บทที่ 150 วินาทีสำคัญ!!
ฟูวววว ~~
เสียงผ่อนลมหายใจยาวออกมาจากริมฝีปากเด็กสาวด้วยความรู้สึกโล่งอก
‘ไม่รู้จะวุ่นวายอะไรกับกูหนักหนา...อีแก่นี่...ชิ’ ความรู้สึกขุ่นมัวที่ไม่ได้ดังใจที่เกิดขึ้น ทำให้ตัวเธอยังไม่หยุดที่จะคิดในแง่ร้ายกับผู้มีพระคุณ
ณ เกาะส่วนตัวของตระกูลธิพัฒน์เดชะไพศาล
--- เอลิซ Talk ---
หลังจากที่ทุกคน (ที่เป็นส่วนเกิน) ออกไปจากเกาะจนหมดแล้ว ก็เหลือแค่ฉันกับคุณเซฟที่ยังคงอยู่ที่บนเกาะแห่งนี้
เมื่อมื้ออาหารที่วุ่นวายที่สุดในชีวิตจบลง เขาก็ได้พาฉันไปเดินเล่นบนชายหาดอันแสนสงบบนเกาะส่วนตัวของตระกูลของเขา
มือของเราทั้งสองสอดประสานกันแน่นพร้อมกับแกว่งไกวไปตามจังหวะการเดิน ลมเย็นที่พัดโชยมาปะทะใบหน้า อีกทั้งร่างกายยามที่สองเราเดินทอดน่องไปตามแนวหาดทราย ทำให้ความรู้สึกแสนวุ่นวายที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นค่อย ๆ มลายหายไป คงเหลือไว้เพียงความสบายใจกับบรรยากาศและภาพทิวทัศน์ที่สวยงามด้านหน้า
เมื่อเราสองคนหยุดทอดสายตามองไปยังความกว้างใหญ่ของน้ำทะเลที่มีสีฟ้าครามใสบวกกับแสงแดดยามบ่ายคล้อยที่ทอประกายกระทบลงบนผิวน้ำที่กำลังกระเพื่อมไปตามแรงลมจนระยิบระยับ ทำให้ภาพตรงหน้าช่างดูสวยงามเสมือนภาพวาดของศิลปินชั้นสูง...
มือหนาที่เคยกุมมือของฉันในตอนต้น บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นเข้ามาโอบกอดประคองไหล่มนให้แนบชิดเข้ากับอกแกร่ง พร้อมกับสองสายตาที่ยังคงมองไปที่จุดเดียวกันโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
เราสองคนปล่อยให้บรรยากาศที่อยู่รายล้อมเข้าปลอบประโลมไปทั่วร่างกาย จนความรู้สึกอิ่มเอมค่อย ๆ เพิ่มขึ้นท่วมท้นในหัวใจ
“ชอบที่นี่ไหมคะ” เขาเอ่ยถามเสียงละมุนหลังจากที่เราสองคนยืนเงียบชมวิวกันมานาน
ฉันหันหน้าไปยิ้มให้กับเขาเป็นคำตอบพร้อมกับพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะหันกลับไปเสพบรรยากาศความงามตรงหน้าต่อ โดยที่ไม่ทันได้สังเกตเลยว่าสายตาคมยังคงจับจ้องมาที่ด้านข้างใบหน้าสวยด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก
ฟอด ~~
ริมฝีปากอุ่นโน้มลงมาจรดลงบนแก้มนวล ทำคนที่โดนขโมยหอมแก้มโดยไม่รู้ตัวตกใจก่อนจะเอียงอายเสหน้าหลบไป เพราะไม่อยากให้คนตัวโตเห็นแก้มที่กำลังแดง
“เฮียรักเอลิซมากนะคะ” เขาที่ไม่ปล่อยให้ฉันได้ทันหายใจหายคอ เพราะนอกจากเขาจะแอบหอมแก้มของฉันแล้ว เขายังเอ่ยคำหวานโปรยพรมรดลงมาให้ความชุ่มชื่นต่อหัวใจ จนคนร่างบางเลือดในกายพลุ่งพล่านไปด้วยความเขิน
คนโดนบอกรักถึงกับก้มหน้างุด ไปไม่เป็น ความรู้สึกที่เหมือนกับมีมวลผีเสื้อโบยบินไปทั่วร่างกายยามได้ฟังคำหวานท่ามกลางเสียงคลื่นทะเล มันช่างสุขใจจนอยากจะหยุดเวลาไว้เพียงเท่านี้
และแม้ว่าฉันจะไม่ได้ตอบอะไร แต่การกระทำที่ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นไปมองสบยังสายตาหวานเยิ้มที่กำลังรอฟังคำตอบรับจากฉัน ก่อนที่ตัวฉันเองจะเขย่งร่างที่มีความสูงน้อยกว่าเขาขึ้นไปจุ๊บเบา ๆ ที่ริมฝีปากหนา เพื่อเป็นคำตอบให้เขาว่าฉันเองก็รู้สึกเฉกเช่นเดียวกับเขาเช่นกัน
เราสองคนโอบกอดกันเนิ่นนาน โดยต่างคนก็ต่างอยากจะหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้...
--- เซฟ Talk ---
หลังจากเรื่องราววุ่นวายจบลงไปด้วยดี ผมก็ได้พาเธอเดินออกไปสูดอากาศอย่างที่ใจเธอปรารถนามาตั้งแต่มาถึงเกาะแห่งนี้
เราสองคนจูงมือเดินกันไปตามหาดทราย ลมเย็นพัดโชยมาจนผมเธอปลิวไสวไปตามแรงลม เผยให้เห็นใบหน้าเนียนใสอิ่มเอมจนทำให้ผมไม่อยากจะละสายตาไปมองทางไหนอีกเลย
ชุดเดรสสีขาวดูสวยแม้จะขัดใจที่มันเปิดเผยโชว์เนินอกเนียนผ่อง แต่มันก็ช่างงดงามยามที่อยู่บนเรือนร่างสมส่วนของเธอ ทุกอย่างที่เป็นเธอมันทำให้ผมยิ่งหลงรักเธอขึ้นไปทุกที
ผมและเธอเราทั้งสองหยุดเดินแล้วมองไปยังภาพความงามของท้องทะเลที่อยู่ตรงหน้า มือที่เคยกอบกุมมือของเธอผมก็เลื่อนขึ้นมาโอบกอดเธอเข้ามาแนบกายแทน จากนั้นเราทั้งสองก็ยืนดื่มด่ำกับบรรยากาศของธรรมชาติที่เหมือนกับว่ารังสรรค์มาให้กับเราสองคนโดยเฉพาะ ด้วยเวลาที่เนิ่นนาน
ผมเอ่ยทำลายความเงียบหลังจากที่เราทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันมาสักพัก ว่าเธอชอบที่นี่ไหม เพราะผมคิดจริง ๆ ว่าผมอยากจะใช้ที่นี่เป็นที่สร้างครอบครัวของเรา ความสงบ เย็นสบาย สวยงาม มันน่าจะทำให้เธอและลูกของเราที่จะเกิดขึ้นมาในอนาคตมีความสุขได้
ส่วนปฏิกิริยาตอบกลับของเธอก็เป็นคำตอบได้ดีสำหรับคำถามของผมว่าเธอชอบที่นี่มากแค่ไหน
ผมยิ้มรับ พร้อมกับมองไปยังใบหน้าสวยที่ทำให้ผมหลงรักได้ทุกครั้งที่มอง ก่อนที่จะอดใจไม่ไหวโน้มตัวลงไปขโมยหอมแก้มเธอ อีกทั้งยังบอกรักเธอจนแก้มเนียนใสพวงนั้นขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อยดูน่ารักขึ้นมาทันที
แม้ว่าเธอจะก้มหน้างุดด้วยความเขินอาย แต่เธอก็ยังไม่ลืมที่จะตอบรับความรักที่ผมมีให้ เธอเขย่งร่างขึ้นมาจูบที่ปากของผมอย่างแผ่วเบา แต่รสชาติของมันช่างหวานละมุนเหลือเกิน จนผมอยากจะละเลียดชิมมันอยู่อย่างนั้นไม่อยากจะปล่อยไปไหน
และถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้เอ่ยคำที่ผมอยากจะได้ยินจากปากเธอมากแค่ไหนออกมา แต่ผมรู้ดีว่า ณ เวลานี้ความรู้สึกของเราสองคนมันตรงกันแล้ว เพราะฉะนั้นผมรอได้ ผมรอวันที่เธอจะเอ่ยคำนั้นออกมาแล้วพร่ำบอกจนผมเบื่อได้ ผมรอเธอได้จริงจริง...
เพียงแต่ว่าวันนี้ สิ่งที่ผมรอไม่ได้อีกแล้วนั่นก็คือ...
--- เอลิซ Talk ---
หลังจากที่เราสองคนกอดกันสักพัก เขาก็ผละตัวออกจากอ้อมกอดของเรา ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ย่อตัวคุกเข่าลงข้างหนึ่งลงตรงหน้าของฉัน
ใจที่เต้นอยู่เริ่มสั่นระรัวขึ้นมาทันที ภาพเหตุการณ์แบบนี้มันช่างคุ้นตาเหลือเกินเมื่อนึกย้อนไปยามที่ฉันได้ดูหนังรักโรแมนติกแบบที่ฉันชอบ มือและร่างกายของฉันก็ยิ่งสั่นสะท้านด้วยว่าทำตัวไม่ถูกเพราะความรู้สึกในสถานการณ์จริงมันช่างต่างจากความรู้สึกขวยเขินเมื่อตอนที่ฉันได้ดูผ่านหน้าจอมากมายหลายเท่านัก
ความรู้สึกตื้นตัน อิ่มเอม เอ่อล้นจนทำให้รู้สึกชาไปทั่วตัว...
และในขณะที่ฉันกำลังโฟกัสคนที่อยู่ตรงหน้าอยู่นั้น...
พรึ่บ!!
แสงไฟที่ถูกแอบประดับประดาไปทั่วหาด ถูกเปิดขึ้นมาจนความสว่างเกิดขึ้นไปทั่วหาดทราย ความอลังการของดวงไฟ พร้อมกับซุ้มดอกไม้ที่ถูกจัดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ทำให้ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นด้วยความตื่นตาตื่นใจ
ฉันมองความสวยที่ถูกจัดขึ้นบนหาดไปมา ก่อนจะโฟกัสสายตากลับมามองยังคนตรงหน้าที่กำลังคุกเข่าหนึ่งข้างพร้อมกับกุมมือฉันเอาไว้อยู่
ดวงตาที่ฉายความตื่นเต้นเมื่อครู่หายไปในฉับพลันก่อนจะแทนที่ด้วยความรู้สึกร้อนผ่าวที่เริ่มก่อตัวขึ้นรอบดวงตาสวย เมื่อพบเข้ากับแหวนเพชรที่เรียบหรูแต่กลับดูมีมนต์ขลังอย่างแปลกประหลาดที่ยื่นโชว์มาหยุดอยู่ตรงหน้าเพื่อรอเวลาที่จะได้มาประดับอยู่ที่นิ้วเรียวสวย
และแล้ววินาทีที่ทำให้หัวใจฉันเกือบหยุดเต้นก็เกิดขึ้น...
สารบัญ / นำทาง
- ยอดวิว 28
แสดงความคิดเห็น