ตอนที่ 45

คุณหนูมหาภัยของจักรพรรดิมังกร

-A A +A
อ่านต่อ

ตอนที่ 45

ตอนที่ 45

 

เวลายังคงเดินต่อไป

 

ทั้งสามพี่น้องตระกูลโจวไม่มีคำพูดระหว่างกันแม้คำเดียว กระทั่งเวลาผ่านไปครู่ คุณหนูใหญ่เป็นฝ่ายเอ่ยหยอกเย้า

 

“พวกน้องจะจ้องมองพี่เช่นนี้อย่างเดียวทั้งวันรึ”

 

ทั้งโจวเฟินและโจวเฉี่ยวอ้ำอึ้ง เนื่องจากไม่คาดว่าจะเกิดสถานการณ์ไร้ความตื่นเต้น แต่ไม่นาน ทั้งสองคนก็ได้สติ

 

“แล้วพี่จะไปร้านขายเครื่องประดับใด ?” โจวเฟินกลับไปต่อประเด็นที่ค้างอยู่

 

แต๋วมองไปทิศทางหนึ่งตามถนน “พี่ไม่รู้ว่านามของร้านนี้มีนามว่ากระไร แต่ร้านนี้เป็นร้านโด่งดังมากอยู่” แล้วหันกลับมาถาม “พวกน้องจะไปกับพี่หรือไม่ ?”

 

โจวเฟินทำเสียงอ้ำอึ้งลังเลเล็กน้อยก่อนตอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ว่าพี่จะไปร้านใด ข้าจะไปตามพี่ และข้าคิดว่าหากเปลี่ยนไปร้านอื่นนอกจากร้านประจำบ้าง เราอาจจะได้พบของงามแบบใหม่ด้วยก็ได้”

 

โจวเฉี่ยวสังเกตพี่สาวคนรองที่แสดงกิริยาลับๆ ให้คล้อยตาม “โจวเฉี่ยวจะไปตามพี่โจวจื่อรั่วเช่นกันเจ้าค่ะ” เธอแสดงอาการตื่นเต้นอย่างน่ารัก “แล้วไม่แน่ หากเราได้พบเจอเครื่องประดับแบบใหม่แล้ว เราอาจจะได้เป็นผู้นำกระแสใหม่ก็ได้เจ้าค่ะ”

 

แต๋วทำเสียงหัวเราะเบาๆ อย่างอ่อนโยนในลำคอ “อาจเป็นไปได้ เราทั้งสามพี่น้องคงจะโด่งดังเพิ่มขึ้นไม่น้อย”

 

ทั้งสามคนยังคงมีรอยยิ้มให้กัน ทว่าไม่มีคำพูดใดต่อ จึงเกิดเป็นความเงียบแปลกประหลาด

 

พวกคนใช้หญิงชำเลืองมองหน้ากัน เริ่มสัมผัสได้เหมือนกันว่ามีบรรยากาศลวงโลกแพร่กระจายออกจากทั้งสามพี่น้อง

 

กระทั่งรถม้าเคลื่อนมาถึง บรรยากาศนั้นก็หายไป กลับสู่ความปกติดังเดิม

 

“ไปกันเถิดน้องรัก เราจะต้องไปต่ออีกหลายร้าน” ก่อนที่แต๋วจะก้าวขึ้นรถ หันมากล่าวอย่างหยอกเย้า “กลิ่นน้ำมันหอมของน้องถือว่าหอม แต่หากเป็นไปได้ น้องอย่าใช้มากเกินพอดี หากไม่เช่นนั้น...” เธอยังคงมีรอยยิ้มอบอุ่น แต่เมื่อเผยยิ้มจนเห็นฟันแล้วกลับเหมือนตั้งใจเยาะเย้ย “มันจะกลายเป็นเหม็นแทน”

__________

 

        หลังจากที่โจวเฉี่ยวไปบอกให้อนุภรรยาทั้งสองคนได้รับรู้แล้วว่าจะไปไหนต่อ ก็กลับมาขึ้นรถม้าคันเดิม ซึ่งมีพี่สาวคนรองนั่งรออยู่แล้ว

 

แต่อันที่จริง โจวเฉี่ยวไปแจ้งเป็นเลศนัย ให้รู้ว่าจะทำเรื่องเลวร้ายอะไรต่อคุณหนูใหญ่

 

“ท่านแม่เจียวจ้านไม่รู้เจ้าค่ะ” โจวเฉี่ยวกล่าวเสียงอ่อยๆ

 

เนื่องจากก่อนหน้านี้ทั้งโจวเฟินและโจวเฉี่ยวสงสัยมาก ว่าเหตุใดคุณหนูใหญ่ไม่แสดงอาการผิดปกติใดๆ ให้เห็นแม้อย่างเดียว จึงไปแอบถามเจียวจ้านที่มีความรู้เรื่องยาสมุนไพรมากกว่า เพราะหวังว่าจะมีคำตอบให้และช่วยชี้แนะ แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรกลับมา

 

“ท่านพี่โจวเฟินมีแผนสำรองหรือไม่เจ้าคะ ?”

 

โจวเฟินนิ่งเงียบครู่แล้วตอบเสียงเรียบ “ไม่ ข้ายังคิดไม่ออก”

 

จากนั้นเกิดเป็นความเงียบ เพราะต่างคนต่างคิด

 

แต่ความเงียบก็มีอยู่ไม่นาน

 

“หรือไม่...” โจวเฟินสันนิษฐานอย่างละเอียดอีกเล็กน้อยในใจ “คงเพราะนางสูดกลิ่นไม่นานมากพอ” เธอมองผ่านช่องลมออกไป จับจ้องรถม้าที่คุณหนูใหญ่นั่งอยู่

 

“เช่นนั้นเราต้อง... อยู่ใกล้นางนานกว่านี้หรือเจ้าคะ ?” โจวเฉี่ยวมองตามสายตา

 

ตอนนี้รถที่คุณหนูใหญ่นั่งอยู่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเปิดโล่ง ที่นั่งถูกปรับเอน มีเพียงมือของคุณหนูใหญ่ที่โผล่มาให้เห็นเล็กน้อยเพราะคลี่พัดสะบัด กระนั้นมากพอให้จินตนาการออกว่ายามนี้คุณหนูใหญ่อยู่อิริยาบถอย่างใด

 

“เราไม่จำเป็นต้องทำถึงเช่นนั้น” โจวเฟินเผยยิ้ม “เมื่อครู่ นางบอกชอบกลิ่นน้ำมันหอมไม่ใช่รึ เช่นนั้นเราก็ควรให้ตามที่นางต้องการ”

 

ดวงตาของโจวเฉี่ยวเป็นประกายเหมือนฉุกคิดได้เวลานี้ แต่ทันใดนั้นความตื่นเต้นลดลง “แต่หากครั้งนี้... ไม่ได้ผลอีกเจ้าคะ ?”

 

โจวเฟินนิ่งคิด ดวงตายังคงจับจ้องคุณหนูใหญ่ที่รับลมชมบรรยากาศรอบกาย ทันใดนั้นนึกถึงทั้งกิริยาและคำพูดก่อนหน้านี้ของคุณหนูใหญ่ แล้วฉุกคิดขึ้นได้ว่าทั้งหมดนั้นเหมือนบอกใบ้

 

แต่กระนั้นเป็นแค่ความรู้สึกที่ชี้นำไป ไม่ใช่สันนิษฐาน

 

อย่างไรก็ตาม ยิ้มของคุณหนูใหญ่เมื่อครู่ยังคงเกาะติดอยู่ในความคิด กระซิบกระซาบให้รู้ว่าคุณหนูใหญ่ตั้งใจแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรทั้งสิ้น เพราะอยากให้รู้สึกผิดหวังและรู้สึกเหมือนเป็นตัวอะไรบางอย่างที่ไม่ฉลาด

 

“หากเป็นเช่นนั้น... แสดงว่านางรู้ความจริงตั้งแต่แรกแล้ว เราคงต้องปล่อยให้นางรอดครั้งนี้ไป” โจวเฟินตอบ

 

“รู้ความจริงหรือเจ้าคะ !” โจวเฉี่ยวนึกย้อนกลับไปอย่างละเอียด ทันใดนั้นฉุกคิดได้ว่ามีคำพูดเป็นเลศนัย แต่ยังไม่มั่นใจว่าเพราะคิดไปเป็นเช่นนั้นหรือคุณหนูใหญ่ตั้งใจพูดให้เป็นความหมายนั้นจริง

 

“หากนางรู้ตั้งแต่แรกจริงอย่างที่ข้าคิด...” แววตาของโจวเฟินเปล่งประกายชั่วร้าย “แม้ครั้งนี้นางจะรอด แต่คราวหน้า... ผู้ใดจะรู้”

__________

 

        ไม่ว่ารถม้าจะเคลื่อนผ่านไปที่ใด เกือบทุกคนโดยรอบจะหันมามองที่รถคันที่โจวเฟินและโจวเฉี่ยวนั่งอยู่ เนื่องจากได้กลิ่นน้ำมันหอมที่ประกาศศักดาอย่างรุนแรง แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนจะชอบ ในจำนวนนั้นจะรีบออกห่าง บางคนไม่ชอบถึงขนาดดึงคอเสื้อขึ้นมาปิดจมูกก็มี

 

ไม่เว้นกระทั่งหมาที่เป็นสัตว์เลี้ยงของชาวบ้าน แต่ทว่าแตกต่างกับมนุษย์ ตรงที่พวกมันไม่เดินหนี กลับเดินตามมา และที่สำคัญ แววตาของพวกมันเกือบทุกตัวจะเปล่งประกายอย่างตื่นเต้น หางก็กระดิกไม่หยุด เหมือนกับว่าได้เห็นเจ้านายที่หายไปนาน

 

ด้วยเหตุนั้น หลายครั้งที่ทั้งผู้คุ้มกันและคนรับใช้ต้องแสดงความโหดร้าย ทำท่าว่าจะตี พวกหมาถึงจะเลิกตามติด แต่ไม่ทั้งหมด หมาบางตัวยังตามมาอยู่

 

ใช้เวลานานกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง เพราะคุณหนูใหญ่ไม่รู้ว่ามีอะไรอย่างอื่นที่พอใช้เป็นจุดสังเกตระบุที่ตั้งร้านขายเครื่องประดับ เธอจำได้เพียงเส้นทางไปที่ร้านนั้นอย่างเดียว จึงต้องชี้บอกทางเป็นระยะ แต่กระนั้นคุณหนูใหญ่ยังบอกทางผิดหลายครั้ง ทำให้ต้องวกวนกลับไปกลับมา

 

เรื่องนั้นไม่เป็นเรื่องเดียวที่สะกิดอารมณ์ของโจวเฟินและโจวเฉี่ยว ยังมีอีกอย่างคือสภาพแวดล้อมอันไม่เจริญตาเจริญใจ เนื่องจากแหล่งที่พวกเธอไปนั้นเป็นที่อยู่ของชนชั้นกลางและยากจนบางส่วน ดังนั้นบางจุดย่อมมีสิ่งที่ไม่ปรารถนา ไม่ว่ากองขยะ มูลสัตว์ หรือตะไคร่ที่เกิดจากพื้นเฉอะแฉะบ่อยๆ

 

เมื่อโจวเฉี่ยวลงจากรถ ก็สั่งคนใช้ทำหน้าที่ถ่ายทอดสดแทน ทั้งถือคันฉ่องสื่อสารและถือไมโครโฟนอันเป็นสุดยอดอุปกรณ์ดูดเสียง

 

“ท่านพี่โจวจื่อรั่วเจ้าคะ” โจวเฉี่ยวควักขวดน้ำมันหอมออกมา “เมื่อครู่ท่านพี่บอกชอบกลิ่นน้ำมันหอม โจวเฉี่ยวนึกขึ้นได้ว่ายังมีน้ำมันหอมอีกขวดหนึ่งที่เก็บไว้ โจวเฉี่ยวจึงเอามาให้ท่านพี่เจ้าค่ะ” เธอดึงจุกขวดออก “โจวเฉี่ยวจะหยดให้ท่านพี่เจ้าค่ะ” ขณะพูดไป มือก็เขย่าขวดน้ำมันหอมให้หยดลงผ้า “ท่านพี่ไม่ต้องกลัวว่าจะเหม็น โจวเฉี่ยวและท่านพี่โจวเฟินรู้ว่าต้องหยดประมาณเพียงใดถึงจะพอดี เรายังรู้ว่าต้องหยดบริเวณใดให้กลิ่นติดนาน เราเคยได้ฟังมาจากทางผู้เชี่ยวชาญ เขาแนะนำให้เจ้าค่ะ”

 

โจวเฟินมองกล้อง “น้ำมันหอมบางชนิดยังหยดลงผมได้ไม่ต่างกันและน้ำมันหอมบางชนิดยังเป็นยาบำรุงผมด้วยเจ้าค่ะ” ขณะที่อธิบาย มือก็เขย่าขวดน้ำมันหอมให้หยดลงผมของคุณหนูใหญ่ “ผมของเรานั้นไม่ต่างกับร่างกาย ดังนั้นมันย่อมต้องการของบำรุงเช่นกัน แต่หากเราไม่บำรุง ผมของเราจะเสื่อม อาจจะกลายเป็นผมหงอก ผมอาจจะร่วง หรืออาจจะแตกปลายเจ้าค่ะ” เธอสางผมสลับรูดผมเพื่อน้ำมันหอมจะได้แทรกซึมดีกว่าเดิม “และนอกจากนี้ กลิ่นน้ำมันหอมยังทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายและหายใจได้ดี” แล้วหันไปยิ้มให้คุณหนูใหญ่ “พี่โจวจื่อรั่วควรสูดกลิ่นน้ำมันหอมบ่อยๆ มันจะช่วยเรื่องการหายใจได้มาก”

 

แต๋วมองมาด้วยใบหน้าเย็นชา

 

อันที่จริง ทั้งโจวเฟินและโจวเฉี่ยวก็รู้อยู่แล้วว่าที่ทำอยู่นี้ไม่ได้รับอนุญาตก่อน ดังนั้นคุณหนูใหญ่ย่อมเกิดความโกรธ แม้คุณหนูใหญ่ไม่แสดงออกทางสีหน้าและแววตา

 

กระนั้นไม่ทำให้กังวล เนื่องจากเวลานี้ถ่ายทอดสดอยู่ หากคุณหนูใหญ่แสดงออกอะไรก็ตามที่ไม่ดีไม่งามเมื่อใด ประชาชนที่หลงรักจะต้องลดฮวบๆ

 

แต่หากให้โอกาสคุณหนูใหญ่คิดก่อน โดยถามขออนุญาต โอกาสเช่นนี้อาจจะไม่มี ดังนั้นต้องทำอย่างรวดเร็วโดยไม่ให้ตั้งตัว

 

ทั้งโจวเฟินและโจวเฉี่ยวยิ้มให้กล้อง

 

“หากเรารู้จักเสริมแต่งอย่างถูกต้อง เราจะกลายเป็นสาวงามได้ไม่ยากเจ้าค่ะ แล้วหากโชคดี เราอาจจะโด่งดังก็ได้เจ้าค่ะ”

 

แม้โจวเฟินพูดอย่างนั้น แต่ความคิดไปอีกอย่าง โจวเฉี่ยวก็เช่นกัน ความคิดของพวกเธอทั้งสองตรงกันอย่างมหัศจรรย์

 

‘นางมารหัวใจโจวจื่อรั่ว ! ปราณเบื้องล่างของเจ้าจะต้องปั่นป่วน ปู้ดป้าดโด่งดังสะท้านทั้งแผ่นดิน !’

 

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.