ตอนที่ 942 สารานุกรมดาร์คไนท์
ตอนที่ 942 สารานุกรมดาร์คไนท์
“หากทุกอย่างเป็นไปอย่างที่นายว่าจริง ๆ ฉันก็คิดว่าบรรพบุรุษคงจะไม่คัดค้านเรื่องนี้หรอก” เซี่ยกวงไห่กล่าวพร้อมกับพยักหน้า หลังจากที่เขาได้ฟังคำอธิบายเรื่องโอโร่จากปากของเซี่ยเฟย
ทันใดนั้นเซี่ยกวงไห่ก็โยนของบางอย่างให้กับชายหนุ่ม และเมื่อเซี่ยเฟยหยิบมันขึ้นมาเขาก็ได้พบว่าของชิ้นนี้คืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่มีรูปลักษณ์เป็นนกกระเรียนตัวสีขาว
“นี่มันเครื่องมือสื่อสารใช่ไหมครับ?” เซี่ยเฟยอาศัยทักษะความรู้ที่เรียนรู้มาระบุอุปกรณ์ชิ้นนี้ได้อย่างรวดเร็ว
“ใช่ พวกเราเรียกมันว่ากระเรียนขาว นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปนายคือสมาชิกเสาหลักของตระกูล และถ้าหากว่าบรรพบุรุษมีคำสั่งอะไรเขาจะติดต่อนายผ่านกระเรียนขาวโดยตรง”
“เก็บรักษามันเอาไว้ให้ดี ๆ ล่ะ มันคือของที่แม้แต่ฉันก็ไม่มีโอกาสได้ครอบครอง และมันก็หมายความว่านายสามารถเข้าถึงความลับของตระกูลได้แล้ว” เซี่ยกวงไห่กล่าวพร้อมกับถอนหายใจออกมาด้วยความอิจฉา
สถานะของเซี่ยกวงไห่ภายในตระกูลไม่ได้ถือว่าต่ำต้อยเลย เพราะเขามีหน้าที่รับผิดชอบในส่วนต่าง ๆ อย่างมากมาย แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยังไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะครอบครองกระเรียนขาว ซึ่งมันก็เป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่าเครื่องมือชิ้นนี้คือสิ่งล้ำค่ามากแค่ไหน
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างตกใจเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะกอดกระเรียนขาวเอาไว้ในอ้อมแขนโดยไม่รู้ตัว
—
หลังจากเซี่ยกวงไห่จากไปแล้ว เซี่ยเฟยก็ทำการเจรจากับโอโร่เรื่องที่จะขอให้เขาเข้าไปเป็นสายลับภายในกลุ่มผู้พิทักษ์
“ถึงแม้ว่านายจะไม่บอกฉันก็คิดที่จะไปตรวจสอบประตูจักรวาลอยู่แล้ว ท้ายที่สุดเรื่องนี้มันก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตระกูลของนายเท่านั้น แต่มันยังเกี่ยวข้องกับตระกูลของฉันด้วย”
“ความจริงฉันอยากจะเข้าร่วมกลุ่มผู้พิทักษ์ตั้งนานแล้ว เพียงแต่ด้วยสถานะของฉันมันเลยทำให้ฉันเคลื่อนไหวไม่ค่อยสะดวกมากนัก ตอนนี้ฉันมีโอกาสได้เริ่มต้นใหม่แล้ว มันก็ถึงเวลาที่ฉันจะต้องสานฝันตัวเองในอดีตด้วยเหมือนกัน” โอโร่ตอบตกลงอย่างมีความสุข เพราะหลังจากที่ร่างกายของเขาได้กลายเป็นมนุษย์ มันก็ทำให้เขามีอิสระในการเคลื่อนไหวมากกว่าเดิม
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับก่อนที่เขาจะนำชุดเกราะดาร์กยูนิคอร์นออกมามอบให้กับโอโร่
“ตอนนี้ผมไม่ได้ใช้ชุดเกราะนี้แล้ว ผมขอส่งต่อมันให้กับคุณก็แล้วกัน ส่วนนี่ก็แหวนราชันย์สิงโตของคุณ” เซี่ยเฟยกล่าว
โอโร่แสดงท่าทางประหลาดใจออกมาเล็กน้อย เพราะในวันนี้เซี่ยเฟยแข็งแกร่งกว่าในวันแรกที่พวกเขาพบกันมาก ซึ่งไม่เพียงแต่ชายหนุ่มจะพัฒนาจนกลายเป็นราชันย์ได้เท่านั้น แต่อุปกรณ์ของอีกฝ่ายยังพัฒนาขึ้นมาแตกต่างจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
ปัจจุบันชุดเกราะดาร์กยูนิคอร์นกลายเป็นเพียงแค่ชุดเกราะสำรองของชายหนุ่ม เพราะเขามีอาชูร่าสวมบนร่างอยู่แล้ว ซึ่งกลิ่นอายที่ชุดเกราะชุดนี้ปลดปล่อยออกมา มันก็ทำให้แม้แต่จอมมารโอโร่ก็ยังต้องอิจฉาเพราะมันคือชุดเกราะชั้นยอดอย่างแท้จริง
ยิ่งไปกว่านั้นเซี่ยเฟยยังได้ครอบครองอุปกรณ์ชั้นยอดอีกอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นบลัดบิวเทียส, หงส์คราม, ขนอุยและแท่งทอง ซึ่งแต่ละอย่างต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นสมบัติที่ใคร ๆ ก็ยากจะครอบครองได้
หากเปรียบเทียบความก้าวหน้าของคนอื่นเปรียบเสมือนกับการค่อย ๆ เดินไปด้านหน้าอย่างช้า ๆ ความก้าวหน้าของเซี่ยเฟยก็เปรียบเสมือนการบินด้วยจรวดไอพ่นความเร็วสูง
โอโร่รับชุดเกราะดาร์กยูนิคอร์นกับแหวนราชันย์สิงโตกลับคืนมา นอกจากนี้เขาก็ยังเลือกอาวุธอุปกรณ์จากคลังภายในแหวนมิติของชายหนุ่มอีก 2-3 อย่าง ท้ายที่สุดเซี่ยเฟยก็มักที่จะปล้นสิ่งของมาจากคนที่เขาสังหารเรื่อย ๆ ภายในแหวนของเขาจึงมีอาวุธอุปกรณ์เก็บสะสมอยู่อย่างมากมาย
“เอาล่ะพวกเราไปไนท์ปาร์ตี้กันเถอะ” โอโร่กล่าว
“ไนท์ปาร์ตี้? ตอนนี้คุณอยากจะไปสังสรรค์งั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย
“ฉันไม่ได้อยากจะสังสรรค์ ไนท์ปาร์ตี้คือชื่อสถานเริงรมย์ที่ดีที่สุดในดินแดนกฎต่างหาก สถานที่แห่งนี้คือสถานที่รวมตัวของนักรบชั้นยอดทุกกองกำลัง ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกของเผ่าเทพ, เผ่ามาร, กลุ่มผู้พิทักษ์, กลุ่มกบฏหรือแม้แต่กลุ่มทหารรับจ้างต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นแขกของพวกเขาด้วยกันทั้งหมด”
“ถึงฉันจะอยากเข้าร่วมกับกลุ่มผู้พิทักษ์ แต่ฉันก็ต้องให้ใครสักคนมารับรองฉันก่อนใช่ไหม? ฉันเคยเห็นคนจากกลุ่มผู้พิทักษ์มาเที่ยวไนท์ปาร์ตี้อยู่บ้าง มันจึงเป็นโอกาสที่ดีที่ฉันจะได้ไปพบกับพวกเขา อีกอย่างมันไม่ใช่ว่านายอยากจะขายของบางส่วนออกไปจากแหวนมิติงั้นเหรอ” โอโร่กล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมา
“ไนท์ปาร์ตี้มันเป็นทุกอย่างเลยงั้นเหรอ?!” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
—
หลังจากนั้นเซี่ยเฟยกับโอโร่ก็เดินทางไปยังดาวเคราะห์ที่ถูกปกคลุมไปด้วยต้นกระบองเพชร และถึงแม้สภาพอากาศของดาวดวงนี้จะแห้งแล้งมาก แต่มันกลับเป็นดาวเคราะห์ที่มีผู้คนเข้าออกอยู่ตลอดเวลา
เจมินี่ถูกเซี่ยเฟยดัดแปลงจนไม่เหลือเค้าโครงเดิมแล้ว ชายหนุ่มจึงสามารถนำยานลงจอดได้อย่างไม่มีปัญหา ก่อนที่พวกเขาทั้งสองคนจะเดินลงไปในทะเลทราย
อากาศบนดาวมีอุณหภูมิสูงมาก ซึ่งเซี่ยเฟยก็ติดตามโอโร่ไปยังพื้นที่บริเวณโอเอซิสที่มีอาคารขนาดใหญ่ตั้งอยู่
“โรงแรมจันทร์สว่างเป็นโรงแรมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดภายในโรงแรมสันติภาพหลาย ๆ แห่งในดินแดนกฎ เจ้าของโรงแรมนี้ชื่อว่าฮันนิซี เธอเป็นจอมกฎหญิงเพียงแค่ไม่กี่คนในบรรดาจอมเทพทั้งหมด ดังนั้นเราจะประมาทเธอไม่ได้เป็นอันขาด”
“เผ่าพันธุ์สูงสุดทั้งสองเผ่าพันธุ์เป็นศัตรูกัน ส่วนทางด้านกลุ่มผู้พิทักษ์และกลุ่มกบฏก็เป็นศัตรูกันด้วยเหมือนกัน กองกำลังที่วุ่นวายในแดนเนรเทศต่างก็เป็นศัตรูกันอย่างมากมาย แต่ตราบใดก็ตามที่พวกเขาเข้ามาในดาวดวงนี้ ทุกคนจะต้องยุติความขัดแย้งของตัวเองเอาไว้ เพราะถ้าหากใครกล้าก่อเรื่องภายในเขตดาวขึ้นมา ฮันนิซีจะไม่ยกโทษให้คนกลุ่มนั้นเป็นอันขาด”
“ภายในจักรวาลนี้มีพื้นที่เขตสันติภาพอยู่เป็นจำนวนมากพอสมควร แต่พื้นที่บริเวณนั้นมันก็มีความเสี่ยงสูงมาก เพราะผู้คุมเขตสันติภาพเขตอื่นไม่ได้มีความเข้มงวดเหมือนกับเขตสันติภาพเขตนี้ โรงแรมจันทร์สว่างจึงกลายเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับการทำธุรกรรมข้ามดินแดน ผู้คนจึงเรียกที่นี่ว่าไนท์ปาร์ตี้ เพราะมันคือสถานที่สังสรรค์และเป็นพื้นที่ปลอดภัยไปในเวลาเดียวกัน” โอโร่อธิบาย
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ หลังจากที่ได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วสถานที่แห่งนี้คือที่รวมตัวสำหรับการทำธุรกรรมของทุกเผ่าพันธุ์นั่นเอง
แม้สถานการณ์ทุกอย่างจะดูสงบแต่เซี่ยเฟยกลับสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ผิดปกติ
“โอโร่ มันมีบางอย่างผิดปกติ” เซี่ยเฟยกระซิบเบา ๆ
ท่าทางของเซี่ยเฟยกำลังมองไปยังพื้นที่โดยรอบอย่างระมัดระวัง ซึ่งไม่ว่าจะมองยังไงชายหนุ่มคนนี้ก็ไม่ได้กำลังพูดเล่นอย่างแน่นอน
“มีอะไรผิดปกติ?” โอโร่ถามอย่างจริงจัง เพราะเขาเคยเห็นไหวพริบของชายหนุ่มคนนี้มาแล้วหลายครั้ง เขาจึงเชื่อการตรวจจับของเซี่ยเฟยยิ่งกว่าใคร
“ลองมองไปที่ทิศ 11:00 น. กับ 17:00 น. มันมีกองกำลังซ่อนตัวอยู่แถวโรงแรมกับริมทะเลสาบ” เซี่ยเฟยส่งเสียงกระซิบ
โอโร่มองไปตามคำบอกเล่าของเซี่ยเฟยอย่างช้า ๆ และถึงแม้ว่ามันจะมีกลุ่มคนปะปนกันอยู่อย่างมากมาย แต่เขาก็สามารถมองเห็นความผิดปกติได้อย่างรวดเร็ว
ภายนอกคนพวกนี้แต่งตัวเหมือนลูกค้าที่มาหาความสนุกสนาน แต่ภายใต้เสื้อผ้าของเขาเต็มไปด้วยอาวุธชุดเกราะเต็มประสิทธิภาพ ยิ่งไปกว่านั้นภายในแววตาของพวกเขามันก็เต็มไปด้วยจิตสังหารที่ปิดไม่มิด
ในบรรดาผู้คนที่เดินไปมากว่า 10,000 คน มีสมาชิกของกองกำลังปริศนาแฝงตัวอยู่ในกลุ่มคนพวกนี้อยู่มากกว่า 8,000 คน หรือมันอาจจะพูดอีกนัยหนึ่งได้ว่าในบรรดาแขกทั้งหมดมีแขกปกติอยู่เพียงแค่ 20% เท่านั้น
“พวกเราควรจะทำยังไงกันดี?” โอโร่กระซิบถาม
“พวกเราควรรอดูกันไปก่อนดีกว่าว่าเป้าหมายของคนพวกนี้คืออะไรกันแน่” เซี่ยเฟยตอบกลับอย่างใจเย็น
ทันใดนั้นมันก็มีนักรบเผ่ามาร 2 คนเคลื่อนที่ผ่านหน้าพวกเขาไป ก่อนที่หนึ่งในนั้นจะกระซิบคุยกับเพื่อนด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
“นายได้ยินเรื่องสารานุกรมดาร์คไนท์แล้วหรือยัง?”
“ที่ฉันมาที่นี่มันก็เพราะเรื่องนั้นนั่นแหละ บรรยากาศไนท์ปาร์ตี้วันนี้แปลกมากเลย ฉันอยากรู้จริง ๆ ว่าฮันนิซีจะรับมือกับสถานการณ์นี้ได้หรือเปล่า?”
“โรงแรมจันทร์สว่างเปิดให้บริการมานานมาก แล้วมันจะมีคนกล้าก่อเรื่องในเขตสันติภาพนี้จริง ๆ เหรอ?”
“ในสถานการณ์แบบนี้มันไม่มีใครรับรองความปลอดภัยอะไรได้หรอก ฉันถามจริง ๆ ว่าใครบ้างไม่อยากจะได้ครอบครองสารานุกรมดาร์คไนท์ ฉันเชื่อว่าคราวนี้มันจะต้องมีการต่อสู้ทั้งในที่มืดและที่สว่างเกิดขึ้นพร้อม ๆ กันแน่ ๆ”
คำพูดระหว่างนักรบทั้งสองคนทำให้เซี่ยเฟยขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยความสับสน แต่มันกลับทำให้โอโร่อ้าปากกว้างด้วยแววตาเป็นประกาย
“ที่แท้มันก็เป็นเพราะสารานุกรมดาร์คไนท์นี่เอง” โอโร่อุทานขึ้นมาอย่างตื่นเต้น
“สารานุกรมดาร์คไนท์มันคืออะไร?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย
“นายน่าจะรู้อยู่แล้วใช่ไหมว่านอกเหนือขอบเขตของดินแดนกฎออกไปคือพื้นที่ที่พวกดาร์คไนท์มาอาศัยอยู่”
“ย้อนกลับไปในอดีตเคยมีจอมเทพที่ชื่อทอกซิน ออกผจญภัยภายในดาร์คไนท์และบันทึกเรื่องราวการเดินทางทุกอย่างลงในสมุดประจำตัวของเขา ซึ่งในเวลาต่อมาสมุดเล่มนั้นมันก็ถูกเรียกว่าสารานุกรมดาร์คไนท์” โอโร่กระซิบตอบเบา ๆ
คำตอบนี้ถึงกับทำให้เซี่ยเฟยสะดุ้งขึ้นมาในทันที เพราะสถานการณ์ในปัจจุบันกำลังวุ่นวายมาก สิ่งมีชีวิตในดาร์คไนท์ก็เริ่มเคลื่อนไหวออกมานอกขอบเขตของพวกมันแล้ว สารานุกรมดาร์คไนท์จึงกลายเป็นสิ่งล้ำค่าขึ้นมาโดยไม่ต้องสงสัย
“นายรู้ไหมว่าอะไรคือสิ่งที่น่าเหลือเชื่อที่สุดภายในสารานุกรมดาร์คไนท์?” โอโร่กล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่ลึกลับ
เซี่ยเฟยส่ายหัวเป็นสัญญาณว่าเขาไม่รู้
“ว่ากันว่าทอกซินกลายเป็นเพื่อนกับผู้นำดาร์คไนท์โดยบังเอิญ เขาจึงอาศัยอยู่ในดาร์คไนท์หลายพันปีและศึกษาเรื่องราวทุกอย่างภายในดินแดนนั้นมาอย่างละเอียดถี่ถ้วน”
“ข้อมูลภายในสารานุกรมมีตั้งแต่ประเภทของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ภายในดาร์คไนท์, โครงสร้างการใช้ชีวิตของสิ่งมีชีวิตเหล่านั้น แม้แต่ประวัติศาสตร์ของดาร์คไนท์ก็ถูกบันทึกเอาไว้ทั้งหมด ดังนั้นถ้าหากว่าใครได้อ่านสารานุกรมโดยละเอียด เขาคนนั้นก็จะสามารถหาวิธีจัดการกับพวกดาร์คไนท์ได้อย่างหมดจด”
“ถึงแม้ว่าทอกซินจะมีความสัมพันธ์อันดีกับราชาของดาร์คไนท์ แต่เขาก็คิดถึงผู้คนในดินแดนกฎอยู่เสมอ เขาจึงแอบกลับมาดินแดนกฎพร้อมกับสมุดบันทึกของตัวเอง แต่น่าเสียดายที่เขาถูกสังหารบริเวณชายแดนของดาร์คไนท์ซะก่อน”
“ความตายของเขากลายเป็นชนวนของสงครามครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นคนของทางฝั่งเทพ, ฝั่งมาร, ฝั่งผู้พิทักษ์, ฝั่งกบฏหรือทางฝั่งทหารรับจ้างต่างก็ล้วนแล้วแต่เดินทางมาร่วมทำสงครามด้วยกันทั้งหมด สงครามจึงได้ดำเนินไปอย่างดุเดือดเป็นเวลาหลายพันปี แต่มันก็ไม่มีใครสามารถจะคว้าสารานุกรมดาร์คไนท์กลับไปได้” โอโร่เล่าเรื่องราวในตำนานด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“ในสารานุกรมน่าจะมีความลับของดาร์คไนท์สินะครับ ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงจะไม่ทำสงครามกันอย่างยาวนานขนาดนั้น” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเคร่งขรึม
“ใช่แล้ว ตำนานเล่าขานกันมาว่าใครก็ตามที่ได้อ่านสารานุกรมดาร์คไนท์อย่างลึกซึ้ง คนผู้นั้นก็จะเข้าใจความลับที่ลึกล้ำที่สุดของดาร์คไนท์ และมันก็ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมสถานการณ์ของไนท์ปาร์ตี้วันนี้ถึงผิดปกติ เพราะจู่ ๆ มันมีข่าวของสารานุกรมดาร์คไนท์หลุดออกไปนี่เอง” โอโร่กล่าว
ต่อมาเซี่ยเฟยกับโอโร่ก็เดินเข้าไปในโรงแรม ซึ่งในระหว่างที่พวกเขากำลังพูดคุยกันอยู่นั้น พวกเขาก็ได้เห็นหน้าจอเป็นจำนวนมากกำลังแสดงภาพสมุดสีดำพร้อมกับคำอธิบายที่ถูกเขียนไว้อย่างชัดเจน
“เที่ยงคืนวันนี้จะมีการประมูลสารานุกรมดาร์คไนท์” เซี่ยเฟยอ่านข้อความก่อนที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างหนัก
“คืนนี้คงจะกลายเป็นคืนที่วุ่นวายคืนหนึ่งเลยสินะ” ชายหนุ่มอุทานพร้อมกับถอนหายใจ
***************
ไปที่ไหนก็ชอบบังเอิญเจอของดีตลอดเลยนะ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 269
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น