ตอนที่ 793 แข่งกันล่า
ตอนที่ 793 แข่งกันล่า
กฎแห่งเวลาถือได้ว่าเป็นกฎที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดากฎหลักทั้งสามข้อของเผ่าเทพ แต่ในปัจจุบันมันกลับสูญหายไปพร้อม ๆ กับกฎแห่งชีวิตของเผ่ามาร
หลังจากกฎแห่งเวลาหายสาบสูญไป รูปแบบพลังของกฎนี้ก็สูญหายไปจากความทรงจำของผู้คนเช่นเดียวกัน บางคนจึงบอกว่าพลังของกฎแห่งเวลาคือการสามารถควบคุมเวลาเพื่อย้อนอดีตได้ บางคนถึงกับบอกว่ากฎแห่งเวลามีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับกฎแห่งมิติและกฎแห่งสสารรวมพลังกันด้วยซ้ำ
ซึ่งไม่ว่าใครจะอธิบายออกมาในลักษณะไหน แต่ทุกคนต่างก็ให้การยกย่องกฎแห่งเวลาว่าเป็นกฎอันดับ 1 ของเผ่าเทพเหมือนกันทั้งหมด
ในตอนนี้มันมีโอกาสที่กฎแห่งเวลาจะอยู่ในมือของสัตว์ประหลาดตัวเขียวตรงหน้า เซี่ยเฟยจึงไม่สามารถที่จะปล่อยโอกาสในครั้งนี้ให้หลุดลอยไปได้
ชายหนุ่มพยายามระงับความตื่นเต้นซ่อนตัวอยู่อย่างเงียบ ๆ โดยหวังว่าเขาจะสังหารฮาเดสภายใต้การโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียว ขณะที่สัตว์ประหลาดตัวเขียวยังคงไล่ล่าฆ่านักรบจากโลกใต้ดินอย่างบ้าคลั่ง
การจู่โจมที่ฮาเดสใช้ทั้งตรงไปตรงมาและทรงพลังชนิดที่ไม่มีใครสามารถต้านทานได้ เพราะเขาได้ใช้ร่างกายในการฉีกกระชากร่างของศัตรูออกเป็นชิ้น ๆ โดยในตอนนี้ฮาเดสดูคล้ายกับจะไม่ใช่นักรบอีกต่อไปแต่เป็นเพียงสัตว์ร้ายที่รู้จักการใช้เขี้ยวเล็บของตัวเองเท่านั้น
“ไม่นะ!” นักรบคนหนึ่งส่งเสียงร้องขึ้นมาอย่างน่าสงสาร ขณะใช้มือตบเข็มทิศมิติภายในมือด้วยน้ำตาที่ไหลอาบหน้า
เหตุการณ์นี้ทำให้เซี่ยเฟยชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะหยิบเข็มทิศมิติของตัวเองขึ้นมาตรวจสอบดู เขาจึงได้พบว่าเข็มในหน้าปัดกำลังหมุนอย่างบ้าคลั่งทำให้เขาไม่สามารถที่จะใช้เข็มทิศมิติในตอนนี้ได้
“ไม่นะ! พื้นที่แห่งนี้ถูกปิดผนึกแล้ว ไอ้หน้ากากประหลาดนั่นมันปิดผนึกพื้นที่ได้ด้วยงั้นเหรอ?!” โอโร่อุทานขึ้นมาด้วยความตกใจ
ในเวลาเดียวกันนักรบผู้ใช้พลังมิติก็พยายามที่จะเปิดประตูมิติเพื่อหนีออกไปจากพื้นที่บริเวณนี้เช่นกัน และถึงแม้ว่าประตูมิติที่ถูกเปิดขึ้นมาจากพลังของนักรบจะไม่สามารถเดินทางในระยะไกลได้เหมือนกับเข็มทิศมิติ แต่มันก็ยังมีระยะการเดินทางมากพอที่จะทำให้พวกเขาหนีออกไปจากสนามรบอันโหดร้ายแห่งนี้ได้
อย่างไรก็ตามทันทีที่ประตูมิติเปิดออกพลังมหาศาลก็พุ่งออกมาจากประตูปะทะเข้ากับนักรบที่เปิดประตูขึ้นมาอย่างฉับพลัน จนทำให้ร่างของเขากระเด็นออกไปไกลหลายกิโลเมตร
เซี่ยเฟยอดที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ เพราะสถานการณ์เริ่มแย่ลงไปเรื่อย ๆ ตอนนี้ไม่เพียงแต่เข็มทิศมิติจะไม่สามารถใช้งานได้เท่านั้น เพราะแม้กระทั่งนักรบมิติก็ยังไม่สามารถใช้ประตูมิติเพื่อเคลื่อนย้ายออกไปจากสนามรบแห่งนี้ได้ หรือมันก็หมายความว่านักรบทุกคนถูกขังเอาไว้ในพื้นที่บริเวณนี้โดยสมบูรณ์
“ฉันรู้แล้ว! ที่ฮาเดสใช้แต่กำลังเพื่อฆ่าคนอื่นมันก็ไม่ใช่เพราะว่าพลังกฎของเขาหายไป แต่เพราะว่าเขาใช้พลังกฎทั้งหมดเพื่อปิดผนึกพื้นที่ ฉันว่าหน้ากากขึ้นสนิมนั่นจะต้องเป็นอาวุธโบราณที่มีเป้าหมายคือ การสังหารทุกคนในบริเวณพื้นที่ที่หน้ากากถูกสวมเข้าไปกับนักรบคนหนึ่งคนใดแน่ ๆ” โอโร่ตะโกนออกมาดังลั่นหลังจากที่เขาตระหนักได้ถึงกลอุบายของฮาเดส
เซี่ยเฟยยังคงนิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไร ขณะที่ยังคงสังเกตสถานการณ์ทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง
ยิ่งสถานการณ์ตกอยู่ในสภาวะวิกฤตมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งห้ามสูญเสียความสงบไปเท่านั้น เพราะนักรบที่ตื่นตระหนกจะถูกสังหารลงอย่างง่ายดาย ผู้รอดชีวิตจะมีเพียงแต่ผู้ที่คอยประเมินสถานการณ์เพื่อหลบเลี่ยงอันตรายอย่างใจเย็นเท่านั้น
“โอกาสมันยังไม่หมด” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
“ฉันยังไม่เห็นโอกาสที่นายว่ามาเลยแม้แต่นิดเดียว ฮาเดสแข็งแกร่งกว่านายมาก นายเห็นไหมว่าเขาสามารถสังหารราชากฎได้ด้วยการจู่โจมเพียงแค่ไม่กี่ครั้งเท่านั้น” โอโร่กล่าวพร้อมกับส่ายหัว
“พลังงานเป็นรากฐานของทุกสิ่ง ถึงแม้ว่าฮาเดสจะแข็งแกร่งแต่พลังงานของเขาก็มีอยู่อย่างจำกัด ยิ่งการต่อสู้ในครั้งนี้ลากนานไปมากเท่าไหร่เขาก็จะยิ่งอ่อนแอลงไปมากเท่านั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาอ่อนแอมากพอในเวลานั้นมันก็คือโอกาสที่ผมกำลังรอคอยอยู่” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“นายกำลังคิดจะรอให้เขาหมดแรงงั้นเหรอ?” โอโร่ถาม
“ในระหว่างที่เขาล่าเหยื่อของเขา ผมก็จะล่าเหยื่อของผมด้วย” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ล่าเหยื่อ?” โอโร่อุทานพร้อมกับชะงักไปเล็กน้อย และก่อนที่เขาจะเข้าใจว่าสิ่งที่เซี่ยเฟยพูดมันหมายถึงอะไร ชายหนุ่มก็เริ่มเคลื่อนไหวร่างกายเป็นครั้งแรกหลังจากซุ่มอยู่นิ่ง ๆ มาเป็นเวลานาน
ร่างของอัศวินกฎคนหนึ่งพยายามซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางเศษซากยานอวกาศเพื่อหลบสายตาจากสัตว์ประหลาดตัวเขียว แต่น่าเสียดายที่ถึงแม้เขาจะรอดพ้นจากเงื้อมมือของฮาเดสมาได้ แต่มันก็ยังมีดาบสีแดงเลือดพุ่งทะลุหน้าอกของเขาอย่างรวดเร็ว
ใช่แล้ว ดาบสีแดงเล่มนี้คือบลัดบิวเทียสของเซี่ยเฟย ทันทีที่ใบดาบสีแดงเลือดเสือกแทงเข้าสู่ร่างกายของเป้าหมาย พลังงานปริมาณมหาศาลก็ถูกดูดซับเข้าสู่สมองของชายหนุ่มอย่างฉับพลัน
เซี่ยเฟยค่อย ๆ ถอดแหวนมิติออกมาจากซากศพเพื่อนำมาเก็บไว้ จากนั้นเขาก็มุ่งหน้าตรงไปยังเหยื่อรายต่อไปเพื่อดูดพลังงาน
ระหว่างที่ฮาเดสกำลังออกล่า เซี่ยเฟยก็กำลังเข่นฆ่าเหยื่อของเขาด้วยเช่นกัน
ฮาเดสไม่ได้สังหารเพื่อขโมย แต่เซี่ยเฟยเก็บแหวนมิติของเหยื่อทุกคนโดยไม่ลังเล
ฮาเดสต้องใช้พลังงานเพื่อสังหารเหยื่อ แต่เซี่ยเฟยกลับดูดกลืนพลังงานจากเหยื่อเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับตัวเอง
“นายนี่มันเป็นพวกเจ้าเล่ห์จริง ๆ กว่าที่ฮาเดสจะสังหารคนอื่นจนหมด พลังงานของเขาก็คงจะเหลืออยู่น้อยเต็มทีแล้ว ในทางกลับกันพลังงานของนายกลับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อถึงเวลานายก็คงจะระเบิดพลังทั้งหมดออกมาเพื่อสังหารฮาเดสในคราวเดียว” โอโร่หัวเราะขึ้นมาเสียงดังเมื่อเขาเริ่มเข้าใจกลยุทธ์ของชายหนุ่ม
เซี่ยเฟยยังคงนิ่งเงียบโดยไม่พูดอะไร ท้ายที่สุดนักรบใต้ดินทุกคนก็คงจะต้องถูกฮาเดสสังหารอยู่แล้ว เซี่ยเฟยจึงพยายามแย่งเหยื่อมาบ้างก็เท่านั้น การลงมือของพวกเขาทั้งสองคนจึงเป็นเหมือนกับการแข่งกันล่านักรบใต้พิภพ
สถานการณ์นี้บีบบังคับให้นักรบใต้ดินตกอยู่ในความสิ้นหวังอย่างสิ้นเชิง เพราะไม่เพียงแต่พวกเขาจะต้องพยายามหลบซ่อนให้พ้นจากสายตาของสัตว์ประหลาดร่างเขียวเท่านั้น แต่พวกเขายังต้องมาคอยระวังการซุ่มโจมตีของเซี่ยเฟยด้วย
ในเวลาเดียวกันยานรบซึ่งเป็นสถานที่จัดงานแลกเปลี่ยนสินค้าก็มีพื้นที่ขนาดใหญ่สำหรับการหลบซ่อน หลังจากแรงดูดจากอวกาศได้หมดไป นักรบบางส่วนจึงแอบหนีเข้าไปภายในยานเพื่อหวังจะรอดพ้นจากภัยพิบัติในวันนี้ไปให้ได้
เซี่ยเฟยเคลื่อนที่ตามเหยื่อเข้าไปภายในยานด้วยเช่นกัน โดยเขาพยายามออกล่าเหยื่อที่อยู่ห่างจากฮาเดสให้มากที่สุดเพื่อไม่ให้พวกเขาปะทะกันก่อนเวลาอันสมควร
อย่างไรก็ตามเมื่อชายหนุ่มเคลื่อนที่เข้ามาภายในยานรบ ความคิดของเขาก็เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างฉับพลัน ท้ายที่สุดเนื่องมาจากว่ายานรบแห่งนี้เคยเป็นสถานที่จัดงานแลกเปลี่ยนสินค้ามาก่อน มันจึงยังคงมีสินค้าเหลืออยู่ภายในงานอย่างมากมาย แม้ว่าสินค้าบางส่วนจะถูกดูดหายออกไปในอวกาศ แต่มันก็ยังมีสินค้าอีกมากที่ยังคงหลงเหลือรอให้มีใครกลับไปรับพวกมันมาฟรี ๆ
“ฮ่า ๆ ๆ” เซี่ยเฟยอดที่จะส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ เมื่อได้เห็นว่าเขาไม่ได้เป็นคนเดียวที่มีความคิดจะขโมยสินค้าพวกนั้นกลับไป เพราะว่ามันได้มีนักรบคนหนึ่งกำลังเก็บรวบรวมสินค้าจากในฝาครอบคริสตัลก่อนเขาอยู่แล้ว
เพล้ง!
นักรบคนนั้นใช้มือทุบฝาครอบคริสตัลให้แตกออกจากกันอย่างง่ายดาย ก่อนที่เขาจะเก็บสินค้าเข้าไปในแหวนมิติ โดยมีลูกน้องหลาย ๆ คนกำลังขโมยสินค้าตามคำสั่งของชายคนนี้อยู่
เหนือตาซ้ายของชายผู้เป็นหัวหน้ามีรอยแผลเป็นสีแดงเข้มรูปทรงกลมประดับชัดให้เห็นอย่างโดดเด่น ซึ่งถ้าหากว่าใครสายตาไม่ดีพวกเขาก็อาจจะเห็นชายคนนี้มีดวงตาสามดวงได้เลยทีเดียว
ในระหว่างการสนทนากับแฮนโด เซี่ยเฟยก็ได้รู้มาว่าชายคนนี้คือคนที่มาจากสมาคมหางแดง โดยเขามีฉายาว่ากีสสามตา
กีสมีพลังอยู่ในระดับจักรพรรดิกฎขั้นต้น เขาจึงถือได้ว่าเป็นนักรบที่มีความแข็งแกร่งเป็นอันดับต้น ๆ ที่เดินทางมาร่วมงานในครั้งนี้
“รีบเก็บของทุกอย่างไปเร็วเข้า! ห้ามเหลืออะไรเอาไว้อย่างเด็ดขาด” กีสตะโกนออกคำสั่งเสียงดัง ขณะที่ลูกน้องหลาย ๆ คนของเขากำลังหอบหายใจอย่างหนัก เพราะท้ายที่สุดพวกเขาก็ไม่ได้มีพลังอยู่ในระดับจักรพรรดิกฎ การพยายามทำลายฝาครอบคริสตัลจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ สำหรับพวกเขาเลย
เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อยพร้อมกับก้าวเท้าไปหลบซ่อนอยู่ในมุมมืด และจ้องมองไปยังพวกกีสด้วยแววตาที่เจ้าเล่ห์
“รีบ ๆ ลงมือเถอะ ถ้าช้าเกินไประวังมันจะไม่มีอะไรเหลือมาจนถึง” นายโอโร่กล่าว
“ผมขี้เกียจไปเก็บของทีละชิ้น ให้พวกเขาทำหน้าที่เป็นแรงงานแบบนั้นไปก่อนนั่นแหละดีแล้ว” เซี่ยเฟยกล่าว
—
ไม่กี่นาทีต่อมากีสก็ส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาอย่างพอใจ เพราะสินค้าส่วนใหญ่ภายในงานถูกเก็บไว้ในแหวนมิติของเขาจนหมดแล้ว
“รอบนี้พวกเรารวยแล้วโว้ย!!”
อย่างไรก็ตามในระหว่างที่เขากำลังตะโกนขึ้นมาอย่างดีใจอยู่นั้น จู่ ๆ ร่างของเซี่ยเฟยก็ปรากฏตัวขึ้นมาราวกับว่าเขาเป็นภูตผี
“ขอบคุณนะที่ช่วยเก็บของให้” เซี่ยเฟยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ตายไปซะ!” กีสส่งเสียงร้องคำรามขึ้นมาด้วยความรังเกียจ ก่อนที่เขาจะเริ่มใช้พลังสสารเพื่อรวบรวมพลังแล้วยืดแขนออกไปจู่โจมเข้าใส่เซี่ยเฟยที่ยืนอยู่ไกลกว่า 100 เมตร
ขนอุย!
หงส์คราม!
เล่ห์กายา!
กฎแห่งความโกลาหล!
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับจักรพรรดิกฎ เซี่ยเฟยก็ไม่มีความคิดที่จะประมาทเลยแม้แต่นิดเดียว เขาจึงปลดปล่อยความแข็งแกร่งทั้งหมดของตัวเองออกมาเพื่อกำจัดศัตรูอย่างรวดเร็ว
ใบหญ้าของหงส์ครามพุ่งตัวขึ้นมาจากพื้นดินและใช้ประโยชน์จากการที่กีสไม่ทันระวังตัวพันธนาการแขนขาจักรพรรดิกฎคนนี้เอาไว้อย่างฉับพลัน ขณะที่เซี่ยเฟยกับขนอุยเริ่มจู่โจมอย่างบ้าคลั่งทั้งจากทางด้านซ้ายและด้านขวา
…
“อื้อหือ! 4,716 อย่าง คราวนี้นายรวยเละแล้วล่ะ!” โอโร่อุทานขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ หลังจากได้เห็นเซี่ยเฟยตรวจสอบจำนวนของสินค้าที่อยู่ภายในแหวน
“น่าเสียดายที่ของพวกนี้เป็นของสกปรก ถ้าหากนายเอามาขายมันก็อาจจะถูกกดราคาลงไปมากหน่อย แต่ถ้าหากว่านายขายพวกมันออกไปจนหมดจริง ๆ ฉันก็คิดว่านายน่าจะได้เงินมาเพิ่มอีกหลายหมื่นคริสตัลเขียว” โอโร่กล่าวหลังจากประเมินมูลค่าของสินค้าแบบคร่าว ๆ
อย่างไรก็ตามขณะนี้เซี่ยเฟยก็กำลังตื่นเต้นกับพลังงานปริมาณมหาศาลภายในพื้นที่สมองส่วนที่ 7 ของเขา โดยในปัจจุบันพลังงานเริ่มเกิดความไม่เสถียรขึ้นมาอีกครั้ง และวิธีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพที่สุดนั่นก็คือการใช้พลังงานเพื่อเพิ่มระดับพลัง
ชายหนุ่มพยายามหาสถานที่อันเงียบสงบโดยการแอบเข้าไปในห้อง ๆ หนึ่ง แต่ทันทีที่เขาเปิดประตูออกมาเขาก็ได้พบว่าตัวเองได้เข้ามาอยู่ภายในห้องควบคุมของยานรบ
“โอ้แม่เจ้า!” เซี่ยเฟยอุทานออกมาด้วยความตกตะลึงเมื่อเขาได้พบกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
***************
อย่าบอกนะว่าสมบัติระดับวีวีไอพี?!


แสดงความคิดเห็น