บทที่ 9..2/3

ขอเพียงรักนี้นิรันดร

-A A +A
อ่านต่อ

บทที่ 9..2/3

ภาพเคลื่อนไหวในหมอกแห่งมนตรากำลังจางหายไปพร้อมเสียงถอนใจจากศนิที่เห็นว่าธามิณีกำลังทำให้อนาคตอาจมีการเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งหากเธอทำได้ย่อมส่งผลกระทบเป็นทอดๆ สุดท้ายคนที่รับผลจะเป็นตัวเธอเองและญาติคนนั้น พระราหูเห็นทุกอย่างตั้งแต่แรกเริ่มที่ศนินิมิตหมอกมนตราขึ้นมา สีหน้าของสหายยังคงเรียบเฉยจนเขาไม่แน่ใจว่ากำลังคิดสิ่งใด จึงเป็นฝ่ายเอ่ยถามเสียเอง

“ท่านจะไม่ขัดขวางหรือ ถ้าเกิดธามิณีทำสำเร็จขึ้นมา เกิดเรื่องใหญ่แน่”

ศนิหันมามองพระราหูที่ทำหน้าเสมือนเรื่องราวเลวร้ายจะเกิดขึ้นวันนี้หรือพรุ่งนี้อย่างไรอย่างนั้น

“ตอนนี้มันยังไม่เกิดขึ้น เราจะไม่ยอมให้ธามิณีก้าวไปในเส้นทางนั้น เวลาของธามิณีเหลือไม่มากแล้ว ไม่ควรเกิดเรื่องอะไรในระหว่างนี้”

พระราหูได้ฟังแล้วค่อยโล่งใจ นอกจากห่วงว่าเรื่องราวจะใหญ่โตเกินไปแล้ว เขายังเป็นห่วงสหาย หากในตอนนั้นศนิคิดแบบนี้ การลงโทษทุกคืนเดือนดับคงไม่เกิดขึ้น

“ท่านเป็นห่วงมนุษย์ผู้นี้ไม่น้อยเลย”

ศนิยิ้มขันเพราะการเป็นเทพมานานคงทำให้พระราหูเบื่อหน่ายอยู่บ้าง จึงขยันลงมายังโลกมนุษย์เพื่อหาความสนุกเล็กๆ น้อยๆ จากความเป็นไปของเขากระมัง

“ธามิณีแค่ทำให้เรามีอะไรให้คิด ให้ทำ ในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น ท่านคงเข้าใจผิดไป”

“แต่เราคิดว่าท่านต่างหากที่เข้าใจผิด” พระราหูยิ้มขบขันปานกัน “เราไปล่ะ ท่านทบทวนดูแล้วกัน”

ศนิเลิกคิ้วในคำพูดนั้น เขามีอะไรให้ต้องทบทวนกัน แล้วที่สำคัญเขาไม่ได้เข้าใจผิด พระราหูคงลงมาโลกมนุษย์บ่อยเกินไปจนซึมซับเรื่องราวหลากอารมณ์ หากเขาจะมีความรู้สึกอื่นใดกับธามิณีคงเป็นแค่ความสงสารเท่านั้น การเป็นเทพกึ่งมนุษย์ของเขาช่างยาวนาน ทว่าการได้เป็นมนุษย์ของธามิณีนั้นแสนสั้น อีกไม่นานเธอก็จะตายไป เธอช่างไม่รู้ตัวเสียเลยว่าต้องไขว่คว้าเวลาเหล่านี้ไว้ ไม่ใช่การพยายามเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของผู้อื่น

 

          ความโล่งของเบื้องล่างมันหมายถึงอะไรกันนะ ลมเย็นๆ ที่พัดแรงจนกระแทกไปทั้งร่างราวกับมีมือที่มองไม่เห็นทำร้ายจากทุกทิศทาง ความกลัวที่เธอกำลังรู้สึกจนหัวใจเต้นแรงเสมือนกับมันกำลังจะระเบิดมีที่มาจากอะไร ร่างของเธอบอบช้ำและชุ่มโชกไปด้วยเลือดคละคลุ้ง ความปวดรวดร้าวไปทั่วทั้งร่างกายที่มีความรู้สึก เบื้องล่างที่เธอเห็นกำลังใกล้เข้ามาทุกทีๆ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ทว่าเธอกลับเห็นทุกอณูของฝุ่นละอองที่ปลิวผ่าน เสียงลมที่อื้ออึง จนกระทั่งปลายทางด้านล่างเด่นชัดเป็นลานโล่งที่หากร่างของเธอกระแทกลงไปคงไม่ต่างจากผลแตงโมที่ถูกทำให้แตกทันทีที่ถึงพื้น

ไม่ เธอยังไม่อยากตาย!!!

          “กรี๊ด...”

          ธามิณีได้ยินเสียงตัวเองพร้อมกับเขยิบถอยหลังไปด้วยความกลัวสุดขีด จนกระทั่งหัวไปกระแทกกับผนังอีกด้านกำลังจะล้มลง ทว่ากลับมีมือของใครบางคนมาประคองไหล่และโอบเอวไว้ในวินาทีนั้น ธามิณีมองศนิด้วยความตกใจที่เห็นเขา แต่ในวินาทีต่อมาเธอคว้ากอดเขาไว้แน่น

ความตาย...ไม่สิ การเห็นว่าตัวเองกำลังจะตายมันน่ากลัวอย่างนี้เองสินะ

          “ค่อยๆ หายใจ เธอเป็นอะไร บอกฉันมาสิ ทำไมถึงตกใจจนหัวใจเต้นแรงแบบนี้”

          หัวใจของเธอเต้นแรงมาก ธามิณีเพิ่งรู้ตัวว่าจิกเล็บเข้าไปในอุ้งมือจนเลือดซึม เขาถึงได้ถูกผลึกกาลดึงมาหาเธออีกแล้ว ในความกลัวยังมีเรื่องที่ดีนั่นคือเขาจะได้มาหาเธอ ทำให้เธอไม่กลัวอย่างในตอนนี้ แต่ทำไมน้ำตายังไหล

          “ธามเห็นตัวเองตาย ธามกำลังจะตายแล้วใช่ไหมคะ”

          หัวใจที่เต้นในจังหวะเดิมๆ ของศนิพลันกระตุกแรง เป็นครั้งแรกกระมังที่เขาตกใจในสิ่งที่ได้ยินจากมนุษย์ เขาลูบหลังบอบบางเบาๆ ก่อนจะขยับตัวห่างออกมาเพื่อมองใบหน้าซีดเผือดและเปื้อนน้ำตา ความตายที่เธอเห็นด้วยตัวเองบังเกิดความกลัวถึงเพียงนี้เชียวหรือ เขาผ่านความตายของมนุษย์มามากมายจนมันเป็นเรื่องธรรมดาที่ต้องเป็นไปเสมอ แต่สำหรับธามิณี เขากลับมีความรู้สึกสงสาร เสียดาย เสียใจและใจหาย ชีวิตของเธอช่างแสนสั้น

          “เล่ามาอย่างละเอียดสิว่าเธอเห็นอะไร จากที่ไหน”

          ธามิณีพยักหน้าพลางเช็ดน้ำตาตัวเองไม่ทันคิดอะไร จนกระทั่งรู้สึกว่าเห็นใบหน้าของศนิใกล้เกินไปและเป็นเธอเองที่เอียงตัวมาหาเขา เธอยิ้มเก้อแล้วเขยิบห่างออกมา ก่อนจะเล่าสิ่งที่ตัวเองเห็นเมื่อครู่ตอนที่กำลังมองกระจกเพื่อหวีผม แต่กลับเห็นนิมิตเหล่านั้นจากการมองตาตัวเองในกระจกซึ่งมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

          “ธามถูกกระแทกด้วยอะไรสักอย่าง ธามดูไม่ออกว่ามันคืออะไรค่ะ ร่างของธามกระแทกลงไปกับพื้น เลือดทะลักออกปาก กระดูกทั่วร่างคงหักจนธามไม่รู้ว่าความเจ็บนั้นทำให้ทรมานได้ถึงขนาดไหน ธามรู้สึกว่าหายใจไม่ออก แล้วค่อยๆ ตายไปอย่างทรมาน เดียวดาย มันน่ากลัวมากเพราะคุณไม่ได้อยู่ที่นั่นเพื่อช่วยธามเหมือนที่ผ่านมา”

          ธามิณีจะตายเพราะถูกพลังซัดใส่ร่างอย่างนั้นหรือ? ศนิเกิดคำถามนี้ แต่ยิ่งกว่านั้นคือใครที่ทำแบบนั้น

          “ทำไมฉันถึงไม่ได้อยู่ที่นั่นล่ะ”

          ธามิณีก็ไม่เข้าใจ หากเป็นความฝันเธอคงไม่สงสัย แต่มันคือสิ่งที่เธอเห็นจากตัวเอง การที่ไม่มีศนิในเหตุการณ์นั้นมันหมายความถึงอะไร

          “ธามไม่รู้ค่ะว่าทำไมถึงไม่เห็นคุณอยู่ที่นั่น”

          หากเป็นเขาเองที่ซัดพลังใส่ธามิณีล่ะ ศนิคิด แต่มันไม่มีเหตุผลเลยที่เขาจะต้องทำแบบนั้น เขาต้องการผลึกกาลกลับมาก็จริง การรอให้ธามิณีตายไปตามอายุขัยเป็นทางเลือกของเขามาตั้งแต่แรก เพราะฉะนั้นใครกันที่จะทำร้ายเธอ เทพกึ่งมนุษย์ที่เขากำลังตามหาคนนั้นหรือเปล่า

          “อย่าเพิ่งวิตกไปก่อน ถ้าฉันยังอยู่ เธอไม่มีทางตายได้หรอก ถ้ามันยังไม่ถึงเวลาของเธอ”

          ถ้ามันยังไม่ถึงเวลา...จริงสินะ มนุษย์ทุกคนต้องตาย ธามิณีถอนใจเพราะเธอเองก็ต้องตายเมื่อถึงเวลาเหมือนกัน แต่ว่ามันจะมาถึงเมื่อไหร่กันนะ

          “ฟังที่คุณพูดมาแล้วอุ่นใจจัง ถ้ามีคุณอยู่ด้วยกัน” ธามิณียิ้มให้ศนิที่ยังทำหน้านิ่งๆ คล้ายครุ่นคิด “ธามอยากจะบอกว่าไม่กลัว แต่ธามกลัวค่ะ ถึงแม้ว่าทุกคนจะต้องตายเมื่อถึงเวลาก็เถอะนะ”

          ศนิยั้งตัวเองไว้ไม่ให้ยื่นมือออกไปลูบผมนุ่ม การยอมรับชะตากรรมของตัวเองจากธามิณีทำให้เขาใจอ่อนยวบ บนโลกนี้อาจมีคนที่ทุกข์ใจกว่าเธอ มีชีวิตที่น่าเศร้ากว่าเธอ แต่โชคชะตากลับเลือกเธอมาให้เขาได้เรียนรู้บางอย่าง นั่นคือความเสียดาย หากเธอได้มีชีวิตยืนยาว เป็นมนุษย์ที่เขาสามารถระบายความในใจได้ คงจะดี

          “นอนหลับเสีย แล้วก็ลืมมันไป อย่ากังวลกับอะไรที่ยังมาไม่ถึง”

          ธามิณีเดินไปที่เตียงแล้วนอนลงเพราะนิมิตนั้นทำให้เธออ่อนเพลียนราวกับร่างได้ตกลงมาจากที่สูงจริงๆ ดวงตาของเธอมองไปที่กระจกตรงริมห้อง สมองครุ่นคิดว่าเหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้นกับเธอจริงๆ หรือว่าเธอกังวลเรื่องของกาญเกล้าจนเห็นอะไรไปตามจินตนาการที่เกิดจากความกลัวหรือเปล่า

          “ทำไมยังไม่หลับ”

          ธามิณีรู้สึกเกรงใจศนิอยู่เหมือนกันที่ยังไม่หลับ เขาคงอยากไปพักผ่อนบ้าง “ถึงจะบอกให้ลืม แต่ธามกลัวไปแล้วนี่นา ตอนนี้ก็เลยนอนไม่หลับค่ะ”

          “ถ้าอย่างนั้นฉันจะช่วยเธอเอง”

          เพียงจบคำผนังสีขาวที่ธามิณีเห็นในห้องนอนก็พลันเปลี่ยนเป็นความสลัวรางราวกับตอนนี้รอบตัวของเธอคือกลางทุ่งหญ้าในยามค่ำ มีพระจันทร์เสี้ยวเล็กๆ ที่รายล้อมไปด้วยแสงดาวพร่างพราย มีกลิ่นหอมละมุนจากดอกไม้ที่เธอเดาว่าคงเป็นกุหลาบ อีกทั้งยังได้ยินเสียงแมลงและเสียงนก เสมือนกับว่าตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ในห้องอย่างไรอย่างนั้น ทุกอย่างเหมาะแก่การนอนหลับ ยกเว้นแต่เธอคิดว่ามันอาจจะมีอะไรกระโจนเข้ามา

          “ตอนนี้ธามน่าจะกลัวผีแทนแล้วค่ะ” ธามิณียื่นมือไปจับปลายเสื้อสูทตัวยาวของศนิไว้ “คุณค่อยกลับไปตอนที่ธามหลับแล้วได้ไหมคะ”

          ศนิเม้มปากสั่งตัวเองว่าอย่าใจอ่อน แต่พอเห็นนิ้วเล็กๆ ที่หนีบชายเสื้อของเขาไว้แน่นก็ปลงใจยอมนั่งลงข้างเตียง

          “ได้ หลับเถอะ”

          ธามิณีหายใจยาวเพราะตอนที่รอฟังคำตอบจากเขา เธอกลั้นหายใจเอาไว้แทบแย่ เขาอาจจะมาช่วยเธอหลายๆ ครั้ง แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาจะยอมทำตามที่เธอขอร้อง สาบานได้ ถ้าเธอไม่ได้กลัวจริงๆ คงไม่ทำแบบนี้ การที่ได้อยู่ใกล้เขา นอกจากรู้สึกว่าปลอดภัยแล้ว เธอยังรู้สึกอบอุ่น สบายใจและไม่รู้สึกโดดเดี่ยว หากตอนที่เธอจะตาย เขาอยู่ที่นั่น เธอจะไม่ตายเพราะเขาช่วยไว้เหมือนกับทุกครั้งหรือเปล่านะ นั่นคือคำถามสุดท้ายก่อนที่ธามิณีจะหลับไป

          “เหตุผลที่ฉันไม่ได้ไปช่วยเธอ อาจเป็นเพราะมันถึงเวลานั้นของเธอแล้ว ฉันไม่อาจก้าวล่วงชะตากรรมของมนุษย์ได้หรอกนะธามิณี”

          หากธามิณีได้ยิน ศนิจะถือว่ามันเป็นสิ่งที่ควรดำเนินไปอยู่แล้ว เขาไม่ได้ขัดขวางความเป็นไปของมนุษย์ เธอจะพยายามเพื่อรักษาชีวิตตัวเองเมื่อถึงเวลานั้นเอง แต่หากเธอไม่ได้ยินก็อาจเป็นเรื่องดี อย่างน้อยเธอจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไปจวบจนวาระสุดท้าย

          เฮ้อ...

          การเป็นเทพกึ่งมนุษย์ที่เห็นความตายของมนุษย์มานับครั้งไม่ถ้วนไม่ควรรู้สึกโมโหและเกลียดในชะตากรรมที่จะกลายเป็นจุดจบของใครได้ แต่เมื่อใดที่ศนิมองไปยังธามิณี เขากลับรู้สึกไม่อยากให้ชะตากรรมนั้นเกิดขึ้น เขาอยากให้เธอมีชีวิตต่อไป แต่เขาทำแบบนั้นไม่ได้

ร่างสูงลุกขึ้นอย่างตัดใจพลางห่มผ้าให้เธออย่างอ่อนโยน ก่อนจะหายไปท่ามกลางแสงสลัวราง สิ่งที่เขาทำเพื่อเธอได้คงมีอีกไม่กี่อย่างเท่านั้น มนุษย์ก็อย่างนี้ ช่างเปราะบาง ถนอมดวงใจตัวเองด้วยรอยยิ้ม บอบช้ำจากน้ำตามากมายและจากไปทั้งที่อายุช่างแสนสั้นเหลือเกิน

 

ขอบคุณสำหรับการติดตามอ่านนะคะ

อัมราน_บรรพตี

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.