"ท่านลำบากใจมีที่ใดไม่ถูกต้องหรือ"

 

"หามิได้!เราเพียงครุ่นคิดเมื่อถึงเวลาผ่านด่านทดสอบ สมควรติดตามท่านในฐานะคนใช้ดีหรือไม่"

 

บุรุษหนุ่มขมวดคิ้ว ส่งเสียงตอบว่า

 

"ประเสริฐ!หากท่านสะดวก เราหามีอันใดขัดข้อง"

 

......

 

หุบเขาอสนีบาตดำ ชื่อนี้สร้างความกระหายใคร่ค้นหาแก่ชนชาวนักเลงร่วมหกสิบปี ปริศนาอันซ่อนเร้นประวัติเป็นมามืดมัว ปลุกเร้าสัญชาตญาณนักสู้ประดาสำนักมาตรฐาน และมวลหมู่มารร้ายจอมโฉดชั่ว ให้สืบเสาะหลั่งไหลเนืองแน่น ยี่สิบปีอุบัติขึ้นครั้งหนึ่ง โดยผู้จัดตั้งบททดสอบ ล้วนเป็นบุคคลซึ่งประกาศต่อบู๊ลิ้ม ว่าสังกัดวังอสนีบาตทุกรูปนาม ดังนั้นยิ่งกระตุ้นเหล่าผู้ทรงฝีมือแน่แก่ใจ หากผ่านบททดสอบสำเร็จทั้งสามด่าน เข้าถ้ำอสนีบาตใต้สระก้นหุบเขานั่นจะต้องเป็นขุมทรัพย์วิชาบู๊ มีโอกาสได้ฝึกปรือคัมภีร์สูงสุดยอด รอจนงานชุมนุมชาวยุทธ์บนเส้าหลินจัดขึ้นเมื่อใด ตำแหน่งยอดฝีมือที่หนึ่งแห่งยุค ต้องชิงชัยกันอย่างดุเดือดนองเลือดทีเดียว

 

ทางหุบเขากว้างยาวสลับคดเคี้ยวหักสอก โขดศิลาผนังผาสูงหลายร้อยวา เบื้องหน้าปรากฏชายชราเก้าคนรูปกายสูงใหญ่ราวเจดีย์เหล็ก ยืนเรียงหน้ากระดานปิดช่องทางหุบเขาไว้ เวลานั้นผู้ฝ่าด่านเป็นชายกลางคนหนวดเครารกครึ้มสะพายดาบเก้าห่วง มันหยุดยั้งทอดระยะห่างวาเศษ ชายชรากึ่งกลางยกมือขึ้นสูงเอื้อนเอ่ยเสียงกังวาน

 

"ผู้เข้าทดสอบโปรดประกาศนาม"

 

คนผู้นั้นบ่งบอกชื่อแซ่ตามกฎ ชายชรากึ่งกลางยกมือป้องอกแยกสองเท้าออกเสมอไหล่เค้นเสียงหนักๆ

 

"เชิญ!"

 

ชายกลางคนตวาดปานฟ้าร้องสืบเท้าไปเบื้องหน้า แขนรั้งขึ้นไขว้สลับสองฝ่ามือกดประทับลงสุดกำลัง พลังลมแกร่งกร้าวม้วนทะลักดุจเกิดมรสุมปั่นป่วน ท่าฝ่ามือมันนี้ธรรมดาจนสามัญ แผ่อานุภาพสะเทือนเลื่อนลั่นขึ้นกึกก้อง เงาแขนมากมายกระจายซับซ้อน จู่โจมใส่ในบัดดล

 

ชายชรากึ่งกลางพลิกฝ่ามือหยาบใหญ่ทั้งคู่ขึ้นต้านรับตรงๆ พลังอันมหาศาลหนุนเนื่องตามกระบวนท่าพลิกแพลง เสียงระเบิดปานแผ่นดินถล่ม ก่อกวนกรวดดินรอบบริเวณตลบอบอวน ชายกลางคนถลาเสียหลักสองแขนปล่อยห้อยลง มุมปากปรากฏโลหิตสดๆหยดหยาดครึ่งซีกหน้าแดงคล้ำราวตับหมู

 

"ไม่ผ่าน"

 

ซุ่มเสียงกังวานของชายชรากึ่งกลางตวาดสำทับ มันได้แต่ล่าถอยพกพาความพ่ายแพ้ออกจากหุบเขา เซี่ยเคอสืบเท้านำหน้าขอทานน้อยเยี่ยนฟางติดตามหลังใกล้ชิด ยืนหยัดประสานมือในระยะหนึ่งวา ชายชรากึ่งกลางกวาดตาโปนโตสำรวจมอง ชี้นิ้วไปยังขอทานน้อยเอ่ยถามว่า

 

"ผู้ทดสอบหนึ่งหรือสอง โปรดบ่งบอกให้ชัดเจน"

 

เซี่ยเคอเพ่งตาแน่วนิ่งตอบเสียงเฉื่อยชา

 

"มันเป็นเด็กรับใช้เรา"

 

"อย่างนั้นผู้ทดสอบประกาศนาม"

 

"เซี่ยเคอ"

 

จากนั้นชายชรากึ่งกลางพลันโบกมือวูบ ทีท่าหนักแน่นสำรวม

 

"เชิญได้!"

 

เซี่ยเคอสืบเท้าอีกครึ่งก้าว มือซ้ายตั้งเป็นสันยังหว่างอกปล่อยแขนขวาตกห้อยลง มิเห็นมันทำท่าอย่างไรพลันปรากฏพลังหยุ่นเยือกทะลักทลายจนบรรยากาศเกิดเสียงซู่ซ่าเสียดประสาท ชายชรากึ่งกลางเลิกคิ้วขาวโพลน ฝ่ามือซ้ายผลักต่อต้านโดยหักโหม

 

พลังสองขุมพบกันหว่างกลางอากาศ เกิดเสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหว ร่างสูงใหญ่ซวนเซล่าถอยสามก้าวค่อยสลายพลังดีดสะท้อนคลี่คลาย เซี่ยเคอปักหลักมั่นกับที่ลดมือลง ชายชราทางขวาโบกมือวูบ ส่งเสียงเนิบนาบ

 

"ผ่านได้"...

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.