ตอนที่ 890 ภารกิจของเซี่ยเฟย

-A A +A

ตอนที่ 890 ภารกิจของเซี่ยเฟย

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 890 ภารกิจของเซี่ยเฟย

การได้รับคำสั่งเรียกรวมตัว มันก็หมายความว่าสกายวิงกำลังต้องการเขาในเวลานี้ ชายหนุ่มจึงลุกยืนขึ้นเก็บข้าวของและจากไปโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย 

อย่างไรก็ตามเมื่อเขาออกไปยังทางเดิน เขากลับบังเอิญได้พบกับมิวท์ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยหลัก 4, มูเอ็มม่าผู้ช่วยของมิวท์และไคเซอร์ผู้อำนวยการของศูนย์วิจัย 137

“หยิงเฟย นายออกมาได้ถูกเวลาจริง ๆ ฉันขอแนะนำให้รู้จักผู้อำนวยการมิวท์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยหลัก 4 ซึ่งเป็นหัวหน้าของพวกเราโดยตรง ส่วนนี่คือคุณมูเอ็มม่าเป็นผู้ช่วยของผู้อำนวยการมิวท์” ไคเซอร์กล่าวแนะนำอย่างไม่เต็มใจ

ปัจจุบันเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอายมาก เพราะว่าเขาคือคนที่โยนหยิงเฟยไปทำงานในทีมซ่อมบำรุง แต่ในตอนนี้ชายหนุ่มได้กลายเป็นจุดสนใจของคนทั่วทั้งบริษัท ไคเซอร์จึงรู้สึกราวกับว่าเขาถูกลากออกไปตบหน้ากลางสี่แยก

หลาย ๆ คนรู้อยู่ก่อนแล้วว่าในอดีตไคเซอร์เคยถูกฟลินน์ไล่ออกมาจากศูนย์วิจัยหลัก 4 ก่อนที่จะมาทำงานเป็นผู้อำนวยการศูนย์วิจัย 137 

ขณะเดียวกันหยิงเฟยก็เป็นลูกศิษย์ของฟลินน์โดยตรง ชายหนุ่มจึงถูกส่งตัวไปยังทีมซ่อมบำรุงเพื่อเป็นการแก้แค้นกับสิ่งที่อาจารย์ของเขาเคยทำกับผู้อำนวยการคนนี้เอาไว้

ย้อนกลับไปในวันแรกที่หยิงเฟยเข้ามาทำงาน มันก็ไม่มีใครให้ความสนใจชายหนุ่มคนนี้เลย เพราะในทุก ๆ ปีมีเด็กจบใหม่เข้ามาทำงานในบริษัทหลายหมื่นคน แม้ว่ามันจะมีเด็กสักคนถูกกลั่นแกล้งแต่มันก็ไม่มีใครให้ความสนใจ

อย่างไรก็ตามจู่ ๆ หยิงเฟยก็เปล่งประกายขึ้นมาอย่างกะทันหัน เพราะเขาสามารถเอาชนะคาเตอร์ผู้สำเร็จการศึกษาจากสาขานิรันดร์ในรอบ 150 ปีได้ 

ยิ่งไปกว่านั้นชายหนุ่มยังสามารถแก้ปัญหาคำถามระดับ 1 ของบริษัทได้สำเร็จ การลงมือของหยิงเฟยเพียงครั้งเดียวจึงไม่เพียงแต่จะตบหน้าคาเตอร์กลับไปเท่านั้น แต่มันยังเป็นการตบหน้าไคเซอร์ที่ส่งตัวเขาไปยังทีมซ่อมบำรุงอีกด้วย

“ฮ่า ๆ ๆ คุณเองสินะอัจฉริยะจากสาขาอิสระ หลังจากนี้อนาคตของคุณคงจะพุ่งทะยานอย่างไร้ขีดจำกัด”

“การแข่งขันระหว่างคุณกับคาเตอร์ในวันนี้ได้เปิดหูเปิดตาพวกเราจริง ๆ ไม่เพียงการต่อสู้ระหว่างพวกคุณจะน่าตื่นเต้นมากเท่านั้น แต่คุณยังทำลายสถิติของบริษัทในการทำคะแนนภายในเวลา 1 ชั่วโมงอีกด้วย”

“ฉันคิดว่าความสำเร็จของคุณคงจะอยู่ในประวัติศาสตร์ของบริษัทไปอีกนานหลายร้อยหลายพันปี” มิวท์กล่าวขึ้นมาอย่างประจบประแจง ขณะที่ภายในใจของเซี่ยเฟยต้องการที่จะกลับไปยังคฤหาสน์อีวิลวิงแล้ว

“ผู้อำนวยการไคเซอร์ คุณทำอะไรลงไป? พวกเราอุตส่าห์มีอัจฉริยะที่เก่งกาจที่สุดในประวัติศาสตร์มาอยู่ภายใต้การดูแลของเราแล้ว ทำไมคุณถึงให้เขามาอยู่ในหอพักแบบนี้?” มิวท์เริ่มหันไปตำหนิไคเซอร์ต่อหน้าหยิงเฟย

ใบหน้าของไคเซอร์ซีดลงอย่างกะทันหัน ซึ่งในความเป็นจริงเขาก็พอจะคาดเดามาได้ตั้งนานแล้วว่ามิวท์จะต้องทำการต่อว่าเขาต่อหน้าหยิงเฟยอย่างแน่นอน เพราะความสำเร็จของชายหนุ่มในวันนี้มันโดดเด่นมากเกินไป และเขาก็คงจะถูกลงโทษที่ส่งหยิงเฟยไปยังทีมซ่อมบำรุงไม่ช้าก็เร็ว

“ไหนคุณตอบมาซิว่าตอนนี้หยิงเฟยทำงานอยู่กับทีมวิจัยทีมไหน?” มิวท์จงใจกล่าวถามเสียงดัง

คำถามของมิวท์เกือบจะทำให้ไคเซอร์เป็นลม เพราะใครจะไปรู้ว่าเด็กจบใหม่ที่เขากลั่นแกล้งจะกลายเป็นพนักงานชั้นยอดในเวลาอันรวดเร็วแบบนี้ การตั้งคำถามของมิวท์จึงเป็นการสร้างความอับอายให้กับเขาต่อหน้าหยิงเฟยอย่างรุนแรง

“ทีมซ่อมบำรุงครับ” ไคเซอร์กระซิบตอบกลับไปเบา ๆ

“ทีมซ่อมบำรุง! คุณคิดยังไงถึงเอาอัจฉริยะระดับนี้ไปอยู่ในทีมซ่อมบำรุง?! ในหัวของคุณมันยังมีสมองอยู่หรือเปล่า?” มิวท์เริ่มด่าทอขึ้นมาเสียงดัง

“ทีมซ่อมบำรุงกำลังขาดแคลนกำลังคน ผมจึงขอให้หยิงเฟยไปช่วยงานที่นั่นสัก 2-3 วัน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปหยิงเฟยไม่จำเป็นจะต้องกลับไปทำงานที่ทีมซ่อมบำรุงอีกแล้ว ผมจะแต่งตั้งให้เขาเป็นหัวหน้าทีมวิจัยเครื่องกลเดี๋ยวนี้เลยครับ” ไคเซอร์รีบกล่าวตอบ

“ไม่ต้องแล้ว! ในเมื่อศูนย์วิจัย 137 ดูแลหยิงเฟยได้แค่นี้ เขาก็ไม่จำเป็นจะต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไป หลังจากนี้ศูนย์วิจัยหลัก 4 จะเป็นคนดูแลเขาต่อเอง” มิวท์กล่าวอย่างเย็นชา

“ขอโทษด้วยนะครับ แต่ผมมีเรื่องสำคัญจะต้องไปจัดการ อีกอย่างผมก็ชอบทีมซ่อมบำรุงเอาเป็นว่าผมขออยู่ที่นั่นต่อไปก็แล้วกัน” เซี่ยเฟยรีบพูดขัดจังหวะ เพราะในตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์จะฟังเรื่องไร้สาระของคนอื่น

ทันทีที่พูดจบชายหนุ่มก็จากไปปล่อยให้ชายทั้งสามยืนตกตะลึงในทางเดินอันมืดมิด

‘เขาเป็นตัวประหลาดจากสาขาอิสระจริง ๆ สินะ’ มิวท์คิดกับตัวเองภายในใจ ก่อนที่เขาจะหันหน้ามองไปยังไคเซอร์ด้วยความโกรธ

“ผู้อำนวยการไคเซอร์ดูเหมือนว่าคุณจะไม่เหมาะสมกับตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์วิจัยแห่งนี้อีกต่อไปแล้ว วันพรุ่งนี้คุณไปรายงานตัวที่แผนกดูแลสวนได้เลย ผู้อำนวยการคนเก่าของที่นั่นเพิ่งจะเกษียณออกไป พวกเรากำลังต้องการหาคนที่เหมาะสมไปทำงานแทนอยู่พอดี”

คำสั่งจากมิวท์ทำให้ไคเซอร์อยากจะเป็นลมล้มพับไปตรงนั้นเลย เพราะความผิดพลาดของเขาเพียงแค่ครั้งเดียวกลับเปลี่ยนเขาจากผู้อำนวยการศูนย์วิจัยกลายเป็นคนดูแลสวน

ภายในบริษัทฟิกส์ต่างก็ล้วนแต่ใช้เครื่องจักรอัตโนมัติ แผนกดูแลสวนจึงมีหน้าที่ควบคุมเครื่องจักรที่ดูแลต้นไม้อีกทีหนึ่ง ดังนั้นแผนกนี้จึงกลายเป็นตัวตนที่อยู่ในระดับต่ำกว่าทีมซ่อมบำรุงเสียอีก

เมื่อจัดการลงโทษไคเซอร์เสร็จเรียบร้อยแล้ว มิวท์ก็เดินจากไปโดยไม่คิดจะฟังข้อโต้แย้งเลยแม้แต่นิดเดียว

ครั้งหนึ่งผู้เป็นอาจารย์เคยเตะไคเซอร์ลงมาจากศูนย์วิจัยหลัก 4 ซึ่งเขาก็จำเป็นจะต้องใช้เวลานานมากในการปีนขึ้นมาสู่ตำแหน่งผู้อำนวยการศูนย์วิจัย 137 แต่ในวันนี้หยิงเฟยซึ่งเป็นลูกศิษย์กลับเตะเขาลงไปเป็นคนดูแลสวน คล้ายกับว่าศิษย์อาจารย์คู่นี้เป็นเจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้เขาได้พบกับความโชคร้ายอยู่ซ้ำ ๆ

คฤหาสน์อีวิลวิงถูกปกคลุมไปด้วยอากาศอันหนาวเย็น มันจึงมีหิมะโปรยปรายอยู่บนท้องฟ้าตลอดเวลา

“นี่น่ะเหรอคฤหาสน์อีวิลวิง” เซี่ยเฟยยืนอยู่ด้านนอกคฤหาสน์และมองเข้าไปทางด้านใน

โครงสร้างของคฤหาสน์อีวิลวิงมีความซับซ้อนมากกว่าสวนสายลมมาก โดยมันมีทางเดินเชื่อมต่อกันทั้งหมด 9 สายซ้อนทับกันเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ผู้คนที่เดินทางมาเห็นคฤหาสน์แห่งนี้จึงสามารถสัมผัสถึงความเฉียบคมอันเป็นเอกลักษณ์ของสกายวิงได้อย่างง่ายดาย

บรรยากาศภายในคฤหาสน์เต็มไปด้วยความตึงเครียด ซึ่งระหว่างการเดินทางชายหนุ่มก็ได้พบกับสมาชิกของตระกูลอย่างมากมาย ทุกคนต่างก็แสดงสีหน้าออกมาอย่างจริงจังราวกับว่ามันกำลังมีเรื่องสำคัญเกิดขึ้นกับตระกูล

ภายในคนกลุ่มนี้เซี่ยเฟยรู้จักเพียงแค่เซี่ยเทียนกับเซี่ยกวงไห่เท่านั้น แต่เซี่ยกวงไห่กำลังปฎิบัติภารกิจ ขณะที่เซี่ยเทียนกำลังฝึกซ้อมอย่างหนักภายในห้องฝึกแบบปิด ผู้คนที่ชายหนุ่มเห็นจึงเป็นเพียงแค่คนแปลกหน้าในตระกูลเดียวกัน

แต่ทันทีที่ทุกคนเห็นเซี่ยเฟย พวกเขาก็พยักหน้าเป็นการทักทายเล็กน้อย ราวกับว่าพวกเขาคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีทั้ง ๆ ที่เซี่ยเฟยยังไม่เคยเห็นหน้าคนพวกนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว

“เซี่ยเฟยมานี่” เซี่ยเค่อกล่าวด้วยน้ำเสียงอันจริงจัง หลังจากที่เขาได้เห็นว่าชายหนุ่มเดินทางมาถึงแล้ว

เซี่ยเฟยเดินทางไปหาเซี่ยเค่อกับเซี่ยเหลียนหนิงในทันที เนื่องมาจากในตอนนี้บรรพบุรุษไม่อยู่ ผู้อาวุโสทั้งสองคนของตระกูลจึงเป็นผู้ที่มีอำนาจตัดสินใจเรื่องทุกอย่างอย่างเด็ดขาด

หลังจากแนะนำตัวกันสั้น ๆ พวกเขาทั้งสามคนก็เดินเข้าไปนั่งบนโต๊ะภายในห้องทำงานของบรรพบุรุษ 

เซี่ยเฟยเพิ่งจะเดินทางมายังคฤหาสน์อีวิลวิงเป็นครั้งแรก เขาจึงรู้สึกสนใจทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเห็น และเมื่อเขาได้รู้ว่าห้องแห่งนี้คือห้องของบรรพบุรุษ มันก็ทำให้เขาสะดุ้งขึ้นมาอยู่เล็กน้อย อย่างไรก็ตามเมื่อเขาได้รู้ว่าบรรพบุรุษไม่อยู่มันก็ทำให้เขารู้สึกผิดหวังขึ้นมาด้วยเช่นกัน

“ตอนแรกบรรพบุรุษวางแผนที่จะให้นายก่อร่างสร้างฐานขึ้นมาเองเพื่อเป็นการทดสอบ แต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว พวกเราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องเรียกตัวนายมาเพื่อมอบหมายภารกิจสำคัญ” เซี่ยเหลียนหนิงเริ่มกล่าวเข้าประเด็น

“ครับ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้ารับ

“ก่อนหน้านี้นายได้พบกับเซี่ยกวงไห่แล้วใช่ไหม? ตอนนี้เขาทำหน้าที่นำทีมเล็ก ๆ ของตระกูลบุกเข้าไปภายในพื้นที่ที่ชื่อว่ามัดดี้ มัดดี้เป็นพื้นที่ที่มีความซับซ้อนมาก ภายในพื้นที่บริเวณนั้นมักจะมีความปั่นป่วนของช่องว่างมิติเกิดขึ้นอยู่เสมอ” เซี่ยเหลียนหนิงเริ่มอธิบาย

“มัดดี้?”

ทันใดนั้นเซี่ยเฟยก็นึกถึงบันทึกของตระกูลแอตแลนติสที่บอกว่าพวกเขาได้พบจารึกมนตราอสูรภายในพื้นที่ที่เรียกว่ามัดดี้ด้วยเช่นกัน แต่ใครจะรู้ว่าหนังสือเพียงเล่มเดียวจะกลายเป็นหายนะของตระกูล ก่อนที่มันจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ตระกูลของพวกเขาหายไปจากจักรวาลแห่งนี้ตลอดกาล

แต่จู่ ๆ เขาก็ได้พบว่าเซี่ยกวงไห่ถูกมอบหมายภารกิจให้ไปปฏิบัติหน้าที่ภายในมัดดี้ ชายหนุ่มจึงสงสัยว่าเรื่องราวพวกนี้มันมีความเชื่อมโยงกันหรือไม่

“เหตุผลที่เซี่ยกวงไห่นำคนไปยังมัดดี้นั่นก็เพราะภารกิจของบรรพบุรุษ บรรพบุรุษได้บอกพวกเราว่าด้วยสถานการณ์ในปัจจุบัน พวกเราก็จำเป็นจะต้องได้รับวัตถุโบราณมาสนับสนุนโดยเฉพาะอาวุธมายา” เซี่ยเหลียนหนิงอธิบายต่อหลังจากที่เขาหยุดพักไปครู่หนึ่ง

ทันทีที่พูดจบทั้งเซี่ยเค่อและเซี่ยเหลียนหนิงต่างก็มองไปยังแขนขวาของเซี่ยเฟยในเวลาเดียวกัน เพราะพวกเขารู้ดีว่าภายในแขนข้างนั้นเป็นที่อยู่อาศัยของหงส์คราม ที่สร้างชื่อเสียงให้กับเซี่ยเฟยมาระยะหนึ่งแล้ว

“บรรพบุรุษต้องการอาวุธมายางั้นเหรอครับ? เขาพอจะบอกไหมว่าพวกเราจะต้องเอาอาวุธมายาไปทำอะไร?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัย

“บรรพบุรุษไม่ได้อธิบายเรื่องนี้เอาไว้ แต่พวกเราเดาว่ามันน่าจะเกี่ยวข้องกับความปั่นป่วนของประตูจักรวาล” เซี่ยเค่อกล่าวพร้อมกับส่ายหัว

คำอธิบายของชายชราทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตกตะลึงอีกครั้ง เพราะในปัจจุบันเขาก็กำลังให้ความสนใจกับประตูจักรวาลด้วยเหมือนกัน

“ดินแดนกฎถูกควบคุมโดยเผ่าพันธุ์สูงสุดทั้งสอง โดยพื้นที่ของดินแดนนี้ขยายกว้างออกไปในระยะ 100,000 ล้านปีแสง ส่วนพื้นที่ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของดินแดนกฎ พวกเราได้เรียกสถานที่พวกนั้นว่าดาร์คไนท์”

“ปัจจุบันประตูจักรวาลเริ่มเกิดอาการไม่มั่นคง เหล่าบรรดาสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ภายในดาร์คไนท์จึงเริ่มเคลื่อนไหวด้วยเช่นกัน และเป้าหมายของพวกมันก็คือพวกเรา” เซี่ยเหลียนหนิงอธิบาย

“สิ่งมีชีวิตในดาร์คไนท์!?” เซี่ยเฟยอุทานด้วยใจอันสั่นสะท้านเมื่อได้พบว่ามันมีสิ่งมีชีวิตรูปแบบอื่นอาศัยอยู่ด้านนอกดินแดนกฎด้วย

แม้ว่าภายในดินแดนกฎจะมีเผ่าพันธุ์ต่าง ๆ อยู่อย่างมากมาย แต่เผ่าพันธุ์ทุกเผ่าพันธุ์ต่างก็มีลักษณะที่คล้ายคลึงกัน ยกตัวอย่างเช่น เผ่าพันธุ์ไลอ้อนฮาร์ทของโอโร่กับเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็มีความแตกต่างกันที่ขนาดร่างกาย, เส้นขนและเขี้ยวเล็บเท่านั้น แต่สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในดาร์คไนท์กลับเป็นสิ่งมีชีวิตที่แตกต่างออกไปจากสิ่งมีชีวิตในดินแดนกฎอย่างสิ้นเชิง

หากบริเวณขอบนอกของดินแดนกฎเต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตในดาร์คไนท์ สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นย่อมเป็นภัยร้ายแรงของทุกคนอย่างแน่นอน

“แล้วผมต้องทำอะไรครับ?” เซี่ยเฟยกล่าวถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

***************

ระดมพลรอบนี้พี่เฟยจะได้สมบัติอะไรบ้างนะ?

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.