บทที่ 9...1/3

ขอเพียงรักนี้นิรันดร

-A A +A
อ่านต่อ

บทที่ 9...1/3

แม้กาญเกล้าจะพยายามบอกตัวเองว่าธามิณีคิดและพูดเพ้อเจ้อเพื่อให้เธอกลัว แต่หลายวันที่ผ่านมาเธอกลับฝันร้ายจนกลัวว่าเหตุการณ์ที่ธามิณีบอกว่าเธอจะตายอาจเป็นจริงขึ้นมาก็ได้ การตายของพ่อกับแม่ทำให้เธอโทษธามิณี หากรู้ว่ามันจะเกิดเรื่องเลวร้าย ทำไมธามิณีถึงไม่พยายามเตือนมากกว่านั้น มาคราวนี้เรื่องกำลังจะเกิดกับตนเอง ทำให้กาญเกล้ากลัวและเริ่มคิดว่าหากว่ามันเป็นความจริงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตล่ะ เธอจะหนีความตายได้หรือเปล่า

ปี๊ดดดดดดดดด

กาญเกล้าตกใจหันไปมองก็ไม่ทันแล้ว มอเตอร์ไซค์กำลังพุ่งเข้ามาชนเธอ แต่ในวินาทีนั้นเองใครก็ไม่รู้มาดึงแขนจนเธอหลบมอเตอร์ไซค์ได้ทันเวลา ในขณะที่คนขี่มอเตอร์ไซค์คันนั้นกลับไม่สนใจจะจอดรถแล้วมาขอโทษเธอสักคำ 

“เกือบไปแล้วนะครับ เป็นอะไรมากหรือเปล่า” พลเมืองดีถาม

กาญเกล้าหันมามองคนที่ช่วยไว้ ก่อนจะหันไปมองรถมอเตอร์ไซค์ที่เกือบชนเธอเข้าแล้ว ถ้าหลบไม่ทันแล้วล้มหัวไปกระแทกฟุตบาท เธอคงตายไปแล้วใช่ไหม

“รถคันนั้นมันขับแย่ แล้วดูสิ มันขับหนีไปเลย แทนที่จะลงมาดู ถ้าคุณไม่ดึงแขนฉันไว้ทัน คงแย่แน่ๆ” กาญเกล้าหัวเสีย แต่พอหันมามองคนที่ช่วยไว้ก็ค่อยยิ้มออก

อมรถาม “คุณอยากไปแจ้งความไหมล่ะครับ”

“ไม่ดีกว่าค่ะ วันนี้ฉันไม่ว่าง พอดีมีธุระต้องรีบไป” จริงๆ แล้วกาญเกล้าไม่ได้ยุ่งอะไร การดรอปเรียนเพื่อมาทำงานนางแบบและพริตตี้เต็มตัวทำให้เธอมีเวลาให้ตัวเองมากขึ้น “ขอบคุณนะคะที่ช่วยฉันไว้”

อมรยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ตอนนี้ทุกอย่างกำลังเป็นไปตามที่เขาต้องการแล้ว กาญเกล้ายิ้มให้คนที่ช่วยเหลือแล้วเดินไปจากตรงนั้น เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาด้วยความร้อนใจ คนแรกที่เธอโทรหาคือพี่ชายที่ไม่ได้ติดต่อกันมาเป็นเดือนแล้ว

“โทรมาทำไม พี่ใช้หนี้แกไปแล้วยังจะโทรมาทำไมอีก” เตวินพูดดักไว้ก่อน การที่กาญเกล้าได้แฟนที่มีฐานะดีก็พอจะช่วยเหลือเขาในยามชักหน้าไม่ถึงหลังได้บ้าง

กาญเกล้าเม้มปากกำลังจะบ่นพี่ชาย แต่เธอมีเรื่องร้อนใจเลยยอมมองข้ามไปก่อน “กาญอยากได้เบอร์ของธาม พี่เตมีหรือเปล่า”

“มี แต่จะเอาเบอร์ไปทำไม แกเกลียดธามไม่ใช่หรือไง แล้วที่สำคัญพี่ไม่อยากไปยุ่งกับธามอีก คราวก่อนก็...” เตวินใจหายวาบ ถ้าหลุดพูดไปว่าทำอะไรลงไป กาญเกล้าคงไม่ยอมให้ยืมเงินอีกแน่ ไม่ใช่เพราะกาญเกล้าโกรธแค้นแทนธามิณี แต่เพราะกลัวตัวเองเสียชื่อเสียงหากพี่ชายถูกตำรวจจับ “ช่างเถอะ รอแป๊บนึง”

กาญเกล้าบันทึกเบอร์ของธามิณีตามที่เตวินบอก ก่อนจะวางสายเพราะต้องข้ามถนนอีกแล้ว ความกลัวตายทำให้เธอวิตกกังวลจนระแวงไปหมด แต่การจะโทรไปหาธามิณีเพื่อถามเรื่องที่เธอบอกว่าเพ้อเจ้อก็ทำใจยาก ทำให้จนแล้วจนรอดตลอดทั้งวันเธอก็ยังไม่ได้โทรหาธามิณี

 

ธามิณีต้องฝึกงานก่อนที่จะขึ้นปี 4 แต่เธอมีเวลาว่างประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนเริ่มฝึกงาน ช่วงนี้เธอเลยมีเวลาพักไม่เหนื่อยจากการเรียนแล้วรีบไปทำงานพิเศษอย่างทุกวันที่ผ่านมา ธามิณีเดินเรื่อยๆ จนไปถึงร้านที่ทำงานพิเศษในเวลา 5 โมงเย็น วันนี้มีลูกค้าไม่มากนัก ทำให้เธอมีเวลาได้นั่งคิด หากกาญเกล้าไม่ติดต่อมา เธอคงทำอะไรไม่ได้ ถ้าจะคิดเสียว่ามันเป็นชะตากรรมของคนคนนั้น แต่ถ้ากาญเกล้าเกิดเหตุการณ์อย่างที่เธอเห็นในนิมิตแล้วตายไปจริงๆ เมื่อถึงเวลานั้นเธอจะโทษตัวเองอย่างคราวก่อนอีกหรือเปล่า

ลูกค้ายกมือให้ไปเก็บเงินพอดี ทำให้ธามิณีหยุดเรื่องที่กำลังคิดเอาไว้ก่อน เธอนำบิลไปให้ลูกค้าซึ่งจ่ายเงินมาจำนวนพอดี แล้วกลับไปที่แคชเชียร์ ก่อนจะกลับมายังโต๊ะเดิมอีกครั้งเพื่อทำความสะอาด แต่กลับพบว่าลูกค้าที่เพิ่งออกไปจากร้านลืมโทรศัพท์ไว้ หญิงสาวรีบวิ่งออกไปตามหาเพราะไม่น่าจะเดินไปไกล แต่หลังจากเดินหาไปจนถึงปากซอย ธามิณีก็ยังไม่เห็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ ใส่เสื้อมีฮู้ดสักคน

“ไปไหนแล้ว รู้ตัวไหมเนี่ยว่าลืมโทรศัพท์”

ธามิณีเดินกลับเข้ามาในร้านก็พอดีมีเสียงโทรศัพท์ดังจากเครื่องที่ลูกค้าลืมไว้ เธอลังเลว่าควรรับดีไหม แต่พอคิดว่าอาจเป็นเจ้าของเครื่องที่โทรมาจึงกดรับ

“ขอโทษนะครับ ผมเป็นเจ้าของโทรศัพท์ ผมเพิ่งนึกได้ว่าลืมไว้ที่ร้านน่ะครับ” เจ้าของโทรศัพท์เอ่ย “ไม่ทราบว่าตอนนี้โทรศัพท์ยังอยู่ที่เดิมไหมครับ”

“ค่ะ คุณอยู่ที่ไหนคะ ตอนนี้ทางร้านเก็บโทรศัพท์ไว้แล้วค่ะ ถ้ายังไงคุณสะดวกมารับคืนวันนี้ไหมคะ”

อีกฝ่ายเงียบไปครู่หนึ่งเหมือนกำลังคิด ก่อนตอบว่า “ผมขึ้นรถแท็กซี่มาไกลแล้ว พอดีต้องไปทำธุระก่อน อีกสักชั่วโมงหนึ่ง ร้านยังเปิดอยู่ไหมครับ”

“เปิดค่ะ” แต่ก็เฉียดฉิวหากว่าลูกค้าท่านนี้มาช้า แต่อย่างไรเสียก็ต้องรอ

“ถ้าอย่างนั้นผมไปทำธุระก่อน แล้วจะกลับไปที่ร้านเพื่อรับโทรศัพท์คืน รบกวนช่วยรอด้วยนะครับ”

ธามิณีรับปากแล้ววางสาย เธอบอกเจ้าของร้านว่าเจ้าของโทรศัพท์จะกลับมา แต่ไม่ได้บอกว่าจะกลับมารับโทรศัพท์ตอนไหน ก่อนจะไปทำงานของตัวเองต่อ กระทั่งเวลาผ่านไปจนร้านปิดแล้ว ทำให้ธามิณีออกมายืนรอด้านนอก ยังดีที่รอไม่กี่นาทีลูกค้าที่ลืมโทรศัพท์ก็มาถึง เธอส่งโทรศัพท์ให้เขาอย่างโล่งใจ การเก็บของลูกค้าเอาไว้ข้ามคืนคงไม่น่าสบายใจสักเท่าไหร่

“ขอบคุณนะครับที่เก็บไว้ให้”

“ยินดีค่ะ” ธามิณียิ้มดีใจที่เจ้าของได้รับโทรศัพท์คืนในที่สุด “คุณหน้าคุ้นๆ จังค่ะ มาทานกาแฟที่ร้านบ่อยๆ ใช่ไหมคะ”

“ผมเพิ่งย้ายมาทำงานแถวๆ นี้น่ะครับ ร้านนี้บรรยากาศดี เค้กอร่อย กาแฟถูกปากเลยมาเรื่อยๆ” ชายหนุ่มตอบพลางยิ้มจนตาหยีเมื่ออีกฝ่ายจำได้

“ขอบคุณที่มาอุดหนุนนะคะ” ธามิณียกมือไหว้ “ถ้างั้นฉันขอตัวไปก่อนแล้วนะคะ”

อมรยิ้มอย่างเป็นมิตรและมองร่างเพรียวของเป้าหมายที่เดินแกมวิ่งไปที่รถเมล์ซึ่งขับเข้ามาจอดพอดี พลันรอยยิ้มละมุนกลับเป็นเหยียดหยันระคนสาแก่ใจ ตอนนี้พระเสาร์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาได้เข้าใกล้ธามิณีมากจนสามารถฆ่าเธอได้ หากไม่มีผลึกกาลในร่างของหญิงสาวคนนั้น เขาคงได้แก้แค้นเร็วยิ่งขึ้น แต่ยังก่อน อีกไม่นานหรอก เขาจะได้สมใจดังที่หวัง

 

ธามิณีเดินออกมาจากหอพัก แม้ว่าจะเป็นวันหยุดและยังไม่ถึงเวลาต้องไปทำงานพิเศษ แต่เธอต้องรับนัดของกาญเกล้าที่โทรมาเมื่อคืนก็เพราะน้ำเสียงกังวลใจของอีกฝ่าย หากทำอะไรได้เพื่อไม่ให้การตายเกิดขึ้น เธอย่อมอยากทำ แม้ว่าอีกฝ่ายจะทำหน้าบอกบุญไม่รับใส่เธอตั้งแต่ก้าวแรกที่เดินเข้ามาในร้านอาหารใกล้กับคอนโดที่กาญเกล้าพักอยู่ ธามิณีถอนใจเพราะกาญเกล้าช่างไม่เปลี่ยนไปเลยเรื่องความเอาแต่ใจ 

          “ที่เธอเห็นว่าฉัน...”  กาญเกล้าถามเมื่อเห็นว่าธามิณีนั่งลงแล้ว ส่วนน้ำที่เธอสั่งไว้ให้กำลังมาพอดี “ฉันใส่เสื้อผ้าสีอะไร แล้วมันเกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น”

          ธามิณีหลับตาพยายามนึกถึงนิมิตที่เห็นในสมองเมื่อวันก่อน แล้วเพื่อยั่วโมโหกาญเกล้าสักหน่อยเธอแกล้งหยิบน้ำมาดื่ม จนอีกฝ่ายร้อนรนจนทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ เธอเลยสงสารแทนหมั่นไส้     

          “เธอใส่เกาะอกสีดำกับกางเกงยีนส์ วันนั้นเธออยู่บนดาดฟ้า กำลังร้องไห้แล้วก็ทะเลาะกับใครสักคน ก่อนจะถูกผลักตกตึก แล้วก็ตาย”

          กาญเกล้าฟังแล้วแทบหยุดหายใจเพราะชุดที่ธามิณีบอกมาเธอมีจริงๆ แต่ธามิณีพูดถึงการตายของเธอในอนาคตเหมือนเป็นเรื่องปกติแบบนี้ได้ยังไงกัน นี่มันชีวิตของเธอเชียวนะ เธออยากจะตะโกนใส่หน้าไปแบบนั้น แต่ยังทำไม่ได้เพราะเธอต้องการให้ธามิณีช่วย

          “ใครที่ผลักฉันตกตึก แล้วมันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่”

          “ฉันไม่เห็นเจ้าของมือที่ผลักเธอว่าเป็นใครและไม่รู้ว่าเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่”

          กาญเกล้าชักสีหน้าทั้งโมโหธามิณีและกลัวที่ตัวเองต้องตายเพราะใครก็ไม่รู้

          “ไร้ประโยชน์ แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าต้องระวังใคร”

          “มือที่ฉันเห็นค่อนข้างใหญ่ คงเป็นมือผู้ชาย ไม่สวมแหวน แต่ใส่นาฬิกาที่สายเป็นหนังสีน้ำตาล” ซึ่งไม่น่าจะเป็นผู้ชายที่เห็นมากับกาญเกล้าเมื่อวันก่อนเพราะนาฬิกาที่ใส่ไม่ใช่สายหนัง แต่หากเขามีนาฬิกาหลายเรือนก็อาจจะยังตัดออกไปจากคนที่น่าสงสัยไม่ได้ “เธอไปมีปัญหากับใครบ้างไหม หรือใครที่เธอสงสัย จู่ๆ จะเกิดเรื่องแบบนั้นกับเธอมันต้องมีสาเหตุอะไรบ้างสิ”

          กาญเกล้าฟังแล้วหน้าเสียเพราะเบาะแสที่ธามิณีบอกก็ชักเข้าเค้า แต่เรื่องอะไรที่เธอจะบอกว่าเธอมีแฟนแล้วก็จริง แต่บางครั้งแอบคุยกับผู้ชายอีกคนด้วย เธอเคยเห็นกิ๊กของตัวเองใส่นาฬิกาสายหนังสีน้ำตาล หากไม่เจอหน้า ไม่ติดต่อกันอีก เธอก็จะรอดตายใช่ไหมนะ

          “แล้วถ้าฉันไม่ใส่ชุดที่เธอว่า ฉันก็จะไม่ตายใช่ไหม”

          “ฉันก็ไม่รู้ว่าถ้าสีเสื้อผ้าเปลี่ยนไป เหตุการณ์ที่ฉันเห็นจะยังเกิดขึ้นหรือเปล่า” ธามิณีสงสัยเหมือนกันเพราะเธอเคยเห็นภาพการตายของป้ารัดเกล้า และกาญเกล้าเท่านั้น เธอไม่รู้อะไรมากไปกว่าที่บอกกาญเกล้าหรอก “ทางที่ดีเธอแค่อย่าไปดาดฟ้า แล้วก็อย่าไปมีเรื่องกับใครไว้ก่อนแล้วกัน”

          “สิ่งที่เธอเห็นมีแค่นี้ใช่ไหม” กาญเกล้าถามพร้อมกับเรียกให้พนักงานมาเก็บเงิน

          “อืม แค่นี้แหละ

          กาญเกล้าลุกขึ้นแล้ววางเงินไว้ราวกับว่าอยากไปเต็มที ธามิณีอยากจะเข้าใจว่ากาญเกล้ากำลังกลัวเลยทำแบบนั้น แต่มันไม่ใช่ความผิดของเธอที่เห็นว่าจะมีใครตายแล้วเตือนให้รู้ การตายของป้ากับลุงทำให้เธอฝันร้ายอยู่หลายเดือนและเต็มไปด้วยคำถามว่าถ้าเธอเตือนหรือทำอะไรมากกว่านั้น สิ่งที่มันจะเกิดขึ้นมันยังจะเกิดขึ้นอีกไหม คราวนี้ก็เหมือนกัน เธอหวังว่ากาญเกล้าจะมีชีวิตยืนยาว และนิสัยดีขึ้นสักหน่อย

 

ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ

อัมราน_บรรพตี

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.