ตอนที่ 941 สายลับของสกายวิง
ตอนที่ 941 สายลับของสกายวิง
ปัจจุบันเซี่ยเฟยกับโอโร่ยังคงเดินทางด้วยแท่งทองอยู่ภายในช่องว่างมิติ
“พวกเรากำลังจะไปไหน?” โอโร่ถาม
“ผมกำลังจะไปสถานที่นัดพบกับสมาชิกในตระกูลเพื่อรอฟังว่าบรรพบุรุษมีคำแนะนำอะไรมาให้ผมหรือเปล่า พอดีว่าก่อนหน้านี้ผมได้ไปขโมยของบางอย่างมา ผมเลยจำเป็นจะต้องจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย” เซี่ยเฟยกล่าว
“ฮ่า ๆ ๆ นายนี่ยังเป็นพวกชอบขโมยของคนอื่นอยู่เหมือนเดิม ว่าแต่คราวนี้นายไปขโมยอะไรของใครมา?” โอโร่กล่าวพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ
“ไม่มีอะไรสำคัญมากหรอก ผมแค่ขโมยสถานีวิจัยลับของบริษัทฟิกส์มาเท่านั้นเอง” เซี่ยเฟยตอบกลับอย่างเฉยเมย
“เอ่อ… นายกำลังบอกว่าตอนนี้สถานีวิจัยลับของบริษัทฟิกส์อยู่ในมือของนายงั้นเหรอ?” โอโร่อุทานด้วยสีหน้าที่ตื่นตระหนก
“นี่คุณรู้จักสถานีวิจัยลับด้วยงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยถามกลับอย่างสงสัย
“รู้สิ รู้ดีเลยล่ะ อย่าลืมนะว่าเมื่อก่อนฉันคือจอมมาร มันจึงเป็นเรื่องปกติที่ฉันจะต้องศึกษาจุดอ่อนจุดแข็งของฝั่งเทพ ตอนแรกฉันคิดว่าสถานีวิจัยลับเป็นเพียงแค่ตำนาน ฉันไม่เคยคิดเลยว่ามันจะมีสถานีวิจัยนี้อยู่จริง ๆ” โอโร่กล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางไม่อยากจะเชื่อและเขาก็กำลังมองไปทางเซี่ยเฟยราวกับว่าชายหนุ่มเป็นสัตว์ประหลาด
เผ่ามารมีความคิดที่จะขโมยเทคโนโลยีของบริษัทฟิกส์มานานมากแล้ว แต่ใครจะไปคิดว่าเซี่ยเฟยคือผู้ที่สามารถขโมยวิทยาการสูงสุดของบริษัทฟิกส์มาอยู่ภายในมือของเขาได้
“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมทางสกายวิงถึงพยายามให้นายเคลื่อนไหวในที่ลับ เพราะถ้าหากมันมีใครรู้ว่านายขโมยสถานีวิจัยลับของบริษัทฟิกส์ไป สกายวิงจะกลายเป็นศัตรูกับทุกฝ่ายอย่างแน่นอน” โอโร่กล่าวพร้อมกับยักไหล่
“คุณยังจำเป็นจะต้องกลับไปที่แดนเนรเทศหรือเปล่า? ผมได้ยินมาว่าการอยู่ในเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตมันจะช่วยให้คุณฟื้นฟูความแข็งแกร่งกลับมาได้เร็วมากยิ่งขึ้น” เซี่ยเฟยถามขณะหยิบแหวนมิติของไมล่าขึ้นมาตรวจสอบ
“ฉันไม่จำเป็นจะต้องกลับไปแล้ว เมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตช่วยเร่งการฟื้นฟูช่วงแรกเท่านั้น หลังจากที่ฉันกลายเป็นราชากฎเมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตก็ไม่ได้ช่วยเหลืออะไรฉันอีกต่อไปแล้ว” โอโร่กล่าว
“จอมมารจากเผ่าอิโดซาคนนี้ร่ำรวยดีจริง ๆ ในแหวนมิติของเขามีคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 8 อยู่ตั้ง 2 ก้อน” เซี่ยเฟยอุทานอย่างตื่นเต้นก่อนที่เขาจะหยิบคริสตัลสีดำออกมาไว้บนมือ
“ถึงแม้เผ่าอิโดซาจะไม่ใช่ตระกูลชั้นยอด แต่พวกเขาก็เป็นตระกูลขนาดใหญ่ที่ทรงพลังมาก มันเป็นเรื่องปกติที่จอมมารของพวกเขาจะมีของดี ๆ แบบนี้ติดตัว เอาเป็นว่าเรามาแบ่งคริสตัลนี้กันคนละครึ่งก็แล้วกัน” โอโร่กล่าวอย่างตื่นเต้น
แม้ว่าภายในดินแดนกฎจะมีคริสตัลต้นกำเนิดถึงระดับ 9 แต่ทุกคนก็รู้ดีว่าคริสตัลต้นกำเนิดระดับสูงสุดที่พวกเขาสามารถเข้าถึงได้มีเพียงคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 8 เท่านั้น เพราะทั่วทั้งดินแดนกฎมีนักหลอมพลังงานระดับ 9 อยู่เพียงแค่ 2 คน และนักหลอมพลังงานทั้งคู่ต่างก็อยู่ภายใต้การควบคุมของทั้งสองเผ่าพันธุ์สูงสุดอย่างเข้มงวด
เซี่ยเฟยเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วโดยเก็บคริสตัลทั้งสองกลับคืนมา จนทำให้โอโร่ไขว่คว้าได้เพียงแค่อากาศอันว่างเปล่าเท่านั้น
“นี่มันหมายความว่ายังไง?! พวกเราจัดการกับศัตรูด้วยกัน ทำไมนายถึงไม่แบ่งของรางวัลมาให้ฉันด้วย” โอโร่ถามอย่างหงุดหงิด
“ตอนนี้คุณเป็นเพียงแค่ราชากฎไม่จำเป็นจะต้องใช้คริสตัลระดับสูงขนาดนี้หรอก ผมขอซื้อต่อ 10,000 คริสตัลฟ้าก็แล้วกัน ท้ายที่สุดคริสตัลพวกนี้มันก็มีประโยชน์กับคุณมากกว่า” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หากคิดตามอัตราส่วนปกติคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 8 มีค่าเท่ากับ 10,000 คริสตัลต้นกำเนิดระดับ 6 จริง ๆ แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงการแลกเปลี่ยนตามอัตราส่วนนี้เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย เพราะท้ายที่สุดคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 8 ก็เป็นสิ่งที่ล้ำค่ามากจนเกินไป และถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะเสนอเงินมากกว่า 10 ล้านคริสตัลฟ้า แต่มันก็คงจะไม่มีใครยอมแลกเปลี่ยนกับเขาอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตามโอโร่ก็ยอมรับข้อเสนอในคราวนี้โดยไม่พูดอะไร เพราะเขาเพิ่งจะมีพลังอยู่ในระดับราชา และการใช้คริสตัลต้นกำเนิดระดับ 8 ในปัจจุบันมันก็ไม่คุ้มค่าอย่างที่เซี่ยเฟยพูดเอาไว้จริง ๆ
เซี่ยเฟยยังคงค้นแหวนมิติของไมล่าต่อไป ก่อนที่เขาจะชะงักไปเล็กน้อยและหยิบมีดหกเล่มที่มีลักษณะคล้ายกันออกมา
“ไม่น่าเชื่อเลยว่าเจ้านี่จะสะสมกริชทมิฬด้วย กริชพวกนี้มีมูลค่าสูงมาก ถ้าหากฉันประเมินไม่ผิดพวกมันทั้งหกเล่มน่าจะมีมูลค่ารวมกันมากกว่า 1 ล้านคริสตัลฟ้า” โอโร่กล่าว
“กริชทมิฬ? กริชพวกนี้มันมีชื่อเสียงโด่งดังหรือเปล่า?” เซี่ยเฟยถาม
“โด่งดังสิ มันคือกริชจากปรมาจารย์นักประดิษฐ์ในเผ่ามารเชียวนะ ถึงแม้พวกมันจะยังไม่ถึงขั้นเป็นอาวุธระดับสูงสุด แต่พวกมันก็ถือว่าเป็นอาวุธชั้นยอด” โอโร่กล่าว
หลังจากกล่าวจบโอโร่ก็หยิบกริชเล่มหนึ่งขึ้นมาพร้อมกับบอกเซี่ยเฟยว่า
“ฉันเพิ่งเกิดใหม่ยังไม่มีอาวุธอยู่พอดีเอาเป็นว่าฉันขอกริชเล่มนี้ ส่วนที่เหลือนายเอาพวกมันไปขายได้เลย”
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับก่อนที่จะเก็บกริชอีกห้าเล่มเข้าไปไว้ในแหวนมิติ
ในฐานะที่ไมล่าคือจอมมารของเผ่า แหวนมิติของเขาจึงสะสมของล้ำค่าเอาไว้อย่างมากมาย เซี่ยเฟยกับโอโร่จึงแบ่งปันของเหล่านั้นตามความเหมาะสม ซึ่งมันก็ทำให้พวกเขาต้องใช้เวลาพูดคุยกันเป็นเวลานานมากพอสมควร
“ของในแหวนของเจ้าหมอนี่ไม่เลวเลย รวม ๆ แล้วมันน่าจะมีมูลค่ามากกว่า 10 ล้านคริสตัลฟ้า แต่มันยังไม่ได้รวมกับคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 8 อีก 2 ก้อนนะ” โอโร่กล่าวขึ้นมาอย่างมีความสุข
เซี่ยเฟยแบะริมฝีปากขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อโอโร่บอกว่าสิ่งของทั้งหมดนี้อยู่ในระดับที่ไม่เลวเท่านั้น ทั้ง ๆ ที่ในสายตาของเขาพวกมันมีมูลค่ามหาศาล
“ฉันพอจะรู้จักจุดแลกของพวกนี้เป็นเงินอยู่บ้าง พวกเราไปแลกเงินเถอะ” โอโร่กล่าว
“ได้สิ แต่ก่อนหน้านั้นผมต้องไปพบกับเซี่ยกวงไห่ก่อน ไม่รู้ว่าบรรพบุรุษจะมอบหมายภารกิจอะไรมาให้กับผมบ้าง” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
—
แท่งทองพาเซี่ยเฟยกับโอโร่ไปยังสถานที่นัดหมายกับเซี่ยกวงไห่
“นี่ใคร?” เซี่ยกวงไห่ถามด้วยความสับสน ขณะมองไปยังโอโร่ที่เขาไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน
“ไลอ้อนจากแดนเนรเทศ เขาเป็นเพื่อนของผมเอง” เซี่ยเฟยกล่าวเรื่องรอยยิ้ม
“อืม” เซี่ยกวงไห่พยักหน้ารับโดยคิดว่าไลอ้อนคือชื่อเล่นของโอโร่ แต่เขาไม่รู้ว่ามนุษย์ตรงหน้าคืออดีตจอมมารจากตระกูลไลอ้อนฮาร์ทอันยิ่งใหญ่
โอโร่นั่งรออยู่ห่าง ๆ อย่างเงียบ ๆ เพราะท้ายที่สุดมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะเข้าไปแทรกแซงเรื่องภายในของสกายวิง
“บรรพบุรุษมีคำแนะนำอะไรบ้างไหมครับ?” เซี่ยเฟยถาม
“บรรพบุรุษบอกให้นายหยุดพักแล้วมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนก่อน พยายามทำยังไงก็ได้ให้เลื่อนระดับกลายมาเป็นราชันย์แล้วเพิ่มระดับกฎแห่งความเร็วให้ถึงขั้นที่ 4 เมื่อนั้นนายจะได้มีพลังมากพอที่จะปกป้องตัวเอง” เซี่ยกวงไห่กล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“ผมเลื่อนระดับเป็นราชันย์เรียบร้อยแล้วครับ ขาดเพียงแค่กฎแห่งความเร็วขั้นที่ 4 บรรพบุรุษต้องการให้ผมทำอะไรกันแน่ ถึงต้องการให้ผมมีความเร็วสูงมากขนาดนั้น?” เซี่ยเฟยถาม
“นี่นายกลายเป็นราชันย์แล้วงั้นเหรอ?! นายพัฒนาเร็วขนาดนั้นได้ยังไง? ขนาดฉันยังใช้เวลาตั้ง 2-3 ปีหลังจากขึ้นมาในแดนเทพกว่าจะทะลุผ่านระดับราชันย์ไปได้” เซี่ยกวงไห่เบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง ซึ่งหลังจากหดหู่ใจไปพักหนึ่งเขาก็ได้กล่าวต่อขึ้นมาว่า
“เอาเถอะนายพัฒนามาได้เร็วขนาดนี้มันก็ดีมากแล้ว แต่ภารกิจจากบรรพบุรุษเนี่ยสิที่กำลังทำให้ฉันปวดหัว”
“มีอะไรงั้นเหรอครับ?” เซี่ยเฟยถามด้วยรอยยิ้ม ท้ายที่สุดเซี่ยกวงไห่ก็เป็นคนที่ทำภารกิจอย่างเข้มงวดมาโดยตลอด การที่เขาบ่นออกมามันก็แสดงว่าภารกิจนี้มันไม่ใช่เรื่องง่าย
“ฉันก็ไม่รู้ว่าบรรพบุรุษอยากจะทำอะไรอยู่เหมือนกัน ไม่เพียงแต่เขาจะกระจายภารกิจให้ทุกคนเท่านั้น แต่เขายังขอให้ฉันส่งสายลับเข้าไปในกลุ่มผู้พิทักษ์ด้วย”
“เขาไม่รู้หรือยังไงว่ากลุ่มผู้พิทักษ์มันเป็นพวกหัวแข็งมาก การจะรับสมัครสมาชิกใหม่เข้ากลุ่มก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำได้ง่าย ๆ ยิ่งไปกว่านั้นคนที่จะสมัครเข้ากลุ่มผู้พิทักษ์จะต้องแข็งแกร่งมาก แล้วฉันจะไปหาคนที่ตรงตามเงื่อนไขของพวกผู้พิทักษ์มาจากที่ไหน?”
“ภารกิจของบรรพบุรุษทำให้ฉันหัวหมุนไปหมดแล้ว ตอนนี้ยอมรับตามตรงเลยว่าฉันมืดแปดด้าน เพราะไม่รู้จะไปหาสายลับมาจากไหนเหมือนกัน” เซี่ยกวงไห่กล่าวด้วยใบหน้าที่เศร้าสร้อย
เซี่ยเฟยยังคงนิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไร ถึงแม้ว่าเขาจะพอคาดเดาได้แล้วก็ตามว่าแผนการของบรรพบุรุษคืออะไรกันแน่
ขณะเดียวกันกลุ่มผู้พิทักษ์ก็คือกลุ่มนักรบที่สาบานตนว่าจะปกป้องประตูจักรวาล การรับสมัครสมาชิกแต่ละคนจึงจำเป็นจะต้องผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวด
“ผมคิดว่าผมรู้จักคนที่เหมาะสมกับงานนี้นะครับ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยแววตาอันเป็นประกาย
“ใคร?” เซี่ยกวงไห่ถามขึ้นมาอย่างเร่งรีบ เพราะเขาอยากจะทำภารกิจนี้ให้เสร็จจนแทบจะเป็นบ้า
“คนโบราณเคยกล่าวเอาไว้ว่าบางทีเส้นผมตรงหน้าก็บังภูเขาขนาดใหญ่ได้” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างมีเลศนัย
“เฮ้! สายลับจะเป็นนายไปได้ยังไง?! นายคืออีวิลวิงของตระกูลนะและนายยังมีภารกิจหลักในการตามหาอาวุธมายา หากบรรพบุรุษรู้ว่าฉันส่งนายเข้าไปเป็นสายลับของกลุ่มผู้พิทักษ์ ฉันคงจะโดนเขาฆ่าตายแน่ ๆ” เซี่ยกวงไห่ส่ายหัวอย่างจริงจัง
“คุณเข้าใจผิดแล้ว ผมกำลังพูดถึงเขาต่างหาก” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับชี้นิ้วไปยังโอโร่ในระยะไกล
หากจะพูดถึงความแข็งแกร่งโอโร่ย่อมมีความแข็งแกร่งมากเพียงพออย่างแน่นอน หากจะพูดถึงเรื่องความไว้ใจเซี่ยเฟยก็ความมั่นใจในตัวอดีตจอมมารคนนี้อย่างมาก
นอกจากนี้โอโร่ยังกลายเป็นมนุษย์จากผลของกฎแห่งความโกลาหล ทำให้เขาไม่สามารถกลับไปอยู่ภายในตระกูลไลอ้อนฮาร์ทได้ดังเดิม และเขาก็คือผู้ฝึกฝนกฎแห่งความมืด มันจึงทำให้เขาเข้ากับกองกำลังทางฝั่งเทพไม่ได้เหมือนกัน ตัวตนของเขาจึงเหมาะสมจะเข้าไปเป็นสายลับภายในกลุ่มผู้พิทักษ์มากที่สุด
นอกจากนี้โอโร่ก็ยังให้ความสนใจกับประตูจักรวาลเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพียงแต่ในอดีตด้วยภาระหน้าที่มันจึงทำให้เขาไม่สามารถเข้าร่วมกับกลุ่มผู้พิทักษ์ได้ แต่หลังจากที่รูปลักษณ์ถูกเปลี่ยนแปลง ตัวตนของเขาก็ถูกเปลี่ยนแปลงใหม่ด้วยเหมือนกัน นี่จึงเป็นโอกาสที่โอโร่จะเข้าใกล้ประตูจักรวาลหลังจากที่เขาได้เฝ้ารอมาอย่างเนิ่นนาน
“เขาเป็นใคร? เขาน่าเชื่อถือขนาดนั้นเลยเหรอ?” เซี่ยกวงไห่ถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ผมกล้าเอาหัวตัวเองเป็นประกันได้เลยครับ ไลอ้อนเป็นพี่ชายที่ผมบังเอิญพบในแดนเนรเทศและเขาก็เป็นสหายที่ดีมาก หากเขาได้เข้าร่วมกับกลุ่มผู้พิทักษ์อีกฝ่ายย่อมไม่มีวันตั้งข้อสงสัยในตัวเขา” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างจริงจัง
“ทำไมนายถึงคิดแบบนั้น?” เซี่ยกวงไห่ถามอย่างสงสัย
“นั่นก็เพราะไลอ้อนฝึกกฎแห่งความมืด แค่นี้มันก็น่าจะเป็นเหตุผลได้มากพอแล้วใช่ไหมล่ะครับ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เซี่ยกวงไห่สะดุ้งขึ้นมาอย่างฉับพลัน เพราะถ้าหากมนุษย์ที่อยู่ภายในเผ่าเทพฝึกกฎแห่งความมืด เขาก็คงจะถูกสังหารไปตั้งนานแล้ว มนุษย์ที่ฝึกกฎแห่งความมืดจึงมีที่อยู่เพียงแค่แดนเนรเทศเท่านั้น เพราะมันเป็นสถานที่ที่มีหลายเผ่าพันธุ์อาศัยอยู่รวมกันมั่วซั่วไปหมด
***************
หาผลประโยชน์โดนใช้ความต้องการของโอโร่นี่งานถนัดพี่เฟยแกเลยล่ะ 5555
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 368
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น