ตอนที่ 905 จักรพรรดิระดับสูง

-A A +A

ตอนที่ 905 จักรพรรดิระดับสูง

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 905 จักรพรรดิระดับสูง

เซี่ยเฟยเม้มริมฝีปากขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อบรรพบุรุษฝากบอกกับเขาว่าอยากทำอะไรก็ทำไปเลย แม้คำพูดนี้จะเป็นคำพูดที่ฟังดูสบาย ๆ แต่ความหมายที่แท้จริงคือบรรพบุรุษต้องการให้เขาจัดการเรื่องทุกอย่างอย่างมั่นใจ โดยไม่จำเป็นจะต้องกังวลว่ามันจะส่งผลกระทบกับตระกูล

เหตุการณ์นี้ทำให้ชายหนุ่มซาบซึ้งใจอยู่เล็กน้อย เพราะมันเห็นได้ชัดเลยว่าบรรพบุรุษที่เขาไม่เคยได้พบมาก่อนให้ความไว้วางใจในการตัดสินใจของเขาเป็นอย่างมาก

“มีเรื่องหนึ่งที่ผมไม่แน่ใจ ระดับพลังอะไรคือระดับพลังสูงสุดในดินแดนกฎงั้นเหรอครับ?” เซี่ยเฟยถามขึ้นมาอีกครั้ง

“จุดสูงสุดของพลังในแดนเทพคือจอมเทพขั้นที่ 9 ซึ่งบรรพบุรุษของเราก็เป็นหนึ่งในจอมเทพระดับสูงสุดเพียงแค่ไม่กี่คนภายในดินแดนเทพแห่งนี้” เซี่ยเหลียนหนิงกล่าวอย่างภาคภูมิใจ เพราะในบรรดาเผ่าพันธุ์มนุษย์มีจอมเทพระดับสูงสุดอยู่เพียงแค่ 2 คนเท่านั้น บรรพบุรุษของสกายวิงจึงถือเป็นหนึ่งในผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดสำหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์อย่างแท้จริง

“แล้วสิ่งที่เรียกว่าพระเจ้ามีพลังอยู่ในระดับไหนเหรอครับ?” เซี่ยเฟยถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

ทันทีที่ได้ยินคำว่าพระเจ้าทั้งเซี่ยเค่อและเซี่ยเหลียนหนิงต่างก็เบิกตากว้างอย่างตกตะลึง

“พระเจ้าอยู่ในระดับไหนเป็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือเกินกว่าความรู้ของพวกเราจริง ๆ เท่าที่เรารู้ตั้งแต่มีดินแดนกฎขึ้นมาพลังระดับสูงสุดที่ผู้คนสามารถพัฒนาไปได้มีเพียงแค่จอมเทพขั้นที่ 9 เท่านั้น และมันก็ยังไม่มีใครสามารถทะลุขีดจำกัดของพลังในระดับนี้ไปได้” เซี่ยเหลียนหนิงกล่าว

“ประวัติศาสตร์ที่คุณพูดถึงยังไม่ได้รวมช่วงก่อนสร้างดินแดนกฎขึ้นมาใช่ไหมครับ?” เซี่ยเฟยถาม

“ใช่ พวกผู้สร้างเหล่านั้นคือตัวตนในตำนานอย่างแท้จริง แม้แต่บรรพบุรุษของเราก็ยังไม่เคยได้พบกับพวกเขาเลย มันจึงไม่มีใครรู้ว่าพวกเขาเป็นใคร, อยู่ที่ไหนและกำลังทำอะไรอยู่ แต่ในบางครั้งมันก็มีคำสั่งออกมาในนามของพวกเขาผ่านทางราชวังราชันย์เทพ” เซี่ยเหลียนหนิงกล่าว

“ถ้าผมเดาไม่ผิดผู้สร้างดินแดนกฎพวกนี้ยังไม่เคยเข้าร่วมในสงครามระหว่างเผ่าเทพกับเผ่ามารเลยใช่ไหมครับ?” เซี่ยเฟยถาม

“ทำไมจู่ ๆ นายถึงถามคำถามแบบนั้น?” เซี่ยเค่อถามกลับอย่างสงสัย

เซี่ยเฟยนิ่งเงียบโดยไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ชายชราทั้งสองจึงรอให้ชายหนุ่มทำการประมวลผล

“เรื่องนั้นเดี๋ยวพวกเราค่อยคุยกันทีหลัง ตอนนี้ผมต้องการนักรบชั้นยอดของตระกูลอย่างน้อย 200 คน” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างจริงจัง

ปัจจุบันเหล่าบรรดาคณะกรรมการของบริษัทฟิกส์ต่างก็ให้ความสนใจกับข้อพิพาทระหว่างสาขานิรันดร์กับสาขาอิสระอย่างใกล้ชิด เพราะทั้งสองสาขาต่างก็ผลิตบุคลากรคุณภาพสูงให้กับบริษัทเป็นจำนวนมาก การที่สาขาทั้งสองสาขานี้ทะเลาะกันจึงเป็นเรื่องที่บริษัทไม่อยากเห็นมากที่สุด

ยิ่งไปกว่านั้นสาขาอิสระที่ขึ้นชื่อเรื่องการผลิตตัวประหลาดยังตั้งใจจะแยกตัวออกจากวิทยาลัยฟิกส์สตาร์อะคาเดมี่เพื่อก่อตั้งวิทยาลัยของตนเอง แน่นอนว่าทางวิทยาลัยย่อมไม่เต็มใจจะเสียสาขาอิสระไปอย่างแน่นอน

แม้ว่าอำนาจของวิทยาลัยภายในสาขาอิสระจะมีอยู่อย่างน้อยนิด แต่มันก็คงจะไม่มีกองทัพไหนต้องการจะสูญเสียผู้ใต้บังคับบัญชาของตัวเองไป นอกจากนี้ถ้าหากสาขาอิสระแยกตัวออกไปจริง ๆ วิทยาลัยก็จะถูกควบคุมโดยสามยักษ์ใหญ่จากสาขานิรันดร์โดยสมบูรณ์

ทางคณะกรรมการถูกบีบให้อยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะการสร้างความบาดหมางกับสาขานิรันดร์หรือสาขาอิสระก็ไม่ใช่ผลดีสำหรับพวกเขาทั้งนั้น พวกเขาจึงพยายามคิดหาทางออกอย่างสันติวิธีมากที่สุด และวิธีที่มักจะนำมาใช้ไขข้อขัดแย้งตั้งแต่สมัยโบราณนั่นก็คือการจัดการแข่งขัน

กฎการแข่งขันในครั้งนี้เรียบง่ายมาก โดยทั้งสองฝ่ายจะต้องส่งตัวแทนออกมาเป็นจำนวน 11 คนเพื่อผลิตผลงานที่ดีที่สุดของตัวเองออกมาประชันหน้ากัน ไม่ว่าผลงานนั้นจะเป็นผลงานในความรู้แขนงไหนก็ตาม

ส่วนสาเหตุที่ว่าทำไมจะต้องกำหนดจำนวนผู้เข้าแข่งขันฝั่งละ 11 คน นั่นก็เพราะสาขาอิสระมีจำนวนนักศึกษาอยู่น้อยมาก อาจารย์ในสาขาก็มีอยู่เพียงแค่ 11 คน ขณะที่ทางฝั่งวิทยาลัยมีอาจารย์อยู่หลายพันคน การคัดเลือกลูกศิษย์ที่ดีที่สุด 11 คนมาเผชิญหน้ากันจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด

การตัดสินผลลัพธ์จะตัดสินกันด้วยการประมูลผลงานทั้ง 22 ชิ้น ซึ่งถ้าหากฝ่ายไหนได้รับคะแนนจากการประมูลสูงสุดพวกเขาก็จะเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ

ความจริงแล้วการตัดสินในลักษณะนี้เป็นการตัดสินที่ไม่ยุติธรรมเลย เพราะไม่ว่าใครในบริษัทต่างก็สามารถนำคะแนนของตัวเองออกมาประมูลผลงานของผู้เข้าแข่งขันได้ แต่ทางคณะกรรมการไม่ได้รู้สึกกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย เพราะพวกเขาได้คิดมาตรการป้องกันเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว

หลังจากที่เซี่ยเฟยกลับมายังสาขาอิสระเขาก็ได้พบว่าคนส่วนใหญ่ถูกส่งกลับไปยังบริษัทแล้ว ท้ายที่สุดการหยุดงานของพนักงานเป็นจำนวนมากก็จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการดำเนินงานของบริษัท ดังนั้นคนของสาขาอิสระจึงเหลือเพียงอาจารย์ทั้ง 11 คนและลูกศิษย์ชั้นยอดของอาจารย์แต่ละคนที่ได้รับการคัดเลือก

“ฉันได้ข่าวมาว่าสาขานิรันดร์กำลังเตรียมจะผลิตเครื่องปฏิสสาร ถ้าหากว่าพวกเขาทำสำเร็จพวกเราก็อาจจะไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้เลย” ฟลินน์กล่าวอย่างจริงจังขณะเดินนำทางเซี่ยเฟยไปยังห้องทดลอง

“เครื่องปฏิสสาร!? เยี่ยมไปเลย! มันคือสิ่งที่ผมกำลังขาดอยู่พอดี หวังว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จนะ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มขึ้นมาอย่างเจ้าเล่ห์

“พวกเขาคือคู่แข่งที่นายจะต้องไปประลองด้วยนะ แต่นายกลับคาดหวังให้คู่แข่งผลิตอาวุธชั้นยอดขึ้นมาสำเร็จงั้นเหรอ?” ฟลินน์กล่าวขึ้นมาด้วยความกังวล

“เชื่อผมเถอะ อีกไม่นานคุณก็จะรู้ว่าของพวกนั้นมันเอามาชนะผมไม่ได้”

เมื่อทั้งคู่เดินทางมาจนถึงห้องทดลอง เซี่ยเฟยก็ได้พบกับของทุกอย่างที่เขาขอให้ฟลินน์เตรียมเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว

“คุณช่วยทำตามพิมพ์เขียวนี้หน่อย ผมยังต้องคิดขั้นตอนสุดท้ายอยู่อีกเล็กน้อย” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่งพิมพ์เขียวให้กับฟลินน์

ตอนแรกฟลินน์ทำหน้ามุ่ยขึ้นมาเล็กน้อย เพราะเขามีฐานะเป็นอาจารย์แล้วเขาจะต้องมาทำงานให้ลูกศิษย์ได้ยังไง อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขาได้อ่านรายละเอียดบนพิมพ์เขียว แววตาของเขามันก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้นเพราะเขาเพิ่งได้เห็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิต

“โอ้พระเจ้า! นี่มันเทคโนโลยีแห่งยุคสมัยใหม่ชัด ๆ” ฟลินน์ตะโกนอย่างเก็บอารมณ์ไม่อยู่

“มันก็อาจจะเป็นแบบนั้น” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาอย่างสงบ

“นายแน่ใจนะว่าจะปล่อยเทคโนโลยีนี้ออกไป เมื่อไหร่ก็ตามที่มันถูกเผยแพร่มันก็อาจจะทำให้นายตกอยู่ในอันตราย” ฟลินน์เริ่มกล่าวขึ้นมาอย่างกังวล หลังจากที่เขาระงับอารมณ์ตื่นเต้นภายในใจ

“คุณจะพูดแบบนั้นก็ไม่ถูก คนที่ตกอยู่ในอันตรายไม่ได้มีเพียงผมคนเดียว แต่เป็นพวกเราทั้งคู่ต่างหาก ถ้าหากผมบอกออกไปว่าผมเป็นคนคิดค้นสิ่งนี้ขึ้นมาเองคุณคิดว่าจะมีใครเชื่อผมไหม แน่นอนว่าทุกคนจะต้องคิดว่าพิมพ์เขียวนี้คือพิมพ์เขียวที่คุณเป็นคนออกแบบ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์

“เอ่อ…” ฟลินน์หน้าซีดขึ้นมาอย่างฉับพลัน เพราะสิ่งที่เซี่ยเฟยพูดออกมาไม่ต่างไปจากความจริงเลยแม้แต่นิดเดียว

“อย่าคิดมากน่า คุณอยากจะเจอกับอัลฟ่าใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นอันดับแรกเราก็ต้องกำจัดอุปสรรคที่ขัดขวางเราซะก่อน” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเคร่งขรึม

ฟลินน์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากจะต้องพยักหน้ารับ เพราะในตอนนี้เขากับเซี่ยเฟยลงเรือลำเดียวกันแล้ว วิธีการที่ดีที่สุดในปัจจุบันนั้นก็คือการช่วยกันพายเรือไปให้ถึงฝั่ง

หลังจากนั้นเซี่ยเฟยก็เปิดใช้งานมิติฝึกฝนและเข้าไปภายในมิตินั้นเพียงลำพัง ปล่อยให้ฟลินน์ทำการสร้างหุ่นยนต์ตามพิมพ์เขียวที่เขาได้ทิ้งเอาไว้

ภายใต้สถานการณ์วิกฤตแบบนี้การพยายามเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองคือการเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตด้วยเช่นกัน เซี่ยเฟยจึงพยายามฝ่าฟันเพื่อพัฒนากลายเป็นจักรพรรดิระดับสูงให้ได้โดยเร็วที่สุด

เดิมทีลินนิจคือผู้ที่สร้างวอร์สตาร์ขึ้นมา แล้วถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะรู้จักโครงสร้างของจักรกลตัวนี้อยู่บ้าง แต่การได้รับความช่วยเหลือจากอัลฟ่ามันย่อมทำให้การออกแบบรวดเร็วขึ้นอีกหลายเท่า 

นอกจากนี้ถึงแม้วอร์สตาร์จะเคยเป็นจักรกลระดับสูงสุดของจักรวาล แต่เวลามันก็ได้ล่วงเลยจากวันนั้นมานานมากแล้ว กลไกหลาย ๆ กลไกจึงจำเป็นจะต้องได้รับการปรับแต่งขึ้นมาใหม่

เซี่ยเฟยยังคงใช้เวลาแต่ละวันเรียนรู้ 10 ชั่วโมงตามปกติ นอกจากนี้เขายังใช้เวลาฝึกฝนวันละ 10 ชั่วโมง และแบ่งเวลาที่เหลืออีก 4 ชั่วโมงไปช่วยฟลินน์ในการสร้างหุ่นยนต์ตัวใหม่

ยิ่งความคืบหน้าในการสร้างหุ่นยนต์พัฒนาไปมากเท่าไหร่ ฟลินน์ก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจมากขึ้นเท่านั้น ในฐานะที่เขาเป็นนักวิจัยทางด้านเครื่องกลมานาน เขาย่อมไม่สามารถต้านทานระบบจำลองการสร้างพลังพิเศษของหุ่นยนต์ตรงหน้านี้ได้จริง ๆ

กาลเวลา 1 สัปดาห์ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งในตอนนี้หุ่นยนต์ต่อสู้ตัวใหม่ใกล้ที่จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว เหลือเพียงแค่ขั้นตอนการประกอบขั้นสุดท้ายเท่านั้น

หลังจากที่เซี่ยเฟยพัฒนาจนกลายเป็นจักรพรรดิขันที่ 5 ได้สำเร็จ เม็ดพลังงานภายในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขาก็หลงเหลือพลังงานอยู่ไม่มากนัก เขาจึงพยายามใช้คริสตัลต้นกำเนิดระดับ 6 ในระหว่างการฝึกฝน แต่เมื่อเขาพัฒนามาจนถึงช่วงสำคัญชายหนุ่มก็ตัดสินใจปลดปล่อยพลังทั้งหมดที่เก็บสะสมเอาไว้ภายในสมองของเขาออกไป

ช่วงเวลาเช้าตรู่ในที่สุดมันก็มีเสียงดังสนั่นภายในมิติฝึกฝน ซึ่งมันเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าตอนนี้ชายหนุ่มพัฒนากลายเป็นจักรพรรดิขั้นที่ 6 แล้ว

แม้ว่าปรากฏการณ์จากการพัฒนากลายเป็นจักรพรรดิระดับสูงจะไม่ได้เป็นปรากฏการณ์อันยิ่งใหญ่ เหมือนกับในตอนที่เขาพัฒนากลายมาเป็นจักรพรรดิในครั้งแรก แต่การก้าวข้ามจากจักรพรรดิทั่วไปกลายเป็นจักรพรรดิระดับสูงก็ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถมองข้ามได้ง่าย ๆ

การสังหารศัตรูที่มีระดับสูงกว่าคือสิ่งที่นักรบสกายวิงทำมาโดยตลอด และเซี่ยเฟยก็มักจะทำเรื่องในลักษณะนี้ได้ดีกว่านักรบคนอื่น ๆ ในตระกูลอีกด้วย

การที่เขาพัฒนากลายเป็นจักรพรรดิขั้นสูงได้สำเร็จ มันก็หมายความว่านักรบระดับต่ำกว่าราชันย์ขั้นสูงทั้งหมดต่างก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา หรือมันอาจจะกล่าวอีกนัยหนึ่งได้ว่าในตอนนี้เขามีพลังเทียบเคียงกับนักรบระดับราชันย์ขั้นพื้นฐานแล้ว

ชายหนุ่มลืมตาพร้อมกับกระโดดลุกขึ้นด้วยพลังระดับใหม่ ซึ่งในเวลาเพียงแค่ไม่ถึง 2 เดือนนับตั้งแต่ที่เขาก้าวเท้าเข้าสู่เผ่าเทพมา พลังของเขาก็พัฒนาขึ้นจากเดิมมาถึง 5 ขั้น

การพัฒนาของเซี่ยเฟยเป็นการพัฒนาด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ แล้วถึงแม้ว่าสำหรับคนอื่นการพัฒนาจะล่าช้าตามลำดับพลังที่เพิ่มขึ้น แต่สำหรับเซี่ยเฟยแล้วเขายังคงเร่งความเร็วในการพัฒนาได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าในปัจจุบันเขาจะมีพลังอยู่ในระดับไหนก็ตาม

ในระหว่างที่ชายหนุ่มเดินทางออกมาจากมิติฝึกฝน เขาก็ได้เห็นฟลินน์ยืนยิ้มให้กับหุ่นยนต์ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

“พวกเราทำสำเร็จแล้ว!” ฟลินน์ส่งเสียงตะโกนอย่างตื่นเต้น คล้ายกับว่าเขาเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ ไม่ว่าเขาจะมีอายุกี่ร้อยปีก็ตาม

เซี่ยเฟยเหลือบสายตามองไปยังหุ่นยนต์ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ เพราะในวันนี้มันก็ไม่เพียงแต่เขาจะสามารถก้าวข้ามผ่านจักรพรรดิขั้นสูงมาได้เท่านั้น แต่เขายังได้ชักนำอาวุธอันทรงพลังมาสู่ดินแดนกฎอีกด้วย

“สามยักษ์ใหญ่แห่งวิทยาลัยงั้นเหรอ? พวกแกรอวันตายได้เลย!” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาเบา ๆ พร้อมกับเผยรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์

**************

ออกไปสร้างความปั่นป่านในบริษัทฟิกส์ได้!!

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.