ตอนที่ 826 การต่อสู้ครั้งสุดท้าย
ตอนที่ 826 การต่อสู้ครั้งสุดท้าย
เซี่ยเฟยไม่เคยคาดคิดเลยว่าโมดูจะได้ครอบครองกฎแห่งการกลืนกิน ซึ่งถือว่าเป็นวิชาต้องห้ามของดินแดนแห่งนี้
กฎแห่งการกลืนกินไม่เพียงแต่จะทำให้ผู้ฝึกฝนสามารถกลืนกินพลังงานของศัตรูได้เท่านั้น แต่มันยังทำให้การไหลเวียนพลังงานภายในร่างของศัตรูเกิดหยุดชะงักเป็นการชั่วคราวอีกด้วย เมื่อไหร่ก็ตามที่นักรบไม่สามารถใช้พลังงานภายในร่างของตัวเองได้ เมื่อนั้นนักรบเป้าหมายก็จะกลายเป็นอัมพาตไปถึงขั้นที่ไม่สามารถลุกขึ้นมาเคลื่อนไหวได้เลยด้วยซ้ำ
สถานการณ์ในตอนนี้ร้ายแรงมาก เพราะโมดูกำลังเร่งความเร็วเพื่อรีบวิ่งตรงไปยังสนามรบหลัก และใช้กฎต้องห้ามกฎนี้เพื่อจัดการกับฝูงหมาป่าสกายวิง
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเซี่ยเฟยก็จะต้องหยุดอีกฝ่ายเอาไว้ให้ได้!
นี่คือความรับผิดชอบของเขาในฐานะหมาป่าเดียวดายของตระกูล!!
ฟุบ!
เซี่ยเฟยเริ่มเร่งความเร็วอีกครั้งเพื่อบุกจู่โจม โดยการตวัดบลัดบิวเทียสด้วยความเร็ว 260,000 เมตรต่อวินาที
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับพลังที่ไม่ธรรมดา เขาก็จำเป็นจะต้องใช้วิธีการที่แตกต่างออกไป พลังของกฎการกลืนกินค่อนข้างที่จะมีความคล้ายคลึงกับบลัดบิวเทียสมาก แม้เขาจะไม่รู้ว่าวิธีที่เขาคิดได้ผลหรือไม่แต่เขาก็ยังเต็มใจเสี่ยงเพื่อลองดู
ชายหนุ่มพุ่งตัวออกไปราวกับกระสุนปืนใหญ่ โดยใช้มือซ้ายแทงบลัดบิวเทียสไปด้านหน้า และใช้มือขวาคอยควบคุมหงส์ครามตวัดกวัดแกว่งใบหญ้าออกไปราวกับหนวดของปลาหมึกยักษ์
การเคลื่อนไหวของเซี่ยเฟยเป็นภาพที่น่ากลัวมาก โมดูจึงขมวดคิ้วก่อนที่เขาจะประสานมือเข้าด้วยกันตรงบริเวณหน้าอก
กฎแห่งสสาร กำแพงพันเสา!
ทันใดนั้นเสาหินเป็นจำนวนมากก็ก่อตัวขึ้นมาจากพื้นดินเพื่อล้อมรอบโมดูเอาไว้ตรงกลาง
เซี่ยเฟยกัดฟันทำลายเสาหินโดยไม่คิดจะหลบเลี่ยง ก่อให้เกิดเศษหินเศษดินปลิวกระจายไปทั่วทั้งท้องฟ้า
กฎแห่งการกลืนกิน!
แสงสีแดงพุ่งเข้าหาเซี่ยเฟยอีกครั้ง แต่ในคราวนี้ชายหนุ่มไม่ได้เลือกที่จะหลบหนี เพราะเขาเลือกที่จะเผชิญหน้ากับมันโดยตรง
สถานการณ์ในปัจจุบันมันไม่เหลือทางถอยให้กับเขาอีกต่อไปแล้ว เพราะอีกฟากคือกองกำลังของตระกูล เมื่อไหร่ก็ตามที่โมดูเข้าร่วมกับกองกำลังพันธมิตรได้ ผลที่ตามมามันก็อาจจะหมายถึงหายนะ
ความรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังถูกดูดพลังงานกลับมาอีกครั้ง ซึ่งในตอนนี้แหวนมังกรหยกขาวก็มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้เซี่ยเฟยฟื้นฟูพลังงานกลับคืนมา
การดูดซึมพลังงานจากคริสตัลต้นกำเนิดเหมือนกับการใส่อาหารเข้าไปภายในปาก กว่าที่ผู้คนจะสามารถย่อยอาหารที่ใส่เข้าไปภายในปากได้ มันก็จำเป็นจะต้องผ่านกระบวนการเคี้ยวและกระบวนการย่อยภายในกระเพาะอาหารให้เรียบร้อยเสียก่อน
แหวนมังกรหยกขาวเข้ามาทำหน้าที่ช่วยย่อยพลังงานในส่วนนี้โดยตรง เซี่ยเฟยจึงสามารถดูดซับพลังงานบริสุทธิ์เข้าสู่ร่างกายได้ในทันที โดยไม่จำเป็นจะต้องผ่านกระบวนการย่อยอย่างที่ควรจะเป็น
คุณสมบัตินี้ถือได้ว่าเป็นเพียงหนึ่งในคุณสมบัติของแหวนมังกรหยกขาวเท่านั้น เพราะในระหว่างที่เซี่ยเฟยกำลังต้องการเติมเต็มพลังงานอย่างรวดเร็ว แหวนมังกรหยกขาวก็สามารถเร่งกระบวนการในการบริโภคพลังงานได้ด้วยเช่นเดียวกัน
ความรู้สึกจากการโดนดูดพลังงานเกิดขึ้นเพียงแค่ช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น ก่อนที่แหวนมังกรหยกขาวจะช่วยฟื้นฟูพลังงานภายในร่างของชายหนุ่มกลับคืนมา
เซี่ยเฟยค่อย ๆ ก้าวเท้าเข้าหาโมดูด้วยความเร็วมากขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้เจ้าลัทธิต้นกำเนิดเบิกตากว้างขึ้นมาด้วยความตกตะลึง
ไม่นานหลังจากนั้นร่างของโมดูก็แข็งขึ้นอย่างฉับพลัน ราวกับว่าผิวหนังของเขาสร้างขึ้นมาจากเหล็ก
ตูม!
ร่างของเซี่ยเฟยกับโมดูปะทะเข้าใส่กันอย่างรุนแรง ก่อนที่พวกเขาจะกระเด็นออกไปคนละทาง
โมดูพุ่งเข้าปะทะก้อนหินหลายสิบลูกก่อนที่จะหยุดลงหลังจากกระเด็นออกไปไกลราว 1 กิโลเมตร ซึ่งเหตุการณ์นี้ก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเซี่ยเฟยด้วยเช่นกัน
เซี่ยเฟยเร่งความเร็วจู่โจมเข้าใส่โมดูอีกครั้ง และไม่ว่าเจ้าลัทธิต้นกำเนิดจะพยายามดูดพลังงานจากเขามากแค่ไหน มันก็ไม่สามารถที่จะหยุดการโจมตีจากชายหนุ่มคนนี้ได้
น่าเสียดายที่โมดูเป็นผู้เชี่ยวชาญการใช้กฎแห่งสสารเขาจึงมีพลังในการป้องกันที่สูงมาก ขณะเดียวกันการถูกอีกฝ่ายดูดพลังงานมันก็ทำให้ความเร็วของเซี่ยเฟยลดน้อยลง บลัดบิวเทียสจึงถูกลดความเร็วในการทะลุทะลวง จนทำให้ดาบสีแดงยังไม่สามารถเจาะทะลุผ่านเข้าไปในร่างของศัตรูได้เลย
แม้สถานการณ์ของทั้งสองฝ่ายจะดูเหมือนเสมอกัน แต่ความจริงเซี่ยเฟยคือผู้ได้รับชัยชนะในสนามรบแห่งนี้อย่างสมบูรณ์ เพราะตราบใดก็ตามที่เขาสามารถกันไม่ให้โมดูเข้าสู่สนามรบได้ เมื่อนั้นมันก็ถือได้ว่าเขาสามารถปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองได้เป็นอย่างดีแล้ว
—
“ฆ่ามัน! ฆ่าพวกมันให้หมด!!” เซี่ยบูหยุนร้องตะโกนด้วยน้ำเสียงที่ดุร้าย
เซี่ยเฟยกำลังพยายามดิ้นรนสกัดกั้นโมดูเอาไว้ สิ่งที่ฝูงหมาป่าสกายวิงจำเป็นจะต้องทำคือการกำจัดศัตรูลงให้ได้โดยเร็วที่สุด ไม่ว่ายังไงเจ้าลัทธิต้นกำเนิดก็มีพลังสูงกว่าเซี่ยเฟยมาก ถ้าหากพวกเขาไปช่วยชายหนุ่มช้ามากเกินไป อีกฝ่ายก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับอันตรายจากการต่อสู้ในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
แกรก!
คริสตัลอันว่างเปล่าถูกโยนลงไปบนพื้นอีกครั้ง เซี่ยเฟยไม่รู้เลยว่าเขาได้ดูดซับพลังงานจากคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 5 ไปแล้วกี่ก้อน แต่เขาจำเป็นจะต้องใช้คริสตัล 1 ก้อนต่อการปะทะกัน 1 ครั้ง และช่วงเวลาที่ผ่านมามันก็เกิดการปะทะกันมากกว่า 30 ครั้งภายใน 1 นาที
โมดูหอบหายใจออกมาอย่างแรงคล้ายกับว่าการพยายามดูดซับพลังงานจากเซี่ยเฟยไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ สำหรับเขาเลย เมื่อการต่อสู้ถูกลากยาวออกไปร่างกายของเขากลับรู้สึกเหนื่อยล้าแทนที่จะรู้สึกกระฉับกระเฉงมากขึ้นกว่าเดิม
“ฮ่า ๆ ๆ ดูเหมือนมันจะทนต่อไปไม่ไหวแล้ว การควบคุมพลังงานที่ไม่ใช่พลังงานของตัวเองมันไม่ใช่เรื่องที่ทำได้กันง่าย ๆ อีกอย่างเขาก็ไม่ได้มีความสามารถในการควบคุมพลังงานที่โดดเด่นเหมือนกับนาย ยิ่งเขาดูดซับพลังงานเข้าไปมากเท่าไหร่ มันยิ่งสร้างภาระให้กับเขามากขึ้นเท่านั้น” โอโร่เริ่มส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาอย่างยินดี
เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าเซี่ยเฟยจะสามารถอดทนปะทะกับโมดูได้นานขนาดนี้ แล้วมันก็ต้องขอบคุณแหวนมังกรหยกขาวที่ทำให้ชายหนุ่มสามารถเผชิญหน้ากับกฎแห่งการกลืนกินได้
น่าเสียดายที่ช่วงเวลาแบบนี้เซี่ยเฟยไม่สามารถใช้ไพ่ตายอย่างกฎแห่งความโกลาหลออกมาได้ เพราะท้ายที่สุดถึงแม้กฎแห่งความโกลาหลจะทรงพลัง แต่มันก็จำเป็นจะต้องใช้พลังงานปริมาณมหาศาลในการใช้กฎแห่งความโกลาหลด้วยเช่นกัน แต่ในปัจจุบันเซี่ยเฟยหลงเหลือพลังงานอยู่ภายในร่างในระดับที่น้อยมาก
ทันใดนั้นเซี่ยเฟยก็หยิบคริสตัลต้นกำเนิดออกมาจากแหวนมิติพร้อม ๆ กันถึง 3 ก้อน แตกต่างจากในอดีตที่เขาค่อย ๆ หยิบคริสตัลต้นกำเนิดขึ้นมาทีละก้อนเท่านั้น
มุมปากของชายหนุ่มยกยิ้มขึ้นมาด้วยความเจ้าเล่ห์ เพราะคำพูดของโอโร่ได้กระตุ้นความคิดของเขาขึ้นมาอย่างฉับพลัน
คราวนี้ชายหนุ่มไม่ได้เริ่มออกวิ่งด้วยความเร็วอีกต่อไป แต่เขาค่อย ๆ ก้าวเท้าไปข้างหน้าด้วยแววตาอันดุร้าย
โมดูจ้องมองไปยังชายตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ เพราะมันเห็นได้ชัดเลยว่ากลยุทธ์ของเซี่ยเฟยในก่อนหน้านี้สามารถหยุดเขาเอาไว้ได้สำเร็จ แล้วทำไมจู่ ๆ ชายหนุ่มถึงปรับเปลี่ยนแผนการอย่างกะทันหัน
“ตายไปซะ!!” โมดูส่งเสียงร้องคำรามพร้อมกับปล่อยแสงสีแดงเลือดออกไปข้างหน้า
ห้ามหลบ!
เซี่ยเฟยยืนนิ่งเผชิญหน้ากับกฎแห่งการกลืนกินโดยเต็มใจ ร่างกายของเขาจึงเริ่มซวนเซได้เพียงแค่ไม่นาน ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ ก้าวเท้าเข้าหาโมดูทีละก้าวด้วยดวงตาสีแดงก่ำ
พลังงานปริมาณมหาศาลถูกดูดออกไปจากร่างของเขาอย่างบ้าคลั่ง ขณะเดียวกันชายหนุ่มก็ทำการสับเปลี่ยนคริสตัลภายในมือ ขณะที่เขาเริ่มปลดปล่อยพลังงานจากเม็ดพลังงานสีรุ้งภายในสมองออกมาอย่างรวดเร็ว
ไม่ว่าโมดูจะพยายามกลืนกินพลังงานจากร่างของเซี่ยเฟยไปมากแค่ไหน แต่มันก็ไม่สามารถที่จะระบายออกไปจากมหาสมุทรพลังงานของชายหนุ่มได้หมด
หลังจากการกลืนกินพลังงานของเซี่ยเฟยอย่างต่อเนื่อง มันก็เริ่มมีเลือดไหลออกมาจากทวารทั้งห้าของโมดูทีละน้อย ซึ่งสถานการณ์นี้เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก เพราะผู้ที่ถูกกลืนกินพลังงานไม่เป็นอะไร แต่ผู้ที่กลืนกินพลังงานเข้าไปกลับดูเหมือนจะกลืนกินพลังงานต่อไปไม่ไหวแล้ว
โมดูเริ่มมีอาการสั่นไปทั่วทั้งตัว เพราะเขาแทบที่จะไม่สามารถควบคุมพลังงานภายในร่างได้อีกต่อไป สิ่งที่เกิดขึ้นกับเขาอยู่ในขณะนี้จึงคล้ายกับการที่เขากินมากเกินไป แต่เขาไม่สามารถที่จะย่อยอาหารภายในกระเพาะได้ทัน
ตอนแรกเซี่ยเฟยรู้สึกกลัวว่าพลังงานของเขาจะถูกดูดไปจนหมด แต่หลังจากที่เขาได้ฟังคำพูดของโอโร่ มันก็ทำให้เขาตระหนักว่าโมดูก็มีข้อจำกัดในเรื่องปริมาณพลังงานที่สามารถดูดซับเข้าไปได้ด้วยเช่นเดียวกัน
ในเมื่อเขามีพลังงานปริมาณมหาศาล และอีกฝ่ายก็มีข้อจำกัดในเรื่องการจัดการพลังงานที่ถูกดูดซับเข้าไป เขาจึงปลดปล่อยพลังงานภายในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ออกมาเพื่อทำให้อีกฝ่ายเกิดอาการสำลักพลังงานจนทรมาน
ในช่วงพริบตาเซี่ยเฟยก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าโมดูเรียบร้อยแล้ว ขณะที่เจ้าลัทธิต้นกำเนิดกำลังรู้สึกเหมือนกับตัวเองใกล้ที่จะหมดสติ เพราะพลังงานปริมาณมหาศาลภายในร่างของเขากำลังส่งแรงกดดันออกมาอย่างรุนแรง จนทำให้ร่างกายของเขาใกล้ที่จะระเบิดออกมาแล้ว
ฉึก!
บลัดบิวเทียสแทงทะลุผ่านดวงตาของโมดูเข้าไปอย่างง่ายดาย ก่อนที่พลังงานของเซี่ยเฟยที่ถูกอีกฝ่ายขโมยไป และแม้แต่พลังงานของเจ้าลัทธิต้นกำเนิดก็ถูกดูดซับกลับมาหาชายหนุ่มด้วยเช่นกัน
“ของของฉันก็คือของของฉัน ในเมื่อแกขโมยของของฉันไป ฉันก็จะขโมยของของแกกลับมาด้วย!” เซี่ยเฟยกล่าวอย่างเย็นชา
—
เมื่อเซี่ยเฟยสามารถจัดการกองกำลังของลัทธิต้นกำเนิดทั้งหมดได้โดยลำพัง เขาก็กลับมารับหน้าที่หมาป่าเดียวดายเพื่อคอยมองหาโอกาสเปิดเส้นทางให้กับฝูงหมาป่าอีกครั้ง
“ฉันมีข่าวดี ตอนนี้บรรพบุรุษของเรากวาดล้างบรรพบุรุษของพวกมันจนหมดแล้ว ตราบใดก็ตามที่พวกเราฆ่าพวกมันได้ พวกมันก็จะถูกลบออกไปจากจักรวาลนี้โดยสมบูรณ์” เซี่ยบูหยุนส่งเสียงตะโกน
เหตุการณ์นี้ทำให้กองกำลังพันธมิตรสูญเสียขวัญกำลังใจไปอย่างฉับพลัน เนื่องจากพวกเขาไม่เคยรู้เลยว่าการตอบโต้สกายวิงไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ดินแดนกฎเท่านั้น เพราะแม้แต่บรรพบุรุษของพวกเขาในแดนเทพก็ยังถูกบรรพบุรุษของสกายวิงลงมือแก้แค้นด้วย
“ฆ่ามัน!!” ฝูงหมาป่าส่งเสียงตะโกนพร้อมกับเร่งความเร็วและการโจมตี เพราะในตอนนี้ขวัญกำลังใจของอีกฝ่ายได้สูญหายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผู้ที่สูญเสียสมาธิจึงไม่สามารถที่จะรับมือกับความเร็วของสกายวิงได้อีกต่อไป
นักรบสกายวิงยังคงจู่โจมอย่างอดทนโดยการทำลายขวัญกำลังใจของศัตรูไปทีละน้อย และเลือกสังหารศัตรูที่เหม่อลอยไปทีละคนอย่างช้า ๆ
ในที่สุดราชากฎทั้งหมดก็ถูกสังหารได้สำเร็จ เหลือเพียงแค่จักรพรรดิกฎอีกห้าคนที่ถูกปิดล้อมด้วยฝูงหมาป่าผู้บ้าคลั่ง
เซี่ยบูหยุนยกมือขึ้นสูงเพื่อเตรียมพร้อมจะเริ่มการโจมตีครั้งสุดท้าย เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่จักรพรรดิกฎทั้งห้าคนนี้เสียชีวิตลง มันจะเป็นการปิดฉากสงครามในครั้งนี้โดยสมบูรณ์
แต่ทันใดนั้นมันก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างกะทันหัน เพราะกาแล็กซีที่เคยสว่างไสวจู่ ๆ มันก็หรี่แสงลงในพริบตา
***************
อย่าบอกนะว่ามีคนมาขัดขวางอีกแล้ว?


แสดงความคิดเห็น