ตอนที่ 866 สถานการณ์อันตราย

-A A +A

ตอนที่ 866 สถานการณ์อันตราย

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 866 สถานการณ์อันตราย 

“ฟังนะนังตัวเหม็น เซียวรั่วหยูคือคนของฉัน!!” เซี่ยเฟยกล่าวออกไปอย่างเย่อหยิ่ง ก่อนที่เขาจะชี้หน้าใส่เอเลแกนซ์อย่างไม่เกรงกลัว

ทันใดนั้นทุกคนทั้งอาคารต่างก็อ้าปากค้างจนทำให้สภาพแวดล้อมตกอยู่ในความเงียบสงัดจนน่าขนลุก

อย่าลืมว่าเอเลแกนซ์คือตัวแทนของตระกูลสโนว์ดริฟท์ คำพูดของเซี่ยเฟยจึงไม่ใช่การดูถูกหญิงชราคนนี้เพียงเท่านั้น แต่มันคือการดูถูกตระกูลสโนว์ดริฟท์ทั้งตระกูล

“เฮ้! สหายใจเย็นก่อน เท่าที่ฉันได้ยินมาชีวิตการเป็นอยู่ของเธอในตระกูลสโนว์ดริฟท์ก็ไม่ค่อยจะดีนัก สิ่งที่นายทำลงไปอาจจะทำให้เธอลำบากมากกว่านี้” หลางซุนเย่พยายามคว้าร่างสหายเอาไว้

เซี่ยเฟยเหลือบสายตามองเซียวรั่วหยูด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นเขาก็พยักหน้าอย่างเงียบ ๆ ถึงแม้ว่าการเคลื่อนไหวนี้จะเป็นการเคลื่อนไหวเพียงแค่เล็กน้อย แต่มันกลับแสดงออกถึงความหนักแน่นอย่างที่ใครก็ไม่สามารถจะเลียนแบบได้ง่าย ๆ

สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็มากพอที่จะอธิบายเหตุการณ์ทุกอย่างแล้ว เพราะถ้าหากว่าตระกูลสโนว์ดริฟท์ใส่ใจในตัวของเซียวรั่วหยู พวกเธอย่อมไม่มีทางปล่อยให้หญิงสาวไปเผชิญหน้ากับจักรวรรดิกฎที่มีพลังห่างชั้นกับหญิงสาวมากอย่างแน่นอน และถึงแม้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้มันจะเป็นเพียงแค่การประลอง แต่อาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นมันก็คือของจริง

สกายวิงเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในการปกป้องสมาชิกของตระกูล แต่ตระกูลสโนว์ดริฟท์ไม่ได้ให้ความสำคัญกับสมาชิกตัวน้อย ๆ ภายในตระกูลเลยแม้แต่นิดเดียว เซี่ยเฟยจึงตัดสินใจที่จะพาเซียวรั่วหยูออกมาจากตระกูลสโนว์ดริฟท์ในวันนี้ แม้ว่าการทำแบบนั้นมันจะทำให้เขาต้องกลายเป็นศัตรูของทุกคนในสถานที่แห่งนี้ก็ตาม

เมื่อตัดสินใจได้เรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็เผยรอยยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์พร้อมกับปลดปล่อยจิตอสูรออกมาอย่างเต็มกำลัง

“แกเป็นใครถึงกล้ามาพูดแบบนี้กับฉัน! คนอย่างแกมันก็แค่คนชั้นต่ำ รีบพา เซี่ยบูหยุนมาเดี๋ยวนี้!! ฉันอยากจะรู้จริง ๆ ว่ามันจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง?!” เอเลแกนซ์กัดฟันพูดอย่างเย็นชา

เอเลแกนซ์เป็นคนประเภทยึดติดกับชนชั้นอย่างชัดเจน เธอจึงถือว่าตัวเองคือผู้นำตระกูลสโนว์ดริฟท์ ขณะที่เซี่ยเฟยเป็นเพียงสมาชิกธรรมดาของตระกูลสกายวิง ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่มีสิทธิ์แม้กระทั่งจะมาเอ่ยปากพูดคุยกับเธอโดยตรง

“เซี่ยเฟย ฉันชื่นชมในพรสวรรค์ของนายนะ แต่ผู้หญิงคนนี้เป็นสมาชิกของตระกูลสโนว์ดริฟท์ เธอไม่ใช่คนที่นายจะพาไปด้วยง่าย ๆ หรือว่านายอยากจะให้มันเกิดสงครามขึ้นมาอีกครั้ง?” เฝิงคูชานกล่าวขึ้นมาอย่างเย็นชา

ดังสำนวนโบราณที่เคยว่าไว้ว่าขิงแก่ย่อมมีรสเผ็ดร้อน คำพูดของเฝิงคูชานจึงพุ่งเข้ากระทบจุดอ่อนของเซี่ยเฟยโดยตรง

สาเหตุที่สกายวิงต้องทำสงครามในครั้งล่าสุดนั่นก็เพราะตัวเขาเอง และเหตุการณ์นี้มันก็ทำให้ชายหนุ่มทั้งรู้สึกขอบคุณและตั้งใจที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาให้มากที่สุดในเวลาเดียวกัน 

ท้ายที่สุดในตอนนี้ตัวตนของเขาก็ไม่ใช่ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว การตัดสินใจที่ผิดพลาดของเขามันก็จะทำให้สมาชิกสกายวิงทั้งตระกูลต้องมีส่วนเข้ามารับผิดชอบพร้อมกับเขาด้วย

หากเรื่องนี้เข้าหูถึงตระกูลสกายวิงย่อมสามารถทำลายตระกูลสโนว์ดริฟท์ได้อย่างแน่นอน แต่เรื่องนี้คือเรื่องที่เซี่ยเฟยไม่อยากเห็นมากที่สุด เพราะเขาไม่อยากให้เรื่องของตัวเองต้องไปพัวพันกับตระกูล

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ” อย่างไรก็ตามจู่ ๆ เซี่ยเฟยก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่คาดคิด ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือไปแตะแหวนมิติและหยิบตราอสูรคลั่งออกมาด้านนอก

“ตราอสูรคลั่ง!”

“ไม่นะ! มันกำลังจะมีสงครามอีกแล้วงั้นเหรอ?!”

ผู้ชมทุกคนสะดุ้งขึ้นมาอย่างตกใจ แม้แต่เฝิงคูชานกับเอเลแกนซ์ก็กำลังเกร็งจนตัวชาด้วยเช่นกัน ในสายตาของทุกคนตราอสูรคลั่งเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่มันถูกเปิดใช้งาน มันก็จะมีสงครามใหญ่ตามมาในเวลาเพียงแค่ไม่นาน

ตระกูลสกายวิงคือตระกูลของคนบ้าและมันก็ไม่มีอะไรในจักรวาลนี้ที่คนบ้าทำไม่ได้!!

อย่างไรก็ตามสิ่งที่เซี่ยเฟยทำกลับกลายเป็นการส่งมอบตราอสูรคลั่งให้กับหลางซุนเย่ แต่สหายหนุ่มของเขาคนนี้กลับรับตราอสูรครั่งมาด้วยร่างกายที่สั่นเทา ราวกับว่าเขากลัวจะทำให้ตราประจำตระกูลสกายวิงได้รับความเสียหาย

ทุกคนต่างก็รู้สึกสับสนเพราะไม่รู้ว่าเซี่ยเฟยกำลังพยายามจะทำอะไร แต่โอโร่ภายในแหวนมิติรู้ดีว่าคนบ้าคนนี้กำลังตัดสินใจที่จะเคลื่อนไหวอีกครั้ง และมันยังเป็นการตัดสินใจที่มีความบ้าคลั่งมากขึ้นกว่าเดิม

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปฉันขอลาออกจากตระกูล การกระทำใด ๆ ของฉันจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสกายวิงอีกต่อไป!!” เซี่ยเฟยประกาศด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

ในที่สุดทุกคนก็เข้าใจแล้วว่าเซี่ยเฟยต้องการที่จะจัดการกับปัญหาในครั้งนี้เพียงลำพัง ไม่ต้องการให้ปัญหาของตัวเองส่งผลกระทบกับตระกูล

การเคลื่อนไหวของชายหนุ่มทำให้หยดน้ำตาไหลออกมาจากใบหน้าของเซียวรั่วหยูเป็นสาย เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เซี่ยเฟยกำลังทำอยู่ในขณะนี้นั่นก็คือการลาออกจากตระกูลเพราะตัวเธอเอง

มิตรภาพในครั้งนี้หนักหนายิ่งกว่าการแบกแผ่นฟ้า แล้วมันก็ทำให้แม้แต่จักจั่นขาวที่ไร้อารมณ์มาโดยตลอดก็กำลังเกิดความรู้สึกแปลก ๆ ภายในใจ

ไม่เพียงแต่จักจั่นขาวเท่านั้นที่กำลังมีปฏิกิริยา เพราะหญิงสาวทุกคนต่างก็ได้รับผลกระทบจากการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มด้วยเช่นกัน ทันใดนั้นภาพของเซี่ยเฟยในหัวใจของผู้หญิงก็ถูกยกระดับขึ้นมาสูงกว่าผู้ชายเกือบทุก ๆ คนภายในชีวิตของพวกเธอ

ห่างออกไปไม่ไกลมู่ฟู่ผิงก็กำลังมองดูเหตุการณ์นี้ด้วยตัวเองเช่นเดียวกัน และเนื่องมาจากวันนี้เป็นวันรวมตัวของกลุ่มมังกรฟ้า มู่ฟู่ผิงจึงเดินทางมาที่นี่พร้อมกับปู่ของเธอโดยไม่มีข้อยกเว้น

มู่ฉีหยุนไม่ค่อยชอบเซี่ยเฟยมากนัก เมื่อเขาได้รับข่าวว่าเซี่ยเฟยจะเดินทางมารายงานตัวที่กลุ่มมังกรฟ้าในวันนี้เช่นกัน เขาจึงเดินทางมาพร้อมกับหลานสาวสุดที่รักของเขาด้วย เพราะเขากลัวว่ามู่ฟู่ผิงจะมาเจอกับเซี่ยเฟยเพียงลำพัง เขาจึงมาทำหน้าที่เป็นไม้กันหมาไม่ให้หลานสาวของเขาเข้าไปพัวพันกับชายหนุ่มมากเกินไป

ในปัจจุบันมู่ฉีหยุนทำได้เพียงตบไหล่หลานสาวเบา ๆ โดยไม่พูดอะไร ซึ่งในที่สุดเขาก็ตระหนักถึงความผิดพลาดของตัวเองที่เคยคิดว่าเซี่ยเฟยอาจจะไม่เหมาะสมกับหลานสาวของเขา

เพื่อไม่ให้เรื่องนี้ส่งผลกระทบกับตระกูล เซี่ยเฟยกลับเลือกที่จะเผชิญหน้ากับตระกูลชั้นยอดอย่างตระกูลสโนว์ดริฟท์เพียงลำพัง ทั้ง ๆ ที่คนทั่วทั้งดินแดนกฎต่างก็รู้สึกหวาดกลัวสกายวิง แต่เซี่ยเฟยกลับละทิ้งทุกอย่างเพื่อปกป้องคนของตัวเอง

มู่ฉีหยุนยังคิดอีกว่าสามีในอนาคตของมู่ฟู่ผิงจะต้องเป็นอัจฉริยะที่มีพลังอยู่ในระดับจักรพรรดิกฎเป็นอย่างน้อย เพื่อที่เขาคนนั้นจะสามารถเดินทางขึ้นสู่เผ่าเทพได้อย่างรวดเร็ว และนำพาหลานสาวของเขาขึ้นไปอาศัยอยู่ในเผ่าเทพด้วย

แม้ว่าตัวเขาจะมีคุณสมบัติมากพอขึ้นสู่เผ่าเทพแล้ว แต่เขาก็ยังไม่สามารถทำใจอยู่ห่างจากหลานสาวสุดที่รักของตัวเองได้ และนี่ก็คือเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงยังคงอยู่ดูแลตระกูลวิทเทอร์มาจนถึงทุกวันนี้

อย่างไรก็ตามสิ่งหนึ่งที่เขาคิดผิดไปจากเดิมอย่างมหันต์ก็คือ เซี่ยเฟยไม่เพียงแต่จะเป็นอัจฉริยะเท่านั้น แต่ชายหนุ่มยังเป็นอัจฉริยะที่แม้แต่อัจฉริยะก็ยังต้องรู้สึกอิจฉาอีกด้วย

ผู้ที่พัฒนากลายเป็นจักรพรรดิกฎได้เมื่อเช้ากลับไม่ใช่เซี่ยซิง, เซี่ยหยูหรือเซี่ยโม่เหรินแบบที่เขาคิด แต่มันกลับเป็นเซี่ยเฟยผู้ซึ่งเขาคิดไม่ถึงมากที่สุด

แต่ถึงกระนั้นชายหนุ่มก็เลือกที่จะละทิ้งทุกอย่างอย่างเด็ดเดี่ยว เพื่อปกป้องเซียวรั่วหยูผู้ซึ่งเป็นหญิงสาวที่แทบจะไม่มีสถานะทางสังคม เพราะเซี่ยเฟยเคยสัญญากับตัวเองว่าทั้งชีวิตนี้เขาจะปกป้องผู้หญิง 2 คนคือแอวริลกับเซียวรั่วหยู ดังนั้นเขาก็พร้อมจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องหญิงสาวทั้งสองด้วยชีวิตของตัวเอง

เซี่ยเฟยไม่เคยสัญญาเรื่องอะไรง่าย ๆ แต่ตราบใดก็ตามที่เขาสัญญาอะไรบางอย่างแล้ว เขาก็จะรักษาสัญญาของตัวเองไว้แม้ว่ามันจะหมายถึงความตายของเขาก็ตาม และนี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงกล้าละทิ้งสกายวิงเพื่อปกป้องเซียวรั่วหยูตามลำพัง

มู่ฉีหยุนทำได้เพียงแต่ถอนหายใจ เพราะเงื่อนไขทั้งหมดของเซี่ยเฟยตรงตามหลานเขยที่เขาอยากได้ทุกประการ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกเสียดายคือชายหนุ่มคนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้รู้สึกสนใจหลานสาวของเขาเลย

เหล่าบรรดาสาว ๆ ต่างก็รู้สึกหลงใหลกับฉากที่เหมือนกับอยู่ในความฝันนี้ และแอบชื่นชมเซี่ยเฟยอย่างลับ ๆ ที่กล้าออกมาปกป้องผู้หญิงของตัวเอง แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเอเลแกนซ์ที่มีอำนาจในสังคมก็ตาม

เอเลแกนซ์ไม่เคยมีความรักในชีวิตแม้แต่ครั้งเดียว ในสายตาของเธอผู้ชายทุกคนต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นตัวตนที่น่ารังเกียจ ดังนั้นถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะพยายามออกตัวมาปกป้องเซียวรั่วหยู แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกประทับใจในภาพเหตุการณ์ตรงหน้าเลยแม้แต่นิดเดียว

“ถ้าแกยังอยู่ในสกายวิงฉันก็อาจจะต้องระวังตัวเอาไว้บ้าง แต่ในเมื่อแกออกจากสกายวิงแล้วแกก็ไม่มีสิทธิ์มาเจรจาอะไรทั้งนั้น!!” เอเลแกนซ์กล่าวด้วยน้ำเสียงอันเยาะเย้ย

‘โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว! ถึงว่าทำไมยายป้านี่ถึงขึ้นคาน’ หลางซุนเย่แอบตะโกนด่าภายในใจ

“ทำไมฉันจะไม่มีสิทธิ์ปกป้องคนของฉัน แล้วถ้าฉันจะฆ่าแก คนชั้นต่ำอย่างฉันพอจะมีสิทธิ์ไหม?” เซี่ยเฟยตะโกนขึ้นมาเสียงดัง

“ฮ่า ๆ ๆ ๆ คนชั้นต่ำแบบแกจะทำอะไรฉันได้ และถึงแม้ว่าแกจะฆ่าฉันได้แต่แกก็จะกลายเป็นศัตรูกับคนทั่วทั้งดินแดนกฎ อย่าลืมนะว่าแกประกาศออกจากสกายวิงแล้ว หลังจากนี้แกจะเอาอะไรมาคุ้มหัวตัวแกเอง” เอเลแกนซ์หัวเราะขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัว

“หากใครมาขวางทางฉัน ตาย!” เซี่ยเฟยประกาศเจตนารมย์ออกมาอย่างเรียบง่ายว่าถ้าหากใครกล้าเข้ามาขวางทางเขา เขาก็จะถือว่าคนคนนั้นคือศัตรู

ประโยคของชายหนุ่มเพียงประโยคเดียวบีบบังคับให้ฝูงชนปลีกตัวออกไปในทันที ปล่อยให้เซี่ยเฟยกับเซียวรั่วหยูค่อย ๆ เดินออกไปจากอาคารอย่างสงบ

การกระทำของเซี่ยเฟยทำให้สีหน้าของเอเลแกนซ์บิดเบี้ยวขึ้นมาด้วยความโกรธ ขณะที่สีหน้าของเฝิงคูชานก็กำลังโกรธไม่ต่างกัน เพราะการกระทำของชายหนุ่มเป็นการไม่ให้เกียรติกลุ่มมังกรฟ้าสักนิดเลย

“เซี่ยเฟย ถ้านายยืนยันจะทำแบบนี้ มันหมายความว่านายกำลังจะกลายเป็นศัตรูกับคนทั่วทั้งดินแดนกฎนะ” เฝิงคูชานตะโกนออกไปเสียงดัง

“ฉันไม่สน!” เซี่ยเฟยตอบอย่างตรงไปตรงมา

ในที่สุดเฝิงคูชาน, เอเลแกนซ์และซาเลมก็แอบพยักหน้าให้กัน ก่อนที่ทั้งสามจะเริ่มลงมืออย่างพร้อมเพรียง

เฝิงคูชานเป็นหัวหน้ากลุ่มมังกรฟ้าที่มีพลังอยู่ในระดับจักรพรรดิกฎขั้นที่ 7 ขณะที่เอเลแกนซ์คือผู้นำตระกูลสโนว์ดริฟท์ พลังของเธอจึงมีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับจักรพรรดิกฎขั้นที่ 5 ทางด้านซาเลมก็มีความแข็งแกร่งไม่แพ้กัน เพราะในฐานะที่เขาเป็นผู้พิทักษ์มังกรฟ้าที่มีความแข็งแกร่งเป็นอันดับ 2 พลังของเขาจึงอยู่ในระดับจักรพรรดิกฎขั้นที่ 5 ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกันกับเอเลแกนซ์

สถานการณ์กำลังวิกฤต เพราะเซี่ยเฟยกำลังถูกจู่โจมด้วยจักรพรรดิกฎผู้แข็งแกร่งพร้อม ๆ กันถึง 3 คน!

ณ สวนสายลม

ปัจจุบันเซี่ยจงไห่กำลังถูกดึงตัวออกมาจากห้องฝึกโดยเซี่ยอู๋เย่

“คุณตาจะเอาผมออกมาทำไมเนี่ย?! ผมกำลังตั้งใจฝึกอยู่แท้ ๆ” เซี่ยจงไห่กล่าวด้วยความไม่พอใจ

หลังจากเซี่ยเฟยกลายเป็นจักรพรรดิกฎ เซี่ยจงไห่ก็พยายามฝึกฝนอย่างบ้าคลั่ง เพราะเขาไม่ต้องการจะไล่ตามชายหนุ่มคนนี้มากเกินไป

“พี่ชายของคุณมาหา” เซี่ยอู๋เย่กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“เซี่ยกวงไห่มางั้นเหรอ?!” เซี่ยจงไห่อุทานขึ้นมาด้วยความตกใจเมื่อได้พบว่าพี่ชายของเขากลับมาหา

นักรบบางคนก็มักจะมีพรสวรรค์อันน่าหวาดกลัว ยกตัวอย่างเช่น เซี่ยเฟยหรือเซี่ยกวงไห่ผู้ซึ่งเป็นพี่ชายของเซี่ยจงไห่นี่เอง เมื่อพี่ชายได้ขึ้นสู่เผ่าเทพเซี่ยจงไห่ก็ไม่ถูกนำไปเปรียบเทียบกับพี่ชายของตัวเองอีกต่อไป แต่เมื่อเขาได้ยินว่าพี่ชายของตัวเองกลับมา มันก็ทำให้เขาตัวสั่นขึ้นมาด้วยความหวาดกลัว

“พี่จะกลับมาทำไม?” เซี่ยจงไห่เริ่มทักทายพี่ชายพร้อมกับขมวดคิ้ว

ผัวะ!

เซี่ยกวงไห่กระโดดขึ้นไปบนท้องฟ้าก่อนที่เขาจะนั่งลงบนหัวของเซี่ยจงไห่โดยตรง

“ที่นั่งตรงนั้นมันเจ็บก้น ฉันขอนั่งตรงนี้ก็แล้วกันนะน้องชาย” เซี่ยกวงไห่กล่าว จากนั้นเขาก็เหลือบสายตามองสวนสายลมและถอนหายใจ

“ฉันคิดถึงที่นี่จริง ๆ น่าเสียดายที่คราวนี้ฉันมาได้แค่แป๊บเดียว ช่วยพาฉันไปหาเซี่ยเทียนกับเซี่ยเฟยหน่อย ฉันต้องรีบพาพวกเขากลับไปพร้อมกับฉัน”

“ไปไหน?” เซี่ยจงไห่ถามอย่างสงสัย

“ถามอะไรแปลก ๆ ฉันมาจากเผ่าเทพฉันก็ต้องพาสองคนนั้นไปเผ่าเทพน่ะสิ บรรพบุรุษเรียกตัวพวกเขาทั้งสองคนแล้วทั้ง ๆ ที่เซี่ยบูหยุนยังไม่มีโอกาสขึ้นไปที่เผ่าเทพเลยด้วยซ้ำ” เซี่ยกวงไห่กล่าวพร้อมกับกางแขนออกทั้งสองข้าง

***************

เอาแล้วพี่เฟยจะขึ้นสู่เผ่าเทพ งั้นโอโร่ก็จะได้ตายสมใจแล้วสินะ ว่าแต่เซี่ยกวงไห่นี่รักน้องชายดีจังกระโดดนั่งบนหัวด้วยความคิดถึงเชียว 555

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.