ตอนที่ 825 กฎแห่งการกลืนกิน
ตอนที่ 825 กฎแห่งการกลืนกิน
การโจมตีของเซี่ยเฟยทั้งรุนแรงและมีประสิทธิภาพสูงมาก อย่างไรก็ตามการโจมตีในลักษณะนี้ก็มีอันตรายเป็นอย่างยิ่ง เพราะถ้าหากว่าเขาไม่สามารถควบคุมพลังงานได้เป็นอย่างดี พลังงานที่ถูกระเบิดออกก็คงจะฉีกกระชากร่างของเขาออกเป็นชิ้น ๆ ไปแล้ว
ปัจจุบันผิวหนังทั่วทุกตารางนิ้วของเขาต่างก็ล้วนแล้วแต่ให้ความรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรง ผิวกายทั่วทั้งร่างของเขาถูกเปลี่ยนเป็นสีแดงและอุณหภูมิภายในร่างของเขาก็สูงกว่าปกติมาก
“ดูนั่น! เซี่ยเฟยยังไม่ตาย!!” เซี่ยจงไห่ส่งเสียงตะโกนเมื่อสังเกตเห็นชายหนุ่มที่ยังคงมีชีวิต
ฝูงหมาป่าสกายวิงต่างก็รีบจับจ้องมองไปยังชายหนุ่มอย่างตกใจ เพราะหลังการระเบิดอันรุนแรงแบบนั้น เซี่ยเฟยก็ยังสามารถรอดชีวิตกลับมาได้ราวกับว่าเขาเป็นสัตว์ประหลาดผู้เป็นอมตะ
เหตุการณ์นี้ทำให้ขวัญกำลังใจของนักรบสกายวิงเพิ่มขึ้นสูงกว่าเดิมอย่างบ้าคลั่ง แต่ในทางกลับกันขวัญกำลังใจของกองกำลังพันธมิตรกลับลดลงอย่างฮวบฮาบ เพราะถึงแม้พวกเขาจะมองเห็นกองกำลังของลัทธิต้นกำเนิดอยู่ห่างออกไปไม่ไกล แต่กองกำลังเหล่านั้นกลับไม่สามารถที่จะเดินทางมารวมกลุ่มกับพวกเขาได้
ความกล้าหาญของเซี่ยเฟยปลุกเปลวไฟแห่งการต่อสู้ของนักรบสกายวิงทุกคน จนทำให้นักรบแต่ละคนต่างก็ส่งเสียงร้องคำรามและโจมตีอย่างบ้าคลั่ง
เซี่ยเฟยคือเด็กใหม่ที่เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองมีสายเลือดของสกายวิงเพียงแค่ไม่นาน ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็ยังมีอายุน้อยมากเรียกได้ว่าเขามีอายุน้อยที่สุดในบรรดานักรบระดับสูงของตระกูลเลยด้วยซ้ำ แต่อายุไม่เคยเป็นตัวตัดสินเรื่องความสามารถ เพราะสิ่งที่ชายหนุ่มได้แสดงออกมาในวันนี้ มันก็พิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่าเขาสมควรที่จะได้รับตำแหน่งเป็นหมาป่าเดียวดายของฝูงหมาป่าสกายวิง
ในเวลาเดียวกันถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่างกาย แต่เขาก็ไม่มีเวลาให้หยุดพัก เขาจึงรีบกำบลัดบิวเทียสภายในมือและวิ่งออกไปพร้อมกับขนอุย
หากการระเบิดพลังของเซี่ยเฟยในก่อนหน้านี้คือจุดเริ่มต้น การเคลื่อนไหวของชายหนุ่มในปัจจุบันก็คือการออกสังหารกวาดล้างศัตรูอย่างแท้จริง
เหล่าบรรดานักรบระดับสูงของลัทธิต้นกำเนิดต่างก็ยังคงครวญครางออกมาด้วยความเจ็บปวด เพราะการโจมตีของเซี่ยเฟยรุนแรงมาก จนทำให้พวกเขาแทบที่จะไม่สามารถทนรับความเจ็บปวดบนร่างกายของตัวเองได้
อย่างไรก็ตามพวกเขาก็คงจะลืมเลือนไปว่าผู้ที่ก่อให้เกิดการระเบิดขึ้นมาย่อมจะต้องรู้สึกเจ็บปวดและทุกข์ทรมานมากกว่าพวกเขา
แต่ถึงแม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับความเจ็บปวดอันแสนสาหัส เซี่ยเฟยก็ยังคงกัดฟันลุกขึ้นมาเพื่อสังหารศัตรูของตระกูลให้สิ้นซาก
นี่คือธรรมชาติของปีศาจ ตัวตนที่ไม่เคยสนกฎเกณฑ์ใด ๆ ทั้งสิ้น ในเมื่อเขาไม่เคยสนใจแม้กระทั่งชีวิตของตัวเองแล้วทำไมเขาต้องสนใจความเจ็บปวดภายในร่างของตัวเองด้วย
บลัดบิวเทียสถูกกวัดแกว่งในสนามรบด้วยความเร็ว 240,000 เมตรต่อวินาที ซึ่งหลังจากเกิดเหตุการณ์การระเบิดเพียงแค่ 3 วินาที ราชากฎทั้ง 15 คนของลัทธิต้นกำเนิดก็ถูกสังหาร
—
ราชากฎจากลัทธิต้นกำเนิดคนสุดท้ายถูกบลัดบิวเทียสเสือกแทงเข้าไปภายในร่าง เม็ดพลังงานภายในสมองของชายหนุ่มที่เคยเหือดแห้งก็กลับมาส่องแสงแพรวพราวอีกครั้ง แล้วถึงแม้ว่าร่างกายภายนอกของเขาจะยังคงรู้สึกเจ็บปวด แต่ภายในร่างกายของเขาก็เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงาน ต่างจากช่วงระเบิดพลังงานตอนแรก ๆ ที่เขาเหลือพลังงานภายในร่างอยู่เพียงแค่ริบหลี่
บลัดบิวเทียสถือว่าเป็นอาวุธวิเศษที่น่าอัศจรรย์มาก เพราะมันสามารถดูดซับพลังงานจากศัตรูมาหล่อเลี้ยงร่างกายเจ้านายของมันได้ เซี่ยเฟยจึงรู้สึกชื่นชอบอาวุธเล่มนี้มาก
ต่อมาชายหนุ่มก็โยนแหวนมิติ 15 วงลงไปในแหวนมิติของเขา แม้แต่ในช่วงสงครามเขาก็ยังไม่ลืมที่จะปล้นชิงสมบัติมาจากศัตรู
ทันใดนั้นจักรพรรดิกฎโมดูก็ส่งเสียงร้องคำรามออกมาด้วยหัวใจที่แตกสลาย เมื่อได้เห็นเหล่าบรรดาสาวกในลัทธิของเขาถูกชายหนุ่มสังหารอย่างโหดเหี้ยม
“ฉันจะฆ่าแก!!” โมดูคำรามด้วยดวงตาสีแดงก่ำ
เซี่ยเฟยเดินวนรอบ ๆ ร่างของศัตรูอย่างระมัดระวัง เพราะเขาต้องการที่จะฟื้นฟูกำลังกลับมาให้ได้มากที่สุด แม้ว่าพลังงานที่ดูดซับเข้าไปภายในร่างกายจะช่วยบรรเทาความเจ็บปวดของเขาได้ แต่มันก็ยังคงห่างไกลจากการฟื้นฟูร่างกายของเขาให้กลับมามีสภาพสมบูรณ์
ถึงเขาจะมีพลังการต่อสู้อยู่ในระดับจักรวรรดิกฎ แต่เขาก็ยังจำเป็นจะต้องใช้พลังงานเป็นจำนวนมากเพื่อสังหารจักรพรรดิกฎอยู่ดี
ปัจจุบันพลังการต่อสู้ของเขาเหลือเพียงแค่ประมาณ 50% เท่านั้น แล้วถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะได้รับบาดเจ็บแต่เจ้าลัทธิคนนี้ก็ยังคงเป็นภัยคุกคามถึงชีวิตสำหรับเขาอยู่ดี
“อย่าใจร้อน เป้าหมายของเรามีเพียงแค่พยายามควบคุมไม่ให้เขากลับเข้าร่วมสนามรบหลักเท่านั้น อีกไม่นานสกายวิงก็จะได้เปรียบศัตรูมากขึ้นเรื่อย ๆ ตราบใดก็ตามที่นายสามารถถ่วงเวลามันเอาไว้ได้ สกายวิงย่อมเป็นฝ่ายชนะสงครามแน่นอน” โอโร่กล่าว
โอโร่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าร่างกายของเซี่ยเฟยยับเยินมากแค่ไหน และนี่ก็คือราคาที่ชายหนุ่มจะต้องจ่ายจากการระเบิดพลังเพื่อหยุดยั้งศัตรู
ในอีกด้านหนึ่งถึงแม้สกายวิงจะเสียเปรียบในด้านของจำนวน แต่พวกเขากลับมีความได้เปรียบในด้านการจู่โจม โดยพวกเขาค่อย ๆ ใช้ความเร็วและกลยุทธ์ที่ทรงพลังค่อย ๆ สังหารศัตรูที่อ่อนแอลงไปทีละคน
สิ่งที่สกายวิงต้องการที่สุดในตอนนี้คือเวลา ดังนั้นตราบใดก็ตามที่เซี่ยเฟยสามารถถ่วงเวลาโมดูเอาไว้ได้ สกายวิงย่อมเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะในสงครามนี้อย่างแน่นอน
เซี่ยเฟยเหลือบสายตามองสนามรบหลักในระยะไกลพร้อมกับพยักหน้ารับ จากนั้นเขาก็หยิบคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 5 ออกมาจากแหวนมิติ พร้อมกับดูดซับพลังงานผ่านทางแหวนมังกรหยกขาวเพื่อซ่อมแซมร่างกายที่เสียหาย
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับศัตรูเป็นจำนวนมาก มันก็ไม่ได้มีเพียงแต่เซี่ยเฟยเท่านั้นที่ได้รับบาดเจ็บ เพราะขนอุยก็กำลังเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก ขณะที่หงส์ครามก็แทบจะไม่เหลือพลังในการฟื้นฟูใบหญ้าของมันอีกแล้ว
ในเวลาเดียวกันโมดูก็ทำการปลดปล่อยพลังออกมาอย่างเต็มที่ ก่อนที่เขาจะเริ่มโจมตีเข้าใส่เซี่ยเฟยอย่างบ้าคลั่ง
น่าเสียดายที่ชายคนนี้ยังเชื่องช้ามากเกินไป และเขาก็แทบที่จะไม่สามารถติดตามการเคลื่อนไหวของเซี่ยเฟยได้เลย ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นขนอุยก็จู่โจมโต้ตอบกลับไปอย่างร้ายกาจ แต่น่าเสียดายที่พลังงานภายในร่างของมันลดลงไปเยอะมาก การโจมตีของเจ้าตัวน้อยจึงไม่สามารถเจาะทะลุการป้องกันของโมดูเข้าไปได้
อ๊าก!
เมื่อพบว่าตัวเองไม่สามารถไล่ตามเซี่ยเฟยที่มีความเร็วสูงได้ จู่ ๆ โมดูก็ส่งเสียงร้องคำรามก่อนที่เขาจะใช้มือขวาตัดข้อมือซ้ายของตัวเองอย่างรุนแรงจนทำให้เลือดไหลทะลักออกมายังด้านนอก
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกสับสนเล็กน้อย เพราะเขาไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังพยายามจะทำอะไรกันแน่
ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นเป็นเรื่องที่น่าสยดสยองมากยิ่งกว่า เพราะโมดูได้ใช้เลือดทาไปทั่วทั้งใบหน้าและยัดแขนซ้ายเข้าไปในปากเพื่อดื่มเลือดของตัวเอง
“เขากินเลือดของตัวเองจริง ๆ!”
“แย่แล้ว! ฉันว่าเขากำลังใช้วิชาต้องห้าม!!” โอโร่อุทานด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียด
แม้ชายหนุ่มจะไม่รู้ว่าสิ่งที่โอโร่พูดคืออะไร แต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้แน่ ๆ คือมันเป็นเรื่องที่ไม่ดี เขาจึงรีบวิ่งเข้าหาโมดูโดยไม่ลังเล
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะต้องการทำอะไร เขาก็จะต้องหยุดยั้งความต้องการของศัตรูเอาไว้ให้ได้!
ตูม!
ทันใดนั้นมันก็มีเสียงระเบิดครั้งใหญ่เกิดขึ้นอีกหลายครั้ง แต่ในคราวนี้ต้นตอของเสียงระเบิดมาจากร่างของโมดู
ผลของการใช้วิชาต้องห้ามทำให้ทั่วทั้งร่างของโมดูถูกย้อมไปด้วยลวดลายของเลือด และผิวกายของเขาก็กลายเป็นสีดำ แม้แต่พลังงานภายในร่างของเขาก็เพิ่มขึ้นจากเดิมด้วยเช่นกัน
วินาทีต่อมาลวดลายเลือดทั่วทั้งร่างของเขาก็เปล่งประกายสีทอง จนทำให้ชายคนนี้ดูแปลกประหลาดมากขึ้นกว่าเดิม
ขนอุยพยายามใช้โอกาสนี้พุ่งเข้าจู่โจมโมดูอย่างรวดเร็ว เพื่อพยายามเปิดเส้นทางให้เจ้านายของมันสังหารศัตรูผู้แข็งแกร่งคนนี้ให้ได้
อย่างไรก็ตามโมดูก็ไม่เพียงแต่จะไม่หลบการโจมตีของเจ้าตัวน้อยเท่านั้น แต่เขายังพุ่งตรงไปข้างหน้าอีกด้วย
ภาพต่อมาคือเขาได้เหยียดแขนออกไปด้านหน้าพร้อมกับกางนิ้วทั้งห้าออกในลักษณะที่คล้ายกับกรงเล็บ
ทันใดนั้นมันก็มีแสงสีแดง 2 เส้นพุ่งออกมาจากฝ่ามือของเขา ก่อนที่แสงสีแดงนี้จะพุ่งเข้าไปห่อหุ้มร่างของขนอุยเอาไว้ จนทำให้ดวงตาของเจ้าตัวน้อยเบิกกว้างขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนก
นี่เป็นครั้งแรกที่เซี่ยเฟยเห็นขนอุยรู้สึกหวาดกลัวได้จนถึงขนาดนี้ เพราะเมื่อก่อนมันไม่เคยรู้สึกหวาดกลัวใครเลยแม้แต่น้อย
จากนั้นโมดูก็คว้าร่างของขนอุยเอาไปไว้ภายในมือ พร้อมกับแสงสีขาวอันเจิดจ้าที่ถูกดึงออกมาจากร่างของเจ้าตัวน้อย ราวกับว่าเขาเป็นปีศาจที่กำลังดูดวิญญาณออกไปจากร่างของอสูรศักดิ์สิทธิ์
ภาพเหตุการณ์นี้เริ่มทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกตื่นตระหนกด้วยเช่นกัน เพราะหลังจากที่ขนอุยได้สัมผัสเข้ากับแสงอันแปลกประหลาดนั้น มันก็ดูเหมือนกับว่าเจ้าตัวน้อยจะสูญเสียพละกำลังของมันไป
“แย่แล้ว!!” ชายหนุ่มรีบเร่งความเร็วออกไปในแนวทแยง เพื่อพุ่งเข้าหาขนอุยที่อยู่ภายในมือของอีกฝ่าย
ในเวลาเดียวกันโมดูก็ได้โยนร่างของขนอุยขึ้นไปในอากาศ ก่อนที่เขาจะหันหน้ามาทางเซี่ยเฟยและโจมตีด้วยแววตาอันเคียดแค้น
เล่ห์กายา!
ชายหนุ่มปรับเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่อย่างกะทันหัน แต่มันก็ทำให้เขาแทบที่จะไม่สามารถหลบเลี่ยงการโจมตีของโมดูได้ น่องของเขาจึงสัมผัสเข้ากับแสงสีแดงเล็กน้อย แล้วมันก็ทำให้ขาข้างนั้นรู้สึกหมดแรงและทำให้ชายหนุ่มเกือบจะล้มลงไปกับพื้น
เซี่ยเฟยกัดฟันและพยายามต่อต้านความรู้สึกแปลก ๆ นี้ ขณะเดียวกันเขาก็รีบดูดซับพลังงานจากคริสตัลต้นกำเนิดระดับห้าเพื่อฟื้นฟูขาข้างขวาให้กลับมามีเรี่ยวแรงดังเดิม
แหวนมังกรหยกขาวได้แสดงพลังของมันออกมาอย่างเต็มที่ เพื่อทวีพลังงานจากคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 5 ทำให้ชายหนุ่มสามารถดูดซับพลังงานเข้าสู่ร่างกายได้อย่างต่อเนื่อง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคือการที่ขาข้างนั้นสูญเสียพลังงานไปอย่างฉับพลัน ซึ่งถ้าหากว่าเซี่ยเฟยไม่ได้รีบเติมเต็มพลังงานให้กับร่างกายของตัวเองในทันที ตอนนี้พลังงานภายในร่างของเขามันก็คงจะเหือดแห้งไปเรียบร้อยแล้ว
ชายหนุ่มรีบกระโดดตัวขึ้นไปเพื่อคว้าร่างของขนอุยเอาไว้ จากนั้นเขาก็ยัดคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 5 เข้าไปภายในปากของเจ้าตัวน้อย
อสูรตัวน้อยผู้น่าสงสารพยายามเติมเต็มพลังงานให้กับร่างของมันอย่างต่อเนื่อง แต่น่าเสียดายที่โมดูขโมยพลังงานออกไปจากร่างของมันมากจนเกินไปจนทำให้ขนอุยแทบจะเป็นลม
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ”
จู่ ๆ โมดูก็หัวเราะออกมาอย่างเย่อหยิ่ง โดยภายในแววตาของเขามีความประหลาดใจปะปนอยู่เล็กน้อย เมื่อเขาได้เห็นว่าเซี่ยเฟยสามารถกลับมายืนหยัดได้อีกครั้ง หลังจากที่ชายหนุ่มได้ถูกเขาขโมยพลังงานมาจากร่างของอีกฝ่ายแล้ว
“แน่จริงก็เข้ามาหยุดฉันเอาไว้สิ” โมดูกล่าวขึ้นมาอย่างเย็นชา ขณะที่ร่างของเขากำลังเดินหน้าไปทางสนามรบหลัก
“ฉันรู้แล้ว! มันคือวิชาต้องห้ามกฎแห่งการกลืนกิน การใช้พลังนี้จะทำให้เขาสามารถกลืนกินพลังงานของคนอื่นได้ และนักรบที่ถูกเขากลืนกินพลังงานเข้าไป ร่างกายของนักรบคนนั้นก็จะเกิดเป็นอัมพาตขึ้นมาชั่วคราว” โอโร่ตะโกนออกมาหลังจากที่เขาตระหนักได้ถึงพลังของศัตรู
‘ทั้งกลืนกินพลังงานได้และทำให้ร่างกายของศัตรูกลายเป็นอัมพาตงั้นเหรอ?’ เซี่ยเฟยคิดภายในใจอย่างตกตะลึง แต่เมื่อได้เห็นโมดูกำลังมุ่งหน้าไปทางสนามรบหลักเขาก็ไม่เหลือเวลาให้พิจารณาสถานการณ์มากนัก เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ชายคนนี้มุ่งหน้าไปยังสนามรบหลักได้สำเร็จ เมื่อนั้นสกายวิงก็จะกลายเป็นฝ่ายที่ได้รับความพ่ายแพ้
“หากใครมาขวางฉันก็เตรียมตัวตายไปได้เลย!!” โมดูคำรามออกมาด้วยสีหน้าอันดุร้ายคล้ายกับว่าเขาจงใจพยายามจะยั่วยุเซี่ยเฟยอีกครั้ง
***************
แล้วพี่เฟยจะจัดการกับโมดูยังไงดีล่ะเนี่ย?!


แสดงความคิดเห็น