บทที่ 11...1/3

เพราะคุณคือรักแรก

-A A +A
อ่านต่อ

บทที่ 11...1/3

          มีนามองรถที่มาจอดหน้าบ้านสลับกับภาคินที่เลื่อนกระจกลงจากตรงส่วนข้างคนขับ ฝนจะตกทั้งที่ไม่มีเมฆเสียล่ะกระมัง ภาคินนั่งรถของเขมินท์ แถมยังยิ้มให้เธอเสียด้วย แน่ล่ะสิ พอเห็นอย่างนี้เธอก็รู้ทันเชียวล่ะว่าเพื่อนชวนเธอไปเที่ยวบ้านสวนของคุณย่าด้วยกันเพราะอะไร หญิงสาวเปิดประตูเข้าไปนั่งที่เบาะหลังเพื่อทำหน้าที่กันชนที่ช่วยทำลายความเงียบ ใครๆ ก็รู้ว่าสองคนนี้อยู่ด้วยกันเมื่อไหร่ความเงียบจะกลายเป็นเรื่องปกติ

          “ขนมไหมคะพี่เขม คิน พี่เมทำคุกกี้เนยสดกับสโคนชาเขียวมาให้ลองชิมกันค่ะ” ช่วงนี้เมษากำลังลองทำขนมอื่นๆ นอกจากขนมไทย  มีนาชิมแล้วบอกได้เลยว่าอร่อยมาก

มีนาหยิบขนมส่งให้ภาคินที่แบมือมารอ ในขณะที่เขมินท์กำลังขับรถมือหนึ่ง ส่วนอีกมือแบรอเช่นกัน มีนาวางสโคนไว้บนฝ่ามือของเขา ชายหนุ่มกินไปด้วยขับรถไปด้วย

          “บุญปากมาก ช่วงนี้พี่เมขยันทำขนมนะเนี่ย” ภาคินกินทั้งสโคนกับคุกกี้ไปอย่างละอัน พอหมดแล้วก็มาแบมือขอใหม่ “ต่อไปนอกจากขนมไทยแล้ว พวกเบเกอรี่ก็จะกลายเป็นของโปรดของคินอีกอย่าง”

          “ใช่แล้ว พี่เมลองทำเกือบทุกวัน มีนกลับมาทีเหมือนถูกพี่เมขุน แทบจะกินขนมแทนข้าวอยู่แล้ว”

          เขมินท์แบมือมารออีกรอบ มีนาวางคุกี้ให้เขาบ้าง “เป็นไงคะพี่เขม ขนมของพี่เมเป็นยังไงบ้าง”

          “เนื้อไม่แตก ไม่แข็งเกินไป นุ่มใน หอม หวานกำลังดี” เขมินท์วิจารณ์ตามที่รู้สึกได้หลังจากกินแล้ว “ทำบุญวันเกิดคุณย่าคราวนี้ พี่สั่งขนมจากเมได้ไหม อย่าทำให้ฟรีนะ”

          “หูย พูดดักก่อนเสียด้วย” มีนายิ้มล้อๆ เขมินท์ผ่านกระจกมองหลังของเขา “เอาไว้มีนจะบอกพี่เมให้นะคะ ส่วนจำนวนเท่าไหร่ เอาไว้มีนถามพี่เขมอีกทีนะคะ”

          ภาคินละเลียดกินสโคนชาเขียวไม่ใช่ว่าใกล้จะอิ่ม แต่เขากำลังสังเกตมีนากับเขมินท์อยู่ต่างหาก มีนาเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นได้ง่ายๆ ก็จริง แต่ที่ผ่านมาเธอมักจะประหยัดคำเวลาใกล้พี่ชายของเขา ตอนนี้ไม่ใช่แค่มีนาที่ดูสบายๆ แต่พี่ชายของเขาก็ผ่อนคลายไม่ทำหน้าเหมือนกำลังทำงานตลอดเวลา

          “ได้สิ ถ้าต่อไปร้านกลับมาเปิดได้แล้ว พี่จะให้เลขาติดต่อเมไปนะ ที่บริษัทประชุมทีก็มักมีของว่าง เมจะได้มีลูกค้าประจำ”

          มีนาขยับตัวมาเกาะเบาะที่เขมินท์นั่ง สายตามองเหมือนถามว่าจริงเหรอ เขมินท์ยิ้มบางพยักหน้าอย่างกับรู้ว่ามีนาถามอย่างไรอย่างนั้น

          “ขอบคุณค่ะพี่เขม ใจดีสุดๆ เลย พี่เมต้องดีใจมากแน่ๆ”

          ภาคินยื่นมือไปที่ถุงขนมแล้วหยิบสโคนมากินเอง หลายๆ อย่างในตอนนี้มันดูไม่เหมือนเดิมอย่างไรก็ไม่รู้ เหมือนกับใครเอาน้ำตาลมาเป่าให้ฟุ้งอยู่ในรถ การที่เขาตกหลุมรักและอกหักมา 3 รอบ ทำให้เขารู้สึกคุ้นๆ บรรยากาศแบบนี้        “ผมไม่ได้รู้สึกไปเองใช่ไหมว่าเพลย์ลิสต์เพลงของพี่เขมมันเลี่ยนๆ พิกล อย่างกับคนมีความรัก”

          เขมินท์ฟังเพลงที่กำลังเล่นอยู่ มันเป็นแนวความรักก็จริง แต่ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นความรักแบบไหนสักหน่อย

          “เพลงก็ปกตินั่นแหละ”

          มีนาลืมตัวพยักหน้าเห็นด้วย หลายครั้งที่เธอมานั่งรถของเขมินท์ก็ได้ฟังเพลงแนวๆ นี้ หรือว่าปกติแล้วเขมินท์ฟังเพลงคลาสสิคหรือไง

          “พี่พริมกลับมาแล้ว ได้คุยกันบ้างหรือยัง” ภาคินเปิดประเด็น บางทีอาจเป็นเพราะคนที่จากกันไปนาน ตอนนี้กลับมาแล้วก็ได้ เขมินท์ถึงดูอารมณ์ดีแบบนี้

          “ถ้าเจอก็คุย” เขมินท์ตอบภาคินตามจริง แต่พอเห็นมีนามองมากำลังฟังเหมือนกันจึงพูดต่ออีกหน่อยว่า “มันไม่ใช่อย่างที่ใครๆ คิดหรอก”

          ภาคินรู้สึกมั่นใจว่าเขาไม่ได้คิดไปเองแน่ๆ ประโยคแรกน่ะเป็นเรื่องปกติระหว่างเขากับพี่ชายที่พูดกันสั้นๆ แค่นี้ก็เข้าใจ แต่ประโยคหลังที่เพิ่มมาคืออะไร เขมินท์ต้องการบอกมีนางั้นหรือ แต่ทำไมต้องบอกในเมื่อสองคนนี้ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย แล้วที่สำคัญเขมินท์ไม่เคยมีท่าทีชอบมีนามาก่อน เกิดอะไรขึ้นระหว่างสองคนนี้

 

          บ้านคุณย่าของเขมินท์กับภาคินอยู่แถวๆ รังสิต รายล้อมไปด้วยสวนผลไม้หลากหลายชนิด ทำให้ที่นี่ต้องมีคนดูแล ซึ่งคนดูแลสวนจะมีบ้านส่วนตัวปลูกแยกออกมา ส่วนเรือนไทยกลางสวนจะมีการจ้างบริษัทมาทำความสะอาดเดือนละครั้ง เป็นอย่างนี้มาตลอด เขมินท์ฟังเรื่องราวความรักของปู่กับย่ามานับครั้งไม่ถ้วน การพบรักของลูกชายนายช่างก่อสร้างกับลูกสาวชาวสวน ความรักที่เริ่มต้นจากการเป็นเพื่อนวัยเด็ก จนกระทั่งทั้งคู่แยกย้ายกันไปเติบโต แล้วกลับมาพบกันใหม่อีกครั้ง ปู่ตามจีบย่าอยู่หลายปีกว่าย่าจะยอมรับรัก

“อากาศดีชะมัด รู้งี้พกเสื่อมาด้วยก็ดีเอาไปนอนกลางสวน” ภาคินเหยียดแข้งเหยียดขาพลางสูดอากาศเข้าไปเต็มปอด เขามาที่บ้านคุณย่าไม่กี่ครั้ง คนที่มาบ่อยรองจากปู่ คงเป็นเขมินท์

เขมินท์มองไปทั่วบริเวณซึ่งไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปนัก ผลไม้ที่สวนพอโตพอก็เก็บไปขายแล้วแบ่งมาเป็นค่าจ้างให้คนดูแลสวนอีกต่อ ส่วนเรือนไทยปิดตายมาตลอด แต่จะเปิดปีละไม่กี่ครั้ง

“พี่ตรวจดูความเรียบร้อยของเรือนไทยให้ปู่เอง ถ้าคินจะเข้าสวนก็ตามสบายได้เลยนะ”

“ช่วยกันแล้วค่อยไปเดินเล่น ดีไหมมีน” ภาคินทำทีปรึกษามีนา เขาจะทิ้งให้เขมินท์ทำตามคำขอของปู่คนเดียวได้ยังไง

“มีนยังไงก็ได้” มีนารู้ทันเพื่อน ภาคินห่วงพี่ชาย แต่ไม่พูดตามเคย “ว่าแต่ตรงโน้นมีร้านส้มตำไก่ย่างด้วย เอาไว้เสร็จงานแล้วพวกเราไปกินกันดีไหม”

สองหนุ่มมองตามนิ้วของมีนาที่ชี้ไปยังสุดแดนสวนซึ่งมีทางเล็กๆ เข้าไปหมู่บ้านด้านใน

“พอเป็นเรื่องของกิน สายตาดีมากมีน คินต้องไปอยู่แล้ว

          เมื่อตกลงกันได้แล้วเขมินท์จึงเดินขึ้นไปไขประตูที่สุดทางของบันไดซึ่งทอดยาวขึ้นไปยังชั้นสอง ส่วนด้านล่างเป็นใต้ถุนโล่ง มีนาเดินตามเขมินท์ไป โดยมีภาคินรั้งท้าย ชานของเรือนไทยค่อนข้างกว้าง มีนาเห็นห้องอยู่ข้างบนอีก 4 ห้อง แต่ละห้องลงดาลและใส่แม่กุญแจล็อคไว้อีกชั้น เขมินท์เป็นคนไขเปิดแม่กุญแจทุกห้อง มีนาลูบโต๊ะตัวเล็กซึ่งอยู่ตรงริมของชานอีกด้านเบาๆ พบว่ามีฝุ่นบางๆ  

          ภายในห้องมีตู้ เตียง ของสะสมและเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ซึ่งคลุมไว้ด้วยผ้าสีขาว รูปภาพอัดกรอบถูกแขวไว้ที่ผนังมากมาย มีนาเห็นรูปปู่เจตน์กับคุณย่าในสมัยหนุ่มสาวที่ไล่เรียงมาเรื่อยๆ จนกระทั่งมาถึงรูปแต่งงาน  ที่นี่เหมือนบันทึกเรื่องราวความรักของปู่เจตน์กับคุณย่าไว้อย่างไรอย่างนั้น

          “มีอะไรให้มีนช่วยก็ส่งมาได้เลยนะ” มีนาไม่ได้เจาะจงว่าบอกใคร ทำให้ทั้งเขมินท์และภาคินพากันมองมาที่เธอ

          “แค่มาเช็คของน่ะมีน มีอะไรร้าวหรือแตกจะได้ส่งซ่อม แต่ถ้ามีนอยากช่วยก็ไปดูในห้องนี้ให้พี่แล้วกัน”

          ภาคินยกนิ้วชี้ๆ ว่าเขาจะไปอีกห้อง มีนาเดินเข้าไปในห้องที่เขมินท์บอกซึ่งมีพวกของใช้เก่าๆ อย่างเตารีด จักรเย็บผ้า ของที่ทำจากงานฝีมือต่างๆ ซึ่งใส่กรอบพลาสติกกันฝุ่นไว้ ภายในห้องไม่ชื้นอาจเป็นเพราะมีลมพัดเข้ามาได้บ้างกระมัง ของทุกอย่างถูกเก็บรักษาเอาไว้อย่างดี มีนาเพิ่งรู้ตอนนี้เองว่าปู่เจตน์เป็นคนที่โรแมนติกมาก

          “แจกันที่คุณย่าลงสีเองร้าว กับนาฬิกาไม่เดินแล้ว ผมลองใส่ถ่านก้อนใหม่แล้วก็ยังไม่เดิน ลานคงมีปัญหา” ภาคินนำของทั้งสองอย่างมาวางไว้ที่กลางชาน ก่อนจะเดินเข้าไปอีกห้อง

          “ตู้ใบนี้มีปลวกค่ะ” มีนาตะโกนเสียงดังให้ใครก็ได้มาช่วยดู เผื่อจะได้รู้ว่าควรทำยังไงต่อ

          เขมินท์เป็นคนที่เข้ามาดู ความที่ก้มๆ เงยๆ กันทั้งคู่หัวเลยโขกกัน

          “โอ๊ะ...”

          “โอ้ย...”

          เขมินท์ยกมือไปคลำหน้าผากของมีนาที่กำลังหัวเราะ ไม่ได้เจ็บอะไรมาก แต่ตกใจมากกว่าที่เขาอยู่ใกล้ขนาดนี้ เขมินท์เลื่อนมือห่างออกมา ก่อนจะลุกขึ้น แล้วช่วยดึงให้มีนาลุกขึ้นตาม

          “ไม่เจ็บมากใช่ไหม” เขมินท์ถาม

          “ไม่เจ็บแล้วค่ะ พี่เขมล่ะคะ” มีนาแค่ถามไม่ได้ยกมือไปลูบปลายคิ้วของเขาที่ดูแดงเรื่อๆ เพราะชนกันเมื่อครู่

          “ไม่เจ็บแล้วเหมือนกัน”

          “มีอะไร...กันหรือเปล่า” ภาคินมองพี่ชายกับเพื่อนแล้วก็ยิ่งสงสัย แม้ว่าสองคนนั้นจะยืนห่างกันก็ตาม แต่มันเหมือนมีอะไรระหว่างสองคนนี้เหลือเกิน

          “มีนซุ่มซ่ามน่ะ” มีนาบอก “ที่ขาตู้กับหลังตู้มีปลวก”

          ภาคินวิ่งกลับไปที่รถ ก่อนจะตะโกนบอกให้เขมินท์ช่วยปลดล็อคเพื่อจะหยิบกระเป๋าเป้ที่เขาเอาของมาเผื่อไว้ ตอนนี้คงได้ใช้เสียที เพียงครู่เดียวภาคินก็วิ่งขึ้นมาบนเรือน แล้วรื้อของในกระเป๋าเป้ออกมาซึ่งมีพวกกาวร้อน น้ำยาถูพื้น รวมทั้งกระป๋องสเปรย์ที่เอาไว้ฉีดแมลงต่างๆ และปลวกด้วย เขาช่างรอบคอบจนมีนาต้องยกนิ้วโป้งให้ทั้งสองมือ

          พอดูไปจนทั่วทำให้เขมินท์โทรหาบริษัทกำจัดปลวกเพราะมันไม่ใช่แค่ที่ตู้เท่านั้น แต่ปลวกมันไปยังส่วนอื่นด้วย แม้จะไม่มาก แต่หากปล่อยไว้ปลวกคงกินไม้จนพรุนแน่ เขาจึงนัดเวลากับบริษัทกำจัดปลวกซึ่งจะมาถึงในตอนบ่าย เนื่องจากระยะทางค่อนข้างไกลจากบริษัท โชคดีมากที่ไม่มีคิวลูกค้าพอดี

          “นาฬิกาเอาไปที่ร้านซ่อม ส่วนพวกเครื่องกระเบื้องต่างๆ พี่จะส่งให้ร้านซ่อมของโบราณ” เขมินท์เอ่ยเมื่อช่วยกันตรวจข้าวของในห้องจนครบแล้ว

          ภาคินรวบรวมของใส่กล่องแยกกัน แล้วถือไปที่รถของเขมินท์ มีนาช่วยถือกระเป๋าเป้ของเขาตามลงมา เขมินท์ปิดประตูไว้ชั่วคราวเพราะต้องรอบริษัทกำจัดปลวก เมื่อไม่มีอะไรทำแล้ว ทั้งสามคนก็เดินไปยังร้านส้มตำที่มีนาหมายตาไว้ตั้งแต่แรกที่มาถึง

 

ตอนนี้ เพราะคุณคือรักแรก วางจำหน่ายใน MEB  แล้วนะคะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ ลงให้อ่าน 60% ของเนื้อหาทั้งหมดนะคะ

บรรพตี

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.