ตอนที่ 838 เข็มทิศเดียวที่ใช้ได้

-A A +A

ตอนที่ 838 เข็มทิศเดียวที่ใช้ได้

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 838 เข็มทิศเดียวที่ใช้ได้

การเปิดและปิดประตูมิติจำเป็นจะต้องใช้เวลาเล็กน้อย ซึ่งเวลาเพียงเท่านั้นมันก็มากพอที่จะทำให้ชายหนุ่มไล่ตามศัตรูเข้ามาในประตูมิติได้

เซี่ยเฟยพุ่งกระโจนออกไปด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า แต่การพยายามบุกเข้าไปในประตูมิติของคนอื่นมันก็เป็นเรื่องที่อันตรายมาก เพราะชายหนุ่มไม่มีทางรู้เลยว่าเข็มทิศมิติของหวู่หยูหมิงสามารถใช้เดินทางได้ครั้งละกี่คน และประตูมิตินี้จะนำพาเขาไปสถานที่แห่งใด ซึ่งถ้าหากว่ามันกลายเป็นสถานที่ที่อันตรายอย่างช่องว่างมิติ มันก็อาจจะทำให้เขาติดอยู่ในช่องว่างนั้นไปตลอดชีวิตเลยก็ได้

คลื่น!

ประตูมิติเริ่มสั่นคลอนอย่างรุนแรงขณะที่เซี่ยเฟยเคลื่อนร่างแทรกเข้ามา เมื่อหวู่หยูหมิงที่ปรากฏตัวอีกฟากฝั่งของประตูหันกลับมา สีหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เพราะเขาไม่คิดว่าศัตรูจะเสี่ยงชีวิตกระโจนตามเข้ามาในประตูมิติที่ไม่รู้จักแบบนี้

หวู่หยูหมิงรีบออกไปจากประตูและกดปุ่มบนเข็มทิศมิติเพื่อเร่งปิดประตูมิติอย่างฉับพลัน ในเวลาเดียวกันเขาก็เรียกเปลวเพลิงออกมาล้อมรอบประตูมิติไว้และถอยออกไปเพื่อซ่อนตัวอย่างรวดเร็ว

ในระหว่างที่ชายลูกผสมหนีไปซ่อนตัว เซี่ยเฟยก็พุ่งตัวออกมาจากประตูมิติราวกับสัตว์ป่า ซึ่งความเร็วที่เขาใช้อยู่ในตอนนี้มันก็ทะลุขีดจำกัด 550,000 เมตรต่อวินาทีเข้าไปแล้ว

ขณะเดียวกันแม้ว่าเซี่ยเฟยจะต้องเผชิญหน้ากับเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำ แต่เขาก็ไม่ได้มีความคิดที่จะหลบเลี่ยงเลยแม้แต่นิดเดียว ชายหนุ่มจึงเคลื่อนที่ผ่านกำแพงเปลวไฟออกมาโดยตรง จนทำให้หวู่หยูหมิงมองไปยังภาพตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา

ย้อนกลับไปในตอนที่เขาเริ่มเปิดประตูมิติ เซี่ยเฟยยังคงอยู่ห่างจากเขาหลายพันกิโลเมตร แต่ชายหนุ่มก็ยังสามารถเคลื่อนที่ผ่านเปลวไฟทะลุประตูมิติตามเขามาจนถึงที่นี่ได้ ซึ่งเรื่องนี้มันก็คือความน่ากลัวของกฎแห่งความเร็ว

ไม่มีใครชอบที่จะเผชิญหน้ากับนักรบสายความเร็ว โดยเฉพาะนักรบสายความเร็วสูงอย่างเซี่ยเฟย เพราะนักรบประเภทนี้สามารถทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้กลายเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ แม้ว่าพวกเขาจะเผยโอกาสออกมาเพียงแค่เล็กน้อย แต่มันก็พร้อมที่จะทำให้นักรบสายความเร็วลงโทษพวกเขาได้ตลอดเวลา

ฟุบ!

เซี่ยเฟยหยุดวิ่งพร้อมกับหอบหายใจออกมาอย่างหนัก ขณะเดียวกันความเจ็บปวดจากการถูกไฟเผาไหม้มันก็ลุกลามไปทั่วทั้งลำตัวของเขา

ความเร็ว 480,000 เมตรต่อวินาทีที่เขาสามารถทำได้ในปัจจุบันนั้นไม่ใช่ตัวเลขคงที่ แต่มันคือตัวเลขค่าเฉลี่ยความเร็วที่เขาทำได้ต่างหาก

ในสถานการณ์ปกติชายหนุ่มจะเคลื่อนไหวด้วยความเร็วประมาณ 400,000 เมตรต่อวินาที เพราะการเคลื่อนไหวด้วยความเร็วระดับนี้มันจะทำให้เขาไม่รู้สึกเหนื่อยล้ามากจนเกินไป แต่ช่วงเวลาคับขันเขาก็สามารถเร่งความเร็วได้เกิน 480,000 เมตรต่อวินาทีด้วยเช่นกัน และความเร็วส่วนเสริมที่เพิ่มขึ้นมานั้นมันก็ขึ้นอยู่กับระดับกฎมิติในปัจจุบันของเขาด้วย

แม้ว่าความเร็วที่เพิ่มขึ้นจาก 480,000 เมตรต่อวินาทีเป็น 550,000 เมตรต่อวินาทีจะดูไม่มากนัก แต่ถ้าหากปราศจากความเร็วที่เพิ่มขึ้นมาอย่างฉับพลันนี้ เซี่ยเฟยก็คงจะติดอยู่ในประตูมิติและไม่สามารถทะลุออกมายังตำแหน่งปัจจุบันอย่างในตอนนี้ได้

“นั่นมันจะอันตรายจนเกินไปแล้ว! นายอยากตายหรือไง!!” โอโร่ตะโกนด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด

อย่างไรก็ตามทันทีที่มารเฒ่าพูดจบ มันก็มีสายฟ้าเส้นสีน้ำเงินผ่าลงมาเข้าใส่พื้นที่บริเวณด้านข้างชายหนุ่มอย่างฉับพลัน

บนท้องฟ้าเต็มไปด้วยเมฆดำหนาทึบอันน่ากลัว แล้วมันก็มีสายฟ้าสีน้ำเงินคอยเคลื่อนที่ผ่านก้อนเมฆตลอดเวลา บางครั้งสายฟ้าพวกนั้นมันก็จะผ่าลงมาบนพื้น ผู้ที่อาศัยอยู่บนดาวดวงนี้จึงอาจจะโดนฟ้าผ่าได้ทุกเวลา

“ที่นี่มันที่ไหนกันเนี่ย?” โอโร่เริ่มบ่นขณะเงยหน้ามองท้องฟ้า

เซี่ยเฟยยังคงนิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไร เพราะเขารู้ดีว่าไม่ว่าสภาพแวดล้อมจะน่ากลัวแค่ไหน แต่มันก็ไม่สามารถเทียบกับศัตรูที่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่ได้

ปัจจุบันดวงตาของเขากำลังเจ็บปวดอย่างรุนแรง เพราะถึงแม้ว่าการใช้วิชาเนตรมนตราออกมาอย่างเต็มกำลังมันจะทำให้เขาสามารถมองเห็นพื้นที่ได้ไกลหลายพันกิโลเมตร แต่การใช้วิชานี้มันก็ทำให้ดวงตาของเขาได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง ตอนนี้เขาจึงจำเป็นจะต้องอาศัยเพียงแค่สัญชาตญาณในการตรวจจับตำแหน่งของศัตรูเท่านั้น

“หวู่หยูหมิงแข็งแกร่งมาก ฉันว่านายควรเรียกกำลังเสริมมาก่อนดีกว่า” โอโร่กล่าว

เซี่ยเฟยพยักหน้ารับพร้อมกับหยิบเข็มทิศมิติของตัวเองออกมา เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เซี่ยจงไห่เดินทางมาสมทบ มันก็จะทำให้การต่อสู้ในครั้งนี้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตามภาพที่เขาเห็นกลับทำให้เขาขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างฉับพลัน เพราะมันไม่มีสัญญาณในเข็มทิศมิติเลยแม้แต่นิดเดียว

ฟุบ!

จู่ ๆ หวู่หยูหมิงก็ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างฉับพลัน โดยในมือของเขาถือเข็มทิศมิติขนาดใหญ่เอาไว้ อย่างไรก็ตามเข็มทิศมิติชิ้นนี้มันก็ดูเหมือนกับเศษเหล็กขนาดใหญ่ ไม่ได้มีหน้าตาเหมือนเข็มทิศมิติทั่ว ๆ ไปที่ชายหนุ่มเคยเห็นเลย

“ที่นี่คือดาวเคราะห์ใจกลางพายุแม่เหล็กไฟฟ้า หากไม่ได้ใช้เข็มทิศมิติชนิดพิเศษ เข็มทิศมิติใด ๆ มันก็ใช้ไม่ได้ผลหรอก” หวู่หยูหมิงกล่าวพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาอย่างน่ากลัว

“ขอบคุณ” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม ขณะเก็บเข็มทิศมิติของตัวเองลงไปภายในแหวน

“ขอบคุณอะไร?” หวู่หยูหมิงถามอย่างสงสัย

“ขอบคุณที่เตรียมเข็มทิศมิติเอาไว้ให้ฉันใช้เดินทางกลับ” เซี่ยเฟยตอบ

“มั่นใจในตัวเองจริง ๆ เลยนะ ฉันรู้ว่าแกคือเซี่ยเฟย อัจฉริยะคนใหม่ของตระกูลสกายวิง” หวู่หยูหมิงกล่าวพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างตื่นเต้น

เซี่ยเฟยยังคงนิ่งเงียบอย่างใจเย็น เพราะเขารู้ดีว่าชายที่ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเป็นเพียงแค่หุ่นเชิดไม่ใช่ร่างจริง สิ่งที่เขาจำเป็นจะต้องทำในตอนนี้คือการพยายามระบุตำแหน่งของหวู่หยูหมิงตัวจริงให้ได้

สมาชิกของตระกูลดาร์ดพัพเพททุกคนต่างก็ล้วนแล้วแต่พกพาหุ่นเชิดติดตัวเอาไว้อย่างมากมาย หากเซี่ยเฟยไม่สามารถจัดการร่างจริงของหวู่หยูหมิงได้ การจู่โจมใส่หุ่นเชิดมันก็เป็นเพียงแค่การที่เขาสูญเสียพลังงานไปเปล่า ๆ เท่านั้น

“คนแบบแกน่ะเหรอที่สมควรจะถูกยกย่องว่าอัจฉริยะ? อัจฉริยะคนเดียวในดินแดนกฎมันคือฉันคนนี้ต่างหาก เพราะฉันคือผู้ที่สามารถฝ่าฟันจนกลายเป็นจักรพรรดิกฎได้ตั้งแต่อายุ 27”

“ฉันคือผู้ฝึกกฎของ 2 เผ่าสูงสุดได้อย่างชำนาญ ฉันคือผู้ที่บรรลุกฎแห่งการควบคุมหุ่นเชิดได้จนถึงขั้นที่ 7 แม้ว่าทั่วทั้งตระกูลมูนวอร์ดจะไม่มีใครสามารถควบคุมลาวาละลายลักษณ์ได้ แต่ฉันก็พิชิตมันได้และฉันยังสามารถเอามันไปหลอมรวมกับเพลิงผลาญได้อีกด้วย”

“ฉันคือผู้ประสบความสำเร็จเหนือคนอื่นทั้งหมด คนอย่างฉันนี่สิที่สมควรจะถูกเรียกว่าอัจฉริยะ ถ้ามันไม่ใช่เพราะสายเลือดเวรตะไลนี่ฉันก็ควรจะได้ขึ้นสู่แดนเทพไปตั้งนานแล้ว!”

หวู่หยูหมิงระบายความอัดอั้นตันใจออกมาอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นว่าเขาไม่เคยรู้สึกพึงพอใจกับสายเลือดของตัวเองเลย ท้ายที่สุดสายเลือดที่เป็นเหมือนกับคำสาปนี้ มันก็ทำให้เขาต้องใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวมาจนถึงปัจจุบัน

“ใครอยากจะเป็นอัจฉริยะก็เป็นไป ฉันรู้แค่ว่าฉันคนนี้คือเซี่ยเฟย” เซี่ยเฟยกล่าวตอบอย่างเฉยเมย

หวู่หยูหมิงชะงักค้างไปอย่างฉับพลัน เพราะเขาไม่เข้าใจว่าทำไมเซี่ยเฟยถึงไม่สนใจชื่อเสียงจากการถูกคนอื่นเรียกว่าอัจฉริยะเลย ทั้ง ๆ ที่ตัวเขาพยายามโหยหาการยอมรับแบบนั้นมาตลอดชีวิต

“ฉันขอถามหน่อยพ่ออัจฉริยะ ตอนนี้แกอายุเท่าไหร่แล้วหลังจากที่แกเลื่อนระดับเป็นจักรพรรดิกฎได้ตั้งแต่อายุ 27?” เซี่ยเฟยกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม

“เอ่อ…” ใบหน้าของหวู่หยูหมิงซีดเซียวลงอย่างฉับพลัน เพราะเวลามันก็ได้ผ่านพ้นมานานกว่า 7 ปีแล้ว แต่ในช่วงเวลานั้นเขาสามารถเลื่อนระดับพลังขึ้นมาได้เพียงแค่ระดับเดียวเท่านั้นเอง ถึงแม้ว่าเขาจะพร่ำบอกว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะแต่เรื่องนั้นมันก็กลายเป็นเพียงแค่อดีตไปแล้ว

การเคลื่อนไหวของเซี่ยเฟยในครั้งนี้โหดเหี้ยมมาก เพราะเขาเลือกจู่โจมเข้าใส่ใจกลางจุดอ่อนของศัตรูอย่างรุนแรง การที่หวู่หยูหมิงสามารถเลื่อนระดับพลังได้เพียงระดับเดียวในรอบเจ็ดปี มันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดมากกว่าสายเลือดผสมในร่างของตัวเองเสียอีก

“ฮ่า ๆ ๆ นายนี่มันโหดร้ายจริง ๆ ถ้าฉันเป็นหวู่หยูหมิง ตอนนี้ฉันคงจะเป็นบ้าไปแล้ว” โอโร่หัวเราะออกมาจนปวดท้องเมื่อได้เห็นใบหน้าอันบิดเบี้ยวของหวู่หยูหมิง

“ผมควบคุมความคิดของศัตรูไม่ได้หรอก แต่ผมไม่มีวันปล่อยให้ศัตรูยกย่องตัวเองอยู่เฉย ๆ อย่างเด็ดขาด” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างใจเย็น

เซี่ยเฟยเคยพูดในอดีตว่าแม้คนทั้งจักรวาลจะเสียชีวิต แต่เขาก็จะสนใจปกป้องผู้คนที่เขาห่วงใยเท่านั้น คำพูดนี้แสดงให้เห็นถึงความไม่แยแสของชายหนุ่ม ดังนั้นถึงแม้คำพูดของเขามันจะทำให้หวู่หยูหมิงรู้สึกเจ็บปวด แต่คำพูดลักษณะเดียวกันกลับไม่สามารถที่จะทำร้ายสภาพจิตใจของเซี่ยเฟยได้เลย

“ฉันจะฆ่าแก! วันนี้แกจะต้องตายอยู่ที่นี่!!” หวู่หยูหมิงกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง

เซี่ยเฟยเตรียมพร้อมป้องกันอยู่อย่างเงียบ ๆ เพราะตอนนี้เขาได้บรรลุเป้าหมายที่ตัวเองวางไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อไหร่ก็ตามที่ศัตรูรู้สึกโกรธแค้นจนเสียสติ เมื่อนั้นศัตรูก็จะเลือกต่อสู้จนตายมากกว่าจะหนีไป

ขณะเดียวกันเข็มทิศมิติชิ้นเดียวที่สามารถเดินทางออกจากดาวดวงนี้ได้ นั่นก็คือเข็มทิศมิติที่หวู่หยูหมิงได้ครอบครอง ถ้าหากศัตรูมีความคิดที่จะหนีไปโดยปราศจากการเผชิญหน้า เมื่อนั้นเขาก็จะถูกทิ้งเอาไว้ที่นี่โดยไม่สามารถหาทางหนีไปไหนได้

ด้วยเหตุนี้เองเซี่ยเฟยจึงพยายามยั่วยุให้อีกฝ่ายโกรธ และถึงแม้ว่าการทำให้อีกฝ่ายโกรธมันจะทำให้สถานการณ์อันตรายมากขึ้นกว่าเดิม แต่มันก็ช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้กับเขาด้วยเช่นกัน

แม้ว่าหวู่หยูหมิงจะเป็นอัจฉริยะตัวจริง แต่ในเรื่องความเจ้าเล่ห์เขาก็ยังไม่ได้ครึ่งหนึ่งของเซี่ยเฟย

เซี่ยเฟยแสดงสีหน้าออกมาอย่างจริงจังพร้อมกับยกบลัดบิวเทียสขึ้นมาตั้งไว้อยู่ในระดับหน้าอก ขณะเดียวกันขนอุยและหงส์ครามก็สัมผัสได้ถึงภัยคุกคาม พวกมันจึงรอคำสั่งจากชายหนุ่มอย่างกระวนกระวายใจ

การต่อสู้ระหว่างจักรพรรดิกฎขั้นที่ 2 และราชากฎขั้นที่ 6 ใกล้จะเริ่มต้นขึ้นแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นการเผชิญหน้าระหว่างผู้ใช้อาวุธมายาธาตุไฟกับอาวุธมายาธาตุพืช และอาวุธมายาทั้งสองธาตุต่างก็ล้วนแล้วแต่เป็นอาวุธมายาที่ผ่านการหลอมรวมกันมาแล้วทั้งสิ้น

***************

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 

ติดตามเราได้ที่

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ คัดลอก หรือนำไปดัดแปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืนแล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบนิยาย เรื่องสั้น บทความ หรือเนื้อหาอื่นๆ ที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ที่ keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงานจะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018- keangun. All Rights Reserved.