STARCIN ภาคที่ 5 Elforia ตอนที่ 4 ล้นปริ่ม

STARCIN อุบัติมหาสงครามสตาร์คิน

-A A +A

STARCIN ภาคที่ 5 Elforia ตอนที่ 4 ล้นปริ่ม

"ฟรานมีส่วนสูงหนึ่งร้อยหกสิบเก้าเซนติเมตรน้ำหนักอาจมีเปลี่ยนแปลงตั้งแต่หกสิบถึงหกสิบเจ็ด มีนิสัยร่าเริงเข้าถึงคนได้ง่ายและยังถึงเนื้อถึงตัวแปลกกับคนทั่วไปซึ่งอาจจะถูกเลี้ยงดูมาโดยคนต่างชาติหรือไม่ก็ลูกครึ่ง แถมยังชอบเหม่อจนเกือบถูกรถเฉี่ยวหลายครั้งยังดีที่มีเพื่อนอยู่ข้าง ๆ ไม่อย่างงั้นคงเจ็บตัวบ่อยแน่ ๆ โดยเฉพาะเจ้าซากิที่เกาะติดฟรานแทบจะตลอด"

"นี่เจ้าเล่นเล่าละเอียดขนาดนี้เหมือนกับเป็น..."

"ก็คุณวิกตอเรียอยากรู้เรื่องเธอไม่ใช่เหรอครับ ผมก็จัดการสาธยายให้ครบทุกอย่างที่รู้"

"งั้นก็ต่อเลยเราอยากฟังเรื่องของคนที่ถูกอัญเชิญ" พวกเขาสองคนแทบจะหลุดออกไปอีกมิติไม่สนใจพรรคพวกที่เดินตามเลยสักนิด

"ตอนที่ถูกเรียกมายังโลกนี้เธอก็ยังคงเป็นคนนิสัยดีไม่เคยโกรธใครสักคน แต่ดู ๆ แล้วน่าจะเป็นประเภทเก็บไปคิดกดดันตัวเองซะมากกว่า...ในช่วงฝึกเราถูกจัดแบ่งกลุ่มละหกคนและกลุ่มของผมก็มีคนตายไปสองคน ถ้าตัดฟรานที่ถูกย้ายไปเมืองแอสต้าก็มีผม เซนและคานะพวกเราทั้งสามคนหลบหนีจากค่าย เร่ร่อนไปเรื่อย ๆ ตามป่าเขาแต่ก็ไม่อาจวางใจได้-"

"แล้ว ๆ คานะกับเซนเป็นคนยังไงเหรอ?" วิกตอเรียพูดแทรกกลางคันท่าทางตื่นเต้นจนบอกไม่ถูก

"เซนเป็นไอ้บ้าคนหนึ่งที่เคยเป็นนักแสดงค่อนข้างมั่นใจในตนเองแต่ก็ดันทำอะไรไม่ค่อยคิด ส่วนคานะตอนที่เจอเธอครั้งแรกเธอจะดูเป็นคนขี้อายไม่ค่อยสู้หน้าคนอื่นแถมเคยเกือบจะฆ่าตัวตายมาแล้วครั้งหนึ่งถ้าไม่ไปเห็นคงไม่มีเธอถึงทุกวันนี้แล้ว คานะในตอนนี้นิสัยเธอดูเปลี่ยนไปเยอะมากหรืออาจจะเป็นนิสัยจริง ๆ ของเธอก็ได้ ไอ้ความขี้เล่นและบางครั้งก็หัวร้อนทะเลาะกับเซนอยู่บ่อย ๆ โชคดีที่คานะใจเย็นและตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ได้ไม่อย่างงั้นเวลาผมไม่อยู่มีหวังออกนอกลู่นอกทางเป็นแน่" การสนทนายังคงดำเนินไป

"เท่าที่ดูจากร่องรอยด้วยเวทตรวจจับ ในกลุ่มนั้นจะมีคนหนึ่งที่แข็งแกร่งมากน่าจะเลเวลแปดเลยก็ได้...เขาเป็นใคร?" ขณะที่เดินอยู่ในเมืองเธอยังคุยกับซึฮากิไม่หยุดยั้งไม่ได้ดูเลยว่าจะไปที่แห่งใด

"คนนั้นน่าจะเป็นคนที่หนีออกจากคุก เท่าที่รู้มาเขาเป็นอดีตทหารมากฝีมือและมีอนาคตไกลแต่ก็ต้องถูกจับเพราะก่อกบฏ "

"ทหารที่ถูกจับเพราะก่อกบฏ เหรอ? ช่างมันละกันคงไม่ใช่คนที่เราคิดหรอก" วิกตอเรียหยุดอยู่หน้าสำนักงานนักผจญภัยที่เต็มไปด้วยผู้คนหลากเผ่าพันธุ์

"สวัสดีค่ะมีอะไรให้กิลด์ช่วยคะ?" พนักงานสาวน้อยคนหนึ่งดูจากหน้าตาแล้วอายุคงไม่เกินยี่สิบแต่กลับทำงานในสำนักงานกิลด์

"พวกเราจะมาหาห้องพักและข้อมูลดันเจี้ยนใกล้ ๆ" วิกตอเรียยืนเผชิญหน้ากับพนักงานสาวสวยคนนั้นด้วยคำถามที่มุ่งไปหาดันเจี้ยนไม่มีปีไม่มีขลุ่ยทำให้นักผจญภัยคนอื่นสงสัยและจ้องมองมายังกลุ่มของเธอ

"เรื่องที่พักทางกิลด์เรามีให้สำหรับนักผจญภัยแต่เรื่องดันเจี้ยนต้องดูจากภารกิจก่อนเพราะจะมีการควบคุมไว้ไม่ให้ใครหาผลประโยชน์"

"ไม่ ๆ เราหมายถึงดันเจี้ยนที่ไม่ใช่สำหรับล่า"

"ถ้าเป็นดันเจี้ยนที่ยังไม่กวาดล้างคงต้องปรึกษากับหัวหน้าก่อนนะคะ" เธอรับแรงกดดันได้เป็นอย่างดีไม่มีการสั่นกลัวหรือพูดกระตุกเลยสักคำ

"ถ้าอย่างงั้นช่วยตามเขามา-"

"ไม่จำเป็น" ชายผู้หนึ่งเดินออกมาจากด้านหลังของห้องส่วนสูง เขาที่มีความสูงเพียงหนึ่งร้อยห้าสิบเซนติเมตรทำเอานึกว่าเป็นลูกหลานใครในสำนักงานกิลด์แต่ความน่าเกรงขามและออร่ามานารอบ ๆ ตีแผ่ออกมาจนน่าขนลุก

"คุณจะเข้าไปในดันเจี้ยนที่ยังไม่กวาดล้างใช่ไหม? ถ้าจะทำอย่างงั้นผมคงต้องทดสอบฝีมือพวกคุณสักหน่อยหากไม่ดีพอผมก็จะไม่อนุญาต" ชายหนุ่มคนนั้นเขย่งเท้าขึ้นพูดกับพวกวิกตอเรียผ่านเคาน์เตอร์ที่สูงจนบังตา

"เชิญทดสอบได้ตามสบายเลยถึงมันจะเสียเวลาสักหน่อยก็เถอะ"

ชายหนุ่มผู้นั้นพาพวกเธอไปยังสนามประลองที่ที่ใช้ทดสอบพลังสำหรับการสอบแรงค์นักผจญภัยจนไปถึงการประลองเพื่อความสนุก

"ท่าทางดูสบายใจกว่าที่คิดนะครับ" 

"ผลลัพธ์ก็เห็น ๆ กันอยู่แล้ว เจ้าอยู่เลเวลแปดสินะ" เธอชายตามองชายหนุ่มตัวเล็กคิดว่าเป็นหลาน ๆ ไม่มีท่าทางจะเอาจริงเลยสักนิด

"รู้ด้วยสินะ ก็คงไม่แปลกเพราะผมตรวจสอบเลเวลของคุณไม่ได้แสดงว่าต้องอยู่เลเวลเก้าแน่นอน"

"ในเมื่อรู้อยู่แล้วทำไมถึงยังจะทดสอบอยู่ล่ะ?" ดาบสีชาดกำลังเลื่อนออกจากฝักตั้งท่าเตรียมจู่โจมได้ทุกเมื่อ

"ก็แค่อยากจะสู้กับคนที่อยู่เลเวลเก้า" ชายหนุ่มผู้นั้นก็ชักดาบสั้นออกมายิ้มอย่างเป็นสุขจ้องมองแววตาของวิกตอเรียราวกับกำลังท้าทายพลังอำนาจของเธอ

"[ดาบผ่า]-" ก่อนที่เขาจะได้ร่ายเวทจู่ ๆ ก็มีผู้ช่วยของเขาพรวดพราดเข้ามาสีหน้าเหมือนคนกำลังร้องไห้ไม่มีผิดแต่ก็ไม่มีเวลาให้ทำอะไรแบบนั้น

"ท่านกลับมาแล้ว..."

"ใคร?"

"องค์ชาย ! องค์ชายยูกิกลับมาแล้ว" ชายหนุ่มผู้นั้นวิ่งออกไปทันควันไม่สนใจพวกวิกตอเรียราวกับพวกเธอกลายเป็นอากาศธาตุ

"องค์ชาย..." เขาตะโกนร้องออกมาด้วยความสุขและความหวังฉีกยิ้มกว้างดูเหมือนคนบ้าไม่สนใจว่าคนอื่นจะมองยังไง

เขาตรงไปยังโรงแรมเก่า ๆ แห่งหนึ่งที่นั่นเต็มไปด้วยผู้คนยืนมุงดูอะไรบางอย่างจนแออัดไปหมดทำให้ชายหนุ่มต้องแทรกตัวเข้าไป

"ในที่สุดพระองค์ก็กลับมาแล้ว พวกเราชาวเอลฟ์นึกว่าท่านไม่อยู่เสียแล้ว" เอลฟ์สาวสองคนก้มคำนับแนบกับพื้นดินเปื้อน ๆ ท่ามกลางสายตาของชาวเมือง

"ลุกขึ้นได้แล้วพวกเธอทำแบบนี้มันน่าอายนะ" 

"องค์ชาย !" ชายหนุ่มผู้นั้นวิ่งเข้าไปก้มกราบอีกหนึ่งคนทำเอายูกิตกตะลึงทำอะไรไม่ถูกยิ่งมีสายตามากมายจ้องมองก็ยิ่งรู้สึกเขินอายแทน

"จะไปกันหรือยังล่ะ?" เซนเดินออกมาจากโรงแรมเก่า ๆ ฝ่าฝูงชนและพายูกิเดินออกไป

"อ-เออ"

"เดี๋ยวสิครับท่าน !"

ทันใดนั้นก็มีกลุ่มคนวิ่งตรงมาท่าทางตึงเครียดเสียจนไม่มีใครกล้าสบตาอีกทั้งยังแผ่ออร่ามานามหาศาลจนผู้คนที่ยืนมุงกันอยู่กระจายตัวหนีหายไปหมด

"มาท้าคนอื่นแล้วชิงแบบนี้อยากจะมีปัญหาสินะ !" วิกตอเรียลั่นวาจาดังไปยังกลุ่มคนที่ยังยืนอยู่

"กิ !" เสียงที่คุ้นเคยตะโกนเรียกแต่ไกลขณะที่ซึฮากิวิ่งตามหลังวิกตอเรียมาเมื่อเขาได้มองดูจึงได้เห็นพวกของเซนยืนรายล้อมหัวหน้ากิลด์คนเมื่อกี้

"เซน?" ชายหนุ่มผู้ซึ่งเต็มไปด้วยรอยยิ้มวิ่งเข้าใส่กระโดดพุ่งเตรียมสวมกอดแต่ซึฮากิก็หลบไปด้านข้างแทนทำให้เขากระแทกกับผนังบ้านแทนด้านหลัง

"เจอพวกนายสักที-"

"กิ !" คานะโผเข้ากอดไม่ทันตั้งตัวแทบจะบีบกระดูกของเขาแตก

"พี่กิเหรอ?" คิโนริวิ่งออกมาจากโรงแรมยิ้มกว้างหุบไม่ลงเดินดุ่ม ๆ มากอดเช่นเดียวกับคานะ

"โห ทำไมคนอื่นถึงได้กอดล่ะฉันก็อยากจะกอดบ้างนะกิ" เซนลุกขึ้นจากพื้นฝุ่นดินเปื้อนเต็มตัว

"ก็เล่นกระโดดใส่แบบนั้นเป็นใครเขาก็ตกใจทั้งนั้นแหละ" เซนโอบกอดพวกเขาเข้าด้วยกันร้องเสียงดังโวยวายอีกทั้งยังร้องไห้ออกมายกใหญ่

"ใจเย็น ๆ น่าบอกแล้วว่าฉันไม่ตายง่าย ๆ หรอก" ซึฮากิปล่อยให้พวกเธอทำต่อไปไม่เพียงแค่นั้นแต่เขาเองก็เอื้อมมือไปด้านหลังรับกอดพวกเธอไว้ด้วยความเต็มใจ

"นี่เป็นพรรคพวกของเจ้าสินะ..." วิกตอเรียเดินเข้ามามองดูหน้าคร่าตาของพวกเขามองไปยันเลเวลและสเตตัสเห็นถึงความสามารถ

"อ-องค์ราชินี" โทลนั่งชันเข่าลงดั่งอัศวินอันทรงเกียรติแม้ไม่มีชุดเกราะก็ตาม

"หือ...หน้าตาคุ้น ๆ นะ" เมื่อเธอได้ยินเสียงของโทลจึงนั่งลงเช่นกันและจ้องมองดูใบหน้าของเขา

"หัวหน้าอัศวินโทลเป็นเจ้าเองสินะที่หนีออกจากคุกมา"

"ครับท่าน"

"เลิกเรียกท่านได้แล้วตอนนี้เราไม่ใช่ราชินีอีกต่อไป...เป็นเพียงนักผจญภัยคนหนึ่งเท่านั้น" วิกตอเรียดึงมือของโทลให้ลุกขึ้นยืน

"ครับท่าน- ผมหมายถึงคุณวิกตอเรีย ทำไมคุณวิกตอเรียถึงมาอยู่ที่นี่ได้ครับถึงผมจะรู้ว่าราชินีหายตัวไปแต่ก็นึกไม่ถึงเลยว่าจะได้พบกันอีก"

"เราต้องการแข็งแกร่งขึ้นหากคลุกอยู่ในปราสาทก็คงไม่มีทางพัฒนาฝีมือได้"

"เป็นเช่นนั้นสินะครับ" โทลพูดด้วยท่าทางนอบน้อมผิดกับนิสัยปกติที่มักจะเสียงดัง

สถานการณ์อันแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นในไม่กี่นาทีทั้งยูกิที่มีใครที่ไหนไม่รู้มาก้มกราบทั้งซึฮากิที่ได้พบพวกเซนอีกครั้งและยังมีอดีตองค์ราชินีได้พบกับอดีตหัวหน้าองครักษ์ หลังจากที่ทุกคนได้พบปะถามสารทุกข์สุกดิบจนพอใจจึงได้กลับไปยังสำนักงานกิลด์เพื่อปรึกษาหารือเรื่องต่าง ๆ

"องค์ชายได้โปรดกลับไปยังเมืองของเราเถอะครับ ถึงแม้มันจะเละเทะไปแล้วแต่ถ้าท่านกลับมาเราก็จะฟื้นฟูเมืองได้" ชายหนุ่มร่างเล็กผู้เป็นถึงหัวหน้ากิลด์ต้องก้มหัวเหงื่อไหลหยดลงบนโต๊ะประชุมอีกทั้งน้ำเสียงยังสั่นสะอื้นเหมือนทุกข์ใจมาเป็นเวลานาน

"ฉันขอเรียบเรียงเหตุการณ์ก่อน หลังจากที่ฉันหลบหนีออกมาจากเมืองที่นั่นเกิดเรื่องอะไรบ้างแล้วคนอื่น ๆ ล่ะ?" ยูกิกอดอกคุยด้วยท่าทางวางมาด

"พวกดาร์คเอลฟ์มันมีสายลับทำให้รู้ตำแหน่งของทหารและวันที่การป้องกันอ่อนกำลังที่สุด ทั้งองค์ราชินีและราชาก็สิ้นพระชนม์เพราะต้องต่อสู้กับพวกมันที่มีจำนวนมากกว่าถึงสี่เท่า ผู้คนที่เหลือรอดก็คือคนที่ไม่อยู่ในเมืองตอนนั้นจนเวลาล่วงเลยผ่านไปหลายปีทุกคนก็กระจายตัวกันไปคนละทิศคนละทางไม่มีใครกล้าทวงเมืองของเราคืนมา"

"ตัวฉันเองที่พลัดหลงกับกลุ่มจนถูกพวกพ่อค้าทาสจับเอาไว้...มันเป็นช่วงเวลาแห่งความทรมานที่สุดที่เคยเจอ" แววตามุ่งร้ายจ้องตรงไปข้างหน้าแทบจะทะลักออกมาอดีตที่แสนจะเจ็บปวดผุดขึ้นมาในหัวจนนิ้วมือทั้งห้าบีบแน่นเกือบจะเจ็บตัวเสียเอง

"เอ่อ...รู้นะว่ากำลังเครียด ๆ กันอยู่แต่มีเรื่องสงสัยนิดหน่อย ทำไมถึงเรียกยูกิว่าองค์ชายเหรอ?" เซนยกมือถามตามมารยาทด้วยใบหน้าที่แสนซื่อจนไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไงในสถานการณ์แบบนี้

"องค์ชายก็คือองค์ชาย ทำไมนายถึงถามอะไรแปลก ๆ" 

"องค์ชาย...เท่ากับผู้ชาย...ยูกิเป็นผู้ชายเหรอ !"

"นั่นนายพึ่งจะรู้หรือยังไง?" เซนทะเล่อทะล่าลุกขึ้นจากเก้าอี้ชี้นิ้วไปที่หน้าอันเรียบเนียนและยังน่ารักน่าชังของยูกิจนคานะต้องดึงตัวให้กลับลงมานั่งที่

"ก็ดูหน้าสิแบบนี้ใครเห็นก็ต้องคิดว่าผู้หญิงอยู่แล้ว"

"เสียงดังหนวกหูจริง ๆ หน้าฉันเป็นแบบนี้แล้วจะทำไม" 

"ฉันไม่ได้เสียงดังสักหน่อยก็แค่พูดปกติ"

"ปกติของแกมันไม่ปกติกับคนอื่นเว้ย !" โต๊ะประชุมอันแสนวุ่นวายไม่ต่างอะไรกับตลาดสดทำเอาซึฮากิกุมขมับ

"เงียบ !" สเตล่าตะโกนมาจากอีกฝั่งของโต๊ะดูเหมือนว่าเธอจะทำหน้าที่แทนซึฮากิได้ดีตอนที่เขาไม่อยู่ทั้งการคุมคนและการตัดสินใจ

"ถึงฉันจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นดูเหมือนพวกนายจะคุยกันได้สบาย ๆ ไม่เหมือนกับฉันหรือว่าเด็ก ๆ พวกนั้นหรอก"

"ถูกของสเตล่าเราผู้ถูกอัญเชิญมีความสามารถในการเข้าใจภาษาอื่นได้ทันทีแม้จะไม่รู้จัก ดังนั้นเราก็จะสามารถแปลภาษาให้กับคนอื่นได้อย่างน้อยก็จนกว่าจะเรียนรู้ภาษาของอาณาจักรนี้" ซึฮากิพูดต่อทันที

"เป็นอย่างงี้นี่เองตอนแรกเราก็สงสัยทำไมซึฮากิถึงพูดกับเรารู้เรื่อง ดูเหมือนยูกิจะเป็นองค์ชายของเผ่าเอลฟ์สินะถ้าเป็นเช่นนั้นแสดงว่าเขาเป็นทายาทคนสุดท้ายที่เหลือรอด การกลับมายังอาณาจักรอาฟอาจจะโดนพวกดาร์คเอลฟ์ตามล่าก็เป็นได้"

"คุณวิกตอเรียดูรู้เยอะนะครับ" หัวหน้ากิลด์เอ่ยถามท่าทางไม่ไว้ใจจ้องมองทุกการกระทำ

"ก็แน่สิเรามีเอลฟ์อยู่ในกลุ่มเป็นคนที่รอดมาจากการกวาดล้างครั้งนั้น" เธอมองไปยังสเวนพ่อหนุ่มสูงยาวเข่าดีและมีผิวสีขาวดั่งเม็ดข้าว

"นั่นมัน...สเวนเหรอ !" หัวหน้ากิลด์ลุกพรวดพราดตรงไปหาเอลฟ์หนุ่มคนนั้นลูบจับคลำไปทั่วร่างเหมือนไม่อยากจะเชื่อในสายตา

"ฉันนึกว่านายตายไปแล้ว"

"ฮ่า ๆ ๆ ตอนแรกฉันก็ไม่แน่ใจหรอกแต่พอนายคืนสภาพให้เห็นก็นึกขึ้นได้ทันที" ชายหนุ่มร่างเล็กสลายการจำแลงเปิดเผยให้เห็นหูเอลฟ์และใบหน้าที่แท้จริงแต่ส่วนสูงก็ยังคงเตี้ยอยู่เหมือนเดิม

"ไม่ได้เจอกันนานนะโฟล ดูเหมือนเลเวลจะไม่พัฒนาเลยนะติดขัดอะไรหรือเปล่า"

"ก็แย่หน่อยเพราะฉันไม่กล้าไปไหนไกลเลยมาเปิดสำนักงานนักผจญภัย เมืองนี้อยู่ใกล้กับบ้านเกิดของเรามากที่สุดหวังว่าจะได้พบกับองค์ชายอีกครั้งและวันนี้ก็มาถึง" เขาเดินตรงไปยังตรงหน้ายูกิและนั่งชันเข่าลงท่ามกลางสายตาพวกวิกตอเรียไม่มีแม้แต่การถือตนหรืออาการเขินอายเลยสักนิดมีเพียงความตั้งใจแน่วแน่ต่อเจตนารมณ์

"ได้โปรดเถิดองค์ชาย...ได้โปรดกอบกู้บ้านเกิดของเรา ทั้งผมและเหล่าเอลฟ์ที่กระจายตัวอยู่จะต้องกลับมารวมตัวกันแน่ ๆ เมื่อรู้ว่าท่านกลับมา พวกเราจะสร้างบ้านของเหล่าเอลฟ์ขึ้นมาใหม่แม้จะยากลำบากแต่พวกเราจะทุ่มสุดตัวครับ" เสียงประกาศก้าวกลบทุกเสียงเหลือเพียงสายตาเท่านั้นที่จับจ้องมา

"นายชื่ออะไร?" ยูกิลุกจากเก้าอี้นั่งลงในระดับสายตาเดียวกัน

"โฟลครับ"

"ไม่ ชื่อเต็มของนายต่างหาก" ยูกิดึงตัวโฟลขึ้นยืนแม้เขาจะทำเพียงจับไหล่แต่แววตาของโฟลแทบจะหลั่งน้ำตาปลาบปลื้ม

"โฟล เดรอเลน ครับ" 

"ฉันให้สัญญาเราจะสร้างบ้านของเหล่าเอลฟ์อีกครั้ง และมันจะต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิมจนพวกดาร์คเอลฟ์ทำอะไรเราไม่ได้"

"...ท่านครับ" จู่ ๆ โฟลก็เอ่ยทักคัดจังหวะพอดี

"มีบางสิ่งที่สำคัญที่ผมต้องบอกท่าน...พี่ชายของท่าน คากิ เอลโฟเรีย เขาเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการล่มสลายของบ้านเกิดของเราและตอนนี้เขาก็ได้สถาปนาตัวเองขึ้นเป็นผู้นำเผ่าเอลฟ์ทั้งหมดไม่ว่าจะไฮเอลฟ์ ดาร์คเอลฟ์หรือแม้แต่ลูกครึ่งเอลฟ์"

"พี่คากิ? จริง ๆ ก็พอจะเดาได้เพราะก่อนที่จะมีการบุกรุกเขาทำตัวแปลก ๆ และพยายามโน้มน้าวให้ส่งกองกำลังออกไปสำรวจ แล้วพี่นากิเป็นยังไงบ้างล่ะ?"

"ท่านนากิถูกบังคับให้เข้าร่วมและเป็นดั่งหุ่นเชิดคอยเข้าประชุมและเป็นฉากบังหน้าต่าง ๆ ให้กับตัวท่านคากิ"

"เหอะ ดูเหมือนจะยากซะแล้วสิพวกเราต้องเก็บเรื่องนี้ไวก่อนพยายามกระจายข่าวแค่คนที่ไว้ใจได้จนกว่าจะสร้างรากฐานของเมืองได้ดี เมื่อเราสามารถรวบรวมกองกำลังได้มากพอก็ค่อยแก้แค้น"

"อย่าใจร้อนนักสิยูกิ" ซึฮากิเอ่ยขึ้นขณะทุกคนนั่งฟังเพียงอย่างเดียว

"จริงด้วยสินายบอกจะช่วยฉันแก้แค้น...แล้วก็เพราะนายฉันถึงหนีออกมาจากที่นั่นได้" ยูกิก้มโค้งคำนับทำเอาโฟลตกใจตาโตเพราะอะไรกันที่ทำให้องค์ชายต้องก้มให้ชายผู้นี้

"การที่เขาคนนั้นยึดอำนาจไปได้และควบคุมเผ่าเอลฟ์ไว้ คิดเหรอว่าจะเข้าถึงตัวได้ง่าย ๆ ด้วยเวลาหลายปีเช่นนี้กองกำลังของเขาจะเติบโตไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ ดังนั้นพวกเราจำเป็นต้องมีสายสืบเพื่อร่วงเอาข้อมูลมาทั้งจำนวนทหาร ตำแหน่งที่อยู่และการเคลื่อนไหว"

"เป็นแผนที่ดีนะรวบรวมข้อมูลให้มากที่สุดเพื่อเตรียมหาวิธีรับมือ แต่อาจจะใช้เวลานานสักหน่อยเพราะถ้าไม่อยากเคลื่อนไหวจนเป็นจุดสังเกตก็จะใช้เวลานานกว่าจะส่งข้อมูลกลับมาได้" วิกตอเรียจ้องหน้าซึฮากิรอฟังคำตอบเหล่านั้น

"เซนหินพวกนั้นยังอยู่ไหม?"

"อยู่ ๆ" เขายื่นก้อนหินหลายก้อนให้กับซึฮากิ

"สิ่งนี้คือหินสื่อสารที่สามารถใช้งานได้ทุกที่ มันเป็นความสามารถเดอะของคนคนหนึ่งด้วยเจ้านี่เราสามารถกระจายและส่งข้อมูลได้ทันทีแต่ก็ติดที่มันมีเพียงแค่ไม่กี่ก้อน"

"หินสื่อสาร? เจ้าช่วยสาธิตวิธีการใช้งานให้ดูสักครั้งหนึ่งได้ไหม"

"[เปิดใช้งานการสื่อสาร] ถึงนี่จะเป็นการพูดระยะใกล้แต่มันสามารถใช้ได้ไกลมาก ๆ จนไม่รู้ว่าไกลแค่ไหน"

"นายจะใช้เจ้านี่ในการส่งข้อมูลสินะฉันฝากด้วยล่ะโฟล ระหว่างที่เรารวบรวมกำลังคนอย่างลับ ๆ นายก็คอยดูการเคลื่อนไหวและรายงานมาตลอด" น้ำเสียงการพูดการจาที่ดูใจเย็นจากปากของยูกิดูน่าแปลกใจยิ่งนักเพราะปกติมักจะมีอารมณ์ร้อน

"ครับท่าน" เขายื่นมือออกมารับก้อนหินจากซึฮากิ

"ประกาศออกไปหลังจากนี้หัวหน้ากิลด์จะไม่อยู่สักพักฝากดูแลที่นี่แทนด้วย" เขาสั่งการไว้อย่างสุดท้ายกับลูกน้องของตนก่อนจะพากันออกจากเมืองไปยังที่ใดที่หนึ่ง

"พวกเราไม่ได้มีส่วนได้อะไรมิหนำซ้ำยังจะเสียเวลาไปเปล่า ๆ ...ดังนั้นเราขอตัวล่ะ" พวกวิกตอเรียแยกทางกับพวกซึฮากิเหลือไว้เพียงรอยยิ้มที่ได้รู้จักสนิทสนมกันระดับหนึ่งแต่จู่ ๆ โทลก็วิ่งตามหลังไปทันควัน

"คุณวิกตอเรีย !"

"ว่ายังไงโทล...เจ้ามีเรื่องอันใดถึงตามเรามาแบบนี้"

"ผมขอติดตามคุณไปได้ไหมครับ?" เขาก้มโค้งลงเล็กน้อยสุภาพนอบน้อมเป็นพิเศษ

"ไม่ ! แต่เรามีเรื่องขอร้องอย่างหนึ่ง"

"ได้ตามปรารถนาเลยครับ" เขาแทบจะตอบรับทันที

"เจ้าจงติดตาม เฝ้ามองและสั่งสอนทุกสิ่งทุกอย่างที่มีให้กับพวกเขา"

"ได้ครับ แต่ผมสงสัยถ้าเป็นคุณวิกตอเรียน่าจะสอนได้ดีกว่าผมนะครับ" วิกตอเรียหยุดเดินและหันกลับมามองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยเลศนัยยิ้มเยาะจนเห็นได้ชัด

"เดี๋ยวเจ้าก็จะได้รับรู้เอง..." ใช่แล้วเขาจะได้รับรู้ว่าเจ้าซึฮากิต่างหากล่ะที่จะสอนเรา เธอส่งยิ้มให้อีกครั้งก่อนจะเดินต่อไป

เส้นทางที่แตกต่างกันของทั้งสองกลุ่มเมื่อพวกเขามีเป้าหมายแน่วแน่และจะไม่มีใครมาขวางกั้นได้ กลุ่มของวิกตอเรียที่พยายามฝึกฝนตามหาวิธีที่จะก้าวข้ามเลเวลเก้าตรงข้ามกับพวกยูกิที่อยากจะกอบกู้บ้านเกิดเมืองนอนที่นั่นเป็นเมืองที่ตั้งลึกเข้าไปในป่าดิบชื้นมีฝนตกเป็นบางช่วงและเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์หากมันไม่ถูกบุกรุกโดยเผ่าดาร์คเอลฟ์อาจจะดีกว่านี้

"เป็นยังไงบ้างครับ? พวกเราพยายามเก็บเศษซากหลาย ๆ อย่างรวมไว้เพื่อในวันหนึ่งจะได้ใช้มัน"

หลังจากการเดินทางที่กินเวลาไปหลายวันจนในที่สุดเขาก็เข้ามายังอาณาเขตของเมืองเอลโฟเรียเมืองที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติและพืชพรรณมากมายรวมทั้งวิถีชีวิตก็มีการพึ่งพาอาศัยผืนป่าราวกับเป็นครอบครัวเดียวกันแต่จนบัดนี้ที่นี่เต็มไปด้วยรากไม้และวัชพืชขึ้นปกคลุมทุกหย่อมหญ้าเพราะไม่มีคนคอยตัดแต่ดูแลพวกมัน

"ก่อนอื่นคงต้องหาที่นอน" ซึฮากิสร้างร่างโคลนออกมาสั่งการให้แยกออกไปตรวจสอบคนละทางทำให้คนอื่น ๆ แทบจะไม่ต้องทำอะไรเลยด้วยซ้ำ

"พี่กิดูนี่นะ" คิโนริเดินดุ่ม ๆ เข้ามาขณะที่ทุกคนนั่งพักกันอยู่ เธอแบมือสร้างลูกไฟและยังควบคุมมันให้ลอยไปรอบ ๆ ได้ดั่งใจนึก

"โห ! เก่งมากเลยอีกหน่อยก็คงเก่งกว่าพี่แล้วแหละ"

"ดูผมบ้างสิพี่"

เด็ก ๆ ต่างก็เข้าไปรุมล้อมซึฮากิไม่หยุดค่อย ๆ เผยใบหน้ายิ้มอ่อนออกมาแม้จะเล็กน้อยแต่พวกเขาก็รู้ได้ถึงความจริงใจที่มีเป็นต้องยิ้มตามทุกที

"เขาคงเป็นประเภทที่ชอบเด็ก ๆ นะ อยู่กับเราไม่เห็นพูดแบบนั้นเลย" เซนถึงกับส่ายหัวคิ้วขมวด

"ปล่อยเขาไปเถอะน่าฉันไม่อยากรับมือพวกเด็ก ๆ นักหรอก ไม่รู้ว่าพลังจะเยอะไปไหนเดี๋ยววิ่งไปนู่นไปนี่ไอ้เราก็อยากจะนั่งพักสบาย ๆ ก็ไม่ได้เดี๋ยวพวกเขาเป็นอะไรไปล่ะ" คานะนอนลงบนพื้นหญ้าสบายใจไม่มีความเกรงกลัวต่อสัตว์อสูรหรือภัยอันตรายเลยสักนิดอย่างกับเป็นบ้านตัวเอง

"โอ้กลับมาแล้วสินะ" เหล่าร่างโคลนของซึฮากิกลับมายังที่พักชั่วคราวแม้จะไม่มีบาดแผลแต่เนื้อตัวก็เต็มไปด้วยดินโคลน

"อาณาเขตที่เคยใช้ก่อสร้างมีประมาณสองร้อยไร่แต่มักจะสร้างบ้านห่างกันบางหลังก็สร้างอยู่บนต้นไม้" หนึ่งในร่างโคลนกำลังอธิบายสิ่งต่าง ๆ รวมทั้งเศษซากของที่พอจะใช้การได้

"รอบ ๆ รัศมีสิบกิโลเมตรไม่มีสัตว์ที่เป็นอันตรายเลยอย่างกับว่าที่นี่ถูกตีกรอบป้องกันไว้"

"มีแหล่งน้ำที่ไหลผ่านป่าแห่งนี้ห่างออกไปสามกิโลเมตรและยังสะอาดจนน่าตกใจ"

"อืม ๆ ดีมากกลับไปได้แล้ว" ทันใดนั้นร่างโคลนทั้งหมดก็สลายหายไปกลายเป็นกลุ่มควันสีดำ

ขณะเดียวกันที่เมืองใหญ่แห่งหนึ่งที่ที่เป็นดั่งเมืองหลวงของอาณาจักรอาฟซึ่งมีความหลากหลายทางชนเผ่ามากที่สุดทำให้มีระบบเลือกผู้นำสูงสุดแต่ก็ไม่อาจตัดสินใจให้ทำอะไรได้โดยสมบูรณ์จะต้องผ่านการพิจารณาและโหวตจึงจะทำสิ่งต่าง ๆ ได้ 

"เรารู้นะว่าพวกนายกำลังนึกถึงอะไรอยู่" วิกตอเรียยิ้มอ่อนออกมาไม่รู้ตัว

"สตาร์คลาวด์มังกี้เจ้ามนุษย์วานร เจ้านั่นไปอยู่กับพวกซึฮากิได้ยังไงก็ไม่รู้แต่มันก็แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเข่ามีตัวตนอยู่จริง ๆ ที่เหลือเราจะตามหาให้ครบ"

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.