บทที่ 1...1/3

เพราะคุณคือรักแรก

-A A +A
อ่านต่อ

บทที่ 1...1/3

          อีก 5 นาทีจะ 9 นาฬิกา มีนารีบวิ่งขึ้นบันไดไปยังชั้นที่ 4 เพราะลิฟต์เต็ม เธอต้องไปให้ทันเข้าเรียนวิชาการออกแบบเชิงธุรกิจ ซึ่งอาจารย์แจ้งว่าคาบนี้ได้เชิญผู้มีประสบการณ์ตรงมาเป็นอาจารย์พิเศษช่วยสอน ปีก่อนเป็นรุ่นพี่มัณฑนากรที่ไปเปิดบริษัทของตัวเองจนประสบความสำเร็จ บางปีก็เป็นนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ที่มาช่วยสอนประสบการณ์จริง เพื่อให้นักศึกษามีแนวทางการทำงานในอนาคตที่ต้องอิงกับธุรกิจ

มีนาเข้าห้องเป็นคนสุดท้ายกระมังเพราะที่นั่งแทบจะไม่เหลือแล้ว ทั้งห้องเงียบกริบ หญิงสาวยกข้อมือขึ้นมาดูนาฬิกาแล้วก็เป่าปากโล่งอก เธอไม่ได้มาสายเพราะมันเหลือเวลาอีกตั้งนาที แต่เสียงกรี๊ดเบาๆ นี่ไม่ได้มาจากเธอแน่นอน มีใครบางคนยืนอยู่ข้างหลังเธอใช่ไหม อาจารย์พิเศษที่มาช่วยสอนคงมาถึงแล้วกระมัง หญิงสาวหันไปมองกำลังจะยกมือไหว้ ทว่ามือของเธอกลับค้างเพราะไม่คิดว่าจะเป็นผู้ชายคนนี้

          “พี่...เขม”

การที่ไม่ได้พบเขมินท์บ่อยนัก ตั้งแต่คุณลุงจิรายุเสียชีวิตไปเมื่อ 5 ปีก่อน หลังจากนั้นเขมินท์ก็ต้องขึ้นมาบริหารบริษัทซึ่งเกี่ยวกับธุรกิจการค้าวัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้างแบบครบวงจร รวมถึงงานด้านอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่งลงทุนไปมหาศาลแทนพ่อทันที ทำให้ตอนนี้มีนาประหม่าขึ้นมา เธอยกมือไหว้เขมินท์ ซึ่งเขาไม่ได้มีท่าทีดีใจที่ได้พบกัน เธอเลยรีบไปหาที่นั่งให้ตัวเอง

นักศึกษาหลายคนพากันยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปของเขมินท์ไว้ การที่เขามีความโดดเด่นในงานบริหารและมีความเพียบพร้อมในทุกด้าน จึงมีข่าวของเขาในหนังสือพิมพ์และโซเชียลมีเดีย (Social Media) อยู่บ่อยๆ

“ผมจะมาเป็นอาจารย์พิเศษ 3 คาบ หวังว่าประสบการณ์จริงของผมจะช่วยให้เป็นแนวทางของพวกคุณในการทำงานจริงได้นะครับ” เขมินท์เอ่ยและยิ้มบางๆ ก่อนจะเริ่มการสอนทันที

5 ปีที่เขมินท์ต้องดำเนินธุรกิจแทนพ่อของเขา ทำให้แทบไม่ได้กลับมาที่บ้าน ภาคินเคยบอกมีนาว่าพี่ชายที่เขาไม่ค่อยสนิทนักย้ายไปอยู่คอนโดใกล้ที่บริษัทแทน เพื่อให้มีเวลาทำงานได้เต็มที่ แต่ภาคินคิดว่าพี่ชายคงไม่อยากเห็นหน้าเขามากกว่า เขาจึงเป็นฝ่ายเลี่ยงหากเขมินท์กลับบ้าน ยกเว้นเย็นวันอาทิตย์ที่ต้องทานข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัวซึ่งเขาเลี่ยงไม่ได้

ความห่างเหินของพี่น้องเป็นเรื่องที่คนนอกอย่างมีนาได้แต่มองเท่านั้น การที่มีพ่อคนเดียวกัน แต่ต่างแม่ ความสนิทใจกันแบบพี่น้องคงไม่ง่ายสำหรับบางครอบครัว จนกระทั่งมีครั้งหนึ่งที่พี่น้องทะเลาะกันรุนแรงมาก แล้วภาคินขอร้องมีนาว่าหากต่อไปเธอมีแฟน ขอให้แฟนคนนั้นอย่าเป็นเขมินท์เด็ดขาด เธอรับปากภาคินโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าชอบพี่ชายของเพื่อนมาตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีก็ทำได้แค่แอบชอบ ฉะนั้นเธอจึงทำได้เพียงแค่มองเขาเหมือนในตอนนี้

“นักศึกษาบางคน ช่วยตั้งใจเรียนด้วยครับ”

ทุกคนพากันหันมามองนักศึกษาคนนั้น มีนามองตามสายตาของเพื่อนๆในชั้นเรียนถึงได้รู้ว่าเขมินท์มองมาทางนี้ เธอเองสินะที่ถูกเตือนให้ตั้งใจเรียน แค่เหม่อนิดเดียวเขายังอุตส่าห์เห็นอีก ถ้าตรงนี้มีหลุมหลบภัย มีนาจะกระโจนเข้าไปคนแรก หญิงสาวพูดแบบไม่มีเสียงว่า...ขอโทษค่ะ การเรียนดำเนินต่อไป โดยที่หญิงสาวเตือนตัวเองตลอดว่าอย่าเผลอเหม่ออีกเด็ดขาด แม้จะสลับกับความน้อยใจว่าทำไมเขมินท์ถึงทำเหมือนจำเธอไม่ได้ เขาไม่มีทางจำเพื่อนของน้องชายที่อยู่ข้างบ้านไม่ได้หรอก การจงใจทำเหมือนไม่รู้จักกันนี่ยิ่งกว่าเอาน้ำเย็นมาราดทั้งตัวเสียอีก

 

หลังจากสอนเสร็จแล้วเขมินท์ไปไหนต่อ มีนาไม่ทันได้มองเพราะเธอออกมาจากห้องก่อน ในขณะที่เขากำลังคุยกับอาจารย์ภัทรีซึ่งนักศึกษามักจะเรียกสั้นๆ ว่าอาจารย์แพท ท่าทางเหมือนจะสนิทสนมกันไม่น้อย หญิงสาวเม้มปาก ใช่สิ เธอมันเด็กข้างบ้าน เขาจะไปอยากจำทำไม

มีนากำลังเดินไปโรงอาหารกับเพื่อนร่วมคลาส แม้จะต่างคณะกัน หัวข้อที่เพื่อนๆ นักศึกษาปี 4 คุยกันจึงไม่พ้นอาจารย์พิเศษที่หล่อจนสาวกรี๊ด ตอนนี้กำลังเป็นประเด็นพูดคุยกันในโซเชียลอย่างล้นหลาม

“ทำไมเงียบจังล่ะมีน ยังจ๋อยที่อาจารย์เขมินท์เตือนในห้องอยู่เหรอ”

การโดนอาจารย์เตือนบ้าง ดุบ้าง ไม่ทำให้คนอย่างมีนาสลดได้หรอก แต่เพราะถูกเมินต่างเลยเจ็บจี๊ด แต่ใครจะไปตอบแบบนั้น

“หิวต่างหาก เรื่องนี้ทำให้มีนเป็นดอกไม้เหี่ยวไม่ได้หรอกน่า”

สองสาวที่เดินนำขึ้นไปบนโรงอาหารปิดปากจะร้องกรี๊ด มีนาสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น พอเดินตามไปถึงได้คำตอบ เขมินท์กับอาจารย์ภัทรีมาทานข้าวที่โรงอาหารนี่เอง มีนาตัดใจเดินไปหาซื้อข้าวกิน แต่พระเจ้าคงคิดว่าวันนี้เธอยังถูกเมินไม่พอกระมัง เขมินท์ถึงได้มาซื้อน้ำใกล้ๆ

“ไม่เจอกันนาน คงจำกันไม่ได้แล้วกระมัง”

ถ้าความคิดออกมาเป็นคำพูดแบบตัวการ์ตูนได้ คำว่า ‘อ้าว!’ คงอยู่บนหัวของมีนาในตอนนี้

“มีนจำพี่เขมได้ค่ะ” มีนาตอบ อย่างน้อยเขมินท์ก็มาทักทายเธอล่ะน่า แต่วินาทีเดียวเธอกลับเหวออีกรอบ

เขมินท์ขมวดคิ้วยามมองมาที่เพื่อนของน้องชาย “แล้วทำไมถึงเดินหนีตอนอยู่ในคลาส”  

มีนาอ้าปากกำลังจะตอบเขมินท์ แต่เปลี่ยนใจคิดใหม่ การที่เธอรีบไปหาที่นั่ง ทำไมถึงกลายเป็นเดินหนีเขาไปได้

“ขอโทษค่ะ ตอนนั้นมีนรีบ” มีนายิ้มเก้อๆ นานแล้วที่ไม่ได้เจอ ทำไมพอเจอถึงถูกดุได้หว่า

เขมินท์พยักหน้าแล้วเดินกลับไปยังโต๊ะที่ภัทรีกำลังมองมา มีนาเดินตัวลีบๆ กลับมาที่โต๊ะ เพื่อนพากันถามว่าอาจารย์พิเศษสุดหล่อเข้ามาคุยอะไรด้วย พากันหน้าปลื้มปริ่ม มีนาอยากจะบอกว่าลองมาถูกดุดูสิ

“อาจารย์ถามเรื่องอาหารน่ะว่าที่นี่ร้านไหนอร่อย คราวหน้ามาจะได้ลองซื้อกินแค่นั้นแหละ”

มีนาไม่ได้อยากโกหก แต่ถ้าเล่าทั้งหมด ทุกคนก็รู้น่ะสิว่าเธอรู้จักเขมินท์มานานแล้ว ทีนี้ล่ะบรรดาแฟนคลับหน้าใหม่ของเขาคงแวะเวียนมาหาเธอแน่ๆ

“น่าอิจฉาอาจารย์แพท สองคนนี้เป็นแฟนกันหรือเปล่า” สาวช่างฝันอย่างวารีก็ทำหน้าเสียดายไปกับเค้าด้วย

อแมนดาสาวลูกครึ่งไทยอังกฤษที่พูดไทยชัดเพราะอยู่ไทยมาเกือบสิบปีส่ายหน้า “ไม่ใช่หรอก เท่าที่ฉันไปเมาท์กับยัยโต๊ะโน้นมา สองคนนี้เคยเรียนคณะเดียวกันมาก่อน เพื่อนเก่าน่ะ เรายังมีหวัง”

มีนาเห็นสายตาของเพื่อนๆ เลยไม่อยากดับฝันเพราะคนที่น่าจะเข้าเค้าว่ามีโอกาสเป็นแฟนของเขมินท์ตอนนี้อยู่อังกฤษ ถ้ายังติดต่อกัน งานแต่งงานคงอยู่ที่ปลายทางกระมัง

“กินข้าวกันดีกว่า เดี๋ยวมีนจะไปช่วยงานร้านพี่เม”

“ยังหาผู้ช่วยคนใหม่ไม่ได้อีกเหรอ” วารีถามเพราะเคยไปที่ร้านขนมไทยของเมษามาหลายครั้ง

“ยังเลย มีนว่าถ้าเรียนจบแล้วยังหางานทำไม่ได้ จะไปเป็นลูกมือให้พี่เมเสียเลย”

วารีกับอแมนดาพากันยิ้ม มีนาน่าจะไปตีกับพวกที่มาจีบพี่สาวเสียก่อนมากกว่า คราวก่อนเป็นลูกค้าขี้หลีมาจีบเมษา รายนี้เลยโดนมีนาแฉว่ามีแฟนแล้ว แถมยังเรียกให้แฟนมาจัดการเองเสียด้วย

มีนามองไปที่เขมินท์จึงทันเห็นว่าเขากำลังเดินออกไปจากโรงอาหารพร้อมกับภัทรีแล้ว ทำไมภาคินกับเขมินท์ถึงได้แตกต่างกันขนาดนี้ คนพี่จากที่ดูขรึมๆ ตอนนี้เย็นชายิ่งกว่าน้ำแข็ง ส่วนคนน้องอยู่ด้วยแล้วเหมือนโลกทั้งใบเต็มไปด้วยสีสันและน่าปวดหัวไปพร้อมกัน

 

มีนาลงจากรถเมล์กำลังเดินไปร้านขนมเมนา ร้านขนมเมนามีที่มาจากการนำชื่อมารวมกันของเมษากับมีนา ซึ่งอยู่ในแหล่งชุมชนมีตลาด โรงเรียนอยู่ใกล้ๆ แต่ไม่ไกลจากบ้านเท่าไหร่นัก

การที่พ่อแม่จากไปเมื่อ 6  ปีก่อนเป็นความเสียใจอย่างที่สุดของเราสองพี่น้อง การขาดเสาหลักของครอบครัวไป เมษาจึงจำเป็นต้องขายที่ดินที่พ่อแม่เก็บไว้ให้ลูกๆ เพื่อนำเงินมาเป็นต้นทุนในการดำเนินชีวิต โดยเมษานำเงินมาดาวน์ตึกเล็กๆ เพื่อเปิดร้านขายขนมตามที่เรียนมา และแบ่งอีกส่วนเท่าๆ กันให้มีนาเอาไว้ใช้ มีนาใช้เงินในส่วนของตัวเองจ่ายค่าเทอมและเก็บไว้ก่อน ตอนนี้เธอยังไม่มีเหตุผลที่ต้องใช้เงินก้อนนั้น แต่หากได้งานแล้วไกลจากบ้านมากอาจจะซื้อคอนโดหรือเช่าห้องค่อยว่ากันอีกที

“มีนมาแล้วนะพี่เม”

ในร้านมีลูกค้าอยู่ 3 โต๊ะ ตอนนี้นอกจากขายขนมไทยแล้ว เมษายังขายน้ำปั่นและรับขนมเค้กมาขายเพิ่มด้วย เพื่อที่จะได้มีของให้ลูกค้าเลือกมากขึ้น

“พี่เมอยู่ในครัวค่ะ” หมิวขานตอบมีนาแทนเมษา หมิวเป็นนักเรียนที่มาทำงานพิเศษหลังจากเลิกเรียน เมษาเลยให้มาช่วยเสิร์ฟและรับออเดอร์ต่างๆ

“วันนี้ปัดแก้มสีสวยนะเรา” มีนาชมหมิว ตอนนี้เลิกเรียนแล้ว หมิวจะเปลี่ยนมาแต่งตัวแบบไหนก็ได้ แค่ให้ดูสมวัยก็พอ

“ขอบคุณนะพี่มีน” เด็กสาวยิ้มร่าดีใจที่ถูกชม

มีนาเข้าครัวไปหาเมษาที่กำลังปั้นแป้งทำบัวลอยเพราะมันขายดีจึงต้องทำเพิ่ม มีนาวางกระเป๋าเป้แล้วบอกให้พี่สาวไปพัก

“หิวไหม พี่จะได้ทำอะไรให้กิน”

คำถามประจำที่เมษามักถามน้องเสมอ การที่อายุห่างกัน 5 ปี ทำให้มีนามองเมษาเหมือนแม่มากกว่าพี่ด้วยซ้ำ ตอนที่พ่อแม่จากไป เธอร้องไห้เสียใจไม่กินข้าวอยู่หลายวัน ถ้าไม่ได้พี่สาวที่เข้มแข็งคนนี้ เธอในตอนนั้นจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้

“หิว พี่เมอยากทำอะไรให้มีนกิน มีนก็กินได้หมดเลย”

เมษาเปิดตู้เย็นเพื่อหาของทำกับข้าว มีนาปั้นแป้งไปก็นึกขึ้นได้

“เสาร์หน้ามีนไปออกค่ายอาสากับเพื่อนๆ นะพี่เม”

“คราวนี้ไปจังหวัดไหนล่ะ” เมษาเปิดเตากำลังจะทำสุกี้เพราะทำข้าวผัดมาหลายวัน มีนาน่าจะเบื่อแล้ว

“ราชบุรี คราวนี้สร้างเรือนนอนน่ะ แต่คินไม่ได้ไปด้วยนะ ติดงานอะไรสักอย่างนี่แหละ  มีนเลยไปกับเพื่อนในคณะ กลับวันอาทิตย์ตอนค่ำๆ”

เมษาพยักหน้ามองน้องแล้วก็อดยิ้มไม่ได้ ภายนอกมีนาเหมือนจะไม่ค่อยเรียบร้อย ห้าวๆ ลุยๆ แต่ในใจไม่ได้เข้มแข็งอย่างที่แสดงออก การสูญเสียต่อให้ผ่านไปหลายปี พอนึกย้อนไปมีนาก็ร้องไห้ทุกครั้ง

“เสร็จแล้ว ไปกินเถอะ เดี๋ยวพี่ทำต่อเอง”

มีนาพยักหน้า แต่ก็ช่วยเมษาปั้นแป้งจนเสร็จแล้วค่อยไปกินผัดสุกี้ กินไปคุยกันไป มีนาเล่าเรื่องที่เจอเขมินท์ให้พี่สาวฟัง รวมทั้งเรื่องอื่นๆ ส่วนเมษาก็เล่าว่าเจออะไรบ้างในวันนี้

พอค่ำลูกค้าในร้านมากขึ้นสองพี่น้องก็ทำงานกันมือเป็นระวิง เมษาบอกว่าได้ผู้ช่วยแล้ว พรุ่งนี้ให้เริ่มงาน มีนาค่อยเบาใจ พอลูกค้าซาลงมีนาจึงกลับบ้าน ส่วนเมษาขออยู่คิดบัญชีที่ร้านก่อน แต่ไม่ค้างที่ตึกเพราะไม่อยากให้น้องอยู่บ้านคนเดียว แม้ว่าบ้านของพวกเธอจะติดกับบ้านของปู่เจตน์ซึ่งเป็นบ้านหลังใหญ่ที่สุดของโครงการกลางพื้นที่ 300 ตารางวา โดยมีพื้นที่มากกว่าบ้านหลังอื่นๆ ถึง 6 เท่า มีเพียงกำแพงกั้นกลาง แต่ถ้ามีอะไรจวนตัวภาคินก็อาจมาช่วยไม่ทัน

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ

บรรพตี

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.