รักเหนือฝัน มีฉันต้องมีเธอ 2 : เพื่อนใหม่ต่างภพ

รักเหนือฝัน มีฉันต้องมีเธอ (หนังสือชุดเจ้าจอมภพ/ ตย. 60%)

-A A +A

รักเหนือฝัน มีฉันต้องมีเธอ 2 : เพื่อนใหม่ต่างภพ

       พรึ่บ!

       ขณะชวณัดฐ์กำลังก้าวเข้ามาในห้องนอนตนเองเพื่อจะมาแต่งตัวหลังจากอาบน้ำเสร็จ จู่ ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างลอยเข้าหน้าต่างมา ชายหนุ่มชะงักชั่วครู่ หันมองไปทางหน้าต่างพลางทบทวนว่าตะกี้เกิดอะไรขึ้น ก่อนจะหันกวาดสายตาไปทั่วห้องเพื่อสังเกตความผิดปกติที่อาจจะมี และแล้วที่กลางห้องนอนนั่นเอง สายตาเขาก็ปะทะกับร่างของหญิงสาวคนหนึ่งที่ยืนทำหน้างง ๆ อยู่

 

       แวบแรกที่เห็นเธอก็อดตกใจไม่ได้ เพราะเขาไม่ได้อยู่คนเดียว ยังมีหญิงสาวคู่ควงที่ตอนนี้กำลังอาบน้ำใกล้เสร็จแล้วอยู่ด้วย ถ้าเธอมาเจอว่ามีผู้หญิงมาอยู่ในห้องเขาแบบนี้ เป็นเรื่องใหญ่แน่ ขณะกำลังคิดอยู่นั้น ชายหนุ่มก็เกิดเอะใจบางอย่างขึ้น จึงนึกทบทวนเรื่องราวทั้งหมดอีกครั้ง แล้วลองเพ่งพินิจร่างหญิงสาวกลางห้องดี ๆ สายตามองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนจะพบว่าปลายเท้าหญิงสาวไม่ได้อยู่ติดพื้น

 

       “คุณไม่ใช่คนนิครับ ตอนแรกผมก็นึกว่า...” ชวณัดฐ์เอ่ยขึ้นเป็นครั้งแรก หลังจากรู้แล้วว่าหญิงสาวที่เห็นอยู่ในสภาวะใด พูดแค่นั้นเขาก็หยุดไป ทว่าคำต่อมาแม้จะคิดอยู่ในใจ โลกที่สามอย่างหญิงสาวกลางห้องก็ยังได้ยิน

 

       คนถูกทักที่ยังไม่ทันสังเกตว่ามีชายหนุ่มอยู่ ได้ยินเสียงเขาก็หันมามอง

 

       “รถไฟชนกันอะไรหรือคะ” หญิงสาวถามเขาด้วยความสงสัย ชวณัดฐ์ตกใจเล็กน้อยที่เธอดันรู้ความคิดของเขา

 

       “ณัดฐ์คะ มิ้งอาบน้ำเสร็จแล้วนะคะ” เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงแหลมสวยของผู้หญิง ก่อนที่ชวณัดฐ์จะบอกให้หญิงสาวในโลกที่สามออกไปก่อน

 

       เธอเข้าใจว่าเขาต้องการเวลาส่วนตัวจึงทำตามอย่างว่าง่าย แต่ก็ไม่ได้ออกไปไหนหรอก เพียงอยู่รอบริเวณห้องรับแขกจนกว่าชายหนุ่มจะเสร็จธุระกับคู่ควงของเขาเท่านั้น กระทั่งหญิงสาวคนนั้นกลับไปแล้ว เหลือเขาอยู่ในห้องคนเดียว วิญญาณสาวจึงปรากฏตัวให้เห็นอีกครั้ง

 

       “คุณคะ” เธอเรียก

 

       ชวณัดฐ์ที่นึกว่าอีกฝ่ายหายไปแล้วไม่ทันตั้งตัวก็สะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะหันมองตามเสียง พบร่างสมส่วนของหญิงสาวนิรนามกำลังยืนมองมาอยู่

 

       “คุณยังอยู่หรือครับ ผมนึกว่าคุณกลับไปแล้วซะอีก” ชายหนุ่มถามด้วยความแปลกใจ

 

       “มีท่านผู้หนึ่งส่งฉันมาที่นี่ บอกให้ฉันมาอยู่กับคุณก่อนค่ะ” หญิงสาวอธิบาย

 

       “ผมหรือ?” ชายหนุ่มชี้นิ้วเข้าตัวเอง พลางทำสีหน้าแปลกใจ

 

       “ค่ะ” เธอพยักหน้ายืนยัน

 

       “แล้วคุณรู้หรือเปล่าครับว่าคนที่ส่งคุณมาคือใคร” ชวณัดฐ์ถามหาความกระจ่าง เอาจริงเขาก็ไม่ชอบยุ่งกับโลกที่สามเลย เขาคิดว่าถึงตัวเองจะเห็นอีกโลก แต่คนก็ควรอยู่ส่วนคน ผีก็อยู่ส่วนผีจะดีกว่า

 

       หญิงสาวส่ายหน้าเป็นคำตอบ ชวณัดฐ์หน้าเครียดขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบา ๆ

 

       “ขอโทษนะคะที่ทำให้คุณลำบากใจ ฉันรู้ว่าคุณไม่อยากยุ่งกับคนในโลกนี้อย่างฉัน แต่...ฉันไม่รู้จะไปไหนดี” เธอบอกตามตรง

 

       “คุณกลับบ้านไม่ได้หรือครับ” เขาถาม พลางมองอีกฝ่ายอย่างพินิจให้ถึงก้นบึ้งของหัวใจ และสายตาเฉียบคมในการมองคนอย่างเขาไม่เคยดูใครพลาด

 

       ใบหน้าเรียวได้รูป ดวงตากลมมีแววขี้เล่นร่าเริง แต่ก็ซ่อนรอยหม่นบางอย่างภายใน เหมือนเป็นคนหลายบุคลิก ภายนอกดูเรียบร้อย ใจเย็น แต่ภายในเต็มไปด้วยพายุอารมณ์หลากหลาย จมูกโด่งเชิดขึ้นนิด ๆ อย่างคนรั้น รับกับริมฝีปากอิ่มสีแดงสุขภาพดี ภาพรวมเธอก็ดูจะไม่มีพิษภัยอะไร เผลอ ๆ จะเข้าขั้นซื่อ ๆ ต๊อง ๆ ด้วยซ้ำ

 

       “กลับได้ค่ะ แต่ท่านผู้นั้นบอกว่า ถ้าฉันอยากกลับไปใช้ชีวิตอีกครั้งต้องขอให้คุณช่วยให้ได้ เพราะมีแค่คุณคนเดียวที่จะทำได้ค่ะ” เธอบอกเสียงปกติ แต่ชายหนุ่มฟังเหตุผลของหญิงสาวแล้ว พิจารณายังไงก็ยังไม่เห็นว่าเขาจำเป็นอย่างไรถึงจะต้องเข้าไปยุ่งอะไรกับคนในโลกที่สามอย่างเธอ

 

       “ถึงยังไงผมก็ให้คุณอยู่ด้วยไม่ได้ครับ” เขาเจรจาอย่างสุภาพที่สุด แต่จู่ ๆ ในส่วนลึกก็เกิดความรู้สึกคล้ายกำลังทำอะไรผิดพลาดต่อหัวใจของตนเองไป ชายหนุ่มชะงักกับความรู้สึกนั้น แต่เมื่อหาเหตุผลไม่ได้จึงเลือกที่จะปัดมันทิ้งเสีย

 

       "ค่ะ ฉันเข้าใจ" เธอมองเขาด้วยแววตาสื่อตรงกับคำพูด

 

       “แต่ฉันต้องพยายามทำทุกวิถีทางให้คุณยอมช่วยให้ได้ ช่วยฉันเถอะนะคะ และถ้าคุณอยากให้ฉันตอบแทนยังไงฉันจะทำทุกอย่างที่ทำได้เลยค่ะ ขอร้องนะคะ” ท้ายประโยคเธออ้อนวอน

 

ชวณัดฐ์แอบคิดว่าถ้าเธอเป็นคนคงจะน่าช่วยกว่านี้ เพราะหน้าตาวิญญาณสาวตรงหน้าใช่ว่าจะไม่สวยสักนิด

 

       “ตกลงคุณจะไม่ยอมไปใช่ไหมครับ” เขาถามย้ำอีกครั้งอย่างสุภาพ

 

       “ฉันจำเป็นค่ะ ฉันอยากกลับไปใช้ชีวิตอีกครั้ง ฉันยังมีความฝันที่อยากทำให้เสร็จ ยังมีผู้ใหญ่ให้กลับไปแทนคุณ คุณจะใจร้ายไม่ช่วยฉันเลยหรือคะ” สุดท้ายเธอก็ตัดสินใจโยนไม้ตายดู

 

       “คุณจะกลับไปใช้ชีวิตยังไงครับเมื่อคุณตายไปแล้ว” ชวณัดฐ์ถามด้วยความไม่เข้าใจ

 

       “ฉันยังไม่ตายนะคะ!” หญิงสาวรีบปฏิเสธ เพราะรู้สึกไม่ดีกับคำว่าเธอตายไปแล้ว

 

       “ถ้าคุณยังไม่ตาย แล้วตอนนี้คุณเป็นอะไรครับ” ชวณัดฐ์ถามกลับ

 

       “ฉันเป็นแค่ดวงจิตที่ออกจากร่างค่ะ” เธออธิบาย

 

       “คุณจะบอกว่า...” ชวณัดฐ์จ้องหน้าเธออย่างจะค้นให้เข้าไปถึงความจริงที่ซ่อนอยู่ในร่างที่เดี๋ยวโปร่งเบา เดี๋ยวชัดเจน ก่อนจะเห็นอีกฝ่ายพยักหน้ายืนยันในสิ่งที่เขาคิด

 

       “โอ้ว!” ชวณัดฐ์อุทานน้อย ๆ เมื่อได้ทราบเรื่องแปลกใหม่ครั้งหนึ่งในชีวิต

 

       “ฉันไม่ได้โกหกนะคะ คุณพิสูจน์ได้” หญิงสาวพยายามหาทางให้เขาเชื่อในสิ่งที่เขาเห็น อย่างน้อยชายหนุ่มอาจจะเห็นใจยอมช่วยในที่สุดก็ได้

 

       “ยังไงครับ” บางอย่างในใจสั่งให้เขาถามประโยคนี้ออกไป ทั้งที่เขาก็ไม่เข้าใจตนเองนัก เขาไม่อยากข้องเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ไม่ใช่หรือ แต่ก็คิดปัด ๆ เอาว่าช่างมันเถอะ ลองดูสักทีก็น่าสนุกดี

 

       “ตอนนี้คุณว่างไหมคะ ฉันจะพาคุณไปที่ที่ร่างฉันอยู่”

 

       “อีกเดี๋ยวผมจะต้องออกไปคลินิกครับ ว่างอีกทีก็ประมาณสามทุ่ม แต่ผมไม่รู้ว่าจะเพลียจนไปไหนต่อได้หรือเปล่า”

 

       “งั้นไม่เป็นไรค่ะ ขอเพียงคุณยอมพิสูจน์ในสิ่งที่ฉันพูด และยอมให้ฉันติดตามคุณไปทุกที่ก็พอ”

 

       ได้ยินประโยคหลังชวณัดฐ์ก็เลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย เพราะความเป็นวิญญาณ สามารถอ่านความคิดคนได้หากต้องการ จึงรู้ว่าชายหนุ่มกำลังคิดอะไร เธอก็เอ่ยในสิ่งที่เขาอยากรู้

 

       “ทุกที่ที่คุณสะดวกใจให้ตามค่ะ และฉันยืนยันว่าฉันไม่ใช่ผีที่หาทางหลอกอยู่กับคนนะคะ”

 

       “คุณรู้ความคิดผม?!” ชวณัดฐ์ตกใจนิด ๆ

 

       “ขอโทษค่ะ มันคงจะเสียมารยาท” เธอกล่าว

 

       “เอาเถอะครับ” ขณะพูดคำนี้ชายหนุ่มก็ลอบคิดในใจว่าคงต้องระวังความคิดเสียแล้ว ไม่งั้นความชั่วความเลวในใจวิญญาณสาวคงรู้หมดเกลี้ยง

 

       “ว่าแต่ที่คุณพูดเมื่อกี้ งั้นก็หมายความว่าถ้าผมไม่อนุญาตให้คุณตามไปที่ไหน คุณก็จะไม่ตามหรือครับ”

 

       “ถ้าไม่จำเป็นค่ะ” หญิงสาวบอกตามตรง

 

       ชวณัดฐ์มองวิญญาณสาวตรงหน้าอย่างพินิจดี ๆ อีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยในที่สุด

 

       “ครับ” เขารับทราบ และเป็นเชิงตอบรับให้วิญญาณสาวติดตามเขาได้ด้วยเช่นกัน

 

       จากนั้นชวณัดฐ์กับวิญญาณสาวก็ไม่ได้สนทนาอะไรกันอีก ต่างคนก็ต่างอยู่ไป เขาก็ทำอะไรตามประสา ต่อเมื่อถึงเวลาต้องไปคลินิกเขาก็ออกจากห้อง โดยมีหญิงสาวต่างมิติตามไปด้วย

 

       วิญญาณสาวติดตามชวณัดฐ์มาที่คลินิกแห่งหนึ่ง ดูจากสภาพและอ่านชื่อสถานที่แห่งนี้ก็พอให้เดาได้ว่าเป็นคลินิกด้านความงาม ยิ่งเมื่อตามชายหนุ่มเข้าไปด้านใน เห็นเขาปฏิบัติหน้าที่ เธอจึงรู้ว่าเขาเป็นศัลยแพทย์ของที่นี่

 

       ตลอดเวลาที่ชวณัดฐ์อยู่คลินิก หญิงสาวก็พรางตัวอยู่ในนั้นโดยไม่มีใครรู้ บางครั้งก็จะไปยืนดูชายหนุ่มตรวจคนไข้ เธอสังเกตว่าเขาตั้งใจทำงานมาก พูดจาสุภาพอ่อนโยนกับผู้ใช้บริการทุกคน ใส่ใจทุกรายละเอียด ทุกคำแนะนำ และผู้ใช้บริการส่วนมากก็ไม่พ้นผู้หญิง

 

       แน่นอนว่าพวกเธอต้องส่งสายตาหวานหรือแอบอ่อยศัลยแพทย์สุดหล่ออย่างเขา ซึ่งคุณหมอหนุ่มก็ใช่ว่าจะน้อยหน้า ส่งสายตาพราวระยับกลับไปเช่นกัน จนบางทีหญิงสาวก็นึกขำ แต่บางทีก็อดหมั่นไส้ไม่ได้ เพราะดันรู้ความคิดของเขานี่สิ

 

       ส่วนยามที่ชายหนุ่มต้องเข้าผ่าตัดเคส หญิงสาวก็จะมาเตร่ ๆ อยู่บริเวณหน้าร้านที่มีผู้ใช้บริการจำนวนมากนั่งรออยู่แทน เพราะเธอเป็นคนกลัวมีดและเลือดมนุษย์มาแต่ไหนแต่ไร เห็นทุกทีก็จะหน้ามืดร่ำไป จึงไม่สามารถทนดูการผ่าตัดของศัลยแพทย์อย่างเขาได้

 

       หรือไม่บางครั้งเธอก็จะไปดูศัลยแพทย์สาวอีกคนทำงานบ้าง เธอคนนี้สะสวยสะอาดตา ท่าทางใจดีไม่แพ้ชวณัดฐ์ แถมยังดูอายุไล่เลี่ยกับชายหนุ่มมาก หญิงสาวในโลกที่สามทำอย่างนี้วน ๆ ไปจนกระทั่งคลินิกปิด และชวณัดฐ์พร้อมศัลยแพทย์สาวสวยก็กำลังจะพากันกลับ

 

       “เราไม่ได้ทานข้าวด้วยกันหลายวันแล้วนะ” เสียงสวยของใครคนหนึ่งดังมาจากด้านในคลินิก ก่อนวิญญาณสาวจะหันมาเห็นร่างสูงเพรียวเดินเฉิดฉายเคียงชวณัดฐ์ออกมา

 

       “ก็งานยุ่งนี่ครับ เอาไว้ว่าง ๆ ผมสัญญาจะพาไปกินอะไรอร่อย ๆ คุณอยากไปที่ไหนแพลนมาได้เลย” ชวณัดฐ์พูดอย่างเอาใจ เป็นปกติของเขาที่จะแสดงความสุภาพต่อทุกคนโดยเฉพาะผู้หญิง แม้บางครั้งจะรู้สึกรำคาญก็ตาม

 

       “ได้ค่ะ แล้วฉันจะไลน์บอกนะ” ศัลยแพทย์สาวตอบรับด้วยรอยยิ้มสวยสดใส

 

       ชวณัดฐ์ที่มัวแต่คุยกับสาวสวยข้างกายจนเกือบลืมวิญญาณสาวไปสนิท หากไม่บังเอิญเหลือบมาเห็นเธอที่ยืนรออยู่หน้าคลินิกเข้า เขามองเธอชั่วแวบ นึกรู้อยู่แล้วว่าอย่างไรร่างโปร่งแสงก็ต้องตามติดเขาไปทุกที่นั่นแหละ ก่อนจะหันไปสนใจคนข้างกายต่อ แล้วเดินพ้นประตูคลินิกไปโดยไม่หันกลับมาสนใจเธออีก

 

จากนั้นวิญญาณสาวก็หายตัวไปปรากฏบริเวณที่รถหรูของชวณัดฐ์จอดอยู่เพื่อรอชายหนุ่มมาขับกลับ....ผ่านไปไม่นานหญิงสาวก็เห็นเขาและศัลยแพทย์สาวเดินเคียงกันมา ก่อนตรงไปยังรถยี่ห้อแพงอีกคันที่จอดอยู่ถัดออกไป

 

            ชวณัดฐ์รับกุญแจรถจากเธอแล้วตรงเข้าไปเปิดประตูรถให้ ทั้งคู่หยอกเย้ากันพอหอมปากหอมคอก็แยกย้ายกันด้วยจูบลาอันดูดดื่ม

 

       “เธอสวยจังเลยนะคะ แฟนคุณหรือ” หญิงสาวเอ่ยขึ้นหลังจากทั้งเธอและชวณัดฐ์เข้ามานั่งในรถแล้ว

 

       “ครับ” เขาตอบ แต่ไม่ได้หันไปมองอีกฝ่าย มือเสียบกุญแจก็ติดเครื่องออกมา โดยไม่ลืมส่งตาหวานร่ำลาหญิงสาวที่เขายอมรับว่าเป็นแฟน ก่อนรถสองคันจะแยกไปคนละทาง

 

       “อ๋อ” หญิงสาวในโลกที่สามทำเสียงรับรู้ แต่ในใจก็หวนนึกถึงสาวสวยอีกคนที่เธอเพิ่งเจอในห้องชายหนุ่มก่อนจะมาคลินิก และย้อนนึกถึงภาพตอนเขาส่งตาโปรยเสน่ห์ให้คนไข้สาว ๆ แต่ละคนระหว่างปฏิบัติหน้าที่เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้

 

       สมองที่ถนัดด้านการวิเคราะห์คน สถานการณ์ ประมวลผลอย่างรอบคอบ ก็ได้สมมติฐานในใจว่าผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดาซะแล้วสิ

 

       นั่ง ๆ อยู่ชวณัดฐ์ก็เอื้อมมือไปเปิดวิทยุหน้ารถ จนดนตรีคุ้นเคยจังหวะสบายดังขึ้น เขาก็ร้องตามอย่างระบายอารมณ์ เสียงร้องทุ้มหวานมีเสน่ห์สะกดให้หญิงสาวเบาะข้าง ๆ ต้องตั้งใจฟัง พลางในใจก็อดชื่นชมไม่ได้

 

       เธอลอบมองหน้าเขา ขณะอีกฝ่ายกำลังจับจ่ออยู่ที่ถนนข้างหน้า พิจารณาแล้วเขาเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์กระชากใจสาวไม่น้อย ขณะมองหน้าอีกฝ่ายพลางฟังเสียงรื่นหูนั้นกล่อมอารมณ์ จู่ ๆ หัวใจเธอก็เต้นแรงขึ้นมาอย่างควบคุมไม่อยู่ มันแรงชนิดที่เธอกลัวว่าอีกฝ่ายจะได้ยิน

 

       ด้วยความเป็นคนที่สัมผัสไว ชวณัดฐ์ที่รู้สึกว่ามีใครกำลังมองเขาไม่วางตาจึงหันมาดู แม้จะไม่ทันเห็นจะจะ ว่าวิญญาณสาวข้าง ๆ จ้องเขาอยู่ก่อน แต่หางตาก็ทันเห็นจังหวะที่เธอรีบหันหน้าเฉไฉไปมองทางอื่น และเขายังสังเกตว่าฝ่ายนั้นกำลังหน้าแดง มองก็รู้ว่าเธอกำลังอาย แต่ชายหนุ่มไม่มีเวลาสนใจเธอมาก จึงรีบหันกลับไปสนใจยังการควบคุมรถต่อ

 

       ขณะหญิงสาวพยายามตั้งสติที่ไม่ค่อยนิ่งนักอยู่ แล้วชายหนุ่มข้างตัวก็เอ่ยขึ้น

 

       “เรื่องจะไปหาร่างคุณ ผมคิดว่าน่าจะเป็นวันมะรืนนะครับ วันนี้ผมเหนื่อยมาก” เขาบอกขณะสายตายังมองตรงไปเบื้องหน้า

 

       “ค่ะ ฉันไม่รีบมากหรอก แค่คุณยอมให้ฉันอยู่ด้วยก็ดีมากแล้วค่ะ” วิญญาณสาวพยายามฝืนความอาย ความตื่นเต้น และอาการสั่นเอ่ยปากตอบ ก่อนเธอจะนึกอะไรได้ก็เอ่ยต่อ

 

       “คุณณัดฐ์คะ ถ้าไม่มีอะไรฉันขอตัวสักพักนะคะ แล้วจะกลับมาค่ะ”

 

       ยังที่เขาไม่ทันตอบ หญิงสาวก็หายไปเสียแล้ว

 

 

       มุมหนึ่งที่โต๊ะอ่านหนังสือภายในคอนโดฯของชวณัดฐ์  ขณะนี้เขากำลังคุยหยอดมุกหวานกับหญิงสาวหน้าแชล่มอีกคนหนึ่งอยู่

 

       “คิดถึงมากเหมือนกันครับ ผมนับวันรอจะได้เจอเอยเลยรู้ไหม แต่ติดที่งานน่ะสิ หาวันปลีกตัวไม่ได้เลย”

 

       [แหม ทำเป็นพูดไปนะคะ ถ้าคิดถึงจริงก็ต้องหาเวลาว่างมาได้บ้างแหละค่ะ] หญิงสาวอีกด้านทำเสียงกระเง้ากระงอดมาตามสาย ด้วยความที่ยังไม่นึกเบื่ออีกฝ่ายชวณัดฐ์จึงต้องอ้อนกลับเพื่อเอาใจเธอไว้ตามระเบียบ

 

       “โธ่ ผมพูดจริง ๆ นะครับ ผมสัญญา ถ้าว่างเมื่อไรจะรีบบินไปหาทันทีครับ อย่างอนผมเลยนะ ผมรักคุณนะ” ชวณัดฐ์ออดอ้อนอีกฝ่ายตามวิธีที่เขารู้ว่าหากใช้มันจะทำให้เธอพอใจเขามากขึ้น

 

       [พิสูจน์สิคะ] คนอีกทางว่าอย่างนึกสนุก เข้าใจว่าตนเองกำลังเป็นต่อ เพราะอีกฝ่ายแสดงออกว่าหลงเธอเหลือเกิน

 

       “งั้นมองตาผมสิครับ” ชายหนุ่มวางไม้ตาย ก่อนจะจ้องไปที่ดวงตางามกลมโตสุกสกาวของฝ่ายตรงข้ามด้วยสายตาหวานเยิ้ม ซึ่งเขาฝึกฝนมาอย่างดี

 

       หญิงสาวอีกด้านที่เห็นอย่างนั้นถึงกับยิ้มสมใจ คิดว่าเขาติดกับเธอร้อยเปอร์เซ็นต์

 

       “เอยครับ ผมต้องไปทบทวนตำราต่อแล้วนะ ใจไม่อยากไปเลยครับ แต่คุณก็รู้ผมทิ้งหน้าที่ไม่ได้ ถึงความจริงจะอยากอยู่เห็นหน้าคุณให้นานเท่านานก็ตาม” พูดไปชวณัดฐ์ก็ส่งตาหวานไป พลางหยอดมุกอ้อนตามมาอีกหลายครั้ง จนพอควรแก่เวลาเขาก็วางสายหญิงสาวคนนั้น

 

       แต่ไม่ทันถึงนาทีมือหนาก็กดส่งข้อความหาใครอีกคน ซึ่งหน้าโปรไฟล์เฟสเธอแสดงรูปสาวสวยจัดอีกคนให้เห็น จากนั้นก็สลับหน้าต่างตอบข้อความไลน์กับสาวเฉี่ยวคนหนึ่งด้วยคำหวานไม่ต่างกัน

 

       ตอบข้อความสาวน้อยสาวใหญ่คนนั้นคนนี้จนเมื่อยจึงลุกบิดขี้เกียจ ก่อนจะสัมผัสถึงพลังงานอะไรบางอย่างที่มาอยู่ด้านหลังห่างออกไปไม่มาก พลังงานนั้นอยู่ในรูปหญิงสาวหน้าตาดีคนหนึ่งที่เขาเจอตอนบ่ายจนค่ำ ๆ ก็หายตัวไป เธอยืนมองตรงมาทางเขาด้วยสายตาเฉียบคม

 

       “คุณมาตอนไหนครับ” เขาแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้กับแววตานั้น

 

       “มาตั้งแต่เอยครับ ผมคิดถึงนะครับ เอยครับ ผมรักคุณนะครับ แล้วล่ะค่ะ” วิญญาณสาวที่ขอติดตามเขาล้อเลียนตาระยับ

 

       “คุณแอบดูผมหรือ”

 

       “ไม่ได้แอบนะคะ ดูเอาโต้ง ๆ เลยล่ะค่ะ” หญิงสาวในโลกที่สามบอกตามตรง

 

       “คุณเป็นเพลย์บอยหรือคะ ฉันไม่คิดมาก่อนว่าหมอจะเป็นกับเขาด้วย” เธอถามนัยน์ตายิ้มสนุก

 

       “ธรรมดาผู้ชายนิครับ” ชวณัดฐ์แก้ตัวหน้าซื่อ

 

       “ข้ออ้างมากกว่าค่ะ ว่าแต่คนไหนตัวจริงคะ” เธอถามเย้า ก่อนจะโดนอีกฝ่ายเล่นกลับแบบไม่ทันตั้งตัว

 

       “นั่นสิครับ คนไหนดี” ชวณัดฐ์ว่าพลางทำตาพราวมีเลศนัยใส่วิญญาณสาว

 

       โดนเข้าไปอย่างนั้นเธอก็หน้าแดงระเรื่อ หนุ่มหน้าหวานหล่อทรงเสน่ห์มาทำตาวิบวับใส่เป็นใครก็ต้องใจละลาย ตอนนี้อายจนมือไม้เก้งก้างทำตัวไม่ถูก พอไม่รู้จะแก้เขินยังไง ก็ได้แต่หันหลังให้แล้วทะลุประตูออกไปเลย ชายหนุ่มในห้องเห็นอย่างนั้นก็อดหัวเราะไม่ได้ ผีเวลาเขินเป็นอย่างนี้เองหรือ

 

       เขาก้มหยิบไอโฟนขึ้นมาดูข้อความอีกครั้งก็ยิ้มชอบใจกับข้อความของสาว ๆ ที่ส่งตอบกลับมา รู้สึกภูมิใจไม่น้อยที่พวกเธอแสดงออกว่าหลงเขาชะงัก แต่เมื่อเหลือบเห็นเวลาบนหน้าจอ รู้ว่าดึกมากแล้ว ด้วยความเป็นแพทย์ที่มีนิสัยรักสุขภาพจึงส่งข้อความบอกฝันดีสาว ๆ แล้วเข้านอนในเวลาต่อมา

 

       วิญญาณสาวกลับมาอีกครั้งในอีกครู่หนึ่ง หลังจากไปกรี๊ดกร๊าดบิดไปบิดมาอยู่ด้านล่างตึกคอนโดฯ ของชายหนุ่มตามลำพัง เข้าห้องมาอีกทีก็พบว่าเขาเข้านอนแล้ว แถมหลับเร็วเสียด้วย คงจะเหนื่อยกับงานเมื่อเย็น และกิจกรรมบางอย่างที่เขากับหญิงสาวที่เธอพบคนแรกอาจจะทำร่วมกัน เธอนึกสนุกอยากเข้าไปดูเขาในห้องนอน เพราะอยากรู้ว่าคนหล่อเบอร์นั้นเวลาหลับจะน่ารักขนาดไหน

 

       หญิงสาวในโลกที่สามเคลื่อนกายเข้าไปหยุดเพียงหน้าประตู ไม่กล้าเสียมารยาทเข้าไปใกล้กว่านั้น หนึ่ง เพราะรู้ว่าเขามีเจ้าของแล้ว และสอง กลัวเขาจะรู้สึกตัวตื่นมาเจอเธอเข้า แต่ยืนมองอยู่แค่นี้ก็ฟินจะแย่

 

       ยืนมองได้ไม่นานเธอก็ต้องตัดใจถอนสายตา ยิ่งมองนานยิ่งรู้สึกจะห้ามใจไม่อยู่ เขามีแฟนแล้ว เธอจะไม่มีวันยุ่งกับคนมีเจ้าของ หญิงสาวพยายามย้ำเตือนตนเอง คิดได้อย่างนั้นร่างสมส่วนก็หายตัวไป ปล่อยชายหนุ่มดิ่งลึกในห้วงนิทราอย่างสบายใจตามลำพัง

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.