ตอนที่ 843 ฟิกส์, อาร์คและโถงวีรบุรุษ
ตอนที่ 843 ฟิกส์, อาร์คและโถงวีรบุรุษ
แม้ว่ากลุ่มผู้พิทักษ์จะจากไปแต่เทพขาวกับเทพดำก็ยังคงเฝ้าระวังภัยให้กับเซี่ยเฟย
บทสนทนาเมื่อสักครู่นี้สร้างความตกใจให้กับชายหนุ่มเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ไม่มีเวลาไปคิดพิจารณาสถานการณ์พวกนั้นมากนัก เพราะสิ่งที่เขาจำเป็นจะต้องทำเป็นอันดับแรกคือการทุ่มสมาธิกับการควบคุมพลังงานอันปั่นป่วนภายในสมอง
“นายเชื่อที่พวกมันพูดไหม?” เทพขาวกล่าวถามขณะมองไปยังฟากฟ้าในตำแหน่งที่พวกกลุ่มผู้พิทักษ์เพิ่งบินจากไป
“เชื่อก็บ้าแล้ว นายก็รู้ว่าเมื่อไม่นานมานี้มันเริ่มมีความปั่นป่วนเกิดขึ้นกับประตูจักรวาล อีกไม่นานความจริงก็จะถูกเปิดเผย สิ่งที่พวกเราจำเป็นจะต้องทำก็มีเพียงแค่การรออยู่เฉย ๆ เท่านั้น” เทพดำกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
เทพขาวยักไหล่โดยไม่พูดอะไร จากนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็อยู่นิ่ง ๆ ทำให้บรรยากาศกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
ไม่กี่ชั่วโมงต่อมา
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็สามารถเลื่อนระดับกลายเป็นราชากฎขั้นที่ 7 ได้สำเร็จ ทำให้ภายในอากาศเต็มไปด้วยละอองพลังงานสีขาวสดใส
แต่ในเวลาเพียงแค่ไม่นานละอองพลังงานพวกนั้นก็ถูกเซี่ยเฟยดูดซับกลับเข้าไปไหลเวียนภายในร่างกายของเขาอีกครั้ง เพื่อพยายามควบคุมพลังงานทั้งหมดให้อยู่ในความสงบ
พลังงานของหวู่หยูหมิงมีความปั่นป่วนราวกับหมาป่า โชคดีที่ตอนนี้พลังงานพวกนั้นเหลือไม่เยอะมากแล้ว ชายหนุ่มจึงค่อย ๆ ย่อยพลังงานในส่วนที่เหลืออย่างง่ายดาย
“ยินดีด้วย ฉันไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากที่เราไม่ได้พบกันเพียงแค่ไม่นาน นายจะพัฒนาจนกลายเป็นราชากฎระดับสูงแล้ว ถ้าหากฉันเดาไม่ผิดตอนนี้นายน่าจะมีพลังในระดับราชากฎขั้นที่ 7 แล้วใช่ไหม?” เทพดำกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ใช่ครับ” เซี่ยเฟยตอบกลับเบา ๆ
เทพขาวมองไปยังชายหนุ่มด้วยความประหลาดใจ เพราะศักยภาพในการพัฒนาของเซี่ยเฟยอยู่ในระดับที่เหนือเกินกว่าจินตนาการ ท้ายที่สุดเวลาก็เพิ่งผ่านพ้นไปเพียงแค่ไม่นาน แต่เซี่ยเฟยกลับเลื่อนระดับพลังมาได้หลายระดับแล้วหลังจากครั้งล่าสุดที่พวกเขาได้พบกัน
“คนพวกนั้นคือผู้พิทักษ์งั้นเหรอครับ?” เซี่ยเฟยถาม
เทพดำกำลังจะเอ่ยปากตอบแต่เทพขาวก็แสดงท่าทางขอให้เซี่ยเฟยเปิดแหวนมิติของเขาเสียก่อน ซึ่งมันก็หมายความว่าเขาไม่ต้องการให้โอโร่รับรู้ถึงเรื่องที่พวกเขากำลังจะคุยกัน
“การหาตัวตนของคนที่ซ่อนอยู่ในแหวนมันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอครับ?” เซี่ยเฟยถามอย่างสงสัยขณะที่ปิดแหวนมิติอย่างไม่มีทางเลือก
“ความจริงมันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอก การซ่อนตัวในแหวนมิติถือว่าเป็นวิธีที่ปลอดภัยมากแต่นายสร้างเส้นทางเชื่อมต่อกับเขาเอาไว้ใช่ไหมล่ะ?”
“ยิ่งไปกว่านั้นคนที่ซ่อนตัวอยู่ในแหวนยังทรงพลังมาก นักรบที่พอจะมีความสามารถในการติดตามสัญญาณได้บ้างจึงสัมผัสพลังของเขาได้ผ่านทางเส้นทางเชื่อมต่อที่นายติดตั้งเอาไว้ ทางที่ดีนายควรจะเปิดการเชื่อมต่อเท่าที่จำเป็น มันจะเป็นเรื่องที่ปลอดภัยมากกว่า” เทพดำอธิบายด้วยรอยยิ้ม
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็เข้าใจแล้วว่ามันเป็นเพราะระบบสื่อสารที่เขาเอาไว้ติดต่อกับโอโร่ มันจึงทำให้ตัวตนของจอมมารเฒ่าถูกค้นพบอย่างง่ายดาย แต่คนที่สามารถติดตามสัญญาณนั้นเข้าไปได้ก็ควรจะต้องเป็นนักรบระดับราชันย์ขึ้นไปเท่านั้น
“สรุปแล้วคนพวกนั้นคือผู้พิทักษ์ใช่ไหมครับ?” เซี่ยเฟยกล่าวถามอีกครั้ง
“ใช่ พวกมันคือกลุ่มผู้พิทักษ์ที่คอยดูแลประตูจักรวาล บนเกราะของเจ้าแก่นั่นมีดาวอยู่ 2 ดวงบ่งบอกว่าเขาเป็นผู้พิทักษ์ระดับ 2 ดาว ส่วนอีกสองคนที่เหลือเป็นเพียงผู้พิทักษ์ธรรมดา นอกจากพวกมันแล้วมันก็ยังมีผู้พิทักษ์ระดับสูงขึ้นไปจนถึงระดับ 5 ดาวนู่นเลย”
“ทีมที่พวกเราพบเป็นเพียงแค่ทีมธรรมดาเท่านั้น แต่นายก็ห้ามประมาทเขาเพียงเพราะดาวบนชุดอย่างเด็ดขาด สมาชิกของกลุ่มผู้พิทักษ์ทั้งหมดต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นนักรบระดับสูงของทั้งสองเผ่าพันธุ์ เชื่อฉันเถอะว่าด้วยระดับพลังของนายในปัจจุบัน นายก็คงไม่อยากจะเป็นคู่ต่อสู้กับผู้พิทักษ์คนไหนหรอก” เทพดำกล่าว
“ผมจะไปเป็นศัตรูกับพวกเขาทำไม? แค่สัมผัสจากจิตสังหารที่พวกเขาปล่อยมาผมก็รู้แล้วว่าพวกเขาแต่ละคนต่างก็ล้วนแล้วแต่แข็งแกร่งกว่าผม” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับแบะริมฝีปาก
“ใครจะไปรู้ อย่าลืมนะว่านายมันเป็นพวกแม่เหล็กดูดปัญหา” เทพขาวกล่าวขึ้นมาเบา ๆ
คำพูดนี้ถึงกับทำให้เซี่ยเฟยพูดไม่ออก เพราะถึงแม้ว่าเขาจะไม่สร้างปัญหาแต่ปัญหามันก็มักที่จะวิ่งมาหาเขาอยู่เรื่อย
การต่อสู้ในครั้งที่เพิ่งผ่านมาก็ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ที่วิ่งเข้ามาหาเขาเองด้วยเช่นกัน เพราะตอนแรกมันเป็นการต่อสู้ระหว่างเขากับหวู่หยูหมิงเท่านั้น แต่จู่ ๆ มันกลับดึงดูดเทพขาวเทพดำและพวกกลุ่มผู้พิทักษ์เข้ามา โชคดีที่กบฏทั้งสองคนนี้กับผู้พิทักษ์ทั้งสามไม่ได้ปะทะกัน ไม่อย่างนั้นปัญหาที่ตามมามันก็คงจะใหญ่กว่านี้
“ฮ่ าๆ ๆ ไม่ว่าจะยังไงก็ยินดีที่ได้พบกันนะ ฉันได้ยินมาว่าพวกนายได้รับชัยชนะเหนือพวกมูนวอร์ดอย่างเด็ดขาด สกายวิงยังคงเป็นดาบที่อันตรายอยู่เหมือนเดิม ว่าแต่ศัตรูของนายในคราวนี้มันคือใครงั้นเหรอ?” เทพดำหัวเราะพร้อมกับตบไหล่เซี่ยเฟยเบา ๆ
“มันเป็นศัตรูที่ยังหลงเหลือ สิ่งที่พวกเรากำลังพยายามทำอยู่ในตอนนี้คือการเก็บกวาดศัตรูส่วนที่เหลือให้หมด” เซี่ยเฟยกล่าว
“อ่า ที่แท้มันก็คือการเก็บกวาดศัตรูนี่เอง” เทพดำพยักหน้าอย่างเข้าใจ แต่เมื่อเขาได้เห็นความสงสัยในแววตาของชายหนุ่ม เขาจึงเผยรอยยิ้มและกล่าวออกไปว่า
“มีอะไรก็พูดออกมาตรง ๆ เถอะ ใช่แล้วพวกเราคือพวกกบฏจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นในอดีต, ตอนนี้หรือในอนาคต”
“ประตูจักรวาลสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอครับ? ทำไมมันถึงมีกองกำลังเป็นจำนวนมากต้องการที่จะเข้าควบคุมมันแบบนั้น” เซี่ยเฟยกล่าวถาม
“ทั้งตัวนายและพวกเราต่างก็เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวเล็ก ๆ ของจักรวาล ถ้าหากมันจะมีอะไรสักอย่างที่สำคัญในจักรวาลนี้จริง ๆ ของสิ่งนั้นมันก็คือประตูจักรวาลที่นายพูดถึงอยู่นั่นแหละ” เทพดำกล่าวตอบ
เซี่ยเฟยชะงักค้างไปเล็กน้อย เพราะเขาไม่คิดเลยว่าเทพทั้งสองจะให้ความสำคัญกับประตูจักรวาลมากกว่าชีวิตของตัวเอง
“ประตูจักรวาลมันคืออะไรกันแน่ครับ? แล้วมันมีอะไรซ่อนอยู่หลังประตูบานนั้น?” เซี่ยเฟยกล่าวถามอย่างจริงจัง
“นายอยากรู้เหรอ?” เทพขาวกับเทพดำหันมามองหน้ากันก่อนที่พวกเขาจะส่งเสียงหัวเราะ
“ใช่ครับ” เซี่ยเฟยพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น
“ถ้าอย่างนั้นนายก็ออกจากสกายวิงแล้วมาเข้าร่วมกับพวกเราสิ” เทพดำกล่าวอย่างเจ้าเล่ห์
“ออกจากสกายวิงแล้วเข้าร่วมกับกลุ่มกบฏ!?”
เซี่ยเฟยไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าอีกฝ่ายจะยื่นข้อเสนอแบบนี้มาให้ อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาก็ได้มีต้นไม้ใหญ่ให้พักพิงแล้วเขาย่อมไม่ต้องการจะหนีจากต้นไม้ต้นนี้ไปง่าย ๆ
นอกจากนี้สถานการณ์ของเทพทั้งสองยังพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่ากลุ่มกบฏไม่ได้มีความแข็งแกร่งอะไรมากขนาดนั้น ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงจะไม่ถูกไล่ล่าและต้องหลบหนีหัวซุกหัวซุนอยู่แบบนี้
“พวกคุณก็รู้ว่าผมออกจากสกายวิงไม่ได้” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับยักไหล่
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็บอกรายละเอียดให้กับนายไม่ได้เหมือนกัน” เทพขาวกล่าว
เซี่ยเฟยแอบรู้สึกปวดหัวอยู่เล็กน้อย เพราะถ้าหากเขาต้องการจะเอาคำตอบเรื่องประตูจักรวาล เขาก็จำเป็นจะต้องเข้าร่วมกับกลุ่มกบฏของเทพทั้งสองคนนี้ซะก่อน
“พวกเราล้อเล่นน่า ถ้าหากบรรพบุรุษของนายรู้ว่าพวกเราลักพาตัวอีวิลวิงของตระกูลไป ตอนนั้นพวกเราคงถูกสกายวิงไล่ล่าเพิ่มอีกกลุ่มแน่ ๆ” เทพดำกล่าวด้วยรอยยิ้มพร้อมกับชกหน้าอกของเซี่ยเฟยเบา ๆ
“อีกอย่างข้อพิพาทเรื่องประตูจักรวาลก็ไม่ใช่สิ่งที่นายควรจะเข้ามายุ่ง จำเอาไว้ว่าการหลบหนีไม่ทำให้ใครแข็งแกร่งขึ้นได้ ผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงจะเลือกเผชิญหน้ากับปัญหาอยู่เสมอ เหตุผลที่พวกเราเลือกเข้าร่วมกับกลุ่มกบฏนั้นก็เพราะพวกเราทนรับความอัปยศมามากพอแล้ว หลังจากนี้พวกเราจะใช้ชีวิตอย่างมีเกียรติให้ได้มากที่สุด”
“อย่างเลวร้ายที่สุดพวกเราก็แค่ตาย พวกเราสองพี่น้องมีชีวิตอยู่มานานมากแล้ว ในจักรวาลนี้ไม่มีอะไรที่พวกเราไม่เคยเห็น แม้ว่าพวกเราจะตายแต่อย่างน้อยพวกเราก็ยังคงรักษาศักดิ์ศรีของตัวเองเอาไว้ได้” เทพดำกล่าวอย่างจริงจัง
ในที่สุดเซี่ยเฟยก็ได้เห็นตัวตนอีกด้านของเทพดำที่มักจะอารมณ์ดีมาโดยตลอด แต่เขาก็ไม่ทราบสาเหตุเหมือนกันว่าทำไมเทพดำจึงพยายามเชื่อมโยงประตูจักรวาลเข้ากับความตายของตัวเอง
‘ประตูจักรวาลเป็นประตูสู่ความตายงั้นเหรอ?’ เซี่ยเฟยคิดภายในใจ
“นายยังไม่จำเป็นจะต้องรีบร้อนตัดสินใจในตอนนี้หรอก ก่อนอื่นนายควรเข้าไปอยู่ในเผ่าเทพให้ได้ซะก่อน ด้วยสติปัญญาของนายแล้วฉันเชื่อว่าในเวลาเพียงแค่ไม่นานนายย่อมมองเห็นปัญหาที่ซุกซ่อนไว้อย่างแน่นอน”
“ตอนนั้นนายค่อยตัดสินใจว่านายจะอยู่ฝั่งไหนระหว่างเผ่าเทพ, เผ่ามาร, ผู้พิทักษ์หรือกบฏ แต่ก่อนหน้าหน้านั้นนายก็ควรจะต้องไปเผชิญหน้ากับความจริงด้วยตัวของตัวเองก่อน อย่าพึ่งเชื่อถือคำพูดของใครแม้แต่พวกเราก็ตาม” เทพดำกล่าว
“ผมไม่จำเป็นจะต้องเลือกฝั่งก็ได้นี่ครับ” เซี่ยเฟยตอบอย่างใจเย็น และมันก็ทำให้ทั้งเทพขาวและเทพดำต่างก็ส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาพร้อมกัน
“หากนายไม่เลือกฝั่ง ในตอนนั้นนายก็จะเป็นศัตรูกับทุกคน” เทพดำกล่าวด้วยรอยยิ้ม
—
การพูดคุยกับเทพขาวเทพดำไม่เพียงแต่จะไม่ช่วยขจัดความสงสัยภายในใจของชายหนุ่มเท่านั้น แต่มันยังทำให้เรื่องประตูจักรวาลกลายเป็นสิ่งที่ลึกลับมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
ในเมื่อเทพทั้งสองไม่ต้องการที่จะเปิดเผยความลับเกี่ยวกับเรื่องนี้ เซี่ยเฟยจึงตัดสินใจบอกลาเพื่อเดินทางกลับไปยังสวนสายลม ท้ายที่สุดมันก็กำลังมีข้อพิพาทในส่วนที่เขาไม่รู้เรื่อง และเขาก็ไม่ต้องการที่จะเอาตัวเองไปพัวพันกับปัญหาของคนอื่นอีกต่อไป
“มีคำ 3 คำที่นายควรจะต้องจำเอาไว้ฟิกส์, อาร์คและโถงวีรบุรุษ” ระหว่างที่เทพดำพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เทพขาวก็รีบดึงเขาอย่างแรงจากด้านหลังราวกับว่าเขาไม่ต้องการให้น้องชายพูดอะไรมากเกินไป
“ไม่ว่ายังไงพวกเราก็ถูกลิขิตให้มาเจอกันแล้ว ถือซะว่าคำใบ้พวกนี้เป็นของขวัญจากฉันก็แล้วกัน” เทพดำยังคงกล่าวต่อโดยไม่สนใจการห้ามปรามจากพี่ชาย
เซี่ยเฟยตกใจอยู่เล็กน้อย ก่อนที่เขาจะแอบจดจำคำทั้งสามเอาไว้ภายในใจ
หลังจากเดินทางออกมาจากดาวที่เต็มไปด้วยพายุแม่เหล็กไฟฟ้า ชายหนุ่มก็เริ่มทำการเชื่อมต่อไปหาโอโร่อีกครั้ง
“เมื่อกี้พวกนายคุยอะไรกัน?” โอโร่ถามอย่างสงสัย
“พวกเขาไม่ยอมบอกอะไรเกี่ยวกับประตูจักรวาลเลย แต่ก่อนจากกันพวกเขาให้คำใบ้ 3 คำมากับผม” เซี่ยเฟยกล่าว
“คำใบ้อะไร?”
“ฟิกส์, อาร์คและโถงวีรบุรุษ” เซี่ยเฟยกล่าว
“ฟิกส์คือบริษัทฟิกส์แน่ ๆ โถงวีรบุรุษคือสถานที่ที่เอาไว้บูชาวีรบุรุษที่เสียชีวิตในสงคราม”
“ส่วนอาร์ค… อาร์ค!!”
“หรือว่า…”
“เซี่ยเฟย ฉันว่าตอนนี้พวกเราควรจะต้องรีบไปที่เผ่ามารโดยเร็วที่สุด”
***************
แม้แต่เทพขาวที่เจอกับพี่เฟยไม่ถึง 5 ครั้งยังรู้ว่าพระเอกของเราเป็นพวกแม่เหล็กดูดปัญหา 555
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 342
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น