1

ตัวร้าย.. ไม่ใช่ข้าแล้วจะเป็นใคร ?

-A A +A
อ่านต่อ
1

1

ตอนที่ 1 กลับมาอีกครั้ง

 

พวกคุณคงเคยได้ยินเรื่องการถูกส่งไปต่างโลกมาเยอะแล้ว…… และใช่
ผมเองก็เป็นหนึ่งในนั้น….. แต่บทบาทของผมนั้นต่างออกไป

และนี่ก็คือชีวิตที่ 3 ของผม

…………

ทวีป A เป็นโลกแห่งศิลปะการต่อสู้!

 มีข่าวลือว่าด้วยพลังลึกลับในยุคสมัยโบราณ ทวีปจึงถูกแบ่งแยกออกเป็นห้าส่วน !

ที่มุมหนึ่งทางตะวันตกไกลจากทวีปส่วนตะวันออก มีนิกายขนาดใหญ่ตั้งอยู่เหนือภูเขาและล้อมรอบไปด้วยแมน้ำหลายพันไมล์ 

เหนือนิกายที่กว้างใหญ่ มีนกกระเรียนสีขาวส่งเสียงร้องมงคลลงมาจากท้องฟ้า และน้ำพุจิตวิญญณระเบิดพุ่งสูงขึ้นสู่ท้องฟ้า  

 

นักพรตเหยียบดาบเดินเหินในอากาศพุ่งผ่านระยะหลายพันไมล์ในพริบตา  

  ผู้แข็งแกร่งเหวี่ยงหมัดออกไป และหินแข็งก็กลายเป็นเศษซากกระจายไปทั่ว  

 

  …………

ณ ยอดเขาที่สูงทะลุเมฆเหนือใจกลางนิกาย

เมฆสีขาวลอยอยู่บนยอดเขา และหมอกปกคลุมอยู่ทั่ว  

เต๋าซุนแต่งกายด้วยชุดสีขาวราวหิมะ ผมของเขาปลิวไสวไปตามสายลม และคู่ดวงตาของเขาดูล้ำลึกไร้ขอบเขต   

เขายืนอยู่บนขอบหน้าผาบาง ๆ สายลมก็พัดผ่านเสื้อผ้าสีขาวเสียงดัง

 “ข้าได้มาเกิดใหม่อีกครั้งรึ!” เต๋าซุนตะลึง จากนั้นก็เงียบไปสามนาที

“การเกิดใหม่สมควรเป็นโชคของตัวเอกไม่ใช่รึ  ? แล้วเหตุใดถึงเกิดขึ้นกับตัวร้ายเช่นข้า!”

 

 เต๋าซุนเริ่มตรวจสอบสถานการณ์ของเขาเอง และก็สรุปได้ว่าวิญญาณของเขาได้ถูกส่งกลับก่อนช่วงเวลาปัจจุบัน

ด้วยสภาพที่อ่อนแออย่างนึกไม่ถึงนี้ เขาก็มั่นใจว่าตนถูกส่งกลับมาเมื่อตอนอายุ 15 และเป็นช่วงที่เพิ่งเริ่มฝึกบ่มเพาะ  

แต่การกลับมาเกิดใหม่ครั้งนี้ เขาไม่เพียงแต่มีความทรงจำทั้งหมดเกี่ยวกับชาติก่อนเท่านั้น แต่...

ภายในร่างกายตรงช่วงท้องของเขา มีลูกปัดปรากฏลอยอยู่อย่างเงียบๆ มันส่องแสงจางๆออกมาพร้อมกับพื้นผิวที่ดูธรรมดา 

แต่หากมองดูให้ดี เจ้าจะพบว่าในลูกปัดทรงกลมนี้มีโลกของตัวเองอยู่ มันสว่างเจิดจ้าด้วยแสงไม่มีสิ้นสุด มีต้นหญ้าที่ปกคลุมไปด้วยน้ำค้าง และมีดวงอาทิตย์กำลังลอยขึ้นเหนือท้องฟ้า

มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุดในลูกปัดนี้ และพลังที่ปล่อยออกมาก็ราวกับสามารถบดขยี้ภูเขาให้ราบเป็นหน้ากองได้เพียงแค่สัมผัสเล็กน้อยเท่านั้น  

เต๋าซุุนรู้สึกถึงลมหายใจที่คุ้นเคยจากภายในลูกปัดนี้ ทันใดนั้น ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างราวกับว่าเขานึกถึงบางสิ่งที่เหลือเชื่อ

ลูกปัดทรงกลมนี้เป็นสิ่งที่เขาบังเอิญได้มาในชาติที่แล้ว ตอนนั้นเขายังไม่รู้วิธีใช้งานมัน รู้เพียงแต่ว่ามันสามารถช่วยให้เขาฉีกระชากมิติได้ 

เต๋าซุนยังคงจำวันที่เกิดเหตุได้ดี ตอนนั้นการฝึกของเขาอยู่ที่ระดับ 8 และเขาก็ใช้ลูกปัดสร้างแยกมิติเพื่อหลบหนีออกมา  แต่ใครจะไปคิดว่าเขาจะถูกส่งกลับมาเกิดใหม่ในช่วงเยาว์วัยเช่นนี้   

ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าทำไมเขาถึงรู้สึกคุ้นเคยเมื่อมองไปยังลูกปัดทรงกลมนี้ พลังในลูกปัดนั้นก็คือพลังระดับ 8 ของเขาจากชีวิตก่อนที่หลอมรวมเข้ากับลูกปัดเม็ดนี้  

ร่างกายของเต๋าซุนสั่นด้วยความตื่นเต้น เขามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าในระยะเวลาหนึ่งปี เขาย่อมต้องกลับไปสู่ระดับ 8 ได้อย่างแน่นอนด้วยพลังของลูกปัดนี้  

เส้นทางแห่งการฝึกบ่มเพาะนั้นยากลำบากยิ่ง!

 มันยากพอๆ กับการปีนขึ้นฟ้า!

 ยากเหมือนไต่ขึ้นสู่สวรรค์ทีละก้าว!

 มนุษย์จะเริ่มต้นเส้นทางฝึกบ่มเพาะด้วยระดับ 1 ในระดับนี้คือการกลั่นร่างกาย กลั่นเลือดเนื้อ กระดูก อวัยวะภายในและเพิ่มแข็งแกร่งของผิวหนัง  

 ทั้งหมดนี้เป็นการฝึกฝนภายนอก

หลังจากที่ร่างกายได้รับการขัดเกลาแล้ว เขาก็จำเป็นต้องเปิดเส้นลมปราณในร่างกายเพื่อเชื่อมต่อร่างกายกับพลังจิตวิญญาณสวรรค์ของโลก และเข้าสู่ระดับที่ 2 

ระดับการบ่มเพาะทั้งหมดจะถูกแบ่งออกเป็น 9 ระดับ ตั้งแต่ 1-9  

ระดับทั้งเก้านี้ถูกเรียกว่าเก้าสมปราณไต่สวรรค์ 

เต๋าซุนมองไปยังเส้นขอบฟ้าอันห่างไกล ตอนนี้เขาสามารถโคจรพลังในลูกปัดได้ตามใจคิด ดังนั้นการทะลวงผ่านระดับ 1  และเข้าสู่ระดับ 2 โดยตรงนั้นถือเป็นเรื่องที่ง่ายยิ่ง

ถ้าไม่มีปัญหาอะไร เพียงแค่เขาดูดซับพลังในลูกปัดนี้หนึ่งปี เขาก็ย่อมกลับไปสู่ระดับ 8 ได้อย่างง่ายดายแล้ว 

แต่ตอนนี้เขายังไม่รีบ สิ่งแรกที่เขาต้องการทำตอนนี้คืออยู่ที่นิกาย และเพื่อไม่ให้ใครเห็นถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น เขาจึงตัดสินใจค่อยๆทำทุกอย่างไปทีละขั้นตอน 

อย่างที่สอง เต๋าซุน ไม่อยากหมกมุ่นอยู่กับการฝึกบ่มเพาะมากนัก และอยากจะเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศในตอนนี้เสียมากกว่า 

ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงอยู่ และเขาก็มีเวลามากพอจะเอาคืน

ท่านพ่อ, เจ้าปลาน้อย, คังเทียน และเด็กหญิงที่ยืนอยู่ริมแม่น้ำพร้อมกับน้ำตาไหลที่อาบแก้มไปตามสายลม  ตอนนั้นนางร้องไห้ให้กับตัวเองถึงความต้องการที่จะใช้ชีวิตเฉกเช่นคนธรรมดา

แต่เขาก็เป็นคนทำให้ทุกอย่างสูญสิ้นไป… และหลังจากหลบหนีมาได้อย่างหวุดหวิด ในที่สุดเขาก็ต้องพ่ายให้กับดาบของตัวเอก….   เย่เฉิน

 

  …………

เต๋าซุนมองไกลออกไป ชุดสีขาวของเขาผสานเข้ากับหมอก สายลมดูเหมือนจะแรงขึ้นเรื่อย ๆ มันพัดผ่านรอยยิ้มอันบ้าคลั่งของเขาเบาๆ 

“เย่เฉิน ในชีวิตก่อนข้าเป็นเพียงหินก้อนใหญ่ให้เจ้าเหยียบย่ำขึ้นสวรรค์ ด้วยวิญญานผู้เฒ่าและความขี้โกงที่เจ้ามี ข้าไม่ต่างอะไรไปจากเบี้ยตัวเล็กๆบนกระดานหมากของเจ้า  !

แต่ในชีวิตนี้ ข้าจะกระโดดออกจากกระดานนั้นซะ และใช้ชีวิตให้เหนือทุกสิ่ง ข้าจะเปลี่ยนสวรรค์และโลกเป็นหมากกระดานของข้าเอง และควบคุมทุกสิ่งตลอดไป  "

………

ตำหนักที่เต๋าซุนอาศัยอยู่ตั้งอยู่กลางยอดเขาเดียวดาย มีสมุนไพรบานสะพรั่งตลอดสองข้างทาง รุ้งสีน้ำเงินพัวพันกันเป็นแถบสีม่วง มีสัตว์มงคลวิ่งมาแต่ไกล ตัวของมันปกคลุมไปด้วยแสง

หากผลไม้หลากสีสดใสบนต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองข้างถูกปล่อยสู่โลกภายนอก พวกมันย่อมต้องเป็นผลไม้วิญญาณที่ผู้คนต่างก็ต้องต่อสู้แย่งชิง 

 แต่สำหรับที่นี่ สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงของประดับตกแต่งทิวทัศน์ระหว่างทางเท่านั้น

 เต๋าซุนมาที่ลานบ้าน และผู้คุ้มกันของนิกายเหนือเมฆาก็กำลังรอเขาอยู่ที่ประตู 

“นายน้อยขอรับ ท่านรองหัวนิกายได้ฝากข้ามาบอกว่า หากท่านว่างแล้วให้ท่านไปพบที่บ้าน   ท่านรองหัวหน้านิกายก็มีบางอย่างจะบอกท่าน  ” ผู้คุ้มกันนิกายก็กล่าวด้วยความเคารพ

 “ข้าทราบแล้ว” เต๋าซุนพยักหน้าและเดินไปที่ภูเขาเมฆาพร้อมกับผู้คุ้มกัน  

 …………

สามปีที่แล้ว หัวหน้าคนปัจจุบันของนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ได้ไปถึงจุดสูงสุดของระดับ 8 แล้ว และเขาก็ออกไปไล่ตามหาความหวังสุดท้ายในการก้าวเข้าสู่ระดับ 9   

เขาได้มอบอำนาจให้กับรองผู้นำนิกายเต๋าเสี่ยวโม่ และออกไปที่โลกมนุษย์เพียงลำพังโดยหวังว่าจะพบความก้าวหน้าในการก้าวผ่าน

ตั้งแต่นั้นมา รองผู้นำนิกายเต๋าเสี่ยวโม่ก็ได้กลายเป็นบุคคลที่มีอำนาจมากที่สุดในนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ และ เต๋าซุนก็เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของ เต๋าเสี่ยวโม่

อาจกล่าวได้ว่าเขาคือผู้สืบทอดของนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ก็ว่าได้ 

 …………

เต๋าซุนรู้ว่าพ่อของเขาต้องการคุยกับเขาเกี่ยวกับการฝึกบ่มเพาะ 

ตอนนี้เขามีอายุสิบห้าปีแล้ว และมันก็ถึงเกณฑ์ขั้นพื้นฐานที่เขาจะต้องเข้าสู่เส้นทางการฝึกบ่มเพาะแล้ว

ก่อนอายุสิบห้า เส้นลมปราณและอวัยวะภายในในร่างกายมนุษย์จะยังไม่เหมาะสม ซึ่งทำให้ร่างกายอ่อนและฝึกฝนได้ลำบาก 

โดยพื้นฐานแล้ว ทุกคนในทวีป A นั้นจะเริ่มเข้าสู่เส้นทางการฝึกบ่มเพาะตั้งแต่อายุ 15 ปี  

 …………

เต๋าซุนก็มาถึงภูเขาเมฆา ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของตัวตนที่ทรงอำนาจที่สุดในนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ ที่นี่ไม่มีอาคารหรือตำหนักที่งดงาม 

 มีเพียงกระท่อมธรรมดาๆที่มีแม่น้ำใสไหลอย่างเชื่องช้าอยู่ข้างๆเท่านั้น และชายวัยกลางคนที่สวมเสื้อเชิ้ตสีเขียวก็นั่งอยู่บนพื้นริมแม่น้ำ  

  …………

เต๋าซุน ยืนอยู่ริมแม่น้ำและมองดูพ่อของเขาอย่างเงียบ ๆ

 เขาไม่ได้พูดอะไร และ เต๋าเสี่ยวโม่เองก็ไม่มีปฏิกิริยาเช่นกัน

พ่อและลูกชายล้วนมีความเข้าใจกันโดยปริยายอย่างน่าทึ่ง

หลังจากนั้นเป็นเวลานาน สายลมในอากาศก็ดูเหมือนจะทำลายความเงียบงันนี้ และ เต๋าเสี่ยวโม่ ก็ค่อยๆลืมตาหน้าขึ้น

เขาดูเป็นชายวัยกลางคนธรรมดาๆที่สวมเสื้อเชิ้ตสีเขียวเรียบๆ และไม่มีกลิ่นอายน่ากลัวใดๆบนร่างกายเลย

 

 

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.