ตอนที่ 972 สองศัตรูผู้ทรงพลัง
ตอนที่ 972 สองศัตรูผู้ทรงพลัง
นี่คือแผนการที่โมฮาวางเอาไว้ตั้งแต่การต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว เพราะในฐานะที่เขาเป็นผู้ควบคุมอสูร เขาจึงมีความสนใจในตัวของขนอุยมากกว่าเซี่ยเฟย
เมื่อขนอุยหดตัวเล็กลงโมฮาที่อยู่ในระยะไกลก็ใช้นิ้วชี้จิ้มเข้ามาที่ขมับทั้งสองข้าง ในเวลาเดียวกันนั้นดวงตาที่เหมือนระลอกคลื่นก็ปล่อยกระแสจิตอันทรงพลังออกมาอย่างต่อเนื่อง
เนตรมนตรา!
เซี่ยเฟยเริ่มแก้ไขสถานการณ์อย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน โดยการใช้วิชาเนตรส่งกระแสจิตออกไปหยุดยั้งกระแสจิตของศัตรูเอาไว้
อย่างไรก็ตามโมฮากับซูย่าก็วางแผนรับมือเรื่องนี้เอาไว้เป็นอย่างดี เมื่อทั้งคู่ได้พบว่าเซี่ยเฟยติดกับดักที่พวกเขาได้วางเอาไว้ ลูกไฟขนาดใหญ่ก็พุ่งเข้าไปใกล้ชายหนุ่มแล้ว
ใบหญ้าสีฟ้าทั้งแปดใบกางออกอย่างรวดเร็วกลายเป็นตาข่ายป้องกันบริเวณด้านหน้า เพื่อให้เซี่ยเฟยสามารถมุ่งเน้นความสนใจไปที่การจัดการกับผู้ฝึกสอนในระยะไกลโดยไม่ถูกรบกวน
ทันใดนั่นเองเปลวไฟก็ขยายขนาดขึ้นมาอย่างกะทันหันกลายเป็นทะเลเพลิงอันกว้างใหญ่เกินกว่าที่หงส์ครามจะสามารถหยุดยั้งเอาไว้ได้
ทะเลเพลิงขนาดใหญ่กลืนกินร่างของเซี่ยเฟยและหงส์ครามไปอย่างรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้นเปลวไฟเหล่านี้ยังไม่ใช่เปลวไฟธรรมดา เพราะนอกเหนือจากที่ว่ามันจะมีพลังแผดเผาอันรุนแรงแล้ว มันยังมีคุณสมบัติในการปิดกั้นกระแสจิตอีกด้วย ทำให้ภายในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาทีกระแสจิตจากวิชาเนตรมายาก็ถูกปิดกั้นไป
“แย่แล้ว!!” เซี่ยเฟยส่งเสียงร้องคำรามก่อนที่เขาจะรีบออกวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด น่าเสียดายที่ทะเลเพลิงมีขนาดใหญ่มาก จนทำให้แม้แต่ความเร็วสูงสุดของเขาก็ยังจำเป็นจะต้องใช้เวลาเกือบวินาทีกว่าที่เขาจะสามารถออกมาจากทะเลเพลิงได้
เนื่องมาจากอยู่ในทะเลเพลิงนานเกินไปชุดเกราะของชายหนุ่มจึงร้อนระอุส่งกลิ่นเผาไหม้อยู่ตลอดเวลา แต่เซี่ยเฟยก็ไม่ได้ให้ความสนใจในเรื่องนั้นเลย เพราะตอนนี้เขากำลังกังวลว่าขนอุยจะเสียท่าให้กับโมฮาไปแล้วหรือยัง
วิชาทุกวิชาไม่มีคำว่าสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นวิชามนตราอสูรของเซี่ยเฟยหรือวิชาควบคุมอสูรของโมฮาต่างก็ล้วนแล้วแต่มีจุดอ่อนด้วยกันทั้งสิ้น แม้ว่าขนอุยกับเซี่ยเฟยจะมีการผูกพันกันในระดับจิตวิญญาณ แต่มันก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าวิชาของฝ่ายตรงข้ามจะไม่สามารถเข้ามาแทรกแซงพันธสัญญานี้ได้
ภาพที่ปรากฏให้เห็นทำให้เซี่ยเฟยแทบไม่อยากจะเชื่อสายตา เพราะไม่ว่าจะเป็นโมฮา, ซูย่าหรือขนอุยห่างก็หายไปไม่ให้เห็นแม้แต่เงา
ใบหน้าของเซี่ยเฟยบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียดราวกับภูเขาไฟที่สะสมพลังมานับพันปีที่กำลังจะปะทุ วินาทีถัดมาชายหนุ่มก็ส่งเสียงร้องคำรามออกไปอย่างบ้าคลั่ง เพื่อพยายามปลดปล่อยความอัดอั้นทั้งหมดภายในใจออกไป
—
ในระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังส่งเสียงร้องคำรามด้วยความโกรธ ฟูลมูนผู้ซึ่งเป็นนักฆ่าที่พระเจ้าส่งมาก็เดินทางมาจนถึงสนามรบด้วยเช่นกัน
ชายชราคนนี้มาไม่ทันช่วงเวลาที่โมฮาขโมยตัวขนอุยไป แต่เขาได้ยินเสียงร้องคำรามเขาจึงตามมายังสถานที่แห่งนี้
“หือ?” ฟูลมูนอุทานขึ้นมาอย่างสงสัย ก่อนที่เขาจะมองไปยังเซี่ยเฟยในระยะไกลขณะที่ขนลุกไปทั่วทั้งตัว
เสียงร้องคำรามของเซี่ยเฟยเต็มไปด้วยความคับแค้นใจจนยากจะอธิบายออกมาเป็นคำพูด ท้ายที่สุดเขาก็อยู่กับขนอุยมานานหลายปี และเฝ้าดูเจ้าตัวน้อยตัวนี้เติบโตตั้งแต่มันยังเป็นไข่ ความรู้สึกของการถูกพรากขนอุยไปจึงไม่ต่างไปจากความรู้สึกของพ่อแม่ที่ถูกพรากลูกของตัวเอง
หากการทำลายจักรวาลทำให้ชายหนุ่มสามารถนำตัวขนอุยกลับมาได้ เซี่ยเฟยย่อมทำลายจักรวาลโดยไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว
ในระหว่างที่ฟูลมูนกำลังแอบเคลื่อนที่เข้าไปใกล้ชายหนุ่มอยู่นั้น เซี่ยเฟยก็หันมาจ้องมองชายชราด้วยแววตาสีแดงก่ำ มันจึงทำให้ฟูลมูนขนลุกขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะรูปลักษณ์ของชายหนุ่มในตอนนี้ไม่หลงเหลือความสง่างามอีกต่อไปแล้ว
ความโกรธในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนทำให้จิตอสูรของชายหนุ่มถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ ซึ่งครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่เซี่ยเฟยปลดปล่อยจิตอสูรออกมาอย่างเต็มที่ และเมื่อมันได้ร่วมกับผลของชุดเกราะอาชูร่า มันจึงทำให้แม้แต่จอมเทพระดับสูงอย่างฟูลมูนก็อดที่จะขนลุกขึ้นมาไม่ได้
ที่น่ากลัวมากกว่านั้นคือปีกปีศาจของเซี่ยเฟยปรากฏขึ้นมาให้เห็นอย่างชัดเจน ไม่เหมือนกับในอดีตที่มันจะปรากฏขึ้นมาให้เห็นเพียงแค่ลาง ๆ
ชายหนุ่มพุ่งตัวเข้าหาจอมเทพขั้นที่ 8 ตรงหน้าโดยไม่พูดอะไรสักคำ เพราะในตอนนี้ความโกรธเกรี้ยวกำลังอัดแน่นอยู่เต็มอกของเขา และเขาก็จำเป็นจะต้องสังหารเพื่อระบายความอัดอั้นภายในใจ
พลังงานภายในสมองถูกปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มกำลัง ก่อนที่จะเริ่มจู่โจมอย่างรุนแรงที่สุดตั้งแต่ช่วงต้นของการต่อสู้
ตำนานเล่าขานต่อ ๆ กันมาว่าทุกคนในสกายวิงต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นนักรบผู้บ้าคลั่ง แต่ฟูลมูนก็ไม่เคยเห็นใครบ้าคลั่งในระดับเดียวกันกับเซี่ยเฟยมาก่อนในชีวิต
โดยปกติเมื่อนักรบระดับสูงเผชิญหน้ากัน พวกเขาก็จะทำการแจ้งชื่อให้กับอีกฝ่ายเพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อคู่ต่อสู้ แต่เซี่ยเฟยกลับเริ่มลงมือโดยไม่พูดอะไรสักคำ ยิ่งไปกว่านั้นจิตสังหารที่เขาปลดปล่อยออกมายังอยู่ในระดับที่แม้แต่จอมเทพก็ยังต้องหวาดหวั่นใจ
ฟูลมูนกำลังคิดว่าถึงแม้ 1 ใน 13 พระเจ้าจะมายืนอยู่ที่นี่ แต่เซี่ยเฟยก็คงจะลงมือโจมตีอย่างไม่ลังเลด้วยเช่นกัน ชายชราจึงแอบคิดภายในใจว่าศัตรูที่เขาจะต้องเผชิญหน้าไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา แต่เป็นนักรบที่บ้าพลังที่สุดในจักรวาล
เมื่อขาดการสนับสนุนกำลังรบของเซี่ยเฟยย่อมอ่อนแอลงกว่าเดิมอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งหากพูดตามตรรกะและเหตุผลแล้ว ระดับพลังในปัจจุบันของชายหนุ่มไม่มีทางเผชิญหน้ากับฟูลมูนที่มีพลังในระดับจอมเทพขั้นที่ 8 ได้เลย
แต่สิ่งที่อยู่ในใจของเซี่ยเฟยในคราวนี้คือการย่อมเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อทำลายศัตรูตรงหน้าลงไปให้ได้ ภาพที่ปรากฏจึงเป็นราชันย์ระดับพื้นฐานกำลังพุ่งเข้าหาจอมเทพระดับสูง ซึ่งช่องว่างระหว่างนักรบทั้งสองจัดได้ว่าเป็นช่องว่างที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของดินแดนกฎที่เคยมีการเผชิญหน้ากันมา
—
ระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง อีกพื้นที่หนึ่งในสนามรบก็กำลังตกอยู่ในการต่อสู้อันบ้าคลั่งด้วยเช่นกัน
โมฮานั่งอยู่ด้านหลังซูย่าขณะเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ใบหน้าของกิเลนเพลิงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ขณะที่ท้องของมันมีรอยนูนปรากฏขึ้นมาให้เห็นอย่างต่อเนื่อง และพบว่ามันกำลังมีอะไรบางอย่างกระแทกท้องของมันจากด้านในอย่างซ้ำ ๆ จนทำให้อสูรดาร์คไนท์ทุกข์ทรมานอย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน
โมฮาที่โดยสารอยู่บนหลังก็ไม่ได้นั่งอย่างสุขสบายด้วยเช่นกัน เพราะเขาใช้นิ้วชี้กดไปที่ขมับพร้อมกับพยายามส่งพลังผ่านดวงตาเพื่อเข้าควบคุมขนอุยเอาไว้
“รีบไปที่อาคมสวรรค์กลืนอสูรเร็วเข้า!” โมฮาสั่งการอย่างยากลำบาก
ย้อนกลับไปในระหว่างที่เซี่ยเฟยตกอยู่ในทะเลเพลิง โมฮาได้ใช้กระแสจิตของเขาควบคุมขนอุยเอาไว้ ขณะที่ซูย่ากลืนกินเจ้าตัวน้อยลงไปในท้อง จากนั้นทั้งคู่ก็ใช้วิธีการรีบหลบหนีออกมาจากสนามรบ ร่างของพวกเขาจึงหายไปก่อนที่เซี่ยเฟยจะกระโจนออกมาจากทะเลเพลิง
นับตั้งแต่ที่เขาได้รู้ว่ามันได้มีอสูรศักดิ์สิทธิ์บุกรุกเข้ามาภายในอาณาเขตของเขา โมฮาก็เริ่มวางแผนลักพาตัวขนอุยตั้งแต่แรกแล้ว เพราะท้ายที่สุดในฐานะผู้ควบคุมอสูรที่เก่งที่สุดในดินแดนดาร์คไนท์ เขาย่อมให้ความสนใจต่อสัตว์อสูรเหนือสิ่งอื่นใด
หลังจากดำเนินการตามแผนการทุกอย่าง พวกเขาก็สามารถจับกุมตัวขนอุยมาได้สำเร็จ แต่โมฮาไม่ได้คาดคิดเลยว่าเจ้าตัวน้อยมันจะเริ่มอาละวาดหลังจากถูกจับกุมตัวมาแบบนี้
ขนอุยตกอยู่ในความสับสนในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ก่อนที่มันจะอาละวาดอย่างบ้าคลั่งไม่ต่างไปจากเซี่ยเฟย
การเติบโตมากับเซี่ยเฟยทำให้ขนอุยเรียนรู้มาทั้งความเจ้าเล่ห์และความบ้าคลั่งมาจากเจ้านายของมัน เจ้าตัวน้อยจึงพยายามดิ้นรนอย่างสิ้นหวังจนทำให้ซูย่าเจ็บปวดจนเกือบจะเป็นลม
กิเลนเพลิงกระอักเลือดออกมาเต็มปากพร้อมกับกระตุกไปทั่วทั้งตัว สีหน้าอันเจ็บปวดของมันเริ่มทำให้โมฮารู้สึกตกใจ
อย่างไรก็ตามชายชราก็ไม่แม้แต่จะสามารถพูดปลอบใจอสูรร้ายของเขาได้ เพราะเขาจำเป็นจะต้องทุ่มเทสมาธิอย่างสุดกำลังเพื่อป้องกันไม่ให้ขนอุยอาละวาดไปมากกว่านี้
อิ้ว!
ขนอุยส่งเสียงร้องคำรามขึ้นมาจากในท้อง ก่อนที่มันจะเริ่มกัดอวัยวะภายในของซูย่าอย่างโหดร้าย และไม่ว่าโมฮาจะพยายามควบคุมมันด้วยวิธีไหน แต่เจ้าตัวน้อยก็ยังคงอาละวาดต่อไปจนกว่าจะมีใครตายไปข้างหนึ่ง
ร่างกายของซูย่าเริ่มทนไม่ไหวแล้ว ความเร็วของมันจึงค่อย ๆ ลดน้อยลงตามระยะเวลาที่ผ่านพ้นไป
“อสูรกลืนร่าง!” โมฮาตัดสินใจใช้วิชาก้นหีบของตัวเองทำให้ร่างกายของเขากับกิเลนเพลิงเริ่มหลอมรวมเข้าด้วยกัน ก่อนที่ร่างของพวกเขาจะกลายเป็นหนึ่งเดียวในที่สุด
“รอก่อนเถอะ เมื่อไหร่ที่พวกเราไปถึงอาคมสวรรค์กลืนอสูร ตอนนั้นฉันก็อยากจะรู้ว่าแกจะดื้อด้านได้อีกนานแค่ไหน?!” ซูย่ากล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงของโมฮาผู้ซึ่งเป็นเจ้านายของมัน
***************
พี่เฟยรีบตามมาไวๆน๊าาา
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 288
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น