ตอนที่ 802 เชิญออกไป
ตอนที่ 802 เชิญออกไป
เซี่ยเฟยขมวดคิ้วขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจหลังจากที่เขาได้เห็นการอนุมานที่ผิดพลาดของหญิงสาวที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ ซึ่งในความคิดเห็นของเขาการอนุมานของหญิงสาวเป็นสิ่งที่แทบจะหาความจริงในนั้นไม่ได้เลย
ชายหนุ่มเขยิบก้นออกมาเล็กน้อยเพื่อให้อยู่ห่างจากโจวเสี่ยวหมานเพิ่มอีกสักนิดก็ยังดี
ขณะเดียวกันโจวเสี่ยวหมานก็รู้สึกเสียหน้าอยู่เล็กน้อย เมื่อได้เห็นว่าการอนุมานของเธอไม่เพียงแต่จะไม่สามารถดึงดูดความสนใจของเซี่ยเฟยได้เท่านั้น แต่มันยังทำให้ชายหนุ่มคนนี้มองมาที่เธอด้วยแววตาดูถูกเหยียดหยามอีกด้วย
หากเหตุการณ์มันจบลงเพียงเท่านี้มันก็คงจะดีมาก แต่โจวเสี่ยวหมานยังคงยืนกรานอนุมานเหตุการณ์ต่าง ๆ ไม่หยุดหย่อน และเธอก็ยังพูดเสียงดังมากขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้เซี่ยเฟยทำได้เพียงแค่ส่ายศีรษะอย่างปวดหัว
ไม่ว่ายังไงความอดทนของคนคนหนึ่งก็มีอยู่อย่างจำกัด หลังจากที่ชายหนุ่มทนฟังการอนุมานผิด ๆ ของหญิงสาวมาเป็นเวลานาน ในที่สุดเขาก็ลุกยืนขึ้นขณะที่โจวเสี่ยวหมานกำลังแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับตัวตนของผู้หญิงคนหนึ่ง
“ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ภรรยาหลวงของผู้ชายที่อยู่ใกล้ ๆ เธออย่างแน่นอน คุณลองสังเกตให้ดี ๆ ว่าในระหว่างที่เขาแนะนำภรรยาให้คนอื่นรู้จัก สายตาของผู้หญิงคนอื่นมองไปที่เธอด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความดูถูก”
“ที่นิ้วนางข้างซ้ายของชายคนนั้นก็มีรอยจาง ๆ อยู่ด้วยเช่นเดียวกัน หมายความว่าเขาเพิ่งจะถอดแหวนแต่งงานก่อนที่เขาจะเดินทางมาร่วมการประมูลในครั้งนี้ ถ้าหากผู้หญิงคนนั้นคือภรรยาหลงของเขา เขาก็คงไม่โง่มากพอที่จะถอดแหวนแต่งงานออกต่อหน้าภรรยาของตัวเอง”
“นอกจากนี้แม้ว่าเธอจะแต่งตัวหรูหราแต่เธอก็ยังคงแสดงปฏิกิริยาไม่สบายตัวออกมาเป็นระยะ ๆ หมายความว่าเธอไม่เคยสวมใส่เสื้อผ้าในลักษณะนี้มาก่อนเลย ฝ่ามือของเธอก็ค่อนข้างที่จะหยาบกร้าน บ่งบอกว่าเธอเคยทำงานในครัวมาอย่างโชกโชน แต่ด้วยการแต่งกายของชายคนนั้นมันจึงไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้ภรรยาของตัวเองทำงานบ้านอย่างเด็ดขาด”
“ภายในแววตาของเธอเต็มไปด้วยความกังวล หมายความว่าเธอไม่เคยออกงานระดับสูงแบบนี้มาก่อน รองเท้าส้นสูงที่เธอใส่ก็มีสภาพที่ใหม่มากจนทำให้เธอรู้สึกอึดอัดจนเกือบจะเดินเท้าพลิกไปหลายครั้ง สังเกตได้จากว่าเธอพยายามใช้มือจับเก้าอี้เอาไว้เพื่อให้เธอสามารถทรงตัวได้อย่างมั่นคง”
“ส่วนสาเหตุที่เธอเลือกจับเก้าอี้แทนที่จะเป็นสามีของตัวเอง นั่นก็เพราะว่าเธอค่อนข้างที่จะกลัวผู้ชายคนข้าง ๆ อยู่นิดหน่อย และเธอกับสามีก็ไม่ได้มีความสนิทสนมเหมือนกับสามีภรรยาทั่วไปเลยแม้แต่นิดเดียว”
“ท้ายที่สุดผู้หญิงก็มักจะแสวงหาการคุ้มครองจากชายคนรักเป็นอันดับแรกอยู่แล้ว แต่การที่เธอเลือกที่จะจับเก้าอี้แทนแขนของชายคนนั้น มันไม่ดูแปลกเกินไปหน่อยงั้นเหรอ?”
คำอนุมานของเซี่ยเฟยทำให้โจวเสี่ยวหมานอ้าปากค้างขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เพราะทักษะในการคิดวิเคราะห์ของชายหนุ่มคนนี้น่าทึ่งมาก จนทำให้เธอไม่สามารถคิดหาข้อมูลมาหักล้างได้เลยแม้แต่นิดเดียว
“ฉันขอสรุปสั้น ๆ คือพวกเขาไม่ใช่คู่รักแต่เป็นชู้ที่พึ่งคบกันได้เพียงแค่ไม่นาน ชายคนนั้นกำลังเอาเหยื่อคนใหม่มาอวดให้เพื่อน ๆ ได้รู้จัก ในแววตาของเขามีความหิวกระหายอยู่เล็กน้อยแสดงว่าพวกเขายังไม่ได้ร่วมหลับนอนกัน ท่าทางการเดินของเธอก็แสดงให้เห็นว่าเธอยังคงบริสุทธิ์ไม่เคยผ่านมือผู้ชายมาด้วยเช่นกัน”
“แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่รู้ตัวเลยว่าเธอกำลังจะเป็นมือที่ 3 และอนาคตที่รอคอยเธออยู่ก็มีเพียงแค่การถูกทิ้งเพียงเท่านั้น” เซี่ยเฟยกล่าวอธิบายจนจบ
“ทำไมเธอถึงจะถูกทิ้งล่ะ? พวกเขาจะแต่งงานกันหลังจากนี้ไม่ได้เหรอ บางทีผู้ชายคนนั้นอาจจะหย่ากับภรรยาของเขาแล้วก็ได้” โจวเสี่ยวหมานกล่าวถาม
“มันไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอก ถึงแม้ว่าผู้ชายคนนั้นจะมีเล็กมีน้อยอยู่บ้าง แต่เขาก็ค่อนข้างกลัวภรรยาของตัวเองพอสมควร ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่เลือกถอดแหวนแต่งงานของตัวเอง ท่าทางของเขาก็ค่อนข้างที่จะลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่พอสมควร แสดงให้เห็นว่าเขายังคงกลัวที่จะพบกับคนรู้จักของภรรยา” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“แล้วทำไมคุณถึงบอกว่าเธอคนนั้นเคยทำงานในครัวมาก่อนล่ะ?” โจวเสี่ยวหมานกล่าวถาม
“บนมือของเธอมีรอยแผลเป็นจากการโดนมีดบาดอยู่เยอะมาก เมื่อเธอรู้สึกกังวลเธอมักที่จะก้มหน้าลงไป 45 องศา ซึ่งเป็นมุมที่เธอมักจะใช้ในการก้มหน้าลงเพื่อทำอาหาร เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอรู้สึกไม่มั่นใจเธอเลยก้มศีรษะลงมาในมุมที่เธอเคยชิน”
ความจริงแล้วเซี่ยเฟยสามารถชี้ให้เห็นหลักฐานได้มากกว่านี้ แต่สำหรับคนธรรมดา ๆ อย่างโจวเสี่ยวหมานการยกเหตุผลขึ้นมาพูดเพียงเท่านี้ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว
“เธอเป็นใครกันแน่? ทำไมเธอถึงนำคนทุกคนมาปิดกั้นฉันเอาไว้ในห้อง ๆ นี้?” เซี่ยเฟยกล่าวถามพร้อมกับเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย
“เอ่อ…” โจวเสี่ยวหมานลากเสียงอย่างพูดไม่ออก ขณะที่หัวใจของเธอกำลังเต้นระรัวเนื่องจากเจตนาของเธอถูกเซี่ยเฟยเปิดเผยออกมาต่อหน้า
เหล่าบรรดาบอดี้การ์ดจากบริษัทการค้าแคนเดิลไลท์เริ่มแสดงความวิตกกังวลออกมาด้วยเช่นกัน เพราะพวกเขาคิดว่าเซี่ยเฟยคือฆาตกรที่โหดเหี้ยม ดังนั้นถ้าหากว่าชายคนนี้โกรธการจะสังหารใครสักคนคงจะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับชายหนุ่มมากนัก
โจวเสี่ยวหมานขยับริมฝีปากราวกับว่าเธอพยายามจะพูดอะไร แต่เซี่ยเฟยกลับยื่นมือออกไปเพื่อหยุดเธอเอาไว้ซะก่อน
“ฉันไม่คิดเลยว่าตระกูลโจวจากบริษัทการค้าแคนเดิลไลท์จะปฏิบัติตัวต่อแขกของพวกเขาแบบนี้”
ทันทีที่สิ้นคำพูดของเซี่ยเฟย ทุกคนต่างก็มองไปยังชายหนุ่มด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง เพราะไม่เพียงเซี่ยเฟยจะค้นพบว่าโจวเสี่ยวหมานกับแขกทุกคนภายห้องจะเป็นคนกลุ่มเดียวกันเท่านั้น แต่เขายังสามารถระบุตัวตนของโจวเสี่ยวหมานได้อีกด้วย
“อยากคิดว่าที่นี่คืออาณาเขตบริษัทของพวกคุณแล้วพวกคุณจะทำอะไรก็ได้ ฉันคนนี้อยากจะทำอะไรมันก็ไม่มีใครสามารถที่จะเข้ามาขวางทางของฉันได้ด้วยเหมือนกัน” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย่อหยิ่ง
หากโจวเสี่ยวหมานนำคนของเธอเข้ามาในห้องนี้โดยไม่คิดจะทำอะไร เซี่ยเฟยย่อมที่จะยอมเสแสร้งแกล้งทำเป็นไม่รู้ถึงการเคลื่อนไหวของหญิงสาว
น่าเสียดายที่โจวเสี่ยวหมานไม่เพียงแต่จะนำผู้คนเป็นจำนวนมากมาปิดล้อมเขาเอาไว้เท่านั้น แต่เธอยังพูดสิ่งที่ทำให้เซี่ยเฟยรู้สึกรำคาญออกมาซ้ำ ๆ เป็นเวลานานอีกด้วย
ชายหนุ่มจึงต้องการที่จะสั่งสอนบทเรียนเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้กับเธอ เพื่อทำให้เธอรู้สึกอึดอัดแบบที่เขาต้องเจอหลังจากทนฟังการอนุมานผิด ๆ ของเธอมาเป็นเวลานาน
“เอาล่ะคุณหนู ฉันคิดว่าตอนนี้คุณควรจะพาคนของคุณออกไปได้แล้ว” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ขณะที่สายตาของเขายังคงจับจ้องมองไปยังโต๊ะประมูล
—
ในที่สุดห้องรับแขกขนาดใหญ่ก็ได้กลายเป็นห้องส่วนตัวของเซี่ยเฟยเพียงคนเดียว ในบางครั้งมันจึงทำให้มีผู้คนมองมาที่ชายหนุ่มด้วยความสงสัย โดยพวกเขาต่างก็มีความคิดว่าเซี่ยเฟยคือใคร ทำไมเขาถึงสามารถครอบครองห้องรับแขกขนาดใหญ่คนนี้ได้ด้วยตัวคนเดียว
“ทำไมนายถึงไล่เธอออกไปแบบนั้นล่ะ? อย่าลืมนะว่าที่นี่คือพื้นที่ในบริษัทของเธอ การไล่เธอออกไปแบบนั้นมันจะไม่สร้างปัญหาตามมาทีหลังงั้นเหรอ?” โอโร่กล่าวถาม
“ถึงยังไงผมก็มีปัญหาเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว มันจะมีปัญหาเพิ่มขึ้นมาอีกสักเรื่องสองเรื่องมันก็คงจะไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไรมาก” เซี่ยเฟยตอบกลับอย่างเฉยเมย
โอโร่ถึงกับพูดไม่ออกไปอยู่พักหนึ่ง ซึ่งนิสัยของชายหนุ่มก็เป็นแบบนี้มาโดยตลอด เมื่อไหร่ก็ตามที่เซี่ยเฟยอารมณ์ไม่ดีเขาก็สามารถที่จะสังหารเหยื่อคนใดก็ได้ โดยไม่เคยคิดพิจารณาว่าเบื้องหลังของเหยื่อคนนั้นคือใคร และในวันนี้การตัดสินใจของชายหนุ่มก็เป็นการยืนยันถึงความหยิ่งยโสของเขาได้เป็นอย่างดี
เมื่อการประมูลเริ่มต้นขึ้นเซี่ยเฟยก็ได้หยิบบัตรธนาคารฟารซีออกมาสอดเข้าไปในเครื่องหักเงินที่อยู่ห่างจากที่นั่งของเขาเพียงแค่ไม่ไกล และเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาประมูลสินค้าชิ้นใดได้ เงินในบัญชีของเขาก็จะถูกหักออกไปตามมูลค่าสินค้าที่เขาประมูลในทันที
“เอาล่ะครับทุกท่าน วันนี้สิ่งที่ปรากฏต่อหน้าของพวกคุณคือน้ำยากลืนเมฆาอันล้ำค่า” พิธีกรชายผมหยิกกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น
แขกส่วนใหญ่ภายในงานต่างก็จ้องมองไปยังขวดน้ำยาบนโต๊ะอย่างประหม่า แล้วมันก็มีแขกหลาย ๆ คนที่กำลังนั่งตัวเกร็งอย่างวิตกกังวล
“แค่น้ำยาขวดเดียวมันสร้างผลกระทบได้มากขนาดนี้เลยหรอ?” เซี่ยเฟยกล่าวขึ้นมาอย่างประหลาดใจ
“คนที่มีพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ถูกเปิดออกทั้ง 100% แบบนายคงจะไม่เข้าใจความยากลำบากของคนอื่นหรอก นายลองคิดดูว่าถ้าหากนายพัฒนามาจนถึงทางตัน แล้วน้ำยาขวดนั้นสามารถช่วยให้นายผ่านทางตันนั้นไปได้ นายจะรู้สึกยังไงกับมัน?” โอโร่กล่าว
“ผมเชื่อว่าทุกท่านคงจะรู้สรรพคุณของน้ำยาขวดนี้เป็นอย่างดีอยู่แล้ว แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมต้องการที่จะประกาศบอกทุกท่านก่อนการประมูล คือน้ำยาขวดนี้ใช้ผลโอรสเมฆาร่องรอยเป็นวัตถุดิบหลัก หมายความว่าน้ำยาขวดนี้จะให้ผลลัพธ์ที่ดีกว่าน้ำยากลืนเมฆาสูตรปกติ” พิธีกรผมหยิกยังคงพูดปลุกใจอย่างต่อเนื่อง
คำอธิบายนี้ทำให้เซี่ยเฟยชะงักค้างไปเล็กน้อย เพราะผลโอรสเมฆาร่องรอยเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่หาได้ยากมาก การเอาสมุนไพรในระดับนั้นมาสร้างน้ำยาเพียงแค่นี้จึงดูจะเป็นเรื่องที่สิ้นเปลืองเกินไปหน่อยในความคิดเห็นของชายหนุ่ม
“10,000 คริสตัลเขียว”
“20,000 คริสตัลเขียว”
“25,000 คริสตัลเขียว”
ทันทีที่เริ่มการประมูลราคาของน้ำยากลืนเมฆาก็เพิ่มขึ้นจากเดิมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในเวลาเพียงแค่ไม่นานราคาของมันก็ไปสิ้นสุดอยู่ที่ 65,000 คริสตัลเขียว หรือถ้าหากแปลงเป็นคริสตัลต้นกำเนิดระดับ 4 มันก็มีมูลค่าเกือบ 30 ล้านคริสตัลเหลือง
“แค่น้ำยาขยายพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ขวดเดียว มันมีมูลค่ามากขนาดนี้เลยงั้นเหรอ?!” เซี่ยเฟยอุทานขึ้นมาด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ผู้ที่สามารถประมูลน้ำยาขวดนี้ไปได้แสดงความตื่นเต้นออกมาอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่นักประมูลคนอื่น ๆ แสดงสีหน้าผิดหวังออกมาตาม ๆ กัน ซึ่งมันเป็นเครื่องพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่าน้ำยาขวดนี้มีผลกระทบต่อจิตใจของคนส่วนใหญ่มากแค่ไหน
เซี่ยเฟยแอบคิดคำนวณเรื่องนี้อยู่ภายในใจ เพราะเขารู้จักวิธีผลิตน้ำยาที่ช่วยขยายขอบเขตพื้นที่สมองส่วนที่ 7 อยู่ด้วยเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามวัตถุดิบของน้ำยาสูตรนั้นก็มีต้นทุนอยู่เพียงแค่ประมาณ 4,000 คริสตัลเขียว ถ้าหากว่าเขาผลิตน้ำยาสูตรนั้นออกมาขาย บางทีเขาก็อาจจะสามารถทำกำไรได้มากกว่าทุนนับ 10 เท่า
‘หาเงินแบบนี้ก็ง่ายดีเหมือนกัน บางทีในอนาคตฉันควรจะลองปรุงยาขายสักหน่อย’ เซี่ยเฟยคิดกับตัวเองภายในใจ
แน่นอนว่าในความคิดเห็นของเขาการปล้นสมบัติจากคนอื่นเอามาขายย่อมเป็นวิธีการหาเงินที่มีประสิทธิภาพมากกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะไม่เพียงแต่เขาได้รับเงินมูลค่ามหาศาลกลับไปเป็นของตอบแทนเท่านั้น แต่เขายังได้รับพลังงานของคนอื่นมาเป็นสิ่งตอบแทนอีกด้วย เพียงแต่ว่าการปรุงยาออกไปขายมันจะเป็นวิธีการหาเงินที่ปลอดภัยกว่าก็เท่านั้นเอง
การประมูลยังคงดำเนินต่อไปอย่างรวดเร็ว เมื่อไหร่ก็ตามที่มันมีสมบัติระดับสูงปรากฏตัวออกมา มันก็จะเรียกเสียงฮือฮาขึ้นมาได้เป็นระยะ ๆ
“เอาล่ะครับ สินค้าชิ้นต่อไปก็คือสมบัติของนักประดิษฐ์ทุกคน วัตถุดิบชิ้นนี้คือตัวเร่งปฏิกิริยาที่ดีที่สุดและมันย่อมเป็นสิ่งใดอื่นไม่ได้เลยนอกเสียจากดักแด้จักจั่นทองแดง” พิธีกรกล่าวแนะนำอย่างตื่นเต้น ขณะที่มีพนักงานสาวเดินนำคริสตัลสีทองแดงลักษณะคล้ายกับเม็ดถั่วขึ้นมาบนเวที
“ในที่สุดก็ถึงตาของฉันสักที” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับหยิบอุปกรณ์ประมูลขึ้นมาไว้ในมือ
“ราคาเริ่มต้นของดักแด้จักจั่นทองแดงอยู่ที่ 10,000 คริสตัลเขียว ขอเชิญทุกท่านเริ่มเสนอราคาเข้ามาได้เลยครับ”
***************
จะหมดตัวไหมน๊อออ
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 433
- 👍 ถูกใจ


แสดงความคิดเห็น