ตอนที่ 1,005 ยืมพลัง
ตอนที่ 1,005 ยืมพลัง
สถานการณ์ของลินนิจในปัจจุบันไม่ค่อยจะดีมากเท่าไหร่นัก เพราะเซี่ยเฟยกำลังพยายามดึงพลังวิญญาณออกไปจากร่างกายของเขา
“ฉันจะทำยังไงดี?” ลินนิจกล่าวขึ้นมาอย่างกังวล เพราะถ้าหากเซี่ยเฟยสามารถดึงพลังวิญญาณของเขาออกไปได้สำเร็จ ชายหนุ่มย่อมใช้พลังงานเหล่านั้นจนหมดสิ้นอย่างแน่นอน
“ตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว นายต้องให้เขายืมพลังของนายซะ” ริเวอร์กล่าวอย่างจริงจัง
“อย่ามาพูดไร้สาระ! นายคิดจะให้เซี่ยเฟยควบคุมพลังของฉันงั้นเหรอ? ถึงตอนนี้ฉันจะเป็นวิญญาณอมตะแต่รากฐานของฉันยังคงอยู่เหมือนเดิม หากว่าสมองของเขาได้รับผลกระทบจากพลังของฉันเข้าไปแล้วใครจะรับผิดชอบ” ลินนิจกล่าวอย่างไม่เห็นด้วย
ในอดีตเขาคือนักรบวิญญาณที่แข็งแกร่งมาก แม้แต่ในดินแดนนอกประตูจักรวาลตัวตนของเขาก็ยังถือว่าเป็นนักรบชั้นยอด หากว่าเขาให้เซี่ยเฟยยืมพลังจากในอดีตของเขาไปจริง ๆ เขาก็กลัวว่าชายหนุ่มจะไม่สามารถควบคุมพลังที่อยู่เหนือเกินกว่าระดับของตัวเองได้
“ถ้าอย่างนั้นก็แล้วแต่นาย ฉันไม่ยุ่งด้วยแล้ว” ริเวอร์กล่าวอย่างขาดความรับผิดชอบ
ขณะนี้การต่อสู้อันดุเดือดระหว่างเซี่ยเฟยกับผู้สร้างทั้งสองกำลังดำเนินมาจนถึงจุดตึงเครียด ซึ่งถ้าหากว่าเขายังไม่ตัดสินใจในตอนนี้จริง ๆ พลังวิญญาณของเซี่ยเฟยก็จะหมดลง และมันย่อมเป็นช่วงเวลาที่ศัตรูจะต้องตีโต้กลับมาอย่างแน่นอน
“เอาล่ะถ้าอย่างนั้นฉันก็จะให้เซี่ยเฟยได้เห็นพลังของโซลฮันเตอร์!” ลินนิจกัดฟันส่งเสียงร้องคำราม ก่อนที่จะเริ่มส่งพลังวิญญาณไปให้เซี่ยเฟย
ระหว่างนั้นชายหนุ่มก็สัมผัสได้ถึงพลังงานอันมหาศาลจากเนอร์วาน่าที่เคยปฏิเสธเขามาโดยตลอด แต่ตอนนี้เมื่อเนอร์วาน่าเริ่มส่งพลังงานมามันจึงทำให้พลังภายในร่างของเขาเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ
เซี่ยเฟยทดลองกำหมัดของตัวเองอีกครั้ง แต่หมัดนี้กลับสร้างแรงกดดันอันรุนแรงจนทำให้ทั่วทั้งกาแล็กซีต้องสั่นสะเทือน
‘ทรงพลังมาก!’ เซี่ยเฟยอุทานกับตัวเองภายในใจ โดยมีลินนิจแอบกลืนน้ำลายอยู่ใกล้ ๆ อย่างพูดไม่ออก
ย้อนกลับไปในก่อนหน้านี้เซี่ยเฟยเกือบจะฆ่าลินนิจไปโดยไม่รู้ตัวแล้ว แต่ด้วยคำแนะนำจากริเวอร์ลินนิจจึงจำเป็นจะต้องให้เซี่ยเฟยยืมพลังของเขาไปแทนที่จะให้ชายหนุ่มดึงพลังออกไปโดยไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา
เมื่อได้รับพลังวิญญาณปริมาณมหาศาล ชายหนุ่มก็เริ่มจู่โจมเข้าใส่ผู้สร้างทั้งสองคนอย่างรุนแรง อย่าลืมว่าตอนนี้เซี่ยเฟยเป็นเพียงราชันย์ขั้นที่ 5 เท่านั้น การที่เขาสามารถไล่ต้อนผู้สร้างทั้งสองพร้อม ๆ กันได้ มันก็มากพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าพลังวิญญาณเป็นสิ่งที่น่ากลัวมากแค่ไหน
การได้รับพลังงานไม่เพียงแต่จะทำให้ความแข็งแกร่งของชายหนุ่มเพิ่มขึ้นเท่านั้น แม้แต่ความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นสูงจากเดิมอย่างก้าวกระโดดด้วย
5 ล้าน!
6 ล้าน!
7 ล้าน!
8 ล้าน!
ในระยะเวลาสั้น ๆ ความเร็วของเซี่ยเฟยก็เพิ่มขึ้นสูงเกือบ 10 ล้านเมตรต่อวินาที ซึ่งความเร็วในระดับนี้มันอยู่เหนือเกินกว่าปฏิกิริยาการตอบสนองของผู้สร้างทั้งสองคนแล้ว
ฟุบ!
เซี่ยเฟยปรากฏตัวบริเวณด้านซ้ายของสไมล์ล์อย่างฉับพลัน ก่อนที่เขาจะชกออกไปด้วยความเร็วสูง
หมัดนี้มีพลังโจมตีที่รุนแรงมากจนทำให้ชายอ้วนกระเด็นขึ้นไปในอากาศทิ้งเลือดที่สายกระจายเอาไว้ยังด้านหลัง
ก่อนที่สไมล์จะทันได้ตั้งหลัก เนอร์วาน่าก็เคลื่อนที่ผ่านเข้าไปด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า
ฉัวะ!
เส้นแสงจากการโจมตีปรากฏขึ้นอย่างกะทันหัน ก่อนจะเผยให้เห็นภาพของสไมล์ที่กุมแขนซ้ายของตัวเองไว้ น่าเสียดายที่การโจมตีนี้ยังไม่สามารถปลิดชีวิตผู้สร้างร่างอ้วนลงไปได้ แต่มันก็สามารถตัดแขนซ้ายของอีกฝ่ายให้ขาดออกจากร่าง
ลักษณะเด่นของเนอร์วาน่าคือการดูดกลืนแขนที่ถูกตัดขาดจึงไม่มีเลือดออก แต่ถึงกระนั้นความเจ็บปวดที่ได้รับกลับมากกว่าปกติจนทำให้สไมล์แทบที่จะดิ้นทุรนทุรายทั้งยืน
“ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว พวกเรามาลากมันลงนรกไปด้วยกันเถอะ!” ไดร์กล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
ทันใดนั้นผู้สร้างทั้งสองก็เริ่มเผาผลาญพลังชีวิตของตัวเองด้วยเช่นกัน ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถที่จะรับมือความเร็วของชายหนุ่มได้จริง ๆ
ไม่น่าเชื่อว่าเซี่ยเฟยจะบีบบังคับให้ผู้สร้างทั้งสองถูกต้อนจนมุมได้จนถึงขนาดนี้ หลังจากนั้นการต่อสู้อันดุเดือดก็ดำเนินต่อไปจนทำให้พื้นที่ในบริเวณนั้นเริ่มบิดเบี้ยวมากขึ้นเรื่อย ๆ
พลังวิญญาณของลินนิจเริ่มส่งผลกระทบต่อเซี่ยเฟยทีละน้อย จนทำให้ชายหนุ่มจำเป็นจะต้องเคลื่อนไหวโดยอาศัยเพียงแค่สัญชาตญาณเท่านั้น
ฆ่ามัน!
ฆ่าพวกมันให้หมด!
เจตจำนงแห่งการสังหารยังคงดังกึกก้องอยู่ภายในใจ แต่น่าเสียดายที่การมองเห็นของเขาเริ่มพร่ามัว และในที่สุดเขาก็หมดสติลงไปในระหว่างการต่อสู้นั่นเอง
—
“อือ…” เซี่ยเฟยลุกขึ้นมาราวกับว่าเขากำลังตื่นจากฝันร้ายว่าเขาต้องเผชิญหน้ากับผู้สร้างถึงสองคน แต่ด้วยพลังที่เขาไม่รู้จักมันจึงทำให้เขาสามารถสังหารผู้สร้าง 1 คนได้สำเร็จ และทำให้ผู้สร้างอีกคนได้รับบาดเจ็บสาหัส
ความรู้สึกของการสังหารผู้สร้างทำให้เขามีความสุขมาก แต่หลังจากที่เขาเริ่มได้สติกลับคืนมาเขาก็ได้พบกับเสียงอันคุ้นเคย เพราะสถานที่ที่เขาอยู่ในปัจจุบันมันคือดินแดนลับของเหล่าบรรดาหุ่นยนต์
ชายหนุ่มพยายามมองสำรวจรอบ ๆ บริเวณ ก่อนที่จะได้พบว่าตัวเองกำลังอยู่ใต้ต้นไม้อันเหี่ยวเฉา ครั้งหนึ่งต้นไม้ต้นนี้เคยสูงตระหง่านเขียวขจี แต่ปัจจุบันมันกลับแตกแยกออกจากตรงกลางราวกับโดนฟ้าผ่าอย่างรุนแรง
ใช่แล้ว นี่คือต้นไม้แห่งชีวิต!
“เกิดอะไรขึ้น? ทุกอย่างมันไม่ใช่ฝันงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยกมือขึ้นมานวดศีรษะของตัวเอง
“ใช่ นายไม่ได้ฝัน ก่อนหน้านี้นายปลุกพลังโซลมาร์คขึ้นมาจนสังหารไดร์ได้สำเร็จและทำให้สไมล์ล์ได้รับบาดเจ็บสาหัส”
เสียงดังขึ้นมาจากฝั่งตรงข้ามและเมื่อเซี่ยเฟยเงยหน้าขึ้นมามอง เขาก็ได้พบว่าเจ้าของเสียงคือคนที่แนะนำให้เขาได้รู้จักกับผู้สร้างทั้ง 13 คนนั่นเอง
“ถ้าฉันชนะแล้วทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่? แล้วทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่กับฉันด้วย?” เซี่ยเฟยถามอย่างสับสน
“สาเหตุที่นายมาอยู่ที่นี่นั่นก็เพราะว่านายไม่สามารถควบคุมพลังวิญญาณได้ ในท้ายที่สุดนายก็เลยต้องมาเกิดใหม่แทนที่ตำแหน่งต้นไม้แห่งชีวิต” ริเวอร์กล่าว
เมื่อเซี่ยเฟยลองสำรวจชุดเกราะอาชูร่า เขาก็ได้พบว่าชุดเกราะของเขาถูกทำลายอย่างสิ้นเชิง อย่างไรก็ตามแหวนมิติและเนอร์วาน่ายังคงอยู่ราวกับว่าของพวกนี้ไม่เคยหายไปไหน
“คุณโกหก ฉันเคยเห็นคนเกิดใหม่มาก่อน เมื่อร่างกายกลับมาเกิดใหม่ทุกสิ่งที่อยู่รอบ ๆ ตัวเขาจะหายไป แม้แต่ผิวกายก็เรียบเนียนราวกับทารกแรกเกิด ไม่มีอะไรเหมือนกับฉันในตอนนี้เลย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
“นายจะเปรียบเทียบคนที่กลับมาเกิดใหม่เพราะเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตกับนายไม่ได้ เพราะตัวนายกลับมาเกิดใหม่ด้วยต้นไม้แห่งชีวิต ความเป็นจริงแล้วนายไม่ได้เสียชีวิตจากกระบวนการนี้เลย เพราะต้นไม้แห่งชีวิตได้เสียสละชีวิตของมันแทนตัวนาย” ริเวอร์ก็เอาพร้อมกับส่ายหัว
“แล้วขนอุยมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? ถึงแม้ฉันจะกลับมาเกิดใหม่ด้วยต้นไม้แห่งชีวิต แต่ขนอุยกลับมาเกิดใหม่พร้อมกับฉันไม่ได้สักหน่อย” เซี่ยเฟยถามขณะหันไปมองขนอุยที่นอนอยู่ใกล้ ๆ
“ฉันเป็นคนนำขนอุยกับเนอร์วาน่ากลับมาเอง ส่วนชุดเกราะกับหงส์ครามติดตัวนายกลับมาในระหว่างการเกิดใหม่ด้วย” ริเวอร์กล่าว
“คุณมาช่วยฉันไว้ทำไม?” เซี่ยเฟยถามหลังจากคิดได้ว่าคำอธิบายของอีกฝ่ายสมเหตุสมผล
“ฉันไม่ได้ช่วยนาย ถ้าฉันช่วยจริง ๆ ไดร์คงจะถูกฆ่าไปนานแล้วและนายก็ไม่จำเป็นจะต้องใช้ต้นไม้แห่งชีวิตอันล้ำค่าต้นนี้ด้วย พูดตามตรงถ้าเทียบระหว่างต้นไม้แห่งชีวิตกับเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิต ฉันค่อนข้างจะชอบต้นไม้แห่งชีวิตมากกว่า เพราะถึงแม้เมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตจะช่วยให้นักรบเกิดใหม่ได้เป็นจำนวนนับครั้งไม่ถ้วน แต่นักรบก็ต้องสูญเสียพลังของตัวเองไปด้วย”
“แน่นอนว่าวิธีที่ดีที่สุดคือการมีทั้งสองอย่างเอาไว้ช่วยชีวิตตัวเอง แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้นายใช้ต้นไม้แห่งชีวิตไปแล้ว และการจะหาต้นไม้วิเศษต้นนี้เพิ่มอีกสักต้นมันก็คงจะเป็นเรื่องที่ยากมาก” ริเวอร์กล่าว
เซี่ยเฟยสัมผัสได้ว่าชายคนนี้มีบุคลิกที่แปลกประหลาดมาก เพราะถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้เรียกร้องอะไร แต่อีกฝ่ายก็มักจะหยิบยื่นความช่วยเหลือมาให้เสมอ ราวกับว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์อะไรบางอย่างที่ไม่สามารถจะอธิบายได้
ทันใดนั้นลินนิจก็ปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้าเซี่ยเฟย ซึ่งในตอนนี้ร่างของเขาแจ่มชัดกว่าเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด
“เซี่ยเฟย ฉันขอโทษที่เก็บความลับทั้งหมดเอาไว้ แต่ทั้งหมดมันเป็นความคิดของริเวอร์คนเดียว” ลินนิจกล่าวอย่างดูมีมารยาทแปลก ๆ
ริเวอร์ที่อยู่ด้านข้างสะดุ้งขึ้นมาอย่างกะทันหัน เพราะเขาไม่คิดว่าสหายจะกลายเป็นคนเจ้าเล่ห์แบบนี้
หลังจากอยู่กับเซี่ยเฟยมานาน ลินนิจก็ไม่เพียงแต่จะเรียนรู้ความเจ้าเล่ห์ของชายหนุ่มมาเท่านั้น แต่เขายังได้เรียนรู้เคล็ดลับการโยนความผิดไปให้กับคนอื่นอีกด้วย
“ริเวอร์!?” เซี่ยเฟยอุทานอย่างสงสัย
“ใช่ จริง ๆ แล้วเขาคือริเวอร์ ก่อนหน้านี้ที่เราได้พบกับเขาที่วิหาร ฉันพยายามจะเล่าทุกเรื่องให้นายฟังแล้ว แต่เขาบอกให้ฉันปิดบังเรื่องทุกอย่างเอาไว้ก่อน ฉันเลยยังบอกความจริงกับนายไม่ได้” ลินนิจกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปทางริเวอร์
ริเวอร์ขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างกะทันหัน แต่ในระหว่างที่เขากำลังจะพูดแก้ตัวอยู่นั่นเอง ลินนิจก็พูดขัดจังหวะเขาขึ้นมาซะก่อน
“ริเวอร์ ตอนนี้เซี่ยเฟยเปิดใช้งานโซลมาร์คได้แล้ว เราไม่มีอะไรจำเป็นจะต้องปิดบังอีกต่อไป แม้แต่มรดกของนายน้อยเราก็จำเป็นจะต้องส่งมอบให้กับเขา”
ลินนิจพยายามระบายความโกรธที่ริเวอร์ปัดความรับผิดชอบในก่อนหน้านี้ เขาจึงพยายามสั่งสอนบทเรียนให้กับสหายโดยการบอกเล่าความจริงให้เซี่ยเฟยรู้ แน่นอนว่าสิ่งนี้มันก็เป็นเรื่องที่เขาได้เรียนรู้มาจากชายหนุ่มด้วยเช่นกัน
“โซลฮันเตอร์ริเวอร์แห่งตระกูลออโรร่า ขอแสดงความเคารพต่อนายน้อย” ริเวอร์กล่าวหลังจากถอนหายใจยาวขณะคุกเข่าลงตรงหน้าเซี่ยเฟย
ระหว่างนั้นลินนิจก็คุกเข่าพร้อมกับแนะนำตัวด้วยวิธีการเดียวกัน จนทำให้เซี่ยเฟยอยู่ในอาการตกตะลึง
ในอดีตเซี่ยเฟยเคยเห็นลินนิจเป็นเพียงแค่ภาพลาง ๆ เท่านั้น แต่ในตอนนี้ภาพของลินนิจปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนไม่ต่างไปจากในตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่
การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกแปลก ๆ ขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ คล้ายกับคนธรรมดาที่ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วได้พบว่าโลกนี้มีดวงวิญญาณล่องลอยอยู่เต็มไปหมด
ยิ่งไปกว่านั้นพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขายังมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นมาครั้งใหญ่ เพราะมันถูกขยายให้เปิดกว้างออกถึง 150% ที่สำคัญเม็ดพลังงานหลากสีภายในสมองยังถูกแทนที่ด้วยตราประทับสีทอง
“นี่มันอะไรกันแน่? ทำไมจู่ ๆ ร่างกายของฉันถึงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน? แล้วทำไมพวกคุณถึงมาเรียกฉันว่านายน้อย?” เซี่ยเฟยกล่าวขณะยกมือขึ้นมากุมศีรษะ
แต่ในระหว่างที่ลินนิจกำลังจะอธิบายเรื่องทั้งหมดอยู่นั่นเอง จู่ ๆ เซี่ยเฟยก็พูดแทรกขึ้นมาซะก่อน
“แล้วไหนมรดก? รีบเอามาให้ฉันเร็ว ๆ เข้า”
ท่าทางของเซี่ยเฟยทำให้ริเวอร์ทั้งรู้สึกโกรธและตกใจ เพราะปู่ของเซี่ยเฟยมีชื่อเสียงในเรื่องการจัดการเรื่องทุกอย่างด้วยความสง่างาม และถึงแม้ว่ามันจะมีสมบัติมาวางกองอยู่ตรงหน้า แต่ปู่ของเซี่ยเฟยก็ไม่เคยสูญเสียความสง่างามไปเลยแม้แต่วินาทีเดียว
อย่างไรก็ตามลินนิจก็พูดเรื่องมรดกขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจเท่านั้น แต่เมื่อฟังจากน้ำเสียงของเซี่ยเฟยอีกฝ่ายกลับจริงจังกับเรื่องนี้มากราวกับชายหนุ่มต้องการจะบอกว่า
“ของของฉันก็คือของของฉัน ของของคุณถ้าฉันเห็นก็เป็นของของฉัน ของอะไรที่ฉันได้ยินว่าเป็นของของฉันมันก็คือของของฉันเหมือนกัน โดยสรุปทุกสิ่งทุกอย่างมันควรจะเป็นของของฉันด้วยกันทั้งหมด!!”
‘ทำไมมันถึงมีตัวประหลาดแบบนี้ในสายเลือดของออโรร่าด้วย?’ ริเวอร์ตะโกนภายในใจ
***************
เดี๋ยวค่อยเล่า เอามรดกมาก่อน 5555
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 320
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น