บทที่ 46 กลางสี่แยกไฟแดง
หลังจากที่รถสปอร์ตสุดหรูแล่นออกมาจากที่พักใจกลางเมือง โดยมีรถหรูอีกหลายคันคอยอารักขาขับตามหลังมาติดๆ ภายในรถท่าทีที่อยู่ไม่สุขของหญิงสาว ทำให้ชายหนุ่มถึงกับอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาด้วยความเอ็นดู
“ทำยังกับไม่เคยเห็นมาก่อนเลยนะคะ” เขาเอ่ยแซวขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ คงทนไม่ไหวที่เห็นฉันนั่งแทบจะไม่อยู่สุขเดี๋ยวหันมาทางซ้ายที ทางขวาทีด้วยความตื่นเต้น เนื่องจากไม่ได้ออกมาจากเพ้นท์เฮ้าส์มาหลายอาทิตย์
ขวับ!!ฉันหันไปค้อนเขาทีหนึ่ง ด้วยความหมั่นไส้
“ก็ไม่ใช่เป็นเพราะว่าโดนคนใจร้ายจับตัวไว้ไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันหรอกหรอค่ะ นี่เอลิซไม่ได้ออกมานานแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ ไม่ใช่ว่าป่านนี้จะมีรถบินได้อยู่เหนือหัวแล้วละมั้งเนี้ย” ฉันแกล้งเอ่ยประชดประชันพลางหยอกเย้าเขาไปอย่างอดไม่ได้ แล้วหันกลับมาจับจ้องสายตาอยู่ที่ภาพบรรยากาศริมข้างทางบนท้องถนนต่อ
ฉันรู้ดีว่าเจ้าเครื่องยนต์ของรถที่ฉันนั่งอยู่ เครื่องมันแรงถึงขนาดที่สามารถเร่งคันเร่งไปถึงจุดสูงสุดได้ภายในไม่กี่วินาที แต่เขากลับขับเคลื่อนไปช้าๆ โดยที่ไม่ได้รีบเร่งอะไร ก็เพื่อให้ฉันได้ชื่นชมดื่มด่ำกับบรรยากาศภายนอก ถึงแม้มันจะเป็นภาพความวุ่นวายบนท้องถนนที่อาจจะทำให้ใครหลายๆ คนหงุดหงิด แต่สำหรับฉันตอนนี้มันกลับทำให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายและเพลิดเพลินได้
“หึหึ..ว่าเฮียใจร้ายหรอ งั้นขับกลับห้องดีไหมน๊าาา” เขาแค่นเสียงในลำคอพูดแกล้งฉันกลับ แต่ฉันรู้ดีว่าเขาไม่ได้มีเจตนาแบบนั้นจริงๆ เพราะจับได้จากน้ำเสียงที่ไม่ได้จริงจังของเขา
ฉันรีบหันกลับไปเอาหน้าแนบกับต้นแขนแกร่งของเขาทันที พร้อมกับถูไถแก้มไปมาออกแรงออดอ้อนเอาใจสุดฤทธิ์ ทั้งที่รู้ดีว่าเขาไม่ได้จริงจังกับคำพูด แต่ฉันอยากทำเพราะวันนี้ฉันอารมณ์ดีมาก มากจนทำให้ความรู้สึกที่ไม่ดีที่อยู่ภายในจิตใจของฉันมันค่อยๆ จางหายลงไป
“ไหนใครว่าเฮีย เฮียของเอลิซออกจะใจดี๊...ใจดี” ^-^ ฉันอ้อนเอียงคอมองเขาทำท่าทางที่คิดว่าน่ารักส่งไป
“เจ้าเล่ห์นักนะเรา...แต่ว่า...ยิ่งทำแบบนี้เฮียยิ่งอยากกลับห้องนะคะรู้ไหม” เขาพูดพลางยิ้มส่งสายตาหื่นกามอย่างเปิดเผยมาที่ฉัน จนฉันอดไม่ได้ที่จะสะท้านไปกับสายตาหื่นกระหายคู่นั้น
“ทะลึ่ง!!” ^//^ ฉันรีบลุกขึ้นนั่งตัวตรงทันที แล้วเสหน้าไปทางอื่นเพราะไม่อยากให้เขาเห็นแก้มที่เริ่มแดงระเรื่อเพราะความอาย เมื่อสมองคิดไปถึงเหตุการณ์เมื่อเช้าที่เกิดขึ้นระหว่างเราทั้งสองคน
“ทะลึ่งตรงไหน เฮียแค่อยากกลับไปทำงานที่บ้านเฉยๆ ฮั่นแน่ เฮียว่าคนที่คิดทะลึ่ง....คือ..อุ๊บ!!” ฉันเอามือปิดปากเขาทันทีเนื่องจากถ้าปล่อยให้เขาพูดต่อ มีแต่จะประจานความน่าอายของตัวฉันออกมาเอง
ฟอด ~~~
ไม่ทันที่ฉันจะได้ทันดึงมือกลับ เขาก็จับมือของฉันที่ปิดปากของเขาอยู่ ออกมาจูบเบาๆ ที่หลังมือ แล้วค่อยๆ ลากริมฝีปากที่มีหนวดขึ้นเป็นตอเล็กๆ ไล่ไปตามหลังมือ จนฉันขนลุกซู่ไปหมด
ฉันนั่งเอียงหน้าหนีอาย ใบหน้าเห่อร้อนขึ้นเนื่องจากการกระทำของเขา บวกกับความสยิวที่ก่อตัวขึ้น จากนั้นถึงค่อยๆ ดึงมือเรียวกลับมากุมไว้ที่หน้าตัก ไม่กล้าหันกลับไปสบตากับเขาอีก
เหมือนเขาจะรู้ว่าการกระทำของเขา มันมีผลต่อความรู้สึกทั้งทางกายและใจของฉัน เขาถึงรุกอย่างต่อเนื่อง เขาเอื้อมมือมาจับมือของฉันให้เขาไปซุกที่อกแกร่งกล้ามเนื้อมัดแน่นกระตุกล้อเล่นกับฝ่ามือบาง ฉันพยายามดึงมือกลับแต่มันไม่เป็นผล มือหนายังซุกซนพามือบางลูบไล้ไปทั่ว ลากไปจนถึง...
“ฮะ..เฮีย” ฉันหันหน้าหนีไม่กล้าสู้หน้าเขา ทั้งที่มือของฉันยังอยู่ภายในเสื้อเชิตที่ถูกปลดกระดุมโชว์แผงอกของเขามาตั้งแต่ออกจากเพ้นท์เฮ้าส์
“เฮียต้องการความช่วยเหลืออีกแล้วล่ะสิ...หืมมม” เขาเอ่ยเสียงกระเส่า น้ำเสียงดูเร่าร้อนคล้ายจะแผดเผาใจฉันให้หลอมละลายเคลิบเคลิ้มไปกับคำเชื้อเชิญของเขา
มือหนาไม่รอคำตอบพาฝ่ามือบางเลื้อยไปถึงปากทางของกางเกงเข้ารูปสีดำที่เข้าชุดกันกับเสื้อเชิต ก่อนจะขยับเอนกายเพื่อให้มือสาวเข้าไปได้ถนัดยิ่งขึ้น
ฉันทำตัวไม่ถูก เม็ดเหงื่อเริ่มซึมออกมาตามกรอบหน้าสวย ไม่ต้องพูดถึงฝ่ามือข้างนั้นที่ตอนนี้ก็ร้อนผ่าวไม่แพ้กัน
“เฮีย...นะ...นี่มันกลางสี่แยกไฟแดงนะคะ...ดะ...เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” ฉันเอ่ยบอกเขาเสียงตะกุกตะกัก ทั้งอาย ทั้งตื่นเต้นกลัวว่าใครจะมาเห็น
ปี๊น....ปี๊นนน ~~~~
เสียงบีบแตรดังลั่นระงมทั้งถนน เนื่องจากไฟเขียวแล้ว แต่รถสปอร์ตสุดหรูและรถหรูอีกหลายคันด้านหน้าไม่มีทีท่าจะเขยื้อนรถขับออกไปเลย
ชายชุดดำ ลงมาเต็มถนนตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ โดยที่กลุ่มนึงเคลีย์รถให้ระบายออกไปเพื่อให้การจราจรเคลื่อนตัวอีกครั้ง อีกกลุ่มคุ้มกันรอบรถคันที่แพงที่สุด เพื่อระวังภัยให้เจ้านายและป้องกันไม่ให้คนภายนอกได้มีโอกาสมองเข้ามาเห็น ว่าขณะนี้ภายในรถกำลังร้อนระอุไปด้วยไอสวาทที่เริ่มคุกรุ่น
“เฮียยย..ไฟเขียวแล้วค่ะ” ฉันร้องบอก เพราะตกใจกับเสียงบีบแตร พร้อมกับรีบดึงมือกลับมา แต่มีหรือคนอารมณ์หื่นจะยินยอม
“เมียคร๊าบบ...ช่วยเฮียด้วยเถอะ...นะ...นะคะ...” เขาคว้ามือที่กำลังจะดึงกลับของฉันเขาไปแนบแก้มสาก พร้อมเอ่ยคำอ้อนวอน จนใจฉันอ่อนปวกเปียก
“กะ...ก็ได้ค่ะ” ฉันก้มหน้าตอบ
“เย้...เมียเฮียน่ารักที่สุดในโลกเลยค่ะ” เขาปากหวานใส่ฉันทันทีเมื่อได้สิ่งที่เขาต้องการ
“แต่...ต้องเป็นที่บ้านนะคะ แล้วก็ไปได้แล้วค่ะ เอลิซไม่อยากตกเป็นเป้าสายตาแล้ว...อาย” ฉันดับไฟสวาทเขาให้มอดลงทันทีด้วยการยื่นคำขาดว่าสิ่งที่เขาร้องขอต้องไปทำที่บ้านเท่านั้น
เขามีสีหน้าเหยเกขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินคำขาดจากปากฉัน แล้วทำท่าทางเหมือนอยากจะร้องไห้ออกมา เมื่อปรับอารมณ์และข่มเจ้าท่อนเอ็นขี้หื่นให้สงบลงได้แล้ว เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเปิดหน้าต่างส่งสัญญาณให้กับพี่กิตเพื่อเดินทางต่อ
สารบัญ / นำทาง
- ยอดวิว 158
แสดงความคิดเห็น