ตอนที่ 846 หนอนด้วงมิติขนาดยักษ์
ตอนที่ 846 หนอนด้วงมิติขนาดยักษ์
เมื่อเซี่ยเฟยก้าวเท้าเข้าสู่ช่องว่างมิติพร้อมกับกองกำลังไลอ้อนฮาร์ท เขาก็ได้พบกับร่างของสัตว์ประหลาดขนาดยักษ์
ต้องบอกว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้มีขนาดความยาวของลำตัวหลายร้อยกิโลเมตร ทั่วทั้งตัวของมันถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยกระดองสีดำหนา บริเวณหัวของมันมีดวงตาจำนวนหลายพันดวง และดวงตาเหล่านั้นก็กำลังจ้องมองมาทางเขาจนทำให้ชายหนุ่มรู้สึกสยดสยอง
“นั่นมันอะไร!!” เซี่ยเฟยอุทานพร้อมกับเบิกตากว้าง
“อะไรกัน ไหนนายเคยบอกว่านายเคยจัดการกับหนอนด้วงมิติ ตอนที่นายเพิ่งเข้ามาในดินแดนกฎไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมตอนนี้นายถึงจำพวกมันไม่ได้แล้วล่ะ?” โอโร่กล่าวพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง
หนอนด้วงมิติ!?
ไอ้ตัวนี้มันคือหนอนด้วงมิติงั้นเหรอ?
สิ่งมีชีวิตตรงหน้าทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกประหลาดใจมาก เพราะหลังจากที่เขาได้พิจารณาสัตว์ตรงหน้าอย่างถี่ถ้วนจริง ๆ เขาก็ได้พบว่ามันมีความคล้ายคลึงกับหนอนด้วงมิติที่เขาเคยจัดการมาก่อน เพียงแต่มันมีขนาดร่างกายที่ใหญ่โตมากจนเกินไป แตกต่างจากหนอนด้วงมิติที่เขาเคยเผชิญหน้าในอดีตอย่างลิบลับ
“จะยาวจะสั้นมันก็คือหนอนด้วงมิตินั่นแหละ นายจะตกใจอะไรขนาดนั้น” โอโร่กล่าวพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง
“พวกเราเผ่ามารมักจะเลี้ยงสิ่งมีชีวิตในช่องว่างมิติเอาไว้ เพราะถ้าหากว่ามันมีศัตรูแอบบุกเข้ามาทางช่องว่างมิติ พวกมันก็จะคอยทำหน้าที่สกัดกั้นและเตือนภัยให้พวกเราทราบถึงอันตรายล่วงหน้า” โอโร่อธิบายเพิ่มเติม
“นอกจากเรื่องนั้นพวกคุณคงจะใช้หนอนด้วงมิติในการบุกไปสร้างปัญหาให้กับศัตรูอย่างลับ ๆ ได้ด้วยสินะครับ” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเม้มริมฝีปาก
“ใช่ นั่นก็เป็นหนึ่งในหน้าที่ของหนอนด้วงมิติด้วย” โอโร่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
แม้ว่าหนอนด้วงมิติตรงหน้าจะมีขนาดใหญ่ แต่เซี่ยเฟยก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวมันเลยแม้แต่น้อย เพราะในตอนนี้เขามีพลังมากพอที่จะต่อต้านจักรพรรดิกฎได้ด้วยตัวเองแล้ว เขาจึงไม่จำเป็นจะต้องเกรงกลัวมันเหมือนกับในอดีต
อย่างไรก็ตามขนอุยก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยถูกกับหนอนด้วงมิติมากนัก มันจึงส่งเสียงขู่ร้องออกมาเบา ๆ ตลอดเวลา
อสูรน้อยตัวนี้ยังคงจดจำความแค้นในอดีตได้เป็นอย่างดี ครั้งหนึ่งมันต้องพยายามช่วยเซี่ยเฟยต่อสู้กับหนอนด้วงมิติอย่างยากลำบาก เมื่อมันได้เห็นสัตว์ประหลาดที่มีหน้าตาเหมือนกับศัตรู ดวงตาน้อย ๆ ของมันจึงถูกเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำอย่างรวดเร็ว
เซี่ยเฟยต้องรีบเข้ามาปลอบประโลมขนอุยเอาไว้ แล้วบอกมันซ้ำ ๆ ว่าไม่เป็นไรเพื่อให้มันสงบสติอารมณ์ของตัวเองลง
หนอนด้วงมิติตรงหน้าไม่ใช่ศัตรูของพวกเขาอีกต่อไป และมันยังจะทำหน้าที่มาเป็นผู้ช่วยของพวกเขาด้วย เซี่ยเฟยจึงไม่ต้องการให้ขนอุยออกมาสร้างปัญหาให้กับเจ้าสัตว์ประหลาดร่างยักษ์
ฮีธฟิลด์เริ่มโบกมืออีกครั้ง เหล่าบรรดานักรบไลอ้อนฮาร์ททุกคนจึงกระโดดขึ้นไปบนหลังของหนอนด้วงมิติ
เมื่อผู้โดยสารทุกคนขึ้นมานั่งบนหลังของมันแล้ว หนอนด้วงมิติก็เริ่มหดตัวลงก่อนที่มันจะพุ่งตัวออกไป ซึ่งการเคลื่อนไหวครั้งนี้เพียงครั้งเดียวก็สามารถที่จะทำให้ร่างของมันพุ่งออกไปได้ไกลหลายพันกิโลเมตร
“หนอนด้วงมิติตัวนี้เชื่อฟังมากอาจจะเป็นเพราะฮีธฟิลด์เลี้ยงดูมันมานานมากแล้ว เพราะพื้นที่ในช่องว่างมิติก็มีความใกล้เคียงกับสูญญากาศ การใช้หนอนด้วงมิติเป็นยานพาหนะจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด”
“นอกจากนี้ช่องว่างมิติยังเป็นพื้นที่ปิดสนิทที่มีความซับซ้อนมากไม่ต่างไปจากเขาวงกต หากใครไม่คุ้นชินกับพื้นที่ในช่องว่างมิตินี้ เขาคนนั้นก็พร้อมที่จะหลงวนเวียนอยู่ในช่องว่างมิติตลอดไป “
“แต่ในกรณีของหนอนด้วงมิติกลับแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เพราะพวกมันเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีถิ่นกำเนิดเติบโตขึ้นมาในช่องว่างมิติอยู่แล้ว พวกมันจึงรู้จักเส้นทางในช่องว่างมิติเป็นอย่างดี การเดินทางในช่องว่างมิติจึงไม่มีอะไรดีกว่าการใช้งานพวกมันแล้ว” โอโร่อธิบาย
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ท้ายที่สุดเมื่อเข้ามาในช่องว่างมิติทั้งเข็มทิศและเรดาร์ต่างก็ล้วนแล้วแต่ใช้งานไม่ได้เหมือนกันหมด การพยายามใช้สิ่งมีชีวิตในช่องว่างมิติอย่างหนอนด้วงมิติเป็นยานพาหนะ จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดอย่างที่โอโร่ได้บอกเอาไว้จริง ๆ
ในความเป็นจริงชายหนุ่มไม่เคยคิดมากเรื่องเผ่าพันธุ์หรือศาสนาเลย เพราะตราบใดที่อีกฝ่ายไม่ใช่ศัตรูเซี่ยเฟยก็พร้อมที่จะผูกมิตรกับทุกคน ไม่เหมือนกับขนอุยที่เมื่อมันได้ต่อสู้กับหนอนด้วงมิติมาแล้วหนึ่งครั้ง มันก็จะยึดมั่นในความคิดว่าหนอนด้วงมิติทุกตัวคือศัตรู
อย่างไรก็ตามนิสัยยึดมั่นของขนอุยก็มีข้อดีเหมือนกัน เพราะตั้งแต่ที่มันยอมรับเซี่ยเฟยเป็นเจ้านาย มันก็เชื่อมั่นมาโดยตลอดว่าทุกสิ่งที่เจ้านายของมันทำคือเรื่องที่ถูกต้อง เจ้าตัวน้อยจึงไม่เคยคัดค้านแม้ว่ามันจะต้องเสี่ยงชีวิตมาแล้วเป็นจำนวนนับครั้งไม่ถ้วนก็ตาม
ดังนั้นถึงแม้ในช่วงเวลาปกติมันจะค่อนข้างเจ้าเล่ห์อยู่เล็กน้อย แต่ถ้าหากเซี่ยเฟยสั่งให้มันสู้ตายมันก็พร้อมที่จะตายไปกับเจ้านายของมันเช่นกัน
หนอนด้วงมิติเคลื่อนที่ราวกับยานรบขนาดยักษ์ที่นำกองกำลังนักรบชั้นยอดมุ่งหน้าตรงไปในช่องว่างมิติอย่างรวดเร็ว
“ตอนนี้คุณควรจะบอกผมมาได้แล้วว่าแซมสันกับซีเครดสปริงมันคืออะไรกันแน่?” เซี่ยเฟยถาม
บรรยากาศจากนักรบบริเวณรอบ ๆ ตัวของเขาค่อย ๆ ทวีความตึงเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ มันจึงทำให้ชายหนุ่มสามารถสัมผัสได้อย่างรวดเร็วว่าสงครามใกล้จะมาถึงแล้ว
ดังคำกล่าวโบราณที่เคยว่ากันว่ารู้เขารู้เรารบ 100 ครั้งชนะ 100 ครั้ง ดังนั้นเซี่ยเฟยจึงอยากที่จะทำความรู้จักศัตรูว่าอีกฝ่ายคือใคร แล้วทำไมเขาถึงมาอยู่อาศัยในช่องว่างมิติอันมืดมิดแห่งนี้
“ในดินแดนกฎมีสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญามากมาย และมันก็เป็นสังคมที่คนแข็งแกร่งได้มารวมตัวกัน แต่ในทุก ๆ สังคมมันย่อมมีการชิงดีชิงเด่นกันอยู่เสมอ หลังจากที่ใครบางคนถูกกำจัดออกจากดินแดนกฎ พวกเขาก็อาจจะเลือกหนีไปยังดินแดนเนรเทศหรืออาศัยอยู่ในช่องว่างมิติ “
“ซีเครดสปริงที่เป็นจุดหมายปลายทางของเราในครั้งนี้คือค่ายหลักของพวกแซมสัน และพวกมันก็คือกลุ่มคนที่เคยถูกขับไล่ออกจากดินแดนกฎในอดีต” โอโร่อธิบาย
ถูกขับไล่จากดินแดนกฎแล้วหนีมาอาศัยอยู่ในช่องว่างมิติเนี่ยนะ?!
ถึงแม้แดนเนรเทศจะเป็นดินแดนที่กันดาร แต่สภาพแวดล้อมของแดนเนรเทศที่เซี่ยเฟยเคยเห็นมันก็ดีกว่าช่องว่างมิติแห่งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
“ความจริงแล้วภายในช่องว่างมิติก็มีพื้นที่ที่พอจะอยู่อาศัยได้อยู่เหมือนกัน หลังจากที่นายไปถึงที่นั่นแล้วเดี๋ยวนายก็จะเข้าใจเอง” โอโร่กล่าวด้วยรอยยิ้มหลังจากสังเกตเห็นความสงสัยในแววตาของชายหนุ่ม
“แล้วแซมสันล่ะคือใคร?” เซี่ยเฟยถามอีกครั้ง
“แซมสันเป็นปราชญ์ที่ครั้งหนึ่งเคยมีความรู้ความสามารถมากที่สุดในเผ่ามาร แต่วันหนึ่งเขาก็ถูกเนรเทศเนื่องมาจากเขารู้เรื่องต่าง ๆ มากจนเกินไป จนทำให้เขาต้องหนีออกมาอาศัยอยู่ที่ซีเครดสปริงตั้งแต่สมัยเมื่อนานมาแล้ว”
“พูดตามตรงว่าฉันก็ไม่ค่อยเชื่อมั่นในบันทึกประวัติศาสตร์ที่ถูกเก็บไว้ในเผ่ามารด้วยเหมือนกัน ดังนั้นฉันจึงอยากจะให้นายไปเจอกับแซมสัน” โอโร่กล่าว
“ถึงยังไงประวัติศาสตร์ก็ถูกเขียนขึ้นจากผู้คนและผู้คนจากทั้งสองเผ่าสูงสุดต่างก็ล้วนแล้วแต่ต้องเข้าข้างเผ่าพันธุ์ของตัวเองเหมือนกัน แต่แซมสันไม่ใช่คนของทั้งสองเผ่าพันธุ์นั้นอีกต่อไป หากถามหาความจริงการสอบถามกับเขาน่าจะได้คำตอบที่พวกเราต้องการมากที่สุด” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“ดูเหมือนว่าคุณจะหลงใหลประตูจักรวาลมากเลยนะ ทำไมคุณถึงไม่เข้าร่วมกับกลุ่มผู้พิทักษ์หรือกลุ่มกบฏไปเลยล่ะ? ถึงตอนนั้นคุณก็จะได้รู้ความลับของประตูจักรวาลโดยไม่ต้องเสียเวลามาสืบหาเองแบบนี้” เซี่ยเฟยกล่าวถาม
“นายคิดว่าทุกคนมีอิสระเหมือนกับคนในตระกูลของนายหรือยังไง? อย่าลืมนะว่าฉันคือจักรพรรดิแห่งเผ่าไลอ้อนฮาร์ท หากฉันละทิ้งเผ่าพันธุ์มันก็ไม่ต่างไปจากการที่ฉันกลายเป็นคนทรยศ” โอโร่กล่าวขึ้นมาอย่างไม่ค่อยพอใจ
เมื่อได้รับคำตอบเซี่ยเฟยก็ตระหนักว่าจอมมารคนนี้ต้องแบกรับภาระเอาไว้อย่างมากมาย มันจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่โอโร่จะต้องระวังทุก ๆ การเคลื่อนไหว เพราะถ้าหากว่าเขาเคลื่อนไหวผิดพลาดอะไรมันก็อาจจะส่งผลกระทบต่อทั้งเผ่าพันธุ์
ดังนั้นมันจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงยอมถูกกักขังมากกว่าทำให้เผ่าพันธุ์ทั้งเผ่าพันธุ์ต้องเผชิญหน้ากับอันตราย และเมื่อพิจารณาจากลักษณะนิสัย มันก็ต้องบอกว่าโอโร่เป็นคนที่มีความรับผิดชอบสูงมากคนหนึ่งเลยทีเดียว
ชายหนุ่มสะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านทั้งหมดทิ้งไป และการที่โอโร่บอกว่าแซมสันอาจจะช่วยให้เขาทำความเข้าใจเรื่องประตูจักรวาลได้ เขาจึงเฝ้ารอการเดินทางไปจนถึงเป้าหมายอย่างใจจดใจจ่อ
บรรยากาศบริเวณโดยรอบเริ่มตึงเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่ขยะภายในช่องว่างมิติก็เริ่มลดน้อยลงเช่นเดียวกัน
หนอนด้วงมิติเริ่มชะลอความเร็วและเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง ขณะเดียวกันถึงแม้นักรบไลอ้อนฮาร์ททุกคนจะสวมหน้ากาก แต่เซี่ยเฟยก็สามารถบอกได้เลยว่าทุกคนเตรียมพร้อมที่จะออกรบแล้ว
ทันใดนั้นมันก็มีแสงสีแดงปรากฏขึ้นท่ามกลางความมืด ก่อนที่แสงนั้นจะรีบถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว แต่ในระหว่างที่ฮีธฟิลด์กำลังจะลงมือสังหารแสงสีแดงนั้น เซี่ยเฟยก็ยกมือขึ้นมาห้ามปรามเขาเอาไว้เสียก่อน
“มันเป็นสายลับของซีเครดสปริง ปล่อยให้เขากลับไปรายงานคนของเขาเถอะ แผนการของเราคือคุณจะต้องพาผมไปส่งที่ทางเข้าซีเครดสปริง จากนั้นผมขอรบกวนให้พวกคุณพยายามหลอกล่อทหารของซีเครดสปริงออกมาแล้วผมจะบุกเข้าไปด้านในเพียงลำพัง” เซี่ยเฟยบอกฮีธฟิลด์ตามคำแนะนำของโอโร่
“คุณไม่ได้อยากให้พวกเราตามไปด้วยงั้นเหรอ?” ฮีธฟิลด์ถามด้วยความประหลาดใจ
“ไม่เป็นไรครับ ยิ่งมีคนเยอะการเคลื่อนไหวมันก็จะยิ่งยากลำบาก ทุกคนแค่รออยู่ด้านนอกก็พอส่วนเรื่องที่เหลือเดี๋ยวผมเป็นคนจัดการเอง” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
ฮีธฟิลด์พยักหน้ารับอย่างหนักแน่น เพราะไม่ว่ายังไงเซี่ยเฟยก็คือตัวแทนจักรพรรดิไลอ้อนฮาร์ท ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยเห็นด้วยแต่เขาก็ไม่สามารถคัดค้านคำสั่งของชายหนุ่มได้
อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่เคยคาดคิดว่าเซี่ยเฟยจะบุกเข้าไปภายในซีเครดสปริงคนเดียว เพราะด้วยกองกำลังที่เขานำมาในคราวนี้ พวกเขาย่อมสามารถเปิดเส้นทางให้กับชายหนุ่มได้อย่างแน่นอน
10 นาทีต่อมาหนอนด้วงมิติกลุ่มใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้นมาท่ามกลางความมืดมิด แต่ถึงแม้ว่าพวกมันจะมีขนาดลำตัวที่ใหญ่มาก แต่มันก็ไม่มีหนอนด้วงมิติตัวไหนที่มีขนาดลำตัวยาวหลายร้อยกิโลเมตรเหมือนกับหนอนด้วงมิติของฮีธฟิลด์เลย เพราะแม้แต่หนอนด้วงมิติที่มีขนาดลำตัวยาวที่สุดก็มีขนาดลำตัวยาวเพียงแค่ประมาณ 20 กิโลเมตรเท่านั้น
จู่ ๆ เซี่ยเฟยก็สะดุ้งขึ้นมาอย่างฉับพลัน เมื่อได้เห็นว่าด้านหลังของกลุ่มหนอนด้วงมิติมีพื้นที่อันแปลกประหลาด
พื้นที่บริเวณนั้นดูคล้ายกับหัวใจ ขณะเดียวกันก็มีเส้นเลือดสีฟ้ากระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด พื้นที่ตรงกลางเป็นพื้นที่อันว่างเปล่าคล้ายกับว่ามันเป็นเส้นทางที่จะนำพาไปยังพื้นที่ที่ไม่รู้จัก
ตึบ ๆ ๆ
เซี่ยเฟยสามารถสัมผัสได้เลยว่าหัวใจอันแปลกประหลาดนั้นกำลังเต้นอยู่อย่างต่อเนื่อง คล้ายกับว่ามันเป็นหัวใจของสิ่งมีชีวิตชนิดใดชนิดหนึ่งจริง ๆ
“ช่องตรงนั้นเชื่อมกับซีเครดสปริง ตอนนี้นายควรซ่อนตัวไว้และใช้ประโยชน์จากความวุ่นวายแทรกตัวเข้าไปในช่องว่างนั้นซะ” โอโร่กล่าว
ในเวลาเดียวกันฮีธฟิลด์ก็ส่งสัญญาณเริ่มต้นการโจมตี หนอนด้วงมิติขนาดยักษ์จึงพุ่งตัวไปข้างหน้าจนก่อให้เกิดการสั่นไหวครั้งใหญ่
เหล่าบรรดานักรบสิงโตดำต่างก็ล้วนแล้วแต่มีความแข็งแกร่งไม่แพ้กัน เพราะในระยะเวลาอันสั้นพวกเขาก็สามารถสังหารหนอนด้วงมิติของศัตรูลงไปได้หลายสิบตัว
พรางจิต!
เซี่ยเฟยพยายามทำตัวกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อม และใช้เศษซากของหนอนด้วงมิติในการอำพรางร่างกาย จากนั้นเขาก็ค่อย ๆ มุ่งหน้าเข้าใกล้ช่องว่างกลางหัวใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
แต่ในตอนนั้นเองเซี่ยเฟยก็สังเกตเห็นวัตถุสีดำขนาดเท่าลูกปิงปองล่องลอยอยู่ในอากาศ เมื่อเขาได้ลองสังเกตมองมันอย่างพิจารณา เขาก็ได้พบว่ามันคือหนอนด้วงมิติทารกที่มีขนาดลำตัวเล็กเป็นอย่างมาก
ดูเหมือนว่ามันเพิ่งจะถือกำเนิดขึ้นมาไม่นานมานี้ แต่กลับได้รับผลกระทบจากสงครามและกำลังจะตายหลังจากนี้อีกไม่นาน ชายหนุ่มจึงยื่นมือออกไปคว้าจับมันเอาไว้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น
***************
หรือพี่เฟยจะเลี้ยงหนอนด้วงมิติไว้สักตัว?
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 446
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น