ตอนที่ 883 ทีมซ่อมบำรุง
ตอนที่ 883 ทีมซ่อมบำรุง
ณ คฤหาสน์อีวิลวิง
“เซี่ยเฟยกำลังพยายามทำอะไรอยู่กันแน่? ทำไมจู่ ๆ เขาถึงเข้าไปในบริษัทฟิกส์” เซี่ยเหลียนหนิงอุทานพร้อมกับขมวดคิ้วหลังจากที่เขาได้รับข่าวของเซี่ยเฟย
“เท่าที่ฉันรู้มาเด็กคนนี้มักจะตัดสินใจแปลก ๆ อยู่เสมอ มันก็ไม่ค่อยมีใครคาดเดาความคิดของเขาได้หรอก” เซี่ยเค่อกล่าวพร้อมกับลูบเคราของตัวเองเบา ๆ
“อดีตมันก็คืออดีต อย่าลืมว่าตอนนี้เขาอยู่ในเผ่าเทพ เขาไม่รู้หรือยังไงว่าเผ่าเทพอันตรายแค่ไหน? แล้วเขายังไปอยู่ในบริษัทฟิกส์หนึ่งในที่ที่อันตรายที่สุดในเผ่าเทพด้วย นายก็น่าจะรู้ว่าถึงแม้ภายนอกบริษัทฟิกส์จะเป็นบริษัทเทคโนโลยี แต่ในความจริงบริษัทนี้มีอำนาจเป็นอันดับ 2 รองจากราชวังราชันย์เทพเท่านั้น ภายในบริษัทมีการแย่งชิงอำนาจกันอย่างมากมาย และมันก็พร้อมจะก่อให้เกิดอันตรายได้ตลอดเวลา”
“แต่จู่ ๆ เขาก็ปลอมตัวเข้าไปในบริษัทฟิกส์เนี่ยนะ เขารู้ตัวหรือเปล่าว่าเขากำลังเอาตัวเองไปเสี่ยงอันตรายมากแค่ไหน?!” เซี่ยเหลียนหนิงบ่นออกมาอย่างต่อเนื่อง ก่อให้เกิดรอยย่นบนใบหน้าอย่างมากมาย ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าในตอนนี้เขากำลังโกรธมากจริง ๆ
“ฉันว่าเขารู้สถานการณ์ของตัวเองดี อย่าลืมนะว่าเขาคือหนึ่งในคนที่มีสติปัญญาดีที่สุดภายในตระกูลของเรา ปล่อยเรื่องนี้ไปก่อนดีกว่า อย่าลืมว่าตอนนี้บรรพบุรุษไม่อยู่ พวกเรายังมีเรื่องสำคัญที่ต้องตัดสินใจอีกหลายเรื่อง” เซี่ยเค่อกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ฉันไม่ได้โกรธเซี่ยเฟยขนาดนั้นหรอก ฉันรู้ว่าครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เขาเข้ามาในเผ่าเทพและอาจจะยังไม่รู้ว่าตัวเองกำลังเสี่ยงอันตรายมากแค่ไหน แต่ที่ฉันกังวลคือถ้ามันมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้นแล้วพวกเราจะอธิบายให้บรรพบุรุษฟังว่ายังไง” เซี่ยเหลียนหนิงกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“ฉันเดาว่าสาเหตุที่เขากล้าเข้าสู่บริษัทฟิกส์ มันจะต้องเป็นเพราะเขามีจุดมุ่งหมายอะไรบางอย่างในบริษัทนั้นอย่างแน่นอน และเขาก็เป็นคนที่ดื้อรั้นมาก เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาตัดสินใจทำอะไรสักอย่างเขาจะไม่มีวันยอมแพ้ในเรื่องนั้นง่าย ๆ” เซี่ยเค่อกล่าว
เมื่อทราบข่าวว่าเซี่ยเฟยเข้าบริษัทฟิกส์ ผู้อาวุโสจากสกายวิงทั้งสองต่างก็รู้สึกกังวล ในความเป็นจริงชายหนุ่มก็ไม่สามารถที่จะโทษเซี่ยเหลียนหนิงกับเซี่ยเค่อได้ เพราะเขาเป็นแม่เหล็กดึงดูดปัญหาที่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้วิ่งเข้าหาปัญหาแต่ปัญหาก็มักที่จะวิ่งเข้ามาหาเขาเอง
“แม้ว่าจะเป็นเหตุการณ์ในราชวังราชันย์เทพ บรรพบุรุษของเราก็ยังพอมีเส้นสายหาข่าวคราวอะไรได้บ้าง แต่บริษัทฟิกส์เป็นสถานที่แห่งเดียวที่พวกเราไม่สามารถหาข่าวในนั้นได้เลย ถ้าหากว่ามันมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับเซี่ยเฟยจริง ๆ ในตอนนั้นเราก็ไม่สามารถที่จะหยิบยื่นความช่วยเหลือไปให้กับเขาได้”
“พูดตามตรงว่าฉันไม่ได้กลัวบริษัทฟิกส์หรอก สิ่งที่ฉันกังวลคือเรื่องเก่า ๆ มันอาจจะเกิดขึ้นอีกครั้ง” เซี่ยเหลียนหนิงกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“กังวลไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอก บรรพบุรุษจะต้องมีเป้าหมายอะไรอยู่แน่ ๆ ถึงปล่อยให้เซี่ยเฟยไปผจญภัยคนเดียวอยู่แบบนั้น บางทีถ้าเซี่ยเฟยสามารถปักหลักในบริษัทฟิกส์ได้จริง ๆ พวกเราก็จะมีสายข่าวอยู่ทั่วทั้งดินแดนของเผ่าเทพ” เซี่ยเค่อกล่าว
“ฉันก็หวังว่ามันจะไม่เป็นอะไร อีวิลวิงคือนักรบที่ดีที่สุดของตระกูลเรา แต่พวกเขาก็เป็นคำสาปร้ายที่สุดของพวกเราด้วย…” เซี่ยเหลียนหนิงกล่าวขึ้นมาเบา ๆ
—
เซี่ยเฟยไม่รับรู้ถึงความกังวลในคฤหาสน์อีวิลวิงเลยแม้แต่นิดเดียว สิ่งเดียวที่เขารู้คือเขามีเรื่องจะต้องทำแล้วมันก็คือสาเหตุที่ทำให้เขาเดินทางมายังบริษัทฟิกส์
ศูนย์วิจัย 137 แท้ที่จริงแล้วตั้งอยู่ในบริเวณใต้ดิน มันจึงเป็นสถานที่ที่ดูมืดมนไม่เหมือนกับอาคารอันกว้างขวางที่ตั้งโชว์อยู่บนพื้น
หลังจากเดินตามเส้นทางมาเป็นเวลานาน ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ได้พบกับประตูที่มีป้ายทีมซ่อมบำรุงติดอยู่บริเวณใกล้ ๆ เขาจึงสอดบัตรประจำตัวของเขาเข้าไป ก่อนที่ประตูอัลลอยจะค่อย ๆ เปิดออกอย่างช้า ๆ
เมื่อเดินเข้ามาทางด้านในเขาก็ได้พบกับโกดังที่มีอุปกรณ์พัง ๆ ถูกวางเอาไว้ทั่วทั้งห้อง นอกจากนี้มันยังมีกลิ่นฉุนลอยโชยอยู่ทั่วทั้งบริเวณ ซึ่งภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้ก็ค่อนข้างจะอยู่เกินกว่าความคาดหมายของชายหนุ่มไปไกล
“พึ่งมาใหม่เหรอ?” เสียง ๆ หนึ่งเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่ชายหนุ่มตกอยู่ในความเงียบมานาน
เจ้าของเสียงนี้คือหัวหน้าทีมซ่อมบำรุงของศูนย์วิจัย 137 ซึ่งปัจจุบันเขากำลังนั่งซ่อมเครื่องสแกนขนาดเล็กดูไม่เหมาะกับขนาดร่างกายอันใหญ่โตของเขา
“ผู้อำนวยการไคเซอร์ให้ผมช่วยทีมซ่อมบำรุงสักพักครับ” เซี่ยเฟยตอบกลับไปเบา ๆ
“โอเคแป๊บหนึ่งนะ” ชายร่างใหญ่กล่าวก่อนที่เขาจะกลับไปทำงานของตัวเองต่อ
แกร็ก ๆ ๆ
นิ้วของชายคนนี้สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่ว ซึ่งหลังจากที่เวลาได้ผ่านพ้นไปประมาณ 1 นาที เครื่องสแกนชิ้นนี้ก็ถูกซ่อมแซมจนเสร็จ
“เอาล่ะทุกคน! พวกเรามีเพื่อนร่วมงานมาใหม่” หัวหน้าทีมร่างใหญ่ลุกยืนขึ้นพร้อมกับปรบมือเรียกความสนใจจากสมาชิกทุกคนภายในทีม
ไม่กี่นาทีต่อมาชายหนุ่มก็ได้พบว่าตอนนี้ภายในทีมซ่อมบำรุงมีเพียงแซมผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าทีมและแองเกอร์กับฮอฟผู้ซึ่งเป็นลูกทีมอีกสองคน
“อะไรนะ?! นายจบมาจากสาขาอิสระงั้นเหรอ?” สมาชิกทีมซ่อมบำรุงทั้งสามอุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
ท้ายที่สุดสาขาอิสระก็เป็นที่รู้จักในนาม 1 ใน 3 สาขาหลักของวิทยาลัยฟิกส์สตาร์อะคาเดมี่ ดังนั้นถึงแม้เซี่ยเฟยจะมาทำงานที่แผนกนี้เพียงแค่ชั่วคราว แต่มันก็ดูเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะเกินเลยไปหน่อย
ทันใดนั้นแซมก็ดูคล้ายกับจดจำอะไรบางอย่างได้ แต่เขาก็แค่ขมวดคิ้วอย่างเงียบ ๆ โดยเลือกที่จะไม่พูดอะไรออกมา
“ทีมซ่อมบำรุงของเราเป็นแผนกสนับสนุนของศูนย์วิจัย 137 แต่งานของพวกเราไม่ใช่การซ่อมอุปกรณ์จากศูนย์วิจัยนี้เท่านั้น เพราะอุปกรณ์ที่เสียหายจากศูนย์วิจัยอื่น ๆ ก็จะถูกส่งมาซ่อมที่นี่ด้วย ตามมาตรฐานขั้นต่ำพวกเราจะทำการซ่อมอุปกรณ์ 40 ชิ้นในทุก ๆ วัน หรือก็คือวันนี้พวกเราจะต้องแบ่งงานกันไปทำคนละ 10 ชิ้น”
“เอาล่ะเมื่อนายเข้าใจแล้วก็เริ่มงานได้เลย” แซมกล่าวอย่างรวบรัด
“มีของเยอะเลย ผมควรจะเริ่มจากตรงไหนครับ?” เซี่ยเฟยกล่าวถามหลังจากตกใจ เพราะเขาไม่คิดว่างานของทีมซ่อมบำรุงจะเป็นงานง่ายขนาดนี้
ทันใดนั้นพนักงานทั้งสามก็ส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาเสียงดัง ก่อนที่ฮอฟจะเดินเข้ามาตบไหล่ชายหนุ่มเบา ๆ
“อย่างที่นายเห็นนั่นแหละว่าของที่ถูกนำมาส่งซ่อมมีเยอะเกินกว่าที่พวกเราจะซ่อมหมด เอาเป็นว่านายจะหยิบอะไรขึ้นมาซ่อมก็ได้ ตราบใดก็ตามที่นายซ่อมครบ 10 ชิ้นนายก็เลิกงานวันนี้ไปได้เลย”
คำพูดของชายชราทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วขึ้นมาอยู่เล็กน้อย เพราะดูเหมือนกับว่าทีมซ่อมบำรุงจะเป็นเหมือนกับกลุ่มคนที่ถูกลืมภายในบริษัทอันใหญ่โตแห่งนี้
—
ประมาณ 20 นาทีต่อมาชายหนุ่มก็ลุกยืนขึ้น เนื่องมาจากว่าเขาจัดการซ่อมแซมอุปกรณ์ครบทั้ง 10 ชิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
เขามีความรู้ความเข้าใจเรื่องเครื่องยนต์กลไกมาตั้งแต่สมัยที่เขาอยู่ภายในพันธมิตร ยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้รับข้อมูลเรื่องกลไกมาจากพวกหุ่นยนต์อย่างมากมาย จนทำให้เขาได้เรียนรู้เรื่องราวเหล่านี้อย่างลึกซึ้ง
ครั้งหนึ่งเผ่าจักรกลเคยเป็นผู้ครอบครองเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุดในจักรวาล และถึงแม้ว่าเทคโนโลยีของพวกเขาจะต่ำกว่าบริษัทฟิกส์อยู่เล็กน้อย แต่ชายหนุ่มผู้ซึ่งเป็นผู้สืบทอดความรู้ของจักรกลย่อมสามารถซ่อมแซมอุปกรณ์เหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย
“เร็วมาก!” ช่างซ่อมทั้งสามคนอุทานขึ้นมาด้วยความตกตะลึง เพราะเซี่ยเฟยสามารถทำงานของ 1 วันให้เสร็จได้ภายในเวลาเพียงแค่ไม่กี่นาที
‘นี่สินะผู้สำเร็จการศึกษาจากสาขาอิสระ ฉันคิดว่าเขาจะเหมือนพวกเด็กจบใหม่คนอื่น ๆ แต่ในความจริงเขากลับมีความเชี่ยวชาญในการปฏิบัติด้วย’ แซมคิดกับตัวเองภายในใจ
ชายหนุ่มยังคงนิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไร เพราะเขาเริ่มสัมผัสได้ถึงกลิ่นทะแม่ง ๆ คล้ายกับว่าการที่เขาถูกมอบหมายให้มาทำงานในแผนกซ่อมบำรุง มันจะเป็นงานที่ไม่เหมาะสมสำหรับตัวตนของเขา
“ถ้านายทำงานเสร็จแล้วก็ไปพักได้เลย ข้อดีที่สุดของทีมซ่อมบำรุงคือพวกเราไม่จำเป็นจะต้องทำงานเต็มวัน ภายในบริษัทมีระบบให้เรียนรู้อย่างมากมาย ฉันเชื่อว่าความรู้พวกนั้นจะเป็นประโยชน์กับนายด้วยเหมือนกัน” แซมกล่าว
“ใช่แล้ว นี่แหละคือข้อดีของเรา ไม่อย่างนั้นมันก็คงจะไม่มีใครเต็มใจมาทำงานในทีมซ่อมบำรุง ถึงแม้ความเร็วในการซ่อมของเราจะไม่ได้เวอร์เหมือนกับของนาย แต่พวกเราก็ใช้เวลาในการทำงานวันละ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น ส่วนเวลาที่เหลือพวกเราก็สามารถไปทำเรื่องอื่น ๆ ได้อย่างอิสระ” ฮอฟกล่าวด้วยรอยยิ้ม
คำอธิบายนี้ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตกใจขึ้นมาเล็กน้อย เพราะมันดูเหมือนกับว่าสมาชิกภายในทีมซ่อมบำรุงก็ไม่ชอบทำงานของตัวเองด้วยเช่นกัน แต่พวกเขาเลือกมาทำเพราะต้องการช่วงเวลาที่เป็นอิสระ
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องที่เลวร้าย เพราะถ้าหากว่าเขาจะต้องทำงานเป็นเวลานานในทุก ๆ วัน เขาย่อมมีเวลาฝึกฝนน้อยลงอย่างไม่ต้องสงสัย
หลังจากเดินออกมาจากทีมซ่อมบำรุง ชายหนุ่มก็ไม่ได้เดินออกไปไหนไกล แต่ได้หยิบหูฟังอันเล็ก ๆ ขึ้นมาเสียบเข้าไปในหูขวาเพื่อดักฟังบทสนทนา
“หยิงเฟยน่าจะเป็นนักเรียนชั้นนำไม่ใช่เหรอ? ทำไมผู้อำนวยการถึงส่งเขามาที่ทีมซ่อมบำรุงของพวกเราล่ะ?” แองเกอร์กล่าว
“ใช่ ถึงแม้ทีมของพวกเราจะว่างมากแต่มันก็ไม่มีเรื่องอะไรให้เรียนรู้มากนัก อีกไม่นานจะมีการประเมินใหญ่ของสมาชิกใหม่ที่จะส่งผลกระทบต่ออนาคตของเขาโดยตรง การให้เขาไปฝึกงานกับแผนกอื่นน่าจะมีประโยชน์กับเขามากกว่า” ฮอฟกล่าวเสริมอย่างไม่เข้าใจด้วยเช่นกัน
“สาเหตุที่เป็นแบบนั้น นั่นก็เพราะอาจารย์ที่ปรึกษาของหยิงเฟยคือศาสตราจารย์ฟลินน์ยังไงล่ะ” แซมกล่าวขึ้นมาเบา ๆ
“ศาสตราจารย์ฟลินน์!?”
“อดีตผู้อำนวยการศูนย์วิจัย 4 คนนั้นน่ะเหรอ?”
“ศาสตราจารย์ฟลินน์คือคนที่ขับไล่ผู้อำนวยการไคเซอร์ให้ลงมาทำงานในศูนย์วิจัย 137 ใช่ไหม?”
“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเขาถึงถูกส่งมาหาพวกเรา ผู้อำนวยการไคเซอร์น่าจะเกลียดศาสตราจารย์ฟลินน์อยู่ภายในใจ เมื่อลูกศิษย์ของศาสตราจารย์ฟลินน์ปรากฏตัวขึ้นมา เขาจึงแอบแก้แค้นผ่านทางหยิงเฟยสินะ” ฮอฟกล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
“ศาสตราจารย์ฟลินน์คงจะนึกไม่ถึงว่าวันนี้คนที่เขาเคยไล่ออกจะกลับมาโยนความแค้นทั้งหมดใส่มาที่ลูกศิษย์ของเขา” แซมกล่าว
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ได้ตระหนักแล้วว่าแท้ที่จริงแล้วเขากำลังตกเป็นเหยื่อของเรื่องการเมืองภายในบริษัทขนาดใหญ่
ชายหนุ่มถอดหูฟังออกจากหูขวาและในระหว่างที่เขาเดินไปตามทาง สมองของเขาก็กำลังคิดเรื่องต่าง ๆ อย่างรวดเร็ว
เรื่องต่าง ๆ ดูเหมือนจะบังเอิญมากจนเกินไป คล้ายกับว่าตัวตนใหม่ที่เขาได้รับจะถูกชักนำให้เขาได้มาเจอปัญหาในวันนี้
“ฝีมือบรรพบุรุษงั้นเหรอ?” เซี่ยเฟยแอบคิดภายในใจ
“หยิงเฟยจากแผนกซ่อมบำรุงใช่ไหม? สินค้าที่คุณสั่งได้แล้วครับ” จู่ ๆ ชายวัยกลางคนผู้สวมชุดเครื่องแบบแผนกขนส่งก็ส่งเสียงร้องตะโกนเรียกชายหนุ่ม
อย่างไรก็ตามคำพูดนี้มันก็ทำให้เขาสะดุ้งตกใจขึ้นมาในทันที เพราะเขาเพิ่งมาทำงานและเขาไม่เคยสั่งสินค้าอะไรมาก่อนเลย
***************
เรื่องทุกอย่างน่าสงสัยจริง ๆ หรือว่าจะเป็นฝีมือบรรพบุรุษสกายวิงจริง ๆ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 357
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น