ตอนที่ 812 ราชากฎขั้นสูง
ตอนที่ 812 ราชากฎขั้นสูง
จิตอสูรคือพลังสีเทาที่อยู่ระหว่างความดีและความชั่ว, ความมืดกับแสงสว่าง, สวรรค์และนรก เพราะมันคือพลังแห่งความบ้าคลั่งที่พร้อมจะท้าทายกฎเกณฑ์ทั้งหมดโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
แม้ว่าภายนอกเซี่ยเฟยจะดูเป็นคนดี แต่มันก็มีชีวิตเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนที่ถูกสังหารภายใต้เงื้อมมือของเขา แต่ถ้าหากจะบอกว่าเซี่ยเฟยเป็นคนเลวมันก็ไม่ถูกต้องไปซะทีเดียว เพราะเขาคอยดูแลแอวริลอย่างพิถีพิถันชนิดที่คนส่วนใหญ่ก็ไม่สามารถที่จะดูแลคนรักในระดับเดียวกันกับเขาได้
ไม่ว่าจักรวาลจะเป็นยังไงแต่เซี่ยเฟยก็จะใส่ใจเฉพาะคนที่เขาต้องการใส่ใจเท่านั้น ส่วนใครที่กล้ามาเป็นศัตรูของเขา ศัตรูทุกคนก็จะต้องถูกกำจัดโดยไม่มีข้อยกเว้น
นอกจากนี้มันยังมีความบ้าคลั่งที่ปะทุขึ้นมาในระหว่างการสู้รบ ยกตัวอย่างเช่น ในครั้งหนึ่งเซี่ยเฟยเคยกัดหูหยูฮัวเพื่อพยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอดอย่างสิ้นหวัง แน่นอนว่าทั่วทั้งจักรวาลมันก็คงจะมีคนกล้าสร้างวีรกรรมเช่นนี้ขึ้นมาเพียงแค่ไม่กี่คน
โดยสรุปก็คือธรรมชาติของจิตใจอยู่ตรงกลางระหว่างความดีและความชั่ว มันคือสิ่งที่ไม่เคยถูกผูกมัดด้วยกฎเกณฑ์ใด ๆ ทั้งสิ้น และเมื่อไหร่ก็ตามที่จิตอสูรถูกปลดปล่อยออกมา เมื่อนั้นผู้คนก็จะเคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณของตัวเองเท่านั้น
มันไม่ต้องสงสัยเลยว่าภายในจิตใจของเซี่ยเฟยมีจิตอสูรที่แข็งแกร่งซุกซ่อนตัวอยู่ตั้งนานแล้ว สิ่งที่เซี่ยเทียนทำคือการพยายามช่วยให้ชายหนุ่มปลดปล่อยจิตอสูรของตัวเองออกมาเท่านั้น
แต่ถึงยังไงมันก็ไม่มีใครเคยคาดคิดว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นแบบนี้
“นี่มันจะทรงพลังมากจนเกินไปแล้ว!” เซี่ยเทียน, เซี่ยจงไห่และเซี่ยอู๋เย่ ต่างก็จ้องมองไปยังเซี่ยเฟยด้วยดวงตาอันเบิกกว้าง
ชายหนุ่มในห้องฝึกยังคงปลดปล่อยความบ้าคลั่งของตัวเองออกไป พร้อมกับทำการปลดปล่อยแรงกดดันอันโหดร้ายออกมาตลอดเวลา ซึ่งภายในแรงกดดันนี้ให้ความรู้สึกถึงอารมณ์ที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นความโหดร้าย, การเยาะเย้ยหรือความเลือดเย็น
ต่อมาเซี่ยเฟยก็ค่อย ๆ กักเก็บจิตอสูรเข้าไปภายในจิตใจของเขาอีกครั้ง ทำให้บรรยากาศที่น่าอึดอัดภายในห้องฝึกค่อย ๆ ผ่อนคลายลงไป
ภาพตรงหน้าทำให้เซี่ยจงไห่ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แม้กระทั่งเซี่ยเทียนก็แอบเช็ดเหงื่อออกจากหน้าผากของตัวเองอย่างเงียบ ๆ เห็นได้ชัดเลยว่าจิตอสูรของเซี่ยเฟยแข็งแกร่งมาก จนทำให้แม้แต่เซี่ยเทียนที่เคยมีจิตศูนย์บ้าคลั่งที่สุดในตระกูลก็ยังยอมรับว่าจิตอสูรของเซี่ยเฟยมีความบ้าคลั่งมากกว่าเขา
หลังจากสูดลมหายใจเข้าออกยาว ๆ อยู่หลายครั้ง เซี่ยเฟยก็เดินเข้ามาผู้อาวุโสทั้งสามจึงยื่นมือออกไปตบไหล่ชายหนุ่มเบา ๆ
“เราจะจบการฝึกปลดปล่อยจิตอสูรเอาไว้เพียงเท่านี้ นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปพวกเราจะเริ่มฝึกการก้าวทะลวงผ่านไปเป็นราชากฎขั้นสูงแล้ว” เซี่ยเทียนกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“ผมยังรู้สึกว่าผมสามารถปลดปล่อยพลังออกมาได้มากกว่านี้อีกนะครับ พวกเราจะหยุดการฝึกเอาไว้แค่นี้จริง ๆ เหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
คำถามของชายหนุ่มทำให้เซี่ยจงไห่หน้าซีดขึ้นมาอย่างฉับพลัน เพราะแรงกดดันที่เซี่ยเฟยปลดปล่อยออกมาในวันนี้มันก็ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่นแล้ว ถ้าหากเซี่ยเฟยปลดปล่อยจิตอสูรออกมามากกว่านี้จริง ๆ บางทีชายหนุ่มอาจจะกลายไปเป็นปีศาจจริง ๆ เลยก็ได้
“การฝึกปลดปล่อยจิตอสูรไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถฝึกภายในห้องฝึกได้เพียงอย่างเดียว การพยายามดึงพลังของมันออกมาจำเป็นจะต้องใช้ทั้งเวลาและประสบการณ์ในการต่อสู้จริง จุดประสงค์หลักของการฝึกฝนในช่วงหลาย ๆ วันมานี้คือการฝึกให้นายรู้จักการควบคุมจิตอสูรของตัวเอง” เซี่ยเทียนกล่าวอธิบาย
เซี่ยเฟยพยักหน้ารับโดยไม่พูดอะไร
“ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมสกายวิงถึงถูกตั้งฉายาว่าดาบคลั่งที่ถูกปิดผนึก ตอนแรกฉันคิดว่าพวกสกายวิงควรถูกตั้งฉายาว่าตระกูลหมาป่าที่โหดเหี้ยมเสียอีก แต่ตอนนี้พวกเขาดูเหมือนกับฝูงปีศาจมากกว่า” โอโร่กล่าวขึ้นมาอย่างขนลุกหลังจากที่เขาได้เฝ้าดูการฝึกฝนของเซี่ยเฟยอย่างใกล้ชิด
“ผมรู้แค่เพียงว่าสิ่งที่เรียกว่าจิตอสูรเป็นสิ่งที่ทรงพลังมาก ในระหว่างที่ผมปลดปล่อยพลังของมันออกมา ทุกสิ่งทุกอย่างไม่ได้อยู่ในสายตาของผมเลย มันทำให้ผมรู้สึกว่าในจักรวาลนี้มันไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“จิตอสูรเป็นพลังที่น่ากลัวมากจริง ๆ แต่ตลอดทั้งชีวิตของฉันนี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันได้เห็นตระกูลที่สามารถควบคุมจิตอสูรภายในร่างของตัวเองได้ พลังประเภทนี้เป็นพลังที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมาก เรียกได้ว่ามันเป็นพลังอีกรูปแบบหนึ่งที่แตกต่างจากพลังพิเศษหรือพลังกฎก็ได้” โอโร่กล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
หลังจากการฝึกปลดปล่อยจิตอสูรเซี่ยเฟยก็รู้สึกผ่อนคลายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เมื่อเขากลับเข้าไปในห้องนอนเขาก็ปิดแหวนมิติและเริ่มฝึกกฎแห่งความโกลาหลเพียงลำพัง
กฎแห่งความโกลาหลเป็นสิ่งที่อันตรายมากเกินไป เขาจึงไม่สามารถให้ข้อมูลของพลังนี้กับใครได้เลยแม้แต่คนเดียว นอกจากนี้เขายังติดอยู่ในพลังขั้นที่ 3 มาเป็นเวลานานแล้ว แต่เมื่อเวลาค่อย ๆ ผ่านพ้นไปเขาก็รู้สึกว่าเขากำลังเข้าใกล้กฎแห่งความโกลาหลขั้นที่ 4 มากขึ้นเรื่อย ๆ
สิ่งที่ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกทึ่งมากยิ่งกว่าคือการฝึกปลดปล่อยจิตอสูรดูเหมือนจะช่วยเร่งความเร็วให้กับการฝึกกฎแห่งความโกลาหลด้วย ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาการฝึกกฎแห่งความโกลาหลจึงมีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วกว่าเดิม
“จิตอสูรช่างเป็นพลังที่วิเศษจริง ๆ” เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับพึมพำกับตัวเองขึ้นมาเบา ๆ
—
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาสวนสายลมที่เคยรกร้างก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เพราะนักรบสกายวิงกว่า 40 คนต่างก็ได้มารวมตัวกันอยู่ในสวนแห่งนี้ด้วยกันทั้งหมด
เมื่อสองวันก่อนเซี่ยเหล่าสือได้ประกาศว่าตระกูลสกายวิงมีราชากฎเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งคนแล้ว และถึงแม้ว่าชายชราจากศูนย์ฝึกสายลมจะขี้งกไปบ้าง แต่มันก็ต้องยอมรับว่าเซี่ยเหล่าสือคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของสกายวิงอย่างทุกวันนี้จริง ๆ
ราชากฎคนใหม่ของสกายวิงมีชื่อว่าเซี่ยเสี่ยวโป้ ซึ่งชายหนุ่มคนนี้มีอายุไม่ได้แตกต่างไปจากเซี่ยเฟยมากนัก รูปลักษณ์ของเขามีคิ้วหนาตาโตร่างบางจนทำให้ใคร ๆ ก็อาจจะเข้าใจผิดว่าเขาเป็นผู้หญิงได้ถ้าหากไม่ได้สังเกตอย่างระมัดระวังมากพอ และเมื่อเซี่ยเสี่ยวโป้มีพลังถึงระดับราชากฎ เขาก็มีคุณสมบัติที่จะเข้าสู่สวนสายลมซึ่งถือได้ว่าเป็นสำนักงานใหญ่ของตระกูลสกายวิง
ช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้มันก็ล้วนแต่มีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นกับตระกูลสกายวิงอย่างมากมาย โดยเฉพาะเรื่องที่เซี่ยเฟยได้กลับมาเข้าร่วมกับตระกูลและค่อย ๆ เปิดเผยความสามารถอันน่ากลัวออกมาอย่างต่อเนื่อง แล้วในวันนี้สมาชิกรุ่นใหม่ของตระกูลก็พึ่งพัฒนาจนกลายเป็นราชากฎได้อีกคน มันจึงทำให้ผู้ที่อยู่ประจำสวนสายลมอย่างเซี่ยอู๋เย่และเซี่ยจงไห่เผยรอยยิ้มออกมาอย่างยินดี
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เซี่ยเสี่ยวโป้ชอบทำมากที่สุดก็คือการแอบอยู่นอกห้องฝึกของเซี่ยเฟย และสัมผัสถึงแรงกดดันอันน่ากลัวอย่างตื่นเต้น ท้ายที่สุดแม้ว่าเขาจะได้เรียนรู้การปลดปล่อยจิตอสูรตามหลักสูตรของตระกูล แต่จิตอสูรภายในใจของเขานั้นกลับด้อยกว่าจิตอสูรของเซี่ยเฟยอย่างน่าสงสาร
ในเวลาเดียวกันเมื่อมีราชากฎคนใหม่ถือกำเนิดขึ้นมา เหล่าบรรดานักรบผู้รักอิสระของสกายวิงก็ได้กลับมารวมตัวกันในสวนสายลมอย่างไม่ได้นัดหมาย เพราะในฐานะของรุ่นพี่พวกเขาก็ควรจะต้องกลับมาแสดงความยินดีและมอบของคำแนะนำเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับเซี่ยเสี่ยวโป้
ท้ายที่สุดตระกูลสกายวิงก็คือตระกูลที่พร้อมจะทำสงครามกับตระกูลชั้นยอด เพียงเพราะสมาชิกภายในตระกูลเพียงแค่คนเดียว ความสามัคคีของพวกเขาจึงกลายเป็นเรื่องที่น่ากลัวที่สุดภายในดินแดนกฎ จนมีคำติดปากของคนทั่ว ๆ ไปพูดขึ้นมาว่าให้พวกเขาออกไปฆ่าจักรพรรดิกฎสักคน มันยังดีกว่าให้พวกเขาไปยั่วยุพวกหมาป่าจากสกายวิง
ในเวลาเดียวกันเซี่ยจงไห่ก็เริ่มกระจายข่าวออกไปว่าจิตอสูรของเซี่ยเฟยมีความแข็งแกร่งมากยิ่งกว่าจิตอสูรของเซี่ยเทียนเสียอีก ทุกคนจึงอยากเห็นว่าเซี่ยเฟยได้ซุกซ่อนจิตอสูรแบบใดเอาไว้กันแน่ มันถึงทำให้แม้กระทั่งผู้ที่มีจิตอสูรแข็งแกร่งที่สุดในรอบ 1,000 ปีอย่างเซี่ยเทียนก็ยังเลือกที่จะยอมแพ้ต่อจิตอสูรของเซี่ยเฟยแบบนี้
—
“โอ้แม่เจ้า! เซี่ยเฟยซ่อนปีศาจแบบไหนเอาไว้ภายในใจของเขากันแน่?” เซี่ยหลานซานผู้ซึ่งเป็นนักรบตัวใหญ่ผิวเหลืองอุทานขึ้นมาด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด
เซี่ยอู๋เย่เพียงแค่เผยรอยยิ้มออกมาเป็นคำตอบเท่านั้น ขณะที่เขาพยักหน้าให้เซี่ยเสี่ยวโป้ได้เข้ามาเพื่อสนทนากับเซี่ยหลานซาน
เซี่ยเสี่ยวโป้ชื่นชมสมาชิกระดับสูงของตระกูลผู้ที่อาศัยอยู่ในสวนสายลมมาโดยตลอด เมื่อเขาได้มีโอกาสมายืนเคียงข้างกับผู้อาวุโสเหล่านี้ มันจึงทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
เซี่ยหลานซานพยายามสงบสติอารมณ์และพูดคุยแนะนำเซี่ยเสี่ยวโป้พร้อมกับมอบของขวัญแสดงความยินดี จากนั้นพวกเขาก็นั่งคุยกันอย่างระแวดระวัง เนื่องมาจากแรงกดดันอันน่าน่ากลัวที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากห้องฝึกซ้อมของตระกูล
“แข็งแกร่งมาก! แรงกดดันของเขามันมากกว่าของพี่เซี่ยเทียนซะอีก” เซี่ยหลานซานกล่าว
“ที่จริงแล้วจิตอสูรของเซี่ยเฟยยังถูกปลดปล่อยออกมาได้ไม่เต็มที่ เซี่ยเทียนพยายามเว้นที่ว่างเหลือเผื่อเอาไว้เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นในวันหน้า ท้ายที่สุดจิตอสูรก็เป็นเหมือนดาบสองคมที่สามารถทำร้ายพันธมิตรของตัวเองได้ด้วยเหมือนกัน เซี่ยเทียนคงจะไม่อยากให้เซี่ยเฟยเกิดข้อผิดพลาดเหมือนกับตัวเขาในอดีต” เซี่ยอู๋เย่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
เซี่ยเทียนเคยสูญเสียการควบคุมสติสัมปชัญญะและทำร้ายสมาชิกในตระกูลมาครั้งหนึ่งแล้ว เรื่องนี้จึงกลายเป็นบาดแผลในจิตใจที่ไม่มีวันแก้ให้หายขาดได้ เขาจึงช่วยเซี่ยเฟยทำการฝึกฝนอย่างเข้มงวดเพื่อที่ชายหนุ่มจะได้ไม่ผิดพลาดเหมือนตัวเขา
“นี่เขายังปลดปล่อยจิตอสูรออกมาไม่หมดอีกงั้นเหรอ?” เซี่ยหลานซานอุทานพร้อมกับกลืนน้ำลายลงไปอึกใหญ่
“ฉันคิดว่าเซี่ยเทียนฝึกเซี่ยเฟยอย่างระมัดระวังเกินไปหน่อย แม้ว่าเซี่ยเฟยจะมีจิตอสูรที่แข็งแกร่งมาก แต่เขาก็มีความสามารถในการควบคุมสภาวะจิตใจของตัวเองอย่างแข็งแกร่งด้วยเหมือนกัน การจำกัดการฝึกของเขาแบบนี้มันเลยทำให้การพัฒนาของเซี่ยเฟยเชื่องช้ามากเกินไป” เซี่ยอู๋เย่กล่าว
“เดี๋ยวก่อนนะ นี่มันความรู้สึกของการพยายามบุกทะลวงผ่านกำแพงราชากฎขั้นที่ 6 ไม่ใช่เหรอ?!” เซี่ยหลานซานสะดุ้งถามด้วยความตกใจ เมื่อเขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกใหม่ท่ามกลางแรงกดดันอันบ้าคลั่ง
“อืมใช่แล้ว เซี่ยเฟยกำลังพยายามทะลวงผ่านด่านราชากฎขั้นที่ 6 อยู่” เซี่ยอู๋เย่ตอบกลับอย่างแผ่วเบา
“อะไรนะ?! เซี่ยเฟยกำลังพยายามทะลวงผ่านราชากฎขั้นที่ 6 แล้วงั้นเหรอ? แบบนี้อีกไม่นานเขาก็คงจะไล่ตามผมทันแล้วใช่ไหม?!” เซี่ยหลานซานอุทานด้วยดวงตาอันเบิกกว้าง
“ตอนนี้คุณมีพลังอยู่ในลำดับที่ 8 ของตระกูล ถ้าหากเซี่ยเฟยสามารถก้าวข้ามผ่านกำแพงนี้ได้สำเร็จ เขาก็จะขึ้นมาอยู่ในลำดับที่ 13 ของตระกูล” เซี่ยอู๋เย่กล่าวแจกแจงโดยละเอียด
“เซี่ยเฟยเพิ่งจะได้กลับมาในตระกูลเพียงแค่ไม่นานเท่านั้น แต่เขากลับพัฒนาได้เร็วขนาดนี้เลยเหรอ ไม่ได้การล่ะฉันจะปล่อยให้เขาแซงหน้าฉันไปง่าย ๆ ไม่ได้อย่างเด็ดขาด”
“คุณตาช่วยเตรียมห้องฝึกให้ผมด้วย ผมจะเก็บตัวฝึกและพยายามก้าวข้ามผ่านกำแพงราชากฎขั้นที่ 8 ไปให้ได้” เซี่ยหลานซานกล่าวขึ้นมาอย่างจริงจัง
เซี่ยอู๋เย่เผยรอยยิ้มออกมาอย่างยินดี ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเซี่ยหลานซานไม่ใช่คนแรกที่ต้องการเก็บตัวฝึกฝนแบบนี้
ท้ายที่สุดเมื่อทุกคนได้มาเห็นการพัฒนาของเซี่ยเฟย มันก็สร้างแรงกดดันอันหนักหน่วงขึ้นในจิตใจของนักรบรุ่นพี่ทุกคน เหล่าบรรดานักรบสกายวิงจอมขี้เกียจจึงเริ่มมีไฟที่จะทำการฝึกฝนขึ้นมาอีกครั้ง แม้แต่เซี่ยจงไห่ก็ไม่ได้ไปที่สมาคมผู้คุมกฎเพื่อเล่นหมากรุกอีกต่อไป เพราะเขาได้เก็บตัวฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อไม่ให้เซี่ยเฟยแซงหน้าเขาไปได้ง่าย ๆ
ทันใดนั้นความผันผวนของพลังงานอันรุนแรงก็ปะทุออกมาจากห้องฝึก ซึ่งมันเป็นสัญญาณของผู้ที่สามารถบรรลุผ่านพลังไปได้อีกขั้น
“เลื่อนระดับแล้ว! เซี่ยเฟยกลายเป็นราชากฎระดับสูงแล้ว!!” ทั้งเซี่ยอู๋เย่และเซี่ยหลานซานต่างก็อุทานออกมาอย่างตกใจ
***************
ฝึกฝนทีกระตุ้นทั้งตระกูล 555


แสดงความคิดเห็น