ตอนที่ 1,004 เริ่มเปิดโซลมาร์ค

-A A +A

ตอนที่ 1,004 เริ่มเปิดโซลมาร์ค

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 1,004 เริ่มเปิดโซลมาร์ค

อย่ายอมแพ้จนกว่าจะวินาทีสุดท้าย!

ด้วยแรงผลักดันจากการเสี่ยงชีวิต จู่ ๆ มันก็มีประกายแสงจาง ๆ ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมาในสมองของเซี่ยเฟย

พื้นที่สมองส่วนที่ 7 เป็นกุญแจสำคัญเอาไว้ใช้สำหรับการกำหนดพรสวรรค์ของนักรบ แต่ในตอนนี้เม็ดพลังงานสีสันสดใสภายในสมองของชายหนุ่มกำลังเกิดการกลายพันธุ์ กลายเป็นตราประทับสีทองที่ส่องแสงสว่างออกมาอย่างเจิดจ้า

ถึงแม้ตราประทับสีทองนี้จะเป็นเพียงแค่ตราประทับเล็ก ๆ และยังดูเหมือนไม่สมบูรณ์ แต่พลังที่มันมอบให้กับเซี่ยเฟยเป็นเหมือนกับคลื่นสึนามิที่สาดซัดเข้ามาทำลายทุกสิ่ง

พลังงานถูกปลดปล่อยออกมาจากตราประทับอย่างบ้าคลั่ง ส่งผลให้แรงกดดันของชายหนุ่มรุนแรงมากยิ่งขึ้น ผู้สร้างทั้งสองคนในระยะไกลจึงเบิกตากว้างมองมายังชายหนุ่มด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

การระเบิดพลังงานอย่างกะทันหันของเซี่ยเฟยภายใต้สถานการณ์อันสิ้นหวัง ทำให้แม้กระทั่งผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในจักรวาลก็ยังรู้สึกหวาดกลัว ซึ่งถ้าหากอัตราการระเบิดพลังงานของชายหนุ่มยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป อีกไม่นานดัชนีพลังงานของเซี่ยเฟยจะต้องเกินกว่าระดับพระเจ้าไปแล้วแน่ ๆ

ตราประทับสีทองภายในสมองของเซี่ยเฟยอัดฉีดพลังงานไปทั่วทั้งร่างราวกับเขื่อนที่พังทลายลง พลังงานของชายหนุ่มไม่เพียงแต่จะเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันเท่านั้น แต่ร่างกายของเขายังแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย

เมื่อพลังงานเอ่อล้นออกมาเซี่ยเฟยก็ทำการปลดปล่อยดาบจันทร์ทมิฬออกไปซ้ำ ๆ ซึ่งภาพในเหตุการณ์นี้เป็นภาพที่น่าตกตะลึงมาก เพราะชายหนุ่มไม่เคยกระหน่ำโจมตีด้วยพลังของกฎแห่งความโกลาหลมาก่อน

สถานการณ์พลิกผันไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง จากตอนแรกที่ผู้สร้างทั้งสองคอยปิดล้อมเซี่ยเฟยเอาไว้ แต่ตอนนี้พวกเขากลับถูกไล่ล่าจากกฎแห่งความโกลาหลของชายหนุ่มแทน

แม้ว่าสไมล์กับไดร์จะมีพลังในระดับพระเจ้า แต่พวกเขาก็ไม่สามารถต้านทานพลังที่บ้าคลั่งแบบนี้ได้ ผู้สร้างทั้งสองจึงทำได้เพียงแค่หลบเลี่ยงดาบจันทร์ทมิฬโดยไม่สามารถหาช่องว่างโจมตีโต้ตอบกลับไปได้เลย

“นี่มันโซลมาร์ค!” ลินนิจอุทานขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น หลังจากที่เขาได้เห็นพลังของเซี่ยเฟยที่ปะทุขึ้นมา

“ใช่ นายน้อยสามารถเปิดใช้งานโซลมาร์คได้แล้ว นี่คือผลลัพธ์ของพรสวรรค์ประกอบกับความพยายามอย่างไม่หยุดยั้งที่ไม่คิดจะยอมรับความพ่ายแพ้” จู่ ๆ เสียงของริเวอร์ก็ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน

“ริเวอร์! นี่นายแอบดูอยู่ตลอดเลยงั้นเหรอ?!” ลินนิจสะดุ้งขึ้นมาด้วยความตกใจ เมื่อมันได้มีเสียงของสหายเก่าดังขึ้นมา

“ใช่ ฉันไม่เคยจากไปไหน คอยแอบตามดูนายน้อยไกล ๆ อยู่ตลอด” ริเวอร์กล่าว

“ถ้านายดูอยู่แล้วทำไมไม่เข้ามาช่วยเซี่ยเฟยตั้งแต่แรก ถ้าหากเขาไม่สามารถเปิดใช้งานโซลมาร์คได้ ตอนนี้เขาอาจจะเป็นอันตรายถึงตายไปแล้ว” ลินนิจเริ่มบ่นขึ้นมาเล็กน้อย

“ถ้าฉันเข้าไปช่วยตั้งแต่แรก นายคิดว่านายน้อยจะสามารถเปิดใช้งานโซลมาร์คได้ไหม?” ริเวอร์กล่าว

ลินนิจขมวดคิ้วและไม่พูดอะไรตอบกลับไป

“ทุกคนมักจะคิดมาตลอดว่าปาฏิหาริย์ทั้งหมดที่เซี่ยเฟยสร้างขึ้นมาเป็นเพราะพรสวรรค์ที่เขามีติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด แต่ใครจะไปรู้สาเหตุที่เขาเติบโตขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ เขาก็ไม่ได้พึ่งพาเพียงแค่พรสวรรค์ของตัวเองเท่านั้น แต่เขายังพึ่งพาความเพียรพยายามอย่างบ้าคลั่งอีกด้วย” 

“ความดื้อรั้นของเขาเปรียบเสมือนวัชพืชที่ไม่เคยยอมแพ้ จิตใจของเขาแข็งแกร่งดุจเหล็กกล้า ไม่เคยย่อท้อแม้จะต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบากมาอย่างมากมาย”

“นายบอกฉันเองไม่ใช่เหรอว่าถึงแม้เซี่ยเฟยจะสืบสายเลือดมาจากนายน้อย แต่เขาก็มีความบ้าคลั่งอย่างที่ชาวออโรร่าไม่มี ปัจจัยหลักที่ทำให้เขาพัฒนามาได้ขนาดนี้มันไม่ใช่เฉพาะเพียงแค่สายเลือดของเขาเท่านั้น แต่มันยังเป็นเพราะบุคลิกที่ไม่ยอมแพ้ของเขาอีกด้วย”

“เส้นทางที่เซี่ยเฟยเติบโตขึ้นมาย่อมแตกต่างจากเส้นทางของนายน้อยอย่างสิ้นเชิง นายน้อยเติบโตขึ้นมาท่ามกลางความรุ่งโรจน์ของตระกูล แต่เซี่ยเฟยเติบโตขึ้นมาเพียงลำพัง ทุกอย่างที่เขาประสบความสำเร็จในวันนี้ต่างก็ล้วนแล้วแต่พึ่งพาความแข็งแกร่งของตัวเองเพียงคนเดียว” ริเวอร์กล่าว

“ในที่สุดนายก็คิดได้แล้วสินะ” ลินนิจกล่าวขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ

“ฉันเริ่มคิดเรื่องนี้ตั้งแต่ที่พวกเราพูดคุยกันครั้งที่แล้ว เซี่ยเฟยแตกต่างจากสมาชิกทุกคนในตระกูลออโรร่าจริง ๆ ซึ่งเรื่องนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เลวร้ายเพียงแต่ฉันยังติดภาพความสง่างามของนายน้อยอยู่เท่านั้นเอง” ริเวอร์กล่าวพร้อมกับถอนหายใจ

บทสนทนาระหว่างลินนิจและริเวอร์เป็นไปอย่างลับ ๆ โดยที่เซี่ยเฟยไม่ได้รับรู้ถึงบทสนทนาเหล่านี้เลย ชายหนุ่มยังคงปลดปล่อยการโจมตีออกไปอย่างบ้าคลั่งเรียกได้ว่าเขาต้อนผู้สร้างทั้งสองจนเกือบจะจนมุม

“ดูเหมือนว่าเซี่ยเฟยจะยังไม่ชินกับการใช้พลังจากโซลมาร์คสินะ เขาถึงยังปล่อยพลังไปยังบ้าคลั่งแบบนั้น” ลินนิจกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว

“ให้เวลาเขาหน่อย อีกไม่นานนายน้อยก็จะปรับตัวได้เอง” ริเวอร์กล่าว

“แต่สถานการณ์ในปัจจุบันมันยังไม่ค่อยสู้ดีนัก ถึงแม้การปล่อยพลังแบบนั้นจะระงับผู้สร้างทั้งสองเอาไว้ได้ แต่ไม่มีทางสังหารพวกเขาลงได้อย่างแน่นอน อีกอย่างโซลมาร์คของเซี่ยเฟยก็ยังไม่สมบูรณ์ อีกไม่นานพลังงานพวกนี้ก็จะหายไปและทำให้สถานการณ์พลิกผันกลับมาอีกครั้ง” ลินนิจกล่าวอย่างกังวล

“หากต้องการสร้างโซลมาร์คอย่างเสร็จสมบูรณ์ เขาก็จำเป็นจะต้องใช้ความพยายามมากกว่านี้” ริเวอร์กล่าว

“นี่นายยังไม่คิดที่จะลงมืออีกงั้นเหรอ?!” ลินนิจอุทานด้วยความตกใจ

“อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในครั้งนี้ อย่าลืมนะว่าเซี่ยเฟยยังมีต้นไม้แห่งชีวิตอยู่” ริเวอร์กล่าว

“นี่นายคิดจะให้เซี่ยเฟยใช้ต้นไม้แห่งชีวิตเลยงั้นเหรอ? แบบนั้นมันจะเสี่ยงมากเกินไปหรือเปล่า” ลินนิจกล่าวอย่างกังวล

“ในเมื่อนายน้อยสามารถเปิดใช้โซลมาร์คได้ล่วงหน้า เขาย่อมสามารถทะลวงขีดจำกัดได้อย่างแน่นอนหรือว่านายไม่เชื่อใจเซี่ยเฟยงั้นเหรอ?” ริเวอร์กล่าว

“เอ่อ…” ลินนิจทำได้เพียงแต่กลืนน้ำลายลงไป ท้ายที่สุดการทะลวงขีดจำกัดก็สำคัญมาก เพียงแต่ว่าความเสี่ยงที่ต้องแลกมามันก็มีมูลค่าสูงมากด้วยเช่นกัน

การก้าวข้ามผ่านอุปสรรคครั้งสำคัญมักจะเกิดขึ้นในช่วงความเป็นความตายอยู่เสมอ ยกตัวอย่างเช่น การที่เซี่ยกู่เฉิงพัฒนากลายเป็นพระเจ้าได้สำเร็จหลังจากที่เขาเอาชีวิตของตัวเองเป็นเดิมพัน ซึ่งเรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นกฎอันเป็นนิรันดร์ของจักรวาล

เซี่ยเฟยยังคงระบายความบ้าคลั่งของตัวเองออกไป และเขาก็ไม่รู้ว่าตราประทับสีทองภายในสมองของเขามันคืออะไรกันแน่ สิ่งเดียวที่เขารู้คือพลังงานเหล่านี้อยู่นอกเหนือการควบคุม ถ้าหากว่าเขาไม่ทำการปลดปล่อยพลังงานออกไปจากร่างกาย มันก็อาจจะทำให้ร่างกายของเขาเกิดการระเบิดขึ้นมาได้เลย

ผลของการปลดปล่อยพลังของกฎแห่งความโกลาหลออกไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้พื้นที่บริเวณนี้ถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้น ๆ แม้แต่ผู้สร้างทั้งสองคนก็ตกอยู่ในสภาพที่ทรุดโทรม เนื่องมาจากการพยายามหลบหนีการโจมตีของเซี่ยเฟยตลอดเวลา

ชายหนุ่มมีสัญชาตญาณอันยอดเยี่ยมมาโดยตลอด ซึ่งในระหว่างการปลดปล่อยพลังงานออกไปเขาก็พยายามเรียนรู้การใช้พลังงานใหม่ไปในเวลาเดียวกัน หลังจากเวลาได้ผ่านพ้นไปเพียงแค่ไม่กี่นาทีเขาก็เริ่มที่จะเรียนรู้การควบคุมพลังงานนี้อย่างช้า ๆ

เมื่อเนอร์วาน่าสังหารศัตรูมันจะทำการดูดซับวิญญาณของคู่ต่อสู้เข้าไปเก็บสะสมเอาไว้ภายในร่างของเซี่ยเฟย แต่ในวันนี้เมื่อโซลมาร์คเริ่มถูกเปิดออก พลังงานวิญญาณก็เริ่มรั่วไหลออกมาด้วยเช่นกัน และมันก็เป็นพลังงานที่เซี่ยเฟยยังไม่เคยเรียนรู้ค้นหาวิธีในการควบคุม

หลังเวลาผ่านไปชายหนุ่มก็เริ่มรู้สึกว่าพลังวิญญาณภายในร่างกายของตัวเองไม่เพียงพอ แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังงานอันแข็งแกร่งภายในเนอร์วาน่า ซึ่งมันเป็นพลังที่มีความเสถียรมากกว่าต่างจากพลังในร่างกายของเขาที่ไม่เชื่อฟังคำสั่งของเขาเลย

ด้วยเหตุนี้ชายหนุ่มจึงเริ่มดึงพลังวิญญาณมาจากเนอร์วาน่า โดยต้องการจะใช้พลังงานเหล่านั้นในการสังหารศัตรู อย่างไรก็ตามชายหนุ่มก็ไม่ได้รู้เลยว่าการกระทำอันไม่รู้ความของเขากำลังจะกลายเป็นหายนะสำหรับลินนิจ

“ชิบหายแล้ว! เซี่ยเฟยกำลังดึงพลังของฉันออกจากเนอร์วาน่า!!” ลินนิจอุทานด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด

ลินนิจคือวิญญาณอมตะที่ถูกนำมาหลอมรวมเข้ากับเนอร์วาน่า พลังวิญญาณที่เซี่ยเฟยค้นพบในเนอร์วาน่าจึงไม่ใช่พลังงานอื่นนอกเสียจากพลังงานของลินนิจนั่นเอง

น่าเสียดายที่ชายหนุ่มไม่รู้เลยว่าตราบใดก็ตามที่เขาดึงพลังวิญญาณของลินนิจออกมาใช้จนหมด ตอนนั้นลินนิจก็จะไม่เหลือพลังมากพอที่จะคงสภาพตัวเองเอาไว้ได้ด้วยเช่นกัน หรือหากจะพูดง่าย ๆ ถ้าหากเซี่ยเฟยดึงพลังงานของลินนิจออกไป มันก็จะทำให้ลินนิจค่อย ๆ เสียชีวิตลงไปนั่นเอง

“อะไรนะ?! เขาเพิ่งจะควบคุมพลังวิญญาณได้ แต่เขากลับค้นหาแหล่งที่มาของพลังวิญญาณได้แล้วงั้นเหรอ? ดูเหมือนอีกไม่นานเขาจะกลายเป็นนักรบวิญญาณระดับ 1 แล้วสินะ” ริเวอร์อุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ

“อย่าพึ่งตกใจช่วยฉันก่อน! แรงดึงของเซี่ยเฟยเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว อีกไม่นานฉันคงจะทนไม่ไหวแล้วนะ” ลินนิจร้องโหยหวนแทบจะขาดใจ

“นายคิดว่าเซี่ยเฟยจะดึงวิญญาณของนายออกมาจากเนอร์วาน่าได้จริง ๆ เหรอ? เขาเพิ่งเริ่มเปิดใช้งานโซลมาร์คได้เองนะ” ริเวอร์กล่าว

“เลิกพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว! เขาคือเซี่ยเฟยเชียวนะ เขาคือคนที่ไม่ยอมแพ้จนกว่าจะบรรลุเป้าหมาย เมื่อไหร่ก็ตามที่พลังวิญญาณภายในร่างเขาหมดลง ตอนนั้นพลังงานที่เขาจะใช้มันจะต้องเป็นพลังของฉันแน่นอน” ลินนิจตะโกนด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด

พูดตามหลักการและเหตุผลแล้วการที่เซี่ยเฟยสามารถเปิดใช้โซลมาร์คได้ก่อนที่ร่างกายจะพัฒนาอย่างเต็มที่ มันก็ถือได้ว่าเป็นเรื่องปาฏิหาริย์ของจักรวาล แต่ตอนนี้ชายหนุ่มกำลังจะสร้างปาฏิหาริย์ซ้อนปาฏิหาริย์โดยการดึงพลังงานออกมาจากร่างของลินนิจ

ในฐานะคนรับใช้ของตระกูลออโรร่า ลินนิจย่อมเตรียมพร้อมจะสละชีวิตปกป้องสมาชิกของตระกูล อย่างไรก็ตามการตายในลักษณะนี้มันก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาเตรียมใจเอาไว้มาก่อนเลย ที่แย่ไปกว่านั้นคือเซี่ยเฟยยังไม่รู้ตัวว่าเขากำลังจะทำอะไร

**************

จะหยุดพี่เฟยทันไหม? หรือลินนิจจะถูกรวมร่าง!

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.