บทที่ 1...1/3

ใจดวงนี้สื่อถึงรัก

-A A +A
อ่านต่อ

บทที่ 1...1/3

          เสียงนาฬิกาปลุกในเวลาตี 3 ดังขึ้น หญิงสาวลืมตาตื่นในทันทีที่ได้ยินเสียงนาฬิกาปลุกพร้อมกับสูดหายใจยาว ก่อนจะเลื่อนขาลงจากเตียง แล้วเดินเข้าห้องน้ำไป เพียงครู่ต่อมาเมษาก็ออกมาในชุดใหม่ ใบหน้าเกลี้ยงเกลามีกลิ่นแป้งจางๆ ผมยาวประบ่ามันขลับถูกมัดรวบไว้อย่างเคย หญิงสาวเดินออกมาจากห้องแล้วลงบันไดจากชั้นสามลงมาที่ชั้นล่าง ส่วนชั้นสองแบ่งเป็นสองห้อง โดยป้าพิสมัยซึ่งเป็นผู้ช่วยของเมษาจะมาพักในบางคืน ส่วนห้องที่ยังว่าง เมษาทำไว้ให้มีนา เผื่อว่าน้องสาวจะมาค้างที่ร้าน ‘เมนา’ ด้วยกัน ส่วนบ้านที่สองพี่น้องอยู่ด้วยกันมาก่อนหน้านี้ยังคงเป็นที่อบอุ่นและปลอดภัยดังเดิม เพียงแต่เมษามักมาอยู่ที่ร้าน ส่วนมีนาไปอยู่ที่คอนโดใกล้กับบริษัทออกแบบ โดยมีเขมินท์คอยดูแล อีกไม่นานสองคนนี้คงใกล้มีข่าวดีเรื่องแต่งงาน

          ภายในห้องครัวสำหรับทำขนมเป็นส่วนใหญ่มีอุปกรณ์สำหรับทำขนมไทยและขนมเบเกอรี่  หลังจากซ่อมแซมร้านจนกลับมาเหมือนใหม่กว่าเดิม เมษาก็คิดไว้แล้วว่านอกจากขนมไทยที่ทำขายในร้านมาตลอดและมีลูกค้าประจำ เธออยากเพิ่มส่วนของขนมเบเกอรี่เข้าไป แต่อาจจะยังไม่มากนักเพราะตอนนี้เธอหาผู้ช่วยได้เพียงแค่คนเดียว

          วันนี้เธอมีออเดอร์ขนมหม้อแกงกับขนมใส่ไส้ที่จะมีร้านอาหารมารับไป ส่วนขนมที่ขายในร้าน เมษามักจะทำตะโก้ สาคูใส่น้ำกะทิ ทองม้วน ซึ่งแต่ละวันจะทำไม่มากนัก ส่วนขนมตาลมักจะทำขายแทบทุกวัน

เมษานำกะทิออกมาจากตู้แช่แล้วเริ่มทำขนมหม้อแกงเป็นอย่างแรก กลิ่นหอมๆ ของใบเตย ไออุ่นๆ จากน้ำที่ตั้งไว้รอซึ้งสำหรับนึ่งขนม ละอองแป้งในยามเช้าตรู่ สิ่งที่เป็นอยู่นี้คือชีวิตประจำวันของเมษาตั้งแต่หญิงสาวตัดสินใจเรียนด้านคหกรรมศาสตร์ กระทั่งพ่อแม่จากไปอย่างกะทันหัน ทำให้เธอต้องใช้ความชอบเป็นอาชีพเลี้ยงตัวเองและดูแลน้องไปด้วย ผ่านมาหลายปีตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงอีกแล้ว

          ระหว่างรอขนมที่กำลังนึ่งเมษาจึงเดินมาที่ประตูเหล็กยืดเพื่อเปิดร้าน ป้าพิสมัยซึ่งเป็นผู้ช่วยทำขนมไทยก็มาถึงพอดี หญิงสาวเขียนชื่อขนมที่ทำสำหรับขายในวันนี้ไว้ที่กระดานซึ่งต้องเขียนด้วยชอล์กตรงทางเข้าร้าน เพียงไม่นานป้าพิศมัยก็นำขนมใส่ถาดมาวางไว้บนเคาน์เตอน์ โดยจัดเรียงมาอย่างสวยงาม เมษานำราคามาวางไว้ตรงถาดขนมแต่ละชนิด มีเสียงกรุ๊งกริ๊งจากประตูทางเข้าร้านทำให้รู้ว่าลูกค้ารายแรกมาแล้ว เมษายิ้มกว้างเพราะเป็นป้าพิราอยู่ตึกฝั่งตรงข้ามนี่เอง ลุงๆ ป้าๆ ที่อยู่ในละแวกนี้มักมาซื้อขนมไทยไปใส่บาตรบ้าง ไปทำบุญที่วัดหรือซื้อกลับไปทานที่บ้าน

          “วันนี้ป้าขอเป็นขนมตาล 20 กระทง แล้วก็สาคูน้ำกะทิ 10 ถุง ป้าจะไปทำบุญที่วัดสักหน่อย”

          “อนุโมทนาด้วยนะคะป้า เดี๋ยวเมคิดราคาพิเศษให้เลยค่ะ” เมษาบอกพลางหยิบถุงกระดาษมาใส่ขนมให้ลูกค้ารายแรกของวัน

          มีลูกค้าเข้าร้านมาซื้อขนมเรื่อยๆ พอสักสองโมงกว่าๆ ลูกค้าถึงได้น้อยลงแล้ว จึงเป็นเวลาพักของเมษา หญิงสาวมักลองทำเบเกอรี่ ในช่วงเวลานี้ ถ้าหน้าตาและรสชาติของขนมออกมาดีก็นำมาขายในตอนเย็นหลังจากโรงเรียนเลิกได้พอดี แต่เพื่อให้มีขนมอื่นๆ ด้วย เมษาจึงทำขนมบัวลอยไข่หวานเพิ่มในระหว่างที่รออบขนม ความจริงแล้วบัวลอยไข่หวานเป็นขนมที่เธอชอบมากเพราะแม่ทำให้ทานบ่อยๆ จนวันหนึ่งแม่บอกว่า

          ‘เผื่อวันไหนแม่ไม่ว่างทำให้ เมจะได้ทำเองเป็น’

          คำพูดนั้นกลายเป็นความจริงหลังจาก 2 ปี พ่อกับแม่ของเธอจากไปเพราะอุบัติเหตุ แต่แม่ก็ให้มรดกที่เป็นความรู้เรื่องการทำขนมให้กับลูกสาวคนโต จนกระทั่งผ่านไปหลายปี เมษาทานขนมบัวลอยกี่ครั้งก็มั่นใจว่าเหมือนที่แม่ทำทุกอย่าง

          เสียงกรุ๊งกริ๊งเบาๆ ทำให้เมษาที่กำลังถือถาดชีสเค้กซูเฟลออกมาพอดียิ้มให้ลูกค้าวัยกลางคนที่น่าจะมาที่นี่เป็นครั้งแรก ใบหน้าของคุณป้าคนนั้นทำให้เมษาร้องว้าวอยู่ในใจ เพราะแม้จะดูมีอายุแล้ว แต่ว่าเค้าของความสวยงามยังอยู่ หากพบกันครั้งนี้แล้ว เธอคงไม่มีทางลืมใบหน้าสวยซึ้ง ทว่าดวงตาดูเศร้าของคุณป้าคนนี้ได้ หมิวที่เลิกเรียนแล้วมาทำงานพิเศษคอยรับออเดอร์ของลูกค้ารีบหยิบสมุดจดแล้วไปหาลูกค้าทันที

          “ยินดีต้อนรับค่ะ รับอะไรดีคะ” หมิวถาม

          เนตรายิ้มให้พนักงานยิ้มเก่งของร้าน นางหวังว่าจะไม่มาเสียเที่ยว วันก่อนนางได้ชิมขนมร้านนี้เพราะมีคนซื้อมาฝาก ความรู้สึกชอบในรสมือทำให้เนตราบอกให้นิพนธ์ช่วยขับรถพามาที่นี่ดูสักครั้ง

          “แนะนำขนมให้ป้าหน่อยได้ไหมคะ พอดีว่าป้าเพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรก”

          หมิวยิ้มกว้างเพราะการเชียร์ให้ขนมของเมษาขายได้มันเป็นงานของเธออยู่แล้ว พิสูจน์จริงจากการที่เธอกินขนมของเมษามาสามปีเต็มๆ

          “ถ้าตอนนี้ก็ต้องบัวลอยไข่หวานเลยค่ะ น้ำกะทิหอมละมุน หวานกำลังดี แป้งนุ่ม หนูชอบมากค่ะ แต่ถ้ามาแนวเบเกอรี่ พี่เมเพิ่งทำชีสเค้กซูเฟลเสร็จ สนใจรับเป็นอะไรดีคะ”

          เนตราพยักหน้านับว่ามาไม่เสียเที่ยว “ขอเป็นบัวลอยไข่หวาน 1 ที่ แล้วก็ชีสเค้กซูเฟล 1 ที่ค่ะ”

          “ได้ค่ะ รอสักครู่นะคะ”

          หมิวค้อมไหล่ให้ผู้มากวัย ก่อนจะเดินไปหาเมษาแล้วรอรับถาดขนมที่ลูกค้าสั่ง เนตราหันไปมองเมษา เมษายิ้มให้ลูกค้าอย่างมีไมตรี แต่ก็รู้สึกว่าเคยเห็นใบหน้าแบบนี้ที่ไหนมาก่อนกันนะ เธอนึกไม่ออก

          มีลูกค้าเข้ามาเรื่อยๆ ในเวลาเย็นทั้งคนที่เพิ่งเลิกงาน นักเรียนที่มาหาที่นั่งทานขนมกับน้ำดื่ม ร้านที่เงียบๆ ในตอนบ่ายกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เมษาง่วนกับการทำขนมเพิ่ม วันนี้บัวลอยไข่หวานขายดี ทำให้ทำแทบไม่มีเวลาหยุดมือ ป้าพิศมัยก็มาช่วยตักขนมไทยใส่จานให้หมิวไปเสิร์ฟ ส่วนเครื่องดื่มตอนนี้ยังเป็นแบบน้ำอัดลม น้ำหวานและชาต่างๆ หากเป็นวันเสาร์อาทิตย์ มีนาจะมาช่วยชงกาแฟทำให้มีรายได้อีกทาง

          หลังจากปิดร้านในคืนนั้น เมษานั่งทำบัญชีรายรับรายจ่ายเหมือนกับทุกวัน แต่ในกล่องที่ใส่รับฟังคำติชม ซึ่งปกติแล้วจะไม่ค่อยมีใครเขียนอะไรมาใส่มากนักเพราะลูกค้าที่มากันก็พอจะรู้จักอยู่บ้าง หรือเห็นมาที่ร้านบ่อยๆ แต่วันนี้มีกระดาษแผ่นหนึ่งถูกหย่อนใส่กล่อง พอเธอไขเปิดกล่อง แล้วนำกระดาษแผ่นนั้นมาอ่านก็ทำให้รู้สึกชื่นใจ

          ‘ชอบขนมบัวลอยไข่หวานมากค่ะ รสชาติเหมือนกับสามีที่จากไปแล้วเคยทำให้ทาน ประทับใจสำหรับครั้งแรกที่มาร้านนี้ค่ะ’

          การได้รับคำชมเป็นสิ่งที่เมษาหรือว่าใครๆ ย่อมจะชอบอยู่แล้ว เพียงแต่ข้อความนี้มาจากใครกันนะ ถ้าหากบอกว่ามาเป็นครั้งแรก บางทีคงเป็นคุณป้าที่สวยซึ้งนัยน์ตาเศร้าคนนั้นกระมัง ใครกันนะ เธอยังนึกไม่ออกอยู่ดี

 

          วันนี้เป็นวันหยุดประจำในแต่ละเดือน เมษาจึงเลือกไปเดินเล่นในห้างเพื่อหาซื้อหนังสืออ่านเล่นและดูหนังสักเรื่อง หลังจากนั้นเมษาก็นั่งรถเมล์กลับแต่แวะลงระหว่างทางกลับบ้านเพราะเธอเห็นว่ามีร้านข้าวมันไก่ที่ชอบกลับมาเปิดอีกครั้ง ก่อนหน้านี้ลุงเจ้าของร้านไปผ่าตัดไส้ติ่ง พอลงจากรถเมษาเดินไปเรื่อยๆ เกือบจะถึงร้านอยู่แล้ว ถ้าไม่พบว่าป้าพิรากำลังช่วยโบกมือพัดให้ใครสักคนอยู่ หญิงสาวจึงเปลี่ยนใจไปหาป้าพิราแทน พอเข้าไปใกล้ๆ ก็ประหลาดใจเพราะคนที่ท่าทางเหมือนจะเป็นลมคือคุณป้าที่เคยไปร้านขนมของเธอเมื่อหลายวันก่อน

          ป้าพิราขยับให้เมษาที่เข้ามาช่วยประคองร่างของคนที่กำลังหมดสติ มือบางประคองใบหน้าของคุณป้าคนนี้แล้วเรียกเสียงดังขึ้นมานิดหนึ่ง

          “คุณป้าคะ ได้ยินเมไหมคะ”

          ไม่มีเสียงตอบ แต่สภาพยังหายใจได้ดีไม่ติดขัด ทำให้เมษาคิดว่ายังไม่ต้องทำ CPR ให้ แต่หากรอให้ฟื้นจะปลอดภัยหรือเปล่า

          “เมคิดว่าควรพาคุณป้าคนนี้ไปหาหมอค่ะ หมดสติเพราะอะไรก็ไม่รู้แบบนี้” เมษาบอกป้าพิราที่ขยับลุกขึ้นทันที

          “ถ้างั้นช่วยกันพยุงไปหาหมอที่คลินิกใกล้ๆ ตรงนั้นกันดีกว่านะหนูเม”

          เมษาพยักหน้าพลางเลื่อนแขนไปพยุงเอวให้คุณป้าคนนี้ลุกขึ้นมาพลางมองหาคนช่วย วินมอเตอร์ไซค์หันมาเห็นพอดีจึงวิ่งมาเพื่อช่วยอุ้มร่างไร้สติไปที่คลินิกซึ่งห่างออกไปประมาณสองร้อยเมตร ก่อนจะขอตัวไปวิ่งมอเตอร์ไซค์ต่อ ส่วนป้าพิราต้องกลับไปเฝ้าร้านขายเครื่องสังฆภัณฑ์ เมษาจึงอาสารออยู่ดูอาการของคุณป้าคนนี้ให้

คุณหมอตรวจชีพจรและอังแอมโมเนีย เพียงครู่เดียวคุณป้าก็รู้สึกตัว หมอบอกว่าในเบื้องตนคือเป็นลม แต่มีอาการแทรกซ้อนอื่นๆ หรือไม่ควรไปตรวจอย่างละเอียดที่โรงพยาบาล เมษาฟังพลางยกมือไหว้ขอบคุณ แล้วรอเพียงไม่นานคุณป้าก็ลืมตา

          เนตราเห็นเจ้าของร้านขนมก็ยิ้มกว้าง ทำให้เดาได้ไม่ยากว่าใครเป็นคนที่พานางมาหาหมอ

          “ขอบใจหนูมากนะคะที่พาป้ามาหาหมอ”

          เมษายิ้มกว้างเพราะคุณป้าคนนี้คงจำเธอได้ “หมอบอกว่าคุณป้าเป็นลม ถ้ายังไงไปเช็คร่างกายที่โรงพยาบาลไหมคะ เดี๋ยวเมไปเป็นเพื่อนก็ได้ค่ะ”

          “ป้ามีโรคประจำตัวน่ะ” เนตราเอ่ยพลางยันแขนจะลุกขึ้นนั่ง เมษารีบเข้ามาช่วยจับแขนพลางวางหมอนสอดไว้ให้ที่หลัง ความใส่ใจเล็กๆ น้อยๆ ทำให้เนตรายิ้มละมุนให้เมษา “เดี๋ยวป้าขอโทรหาคนขับรถก่อนนะคะ ป่านนี้คงตกใจแย่แล้วที่ป้าไม่รับโทรศัพท์”

          “พอดีว่าตอนที่รอคุณป้าฟื้น คุณคนนี้ตามหาคุณป้าไปทั่วค่ะ เมเลยบอกเขาว่าคุณป้าอยู่ที่นี่ เขาใช่คนขับรถของคุณป้าไหมคะ” เมษาชี้ไปยังชายที่ใส่สูทสีดำซึ่งทำให้เธอตกใจอยู่เหมือนกัน

          “ใช่ค่ะ” เพียงแค่มองจากข้างหลังเนตราก็จำนิพนธ์ได้ทันที ลูกชายส่งคนขับรถคนนี้มาดูแลนาง 2 ปีแล้ว “ตรงนี้ไกลจากร้านอยู่เหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นป้าขอไปส่งหนู...”

          “ทำไมแม่ไปไหนมาไหนไม่บอกนิพนธ์ล่ะครับ มีโรคประจำตัวอยู่ด้วยก็ควรจะต้องระวังนะ”

          เมษารู้สึกเหมือนถูกลมแรงๆ วูบผ่าน นั่นเพราะชายคนหนึ่งสูงใหญ่พอๆ กับเขมินท์เดินผ่าน ใบหน้าของเขาดูกระด้างเย็นชาในเสี้ยววินาทีที่เธอเห็น ทว่าน้ำเสียงที่เขาเอ่ยกับคุณป้าช่างอ่อนโยน

          “อย่าต่อว่านิพนธ์ล่ะ แม่แค่อยากเดินดูอะไรแถวๆ นี้ แต่แดดคงจะแรงไปหน่อย แม่ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นลมเหมือนกัน”

          ภามพอจะเข้าใจว่าแม่คงเบื่อๆ เลยให้นิพนธ์ขับรถพามาเดินเล่นในที่ที่พ่อเคยอยู่เมื่อนานมาแล้ว

          “ไปเช็คร่างกายกับหมอประจำตัวเถอะครับ วันนี้ผมยกเลิกงานทุกอย่างแล้ว แม่ไปนะครับ”

          เนตราพยักหน้าอยากให้ลูกชายสบายใจมากกว่าสิ่งอื่นใด ทว่าพอมองไปด้านหลังของภาม นางก็ไม่เห็นแม่หนูเจ้าของร้านขนมเสียแล้ว ไม่ใช่ว่ากลัวภามไปอีกคนหรอกนะ

          “อ้าว ไปไหนเสียแล้ว”

          “ใครหรือครับ” ภามหันกลับไปมองไม่แน่ใจว่าเมื่อครู่ที่ยืนอยู่ในห้องเป็นพยาบาลหรือว่าใคร

          เนตรายิ้มบางเพราะภามชอบทำหน้าเฮี้ยบๆ ดูน่ากลัวเวลาลืมตัว ทำให้จนป่านนี้แล้วพี่นลินที่เพียรหาคู่นัดบอดมาให้ภามหลายต่อหลายครั้งยังไม่ประสบความสำเร็จสักที

          “คนที่ช่วยแม่ แล้วพามาส่งที่คลินิกน่ะสิ”

          ภามพยักหน้าพลางช่วยประคองเนตราลงมาจากเตียง ในระหว่างที่เขามาห้องนี้ นิพนธ์ไปจัดการเรื่องค่ารักษาแทนเขาเรียบร้อยแล้ว เนตราเดินออกมาจากคลินิกพลางมองหาเจ้าของร้านขนม แต่นางไม่เห็นป่านนี้คงกลับไปแล้วกระมัง ภามรอจนแม่นั่งในท่าที่สบายแล้วจึงขับรถพาแม่ไปโรงพยาบาล ส่วนรถอีกคันนิพนธ์กำลังขับตามมา

         

          ภามได้พบเมษาแบบเดินผ่านฉิ่วไปเลย มาลุ้นกันว่าภามจะเป็นฝ่ายตามหาเมษาเมื่อไหร่ค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ

          บรรพตี

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.