31

ตัวร้าย.. ไม่ใช่ข้าแล้วจะเป็นใคร ?

-A A +A
อ่านต่อ
31

31

ตอนที่ 31

 

แต่ในนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ ยังมีความแตกต่างระหว่างศิษย์สายนอกธรรมดา และศิษย์สายในชั้นสูงอยู่

 

 การก้าวขึ้นสู่บันไดแปดขั้นสุดท้ายที่มีแรงโน้มถ่วงสิบเท่าได้นั้นก็ยังเป็นได้แค่ศิษย์นอกธรรมดา  

 

 หากเจ้าสามารถผ่านแปดขั้นสุดท้ายไปได้ เจ้าก็จะกลายเป็นศิษย์สายใน

 

 ศิษย์สายในจะได้รับทรัพยากรสูงกว่ามาก พวกเขาจะมีทรัพยากรในการบ่มเพาะอย่างไม่ขาดเหลือ หรือกระทั่งมั่งคั่งก็เลยได้

 

 ดังนั้น ทุกปีจะมีศิษย์ใหม่จำนวนมากที่ต้องการผ่านบททดสอบแปดขั้นสุดท้ายนี้และสลัดคราบกลายเป็นศิษย์สายใน 

 

เต๋าซุนเดินขึ้นบันไดด้วยแรงโน้มถ่วง 10 เท่า แรงโน้มถ่วงจะเริ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ เขาขยับช้าลงเล็กน้อยและถอนหายใจยาวออกมา 

 

 เมื่อก้าวขึ้นมาถึงขั้นแรกที่พี่น้องฝาแฝดอยู่  

 

เต๋าซุนก็ก้มศีรษะลงแล้วมองไปรอบ ๆ  ดวงตาของเขาก็หยุดลงครู่หนึ่งที่นางทั้งสอง

 

“เจ้ามองอะไร ไม่เคยเห็นคนสวยรึไง” ซูเมิงเมิงก็กล่าวขึ้น พร้อมกับแยกเขี้ยวเล็กๆออกมา   

 

 “ข้าอาศัยอยู่ที่ยอดเขาเดียวดาย  ” เต๋าซุนตบไหล่ทั้งสองสามครั้ง จากนั้นก็ยิ้มและเดินขึ้นไปอีกขั้น  

 

 “เขาหมายความว่าอย่างไร” ซูเมิงเมิงก็มองไปหาน้องสาวด้วยความสับสน  

 

ซูเชียนซูที่เป็นน้องสาวก็กัดฟันและพูดด้วยความโกรธ   "เขาบอกเราว่าอาศัยอยู่ที่ไหนและตบไหล่เราสามครั้งเช่นนี้

 

  มันหมายความว่าเขาบอกให้เราไปที่ยอดเขาเดียวดานเพื่อพบเขาในยามดึกไงล่ะ !   "

 

 “ไร้ยางอาย” ซูเมิงเมิงมองไปยังแผ่นหลังของเต๋าซุน และกำปั้นเล็กๆของนางก็กำแน่นพร้อมกับใบหน้าแดงก่ำ   

 

  …………

 

เต๋าซุนก้าวเข้าสู่ขั้นที่สามและยิ้มในขณะที่เขามองไปหาชายหนุ่มร่างสูงที่ชื่อเกาซงตรงหน้า  

 

“ข้าชื่อเกาซง ยินดีที่ได้รู้จัก” ชายหนุ่มชื่อเกาซงเอามือลูบหลังศีรษะแล้วพูดด้วยรอยยิ้มเรียบง่าย: “ตอนที่ข้ายังเด็กแม่ข้าบอกว่าข้าสามารถปะทะกับหมีในป่าได้เลย และความแข็งแกร่งของข้าก็มีไม่น้อย ดังนั้นท่านจึงตั้งชื่อให้ข้าว่า เกาซง  ”

 

“เทพแห่งการปะทะ” เต๋าวุนยิ้มและพูดว่า “หนุ่มน้อย ข้ารู้สึกชื่นชมเจ้าไม่น้อย เจ้าอยากออกไปท่องโลกกับข้าหรือไม่ ”

 

 “แล้วข้าจะได้ประโยชน์หรือไม่” เกาซงถามอย่างสงสัย

 

“เมื่อใดที่ข้าแบกรับโชคชะตาและขึ้นสู่บัลลังก์จักรพรรดิ ข้าจะแต่งตั้งให้เจ้าเป็นแม่ทัพคนที่สองของข้า เจ้าว่าไง  ?” เต๋าซุน กล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

 สำหรับตำแหน่งแม่ทัพคนแรก เจ้าปลาน้อยจองไว้แล้ว  

 

“แต่ข้าก็อยากเป็นจักรพรรดิเหมือนกันหนิ” เกาซงยิ้ม เผยให้เห็นฟันขาวใหญ่ของเขา และพูดอย่างไร้เดียงสา

 

“ถ้าเจ้าคิดจะแข่งขันแย่งชิงโชคชะตากับข้า ข้าก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากฆ่าเจ้าซะ ” เต๋าซุน กล่าว

 

“ข้าก็สู้กลับไง” เกาซงยิ้มและตอบอย่างไม่ใส่ใจ

 

“ฮ่าฮ่า น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ” เต๋าซุนหัวเราะอย่างเต็มที่สองสามครั้ง จากนั้นก็มองไปที่เกาซงอย่างอธิบายไม่ถูกและพูดว่า: “เกาซง ด้วยสายเลือดหมีคลั่งของเจ้า เจ้ามีคุณสมบัติแข่งขันแย่งชิงโชคชะตาจริงๆ  

 

 ช่างน่าเสียดายนักที่เจ้ามาเกิดยุคเดียวกับข้า "

 

การแสดงออกของเกาซงก็เปลี่ยนไป และเขามอง เต๋าซุน ด้วยดวงตาที่สดใส

 

เรื่องสายเลือดหมีคลั่งโบราณนั้นเป็นความลับของเขา แล้วอีกฝ่ายรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร ?

 

เกาซงก็มีสีหน้าครุ่นคิด ส่วนเต๋าซุนก็เดินขึ้นไปอีกขั้น สู่ขั้นที่ 5  

 

 เขามองไปที่หญิงสาวตรงหน้า และ คังไป่หลีก็มองเขาเช่นกัน และทั้งสองก็มองหน้ากัน

 

“ ข้ารู้สึกเสียใจจริงๆที่ทำเรื่องโง่เขลาในครานั้น ” เต๋าซุน กล่าวเบา ๆ

 

 หญิงสาวมองเขาด้วยความสงสัยในสายตาของเธอ

 

สายลมพัดกระเพื่อมผ่านผิวทะเลสาบ และกิ่งก้านของต้นไม้ทั้งสองข้างปลิวไปตามสายลม นกหลายตัวบินมาจากระยะไกล กระพือปีกส่งเสียงร้องเบาๆ

 

“เกมได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว แต่คราวนี้ข้าคือผู้ควบคุมทุกสิ่ง” เต๋าซุนยิ้มและไม่สนใจหญิงสาวอีก เขาก้าวขึ้นไปบนอากาศหนึ่งก้าวอย่างอิสระและเรียบง่าย

 

  …………

 

หยานปู้หุ่ยยืนกอดอกพร้อมดาบในอ้อมแขน ร่างกายของเขาตั้งตรง และทั้งตัวของเขาราวกับดาบที่ขาดฝัก

 

เขามีกลิ่นอายดาบที่น่าเกรงขาม ชุดสีขาวของเขาปลิวไปตามสายลม ผมยาวของเขารวบเป็นมวยเล็กน้อย และผมหน้าที่แสกกลางครึ่งหนึ่งก็พลิ้วไหวเล็กน้อยตามสายลม

 

 “เจ้าอยากแก้แค้นหรือไม่?” เต๋าซุนที่ก้าวขึ้นมาก็มองไปยังชายหนุ่มชุดขาว และพูดด้วยรอยยิ้ม 

 

“ถ้าเจ้าช่วยข้าทำลายตระกูลหวงได้ ชีวิตนี้ของข้าจะเป็นของเจ้า  ” หยานปู้หุ่ยหันหน้าไปมอง ดวงตาของเขาประกายเฉียบคม เขามองเต๋าซุนด้วยสายตาจริงจัง  

 

“ล้างแค้นศัตรูด้วยมือของเจ้าเองจะไม่รู้สึกดีกว่ารึ ?” เต๋าซุนยิ้มโดยไม่สนใจสายตาที่ตกตะลึงของชายหนุ่มและก้าวขึ้นสู่ขั้นสุดท้าย

 

กลิ่นอายของเขาสูงส่ง พลังวิญญาณของเขาไหลรอบตัวราวกับสายน้ำยาว เสื้อคลุมสีม่วงของเขาปลิวไปด้านหลัง เขาหันกลับไปมองเบื้องล่างที่มีผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังพยายามปีนป่ายอยู่ใต้เท้าของเขา  

 

เต๋าซุน อดไม่ได้ที่จะนึกถึงจักรพรรดิเจิ้นหวู่ ชายผู้นั้นจะต้องกล้าหาญเพียงใดกันถึงได้เป็นฝ่ายริเริ่มแบกรับโชคชะตาและตะโกนว่า   "ข้าคือผู้ที่จะแบกรับโชคชะตานี้เอง" ต่อหน้าทุกคนบนในโลก.

 

“หลานชายซุนช่างมีพรสวรรค์จริงๆ” ผู้อาวุโสสายในก็พูดด้วยความโกรธจากด้านข้าง: “สมแล้วที่ท่านรองหัวหน้านิกายฝึกให้ด้วยตัวเอง ”

 

ผู้อาวุโสนิกายสายในพยายามจะสื่อว่า ที่เต๋าซุนเหนือกว่าศิษย์ใหม่ได้นั้นเป็นเพราะบารมีของพ่อเขาที่คอยมอบทรัพยากรต่างๆให้  

 

“ทำสิ่งใดควรระวังให้ดี อย่าทำให้ตัวเองต้องไปร้องขอชีวิตใครได้ในอนาคต  ” เต๋าซุน กล่าวพร้อมกับมองผู้อาวุโสนิกายสายในอย่างแผ่วเบา

 

การแสดงออกของผู้อาวุโสนิกายสายในก็เปลี่ยนไป เขามองไปที่เต๋าซุนอย่างลึกซึ้งและไม่พูดอะไร

 

  …………

 

หลังจากเต๋าซุนปีนขึ้นไปสู่ขั้นสูงสุดของบันไดทั้ง 188 ขั้น เจ้าปลาน้อยก็ใช้เวลาอยู่นานก่อนจะขึ้นมาถึงขั้นเดียวกัน

 

ร่างกายของหยานปู้หุ่ยมีกลิ่นอายดาบพุ่งสูงขึ้นสู่ท้องฟ้า หลังจากสิ้นเสียงดาบ ในที่สุดเขาก็ขึ้นมาได้  

 

แม้ว่าคังไป่หลี่จะไม่ได้แสดงอะไรที่น่าตกตะลึงมากนัก แต่นางก็ยังคงเดินขึ้นมาทีละขั้น 

 

ในขณะที่ทุกคนคิดว่านางคงทำไม่สำเร็จ ในที่สุดนางก็กัดฟันและปีนขึ้นมาสู่ขั้นสูงสุดได้พร้อมกับกระดูกทั้งหมดในร่างที่ถูกแรงโน้มถ่วงบดขยี้  

 

หลังจากนั้นก็ไม่มีศิษย์คนใดสามารถปีนขึ้นมาสู่ขั้นที่ 188 ได้อีกเลย แต่ก็มีศิษย์จำนวนไม่น้อยที่ปรากฏอยู่แปดขั้นสุดท้าย

 

การทดสอบของนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์แบ่งออกเป็น 3 ระดับ เมื่อการทดสอบทั้งสามสิ้นสุดลง คะแนนของทุกคนในแต่ละรอบก็จะถูกนำมารวมกัน  

 

 ศิษย์ที่ได้คะแนน 100 อันดับแรกจะสามารถเข้าร่วมกับนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์และกลายเป็นศิษย์สายนอก 

 

  …………

 

 ส่วนการทดสอบระดับ 2 นั้น จะเป็นการทดสอบคุณสมบัติ คุณสมบัติหรือพรสวรรค์มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ฝึกบ่มเพาะ

 

แม้แต่จักรพรรดินีหงเทียนที่ตอนนั้นมีพรสวรรค์เพียงแต่ระดับปานกลางก็ยังมองหาสิ่งที่ช่วยเพิ่มสวรรค์ของตัวเองตลอดเวลา  

 

นิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์แบ่งระดับพรสวรรค์ออกเป็นเก้าระดับ ระดับแรกคือระดับที่แข็งแกร่งที่สุด และระดับเก้าคือระดับที่แย่ที่สุด

 

 ตราบเท่าที่เจ้ามีพรสวรรค์ตั้งแต่ระดับ 4 ลงมา โดยพื้นฐานแล้วก็จะถือว่าผ่านการทดสอบ  

 

เต๋าซุนไม่ได้เข้าร่วมในการทดสอบนี้ เพราะหลังจากหลอมรวมเข้ากับร่างนักรบศักดิ์สิทธิ์อันดับหนึ่ง ร่างผนึกสวรรค์แล้ว พรสวรรค์และคุณสมบัติของเขาก็ก้าวขึ้นสู่ระดับที่เหนือกว่าสิ่งมีชีวิตทั่วไปอย่างสมบูรณ์  

 

ในการทดสอบนี้ ทั้งเกาซง และหยานปู้หยู่ต่างก็มีพรสวรรค์ที่ระดับหนึ่ง ในขณะที่คังไป่หลี่มีพรสวรรค์ระดับ 2 และคู่ฝาแฝดก็มีพรสวรรค์ระดับ 3   

 

 การทดสอบพรสวรรค์นี้จะใช้หินตรัสรู้ในการทดสอบ มันเป็นแร่ที่หาได้ยากเป็นอย่างยิ่งในโลกนี้ หลังจากนำไปดัดแปลง มันก็ถูกนำมาใช้ในการทดสอบพรสวรรค์  

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.