บทที่ 10...3/3

เพราะคุณคือรักแรก

-A A +A
อ่านต่อ

บทที่ 10...3/3

‘คราวนี้แกต่างหากที่ทุกคนจะมองว่าเป็นนางมารร้าย’

‘บ้าหรือเปล่า ทั้งตบทั้งทึ้งตัวเองแบบนั้น ทำไปทำไม เสื้อผ้าเธอน่ะมันถูกหรือไงถึงมาฉีกให้มันขาดน่ะ’

          เขมินท์เลือกเปิดไฟล์เสียงที่ได้รับจากมีนาในบางช่วง ที่น่าจะทำให้คนโกหกรู้ตัวสักทีว่าควรหยุดได้แล้ว เบญญาหน้าเจื่อนไปทันทีไม่คิดว่ามีนาจะบันทึกเสียงตอนที่เราอยู่กันในห้องเพียงสองคนไว้ พริมายิ่งชาหนึบที่ใจเพราะเขมินท์มีไฟล์เสียงที่มีนาส่งให้ เขาต้องรู้อยู่แล้วว่ามีนาเอาตัวรอดได้ แต่เขาก็ยังมาช่วยมีนาอยู่ดี ทำไมเขาถึงต้องทำขนาดนี้ด้วย ทำไมต้องบอกด้วยการกระทำว่าผู้หญิงคนนี้สำคัญ

“เสียงชัดพอไหม ฉันจำเสียงตัวเองได้แน่ๆ แต่เธอคงไม่บอกว่าจำเสียงตัวเองไม่ได้หรอกนะ” มีนาพูดดักคอ

บรรดาผู้หวังดีทั้งหลายยังคงถ่ายคลิป แต่หน้าเริ่มเลิ่กลั่กว่าเรื่องราวมันอาจจะไม่ใช่อย่างที่เห็น พริมาเม้มปากไม่คิดว่าเหตุการณ์จะกลับตาลปัตรไปแบบนี้

“เบญถูกมีนาทำร้ายจริงๆ นะคะ ใครจะบ้าถึงขนาดทำร้ายตัวเอง” เบญญายังไม่ยอมง่ายๆ แต่เสียงอ่อนลงจนใครๆ รู้สึกได้

เขมินท์พยักหน้าพลางยื่นข้อเสนอ “ถ้าคุณยังคงยืนกรานแบบนี้ เราไปที่โรงพยาบาลกันก่อน ผมคิดว่าถ้ามีนทึ้งเนื้อตัวคุณขนาดนั้น ย่อมต้องมีเศษเนื้อเยื่อและเลือดจากตัวคุณอยู่ในซอกเล็บของมีน คุณก็ต้องตรวจแบบที่มีนจะทำเหมือนกัน ผล DNA ไม่โกหกใครแน่นอน ไปตอนนี้เลยไหมครับ”

เบญญาหน้าเสีย หากยอมไปตรวจหา DNA ในซอกเล็บ เธอก็จบเห่น่ะสิ ทำยังไงดี เบญญารีบคว้าโทรศัพท์จากมือเลขาของพริมา แล้วมองหน้าจอโทรศัพท์ซึ่งเธอคิดว่ากำลังไลฟ์สดอยู่ พอเห็นว่าไม่ได้ไลฟ์สดก็ยิ่งกว่าโล่งอก

“ฉันไม่เอาเรื่องอะไรแล้วก็ได้” เบญญาเสียงอ่อนลงจนเบาคล้ายกระซิบ

มีนาถอนใจประโยคนั้นมันต้องเป็นเธอที่พูดไม่ใช่หรือไง เบญญาคงไม่นึกว่าเขมินท์จะมาเหนือชั้นกว่าที่คิด หากตรวจ DNA เบญญาจะเอาอะไรมาแก้ตัวได้อีก เธอไม่ได้แตะตัวเบญญาแม้แต่ปลายเล็บ

“อ้าว ไหนว่าถูกทำร้ายไง อย่างนี้ก็จัดฉากน่ะสิคุณ” บรรดาผู้หวังดีเพิ่งตาสว่างพากันไม่พอใจ

พริมาไม่คิดเหมือนกันว่ามันจะกลายเป็นการจัดฉากของเบญญา จากที่คิดว่าเขมินท์จะได้เห็นธาตุแท้ของมีนา ตอนนี้กลายเป็นว่าเธอต้องมาเห็นเขาห่วงใยมีนาจนยอมทิ้งเรื่องสำคัญต่างๆ เพื่อมาช่วย ทั้งที่มีนาบอกว่าไม่ต้องมา นี่เขาเป็นแฟนกับมีนาจริงๆ เหรอ

“เธอไม่เอาเรื่องแล้ว แต่ฉันจะเอาเรื่องเธอ รวมทั้งใครก็ตามที่ส่งข้อความลวงให้เธอมาหาฉันด้วย” มีนาบอกเบญญาก็จริง แต่สายตากลับมองพริมาที่ไม่มีพิรุธอะไร แต่เลขาของพริมากลับก้มหน้าจนน่าสงสัย แน่ล่ะ ตอนนี้เธอทำได้แค่สงสัยไปก่อน

เบญญาจะเข้ามาหามีนา แต่ทนายพิเภกขยับมาขวางไว้ นางแบบสาวจึงทำได้แค่ขอร้องพร้อมกับร้องไห้ออกมา

“อย่าเอาเรื่องฉันเลยนะ ถ้าไม่เพราะข้อความบ้าๆ นั่น ฉันคงไม่มาหาเธอหรอก”

เขมินท์ไม่แพ้น้ำตาของหญิงแปลกหน้าจนเกิดความใจอ่อน แต่เสียงถอนใจของมีนาทำให้เขาเลื่อนมือลงมาจับไหล่ของเธอไว้หลวมๆ

“พี่แล้วแต่มีน ถ้าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ทนายของพี่จะช่วยมีนทุกอย่าง”

เรื่องมันเริ่มจากการนอกใจของเบญญา จนเกิดการจัดฉากทำร้ายตัวเองในวันนี้ เพื่อที่เบญญาจะได้แก้แค้นเธอได้ยังไงนะ มีนาไม่คิดว่ามันจะเกินเลยมาถึงขนาดได้ คราวก่อนเบญญาเมา คราวนี้เกิดโทสะเพราะถูกปั่นจากใครบางคนที่เป้าหมายต้องการทำลายเธอมากกว่า ฉะนั้นคนที่เธอควรเอาเรื่องให้ถึงที่สุดไม่ใช่เบญญาหรือเปล่า

“ถ้าเธอสัญญาว่าจะไม่ไปกวนใจคินอีก ฉันอาจจะเปลี่ยนใจ”

“ได้ๆ ฉันยอมทุกอย่าง ขอแค่เธออย่าแจ้งความฉันเลยนะ” คราวนี้เบญญายอมเพราะความกลัวจริงๆ เธอไม่ได้จะให้เรื่องไปตำรวจตั้งแต่แรกแล้ว ที่พูดไปก็แค่ขู่เท่านั้น

มีนาถามตัวเองเป็นรอบสุดท้าย หากไม่ได้เอาเรื่องเบญญาให้ถึงที่สุดในคราวนี้ เธอจะเสียดายไหม คำตอบคือไม่เสียดาย แต่ห่วงภาคินมากกว่า ภาคินคงไม่อยากให้อดีตคนรักติดคุกติดตารางเพราะเพื่อนตัวเองหรอก

“พี่เขมคะ  มีนขอรบกวนคุณพิเภกช่วยเขียนสัญญาให้มีนได้ไหมคะ มีนไม่อยากให้เพื่อนเสียใจเพราะผู้หญิงคนนี้อีก ส่วนจะเอาเรื่องไหม มีนขอเวลาคิดก่อน” หากให้อภัยง่ายๆ เบญญาคงไม่มีทางสำนึกหรอก

“ได้ครับ ผมจะเป็นธุระจัดการให้” พิเภกรับปาก

“ขอบคุณค่ะ” มีนายกมือไหว้พิเภก ก่อนจะหันไปยังบรรดาคนที่เคยเห็นใจเบญญา “ขอคลิปที่ถ่ายไว้หน่อยนะคะ มีนจะเก็บเป็นหลักฐานไว้ก่อน”

พิเภกเป็นธุระเรื่องเซฟไฟล์คลิปมาเก็บไว้เป็นหลักฐาน แม้มีนาไม่ได้ขอ เขาก็ต้องขอคลิปพวกนี้เอาไว้อยู่แล้ว รวมทั้งสิ่งที่เบญญามี

“รบกวนขอเบอร์และข้อความแชทที่คุณได้มา แล้วเข้าใจว่าเป็นคุณมีนาด้วยครับ”

เรื่องใส่ร้ายวุ่นวายตลอด 2 ชั่วโมงจบลงแล้วสินะ มีนาทิ้งน้ำหนักตัวเองไปกับโซฟา รู้สึกเหนื่อยจากงานก็พอแล้ว นี่ยังมาเหนื่อยเพราะคนอีก 

“เราไปกันเถอะมีน” เขมินท์บอกพลางแล้วจับมือให้มีนาลุกขึ้นยืนมาด้วยกัน “ผมฝากด้วยนะครับคุณพิเภก”

“ครับคุณเขม”

มีนาเอื้อมจะหยิบกระเป๋าสะพายและโน้ตบุ๊ก แต่เขมินท์แขนยาวกว่าคว้ากระเป๋าไปคล้องไหล่และถือโน้ตบุ๊กให้ มีนาจึงเหลือแท็บเล็ตถือมาในมืออย่างเดียว เธอก้มมองมือของตัวเองที่เล็กจ้อยอยู่ในมือใหญ่ทว่าอบอุ่นของเขา จู่ๆ เธอก็น้ำตาเอ่อ ไม่แน่ใจแล้วว่ารู้สึกอะไรบ้าง รู้แต่ดีเหลือเกินที่มีเขมินท์อยู่ด้วยในตอนนี้

พริมาเงยหน้ารู้สึกร้อนรุ่มอยู่ที่ใจ ทว่ามันแผดเผาจนทำให้เธอน้ำตาซึมด้วยความเสียดายระคนอิจฉา มือที่เขมินท์กุมไว้ควรเป็นมือของเธอ หากตอนนั้นเธอเลือกที่จะอยู่เคียงเขาในวันที่สูญเสีย คนที่เขาปกป้องไม่ว่าเกิดจะอะไรก็ตามจะเป็นเธอใช่ไหม

ทว่าในตอนนี้พริมากลับทำได้เพียงมองเขมินท์เดินเคียงมีนาไปด้วยกัน สายตาที่เขามองผู้หญิงคนนั้นช่างเหมือนสายตาที่เขาเคยมองเธอในอดีตจนน่าเจ็บปวด หากเธอจะพยายามทุกวิถีทางเพื่อหวนคืนกลับไปมันยังไม่สายไปใช่หรือเปล่า

 

มีนาเดินไปเรื่อยๆ ตามแต่ว่าเขมินท์จะพาไปทางไหน เธอไม่อยากดึงมือกลับหากเขาไม่ปล่อยมือเอง เราสองคนยังคงเดินไปจนกระทั่งมาถึงลิฟต์ ราวกับเกิดวินาทีที่ต้องตัดสินใจว่าใครจะปล่อยมือ ทว่าเราสองคนปล่อยมือพร้อมกัน แล้วพากันยิ้มเมื่อไม่ต้องหาคำตอบว่าเราเดินจับมือกันมาถึงตรงนี้ได้ยังไงและทำไมถึงปล่อยมือ ลิฟต์เปิดออก เขมินท์เบี่ยงตัวให้มีนาเข้าไปก่อน เขาถึงตามเข้ามา หญิงสาวหันไปมองชายหนุ่ม แล้วถูกเขามองกลับมา เอาล่ะสิ เธอยิ่งคิดไม่ออกว่าจะพูดอะไรดี

“ทำไมมีนถึงอัดคลิปเสียงได้ทันเวลา จะว่ารู้มาก่อนก็ไม่น่าใช่” เขมินท์เป็นฝ่ายชวนคุยก่อน

มีนารีบหายใจเข้าไปให้เต็มปอด เมื่อครู่เธอกลั้นใจไปกี่วินาทีกันนะ แค่ถูกเขมินท์มองไม่เห็นจะต้องประหม่าสักหน่อย แล้วหัวใจไม่รักดีจะมาเต้นแรงจนเจ็บอะไรตอนนี้ ว่าแต่เมื่อกี้เขาถามอะไรนะ อ้อ นึกออกแล้ว

“ก่อนเบญมาถึง มีนเพิ่งอ่านแชทกลุ่มของบริษัท พี่ในบริษัทพิมพ์มาบอกว่ามีคนโทรมาหามีน แต่วางสายไปแบบงงๆ พอเบญโผล่มา มีนเลยเดาว่าเป็นเบญที่โทรไปที่บริษัท ดูจากสีหน้าเบญแล้วไม่น่าจะมาดี มีนเลยอัดคลิปเสียงไว้ก่อน เผื่อมีอะไรไม่ชอบมาพากล แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ด้วย”

บานลิฟต์เปิดออกพอดี มีนาเพิ่งรู้ตัวว่าเขมินท์เป็นคนกดชั้นที่เรากำลังเดินออกมาด้วยกัน เขาคงจอดรถไว้ที่นี่กระมัง นั่นไง รถของเขาจอดอยู่ตรงนั้น มีนาเดินตามเขมินท์ไปจนกระทั่งเขาปลอดล็อครถแล้วเก็บกระเป๋าและของอื่นๆ ของเธอเอาไว้ที่เบาะหลัง แต่ทำไมเขายังยืนอยู่ที่เดิม คราวนี้เธอควรพูดอะไรบ้างแล้วล่ะ

“ขอบคุณมากนะพี่เขม ทั้งที่มีนคิดว่าจัดการเรื่องยุ่งๆ พวกนี้เองได้ พอพี่เขมมาช่วย มีนรู้สึกปลอดภัยจังค่ะ” มีนานิ่วหน้าที่พูดอะไรออกไปแบบนั้น คิ้วของเขมินท์ขมวดหรือว่าไม่ใช่กันนะ แล้วพอถูกเขามองมาตรงๆ แถมใกล้เพียงแค่คืบแบบนี้ เธอชักทำตัวไม่ถูก “ขอโทษค่ะ มีนคงตกใจจนเพ้อ”

เรียวปากที่มักเม้มปิดเป็นนิจคลี่ออกแล้วยิ้มกว้าง เขาเห็นริมฝีปากบางเม้มแล้วเผยอเปิดคล้ายไม่แน่ใจบางอย่าง ปกติแล้วมีนามั่นใจในตัวเองเสมอมา การที่เธออยู่ใกล้เขาแบบนี้ทำให้ประหม่าใช่ไหม

“ไม่หรอก พี่ดีใจนะที่มีนไว้ใจพี่ พี่ถึงมั่นใจว่าเชื่อใจไม่ผิดคน”

หัวใจของมีนาเหมือนถูกสูบด้วยลมจนอัดแน่น ทว่าไม่รู้สึกอึดอัด หญิงสาวพยักหน้าแล้วยิ้มกว้างที่สุด คำว่า...เชื่อใจ ช่างน่าฟังเมื่อออกมาจากปากของเขมินท์

“หิวไหม”

“ไม่หิวค่ะ สงสัยอิ่มดราม่า อยากกลับไปกอดพี่เม”

มีนามองออกไปยังท้องฟ้าเวิ้งว้างภายนอกตึก ต่อให้เข้มแข็งแค่ไหน เธอก็แค่คนคนหนึ่งที่เวลาเหนื่อยใจก็ต้องการพัก พอหันหน้ากลับมาหญิงสาวกลับเห็นสูทสีดำที่แนบกับแก้มพร้อมกับอ้อมกอดจากแขนโอบไปรอบตัวของเธอ

เพียงแค่เธอบอกว่าอยากกอดพี่สาว เขมินท์ก็มอบกอดนั้นให้เป็นการทดแทนใช่ไหม มีนาหลับตาลงเพียงเพื่อซึมซับความรู้สึกปลอดภัยนี้ไว้ ไม่ว่าเขากอดเธอเพราะความสงสารหรือว่าเห็นใจ เธอขอรับกอดนี้และจดจำไว้ไปตลอดว่าครั้งหนึ่งความฝันและความจริงได้มาบรรจบกัน ณ ช่วงเวลาหนึ่งกอดแสนอบอุ่นนี้เป็นของเธอ

 

เขมินท์หักเลี้ยวพวงมาลัยเพื่อนำรถเข้าสู่โรงจอด เพียงครู่เดียวก็ลงจากรถแล้วเดินเข้าบ้าน ทว่าสายตาของชายหนุ่มกลับมองไปยังบ้านหลังข้างๆ ป่านนี้มีนาคงได้กอดเมษาอย่างที่เธอต้องการแล้ว เขาให้คนขับรถอีกคันพาเธอมาส่งที่บ้าน ส่วนตัวเขาต้องไปประชุมต่อในตอนบ่าย เหตุผลก็เพราะการประชุมช่วงสายถูกเขาเลื่อนอย่างกะทันหัน เนื่องจากมีเรื่อง ‘สำคัญ’ ต้องรีบไปจัดการ การประชุมช่างยาวนาน จนกระทั่งเขามีเวลาสะสางงานอีกไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องขับรถกลับบ้านมาในเวลาค่ำแล้ว

“คุณปู่อยากคุยด้วยน่ะเขม” ภวิกาเดินเร็วๆ ออกมาจากห้องครัวเพื่อบอกลูกเลี้ยงด้วยตัวเอง

เขมินท์เห็นรอยคราบของแป้งที่ผ้ากันเปื้อนก็พอจะเดาได้ว่าภวิกากำลังทำเค้ก นานมาแล้วเขาเคยเกิดคำถามว่าพ่อทำไมถึงต้องมีอีกบ้าน แต่สุดท้ายเขาก็ไม่อยากจะหาคำตอบ ความรู้สึกที่เขามีต่อแม่เลี้ยงจึงครึ่งๆ กลางๆ ไม่อาจรักประหนึ่งแม่ได้หมดใจ แต่เขาก็ไม่ได้เกลียด เราต่างมีระยะที่จะทำให้ความรู้สึกดีๆ คงอยู่ตรงนั้น

“ครับ คุณภวิกา”

เขมินท์ค้อมไหล่ให้ผู้มากวัยกว่า ก่อนจะเดินไปยังชั้นสอง แล้วเปิดประตูห้องที่อยู่ใกล้ลิฟต์ที่ทำขึ้นมาเพื่อให้ชายชราสะดวกในการไปชั้นล่าง เขาเห็นปู่กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียง มีหนังสือวางอยู่ข้างตัว ส่วนพยาบาลพิเศษกำลังเก็บสำรับอาหารเย็นที่เจตน์กินแล้วลงไปข้างล่างให้สาวใช้

“มาแล้วหรือเขม มาใกล้ๆ ปู่หน่อยสิ ปู่มีอะไรจะให้”

เขมินท์นั่งลงที่พื้นพรมข้างเตียง ตอนเด็กๆ เขาเคยมานอนเล่นจนหลับไปในห้องปู่อยู่บ่อยครั้ง บางทีโดนพ่อดุ เขายังเคยมาขอนอนค้างในห้องปู่

ชายชราเปิดลิ้นชักจากโต๊ะตัวเล็กที่หัวเตียง แล้วหยิบกุญแจที่เขาเก็บไว้อย่างดีมาวางให้บนมือของเขมินท์

“กุญแจบ้านเรือนไทยที่ย่าของเขมเคยอยู่น่ะ ปู่อยากให้เขมกับคินไปช่วยกันดูความเรียบร้อยและตรวจตราของต่างๆ  ที่นี่เป็นความทรงจำของปู่กับย่า”

เขมินท์เคยไปที่เรือนไทยหลังนั้น แต่ก็นานมาแล้ว ปู่มักไปที่นั่นบ่อยๆ บางครั้งไปค้างอยู่หลายวัน เมื่อคนรักจากไป คนที่อยู่แต่ยังรักไม่เสื่อมคลายจึงทำได้เพียงคิดถึงอย่างที่ปู่ของเขาเป็นมาตลอดหลังจากคุณย่าจากไป

 “อาทิตย์หน้าครบรอบวันเกิดของย่า ปู่เลยอยากทำบุญกับทุกคนในครอบครัวที่นั่น เขมกับคินช่วยเป็นธุระจัดการให้ปู่ได้ไหม”

“ได้สิครับ แต่ทำไมปู่ถึงอยากให้คินไปกับผมนักล่ะครับ” เขมินท์ถามอยากชวนคุยเท่านั้น เพราะจริงๆ แล้วเขาก็พอจะรู้คำตอบ

“พี่น้องกัน ไปด้วยกันไม่เห็นแปลกนี่นา”

          เขมินท์ยิ้มแทนการแย้ง ที่บอกว่ามันไม่แปลกสำหรับครอบครัวอื่น แต่สำหรับครอบครัวของเรา พี่น้องต่างใช้ชีวิตที่ไร้จุดเชื่อมโมง นี่ต่างหากที่ดูปกติจนไม่แปลก ชายหนุ่มอยู่คุยกับปู่อีกพักใหญ่จึงขอตัวกลับห้อง เพื่อให้ชายชราได้พักผ่อน

          เขมินท์เดินเรื่อยๆ มาถึงห้องตัวเอง เขาไม่คิดว่าความสนิทหรือไม่สนิทระหว่างพี่น้องที่ต่างแม่จะเป็นปัญหา เขาและภาคินไม่เคยก่อเรื่องร้ายแรงหรือมีเรื่องชกต่อยให้ทุกคนในครอบครัวไม่สบายใจ มีความผูกพัน แต่ใกล้ชิดกันมากกว่านี้ไม่ได้ หรือกระทั่งห่างกันกว่านี้ก็ไม่ได้เช่นกัน

          “วันพรุ่งนี้ว่างไหม ไปบ้านคุณย่ากัน ปู่คงบอกพี่เขมแล้ว” ภาคินถามขึ้นเสียงไม่เบานักเพราะเขานั่งอยู่ที่เก้าอี้ตรงระเบียง ทั้งที่มารอเขมินท์ แต่เรื่องอะไรจะทำให้พี่ชายรู้สึกว่าเขามารอล่ะ

          เขมินท์ยืนมองภาคินจากหน้าห้องตัวเอง ปู่คงบอกเรื่องที่ให้ไปบ้านของคุณย่ากับภาคินเหมือนกัน “ใช่ ถ้าคินว่างไปกันพรุ่งนี้ก็ได้”

          “โอเค”

          เขมินท์พยักหน้าแล้วต่างเงียบเป็นอันเข้าใจได้เองว่าหมดเรื่องจะคุยแล้ว ผู้เป็นพี่ชายกลับเข้าห้องตัวเอง ในขณะที่น้องชายหยิบโทรศัพท์มาโทรหามีนา เรื่องอะไรเขาจะไปที่บ้านคุณย่ากับเขมินท์แค่สองคน บรรยากาศในรถได้เงียบเหมือนอยู่ในสุสานกันพอดี

 

ตอนนี้ เพราะคุณคือรักแรก วางจำหน่ายใน MEB  แล้วนะคะ ส่วนเว็บอื่นๆ จะทยอยส่งไปค่ะ ถ้าจะพาพี่เขมกับมีนไปอยู่ในชั้นหนังสือ จะขอบคุณมากๆ เลยนะคะ เพราะคุณคือรักแรก:: e-book นิยาย โดย บรรพตี (mebmarket.com)

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ

บรรพตี

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.