ลำธารสีเลือดแห่งผู้วายชนม์ ต่างล้วนแล้วแต่บริสุทธิ์ เช่นนั้นแล้วทำไม

ดอกนาซิสซัสกับความฝันที่ฆ่าฉัน

-A A +A

ลำธารสีเลือดแห่งผู้วายชนม์ ต่างล้วนแล้วแต่บริสุทธิ์ เช่นนั้นแล้วทำไม

          คำคืนอันยาวนาน   แม้พยายามเบิกตาแต่ไม่อาจชนะความง่วงที่ประชิดตัวเข้ามาทุกวินาทีจนเผลอปล่อยเลยไปตามเลยในที่สุด   เมื่อปราศจากซึ่งมนต์ศักสิทธิ์ก็มิต่างจากการไม่สวมใส่เครื่องแบบออกศึกในขณะออกศึก   ผลที่ได้คือความโหดร้ายจากฝันชั่วนิรันดร์   เสียงร้องโหยหวนดังระงมทั่วพระราชวัง   เชิญชวนให้ผู้พักอาศัยรับรู้ถึงความเจ็บปวดที่สุดจะทนไหวของจักรพรรดิของพวกเขา   ไม่อาจยื่นมือเข้าช่วยเหลือใดๆ   บานประตูที่เปิดอ้าของห้องแห่งหนึ่งภายในพระราชวัง   สลักกลอนที่คล้องอย่างดีแตกหักอยู่บนพื้น   ร่างที่ออกจากประตู   กำลังเดินอยู่บนชั้นอาคารอย่างเงียบสงบ   ยิ่งเข้าใกล้   ยิ่งสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่แผ่ออกจากบานประตูตรงหน้า   มือที่สัมผัสลงบนผิวประตูและผลักออก   มองเห็นร่างที่ดิ้นไปมาอยู่บนเตียง   แสดงออกถึงความทรมานอย่างที่สุด   เป็นภาพที่แสนน่าเวทนานักสำหรับเขาผู้เป็นดั่งเจ้าแห่งโลก   ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งเห็นว่าทุกส่วนของร่างกายกำลังขยับไปมาอย่างรวดเร็ว   มันคือฝันที่แสนทรมาน   กระต่ายขนปุย   ยอมทิ้งพ่อแม่ของมันเพราะคือการเสียสละเพื่อต่อหนึ่งชีวิตไปอีกสักระยะ   ก่อนที่ฝูงหมาป่าจะเข้าขย้ำ   ความเจ็บปวดแล่นอยู่ในร่างกายที่กำลังชักกระตุก   ถูกคาบในปากของหมาป่าดุร้าย   รอเวลาที่เข็มนาฬิกาชีวิตจะดับลง   ร่วงลงสู่ปล่องภูเขาไฟ   แขนสั้นที่ยื่นออกไปข้างหน้าหมายจะไขว่คว้าหาสิ่งอันว่างเปล่ากลายเป็นแขนของมนุษย์ก่อนจะสัมผัสกับบางอย่างที่อบอุ่นจากมือของใครอีกคนก่อนที่ภาพทั้งหมดจะสลายไป   เปลี่ยนเป็นอีกฉากที่คุ้นเคย   สวนดอกไม้อีเดนแห่งความลับ   ที่ที่เขาจะได้ยินเสียงของเธอผู้ช่วยชีวิตเขาไว้   สวมกอดเขาด้วยจิตใจแห่งความสงสัยและอาลัย   “จากนี้ไป....ข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้าตลอดไป   เซนัล”   เธอซุกหัวลงที่แผ่นอกกว้าง   ร้อนฉ่าไปทั้งตัว   “เจ้า....สงสารข้ารึ?”   ดวงตาสีแดงยังคงมองตรงไปข้างหน้า   “ใช่....เจ้าเด็กผู้น่าสงสาร”   สายลมอ่อนๆพัดพากลิ่นหอมของดอกไม้ให้ฟุ้งกระจายไปทั่ว

 

          ณ   ป่าลึกแห่งหนึ่ง   ไกลออกไปจากศูนย์กลางจักรวรรดิแห่งไฟ   กำแพงรากไม้สูงชันราวกับกำแพงที่ถูกปิดบังอยู่ภายในความสูงของป่าลึก   ฉากหน้าคือเถาวัลย์นับพันส่วนฉากหลังเป็นเพียงสิ่งหลอกตาเพื่อปิดบังกระท่อมเก่าขนาดกลาง   ภายในมีชายคนหนึ่งยืนเกือบพิงกำแพงห้อง   ใบหน้าก้มต่ำ   อีกคนเดินงุ่นง่านไปมาด้วยความไม่สบายใจ   มีเพียงหญิงสาวผู้นั่งอยู่บนเก้าอี้ของโต๊ะอาหารที่ไร้จานข้าว   ใบหน้าใจดีค่อนไปทางเย็นชาเสียมากกว่า   “ท่านเอเลโอร่า   นี่มันหมายความเช่นไรกัน?”   โอฟาโพฟที่หยุดเดินหันมองเอเลโอร่า   สีหน้าของเธอยังคงเรียบนิ่งกับคำถามของเขา   “เหตุใดจึงมีข่าวว่าดอกไม้ของข้าอยู่กับมาร์เวทและดูเหมือนนางจะเป็นคนของมาร์เวทเต็มตัวมากกว่าจะเป็นผู้สังหารจอมปีศาจอย่างที่ท่านกล่าวเอาไว้?”   น้ำเสียงแสดงออกถึงความไม่พอใจในตัวเอเลโอร่า   “ใช่   ท่านแม่มดขาว   ไม่ใช่ว่าท่านให้พรกับนางเพื่อให้นางกำจัดมาร์เวทเมื่อครั้งก่อนหน้าหรือ?”   โวปามเองก็มีท่าทีร้อนรนและเป็นห่วงมาราอานไม่แพ้กัน   ความเป็นห่วงที่เขาแสดงตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมาทำให้สะกิดใจโอฟาโพฟไม่น้อยดวงตาที่กำลังมองผิวน้ำนิ่งในแก้วน้ำควันกรุ    “พรที่ฉันมอบให้แม่หญิงคงถูกเซเลียสลายไป”   เพียงแค่ชื่อที่เปล่งเสียงออกมาทำให้ชายทั้งสองชะงัก   “ปะ   ปะเป็นไปได้ยังไง   ท่านน่าจะมีพลังเวทย์มากกว่านางไม่ใช่รึ?”   โอฟาโพฟไม่อาจปักใจเชื่อในสิ่งที่ได้ยินแต่เมื่อได้เห็นใบหน้าเย็นชาของเอเลโอร่ากำลังเบนลงถึงปักใจเชื่อ   “เช่นนั้นพวกข้าควรทำเช่นไร?   มาราอานตอนนี้อาจกำลังถูกควบคุมโดยเซเลียก็เป็นได้”   จิตใจของโอฟาโพฟไม่อยู่กับเนื้อกับตัว   “เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้”   โทนเสียงของเธอเปลี่ยนไป   กลายเป็นจุดสนใจของคนในห้อง   “เพราะเซเลียได้หายไปจากโลกใบนี้แล้ว....ด้วยน้ำมือของมาร์เวทเอง”  

 

          ด้านนอก   หลังตัวบ้านคือสวนดอกไม้ขนาดย่อมและชิงช้าที่ทำจากไม้และเถาวัลย์สวยงาม   ยินำเบยืนครุ่นคิดบางอย่างในขณะที่ลูกศิษย์ของเขาโฟเอพเฟ   กำลังออกแรงเหวี่ยงชิงช้าเล่นอย่างมีความสุขแต่ความสุขเพียงคนเดียวกลับไม่เติมเต็มให้เขาอย่างที่ต้องการจึงหยุด   และเดินไปหาผู้เป็นอาจารย์ที่ยังทำหน้าเหมือนสงสัยอะไรบางอย่างเป็นอย่างมาก   “ยังไม่หายสงสัยเรื่องนั้นอีกรึ   ท่านอาจารย์?”   เสียงเรียบเฉย   ไม่รู้ร้อนรู้หนาวทำให้ยินำเบเริ่มรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา   “เจ้าเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องของมหาอัครเทวทูตทั้งแปดรึไม่?”   โฟเอพเฟพยักหน้า   “มหาเทวทูตทั้งแปดคือผู้ให้กำเนิดพลังเวทย์ขาว   เรื่องนั้นเป็นสิ่งพื้นฐานที่จอมเวทย์ขาวทุกคนต้องรู้   ท่านอาจารย์ต้องการหมายถึงสิ่งใดรึ?”   “ข้าสงสัยว่าจะมีปีศาจตนใดที่ให้อำนาจเหนือยิ่งกว่าเวทมนต์ที่ถูกหยิบยื่นโดยตรงจากหนึ่งในมหาอัครเทวทูตที่ท่านอาจารย์มี”   ดวงตาที่เบิกกว้างของโฟเอพเฟแสดงถึงความตกใจอย่างมากกับความลับของหญิงสีขาวคนนั้น   “แต่เดี๋ยวก่อนท่านอาจารย์   หากที่ท่านกล่าวมาคือเรื่องจริงเช่นนั้นเหตุใดปรมาจารย์ถึงไม่ลงมือกำจัดมาร์เวทเสียเองล่ะ?”   ยินำเบอึ้งไปชั่วขณะ   “ข้าเองก็เคยสงสัยเช่นนั้นจนเมื่อท่านบอกกับข้าว่าพลังของท่านไม่ได้มีไว้เพื่อการเข่นฆ่า”   ยินำเบถอนหายใจ   “แต่กรยืมมือคนอื่นมาฆ่าแทนแบบนี้ก็เรียกว่าการเข่นฆ่ามิใช่รึ...!!”    โฟเอพเฟอุทานด้วยความเจ็บปวดที่แล่นอยู่บนหัวอย่างจัง   มันคือมะเหงกที่ผู้เป็นอาจารย์ประทานให้หนึ่งชุด   “อย่าได้กล่าวคำนี้!!”   โฟเอพเฟพยักหน้ารับ   ใบหน้าแสดงออกว่าเสียใจกับการกล่าวอย่างพล่อยๆ   “ถึงอย่างไรท่านผู้นั้นก็คงไม่โทษตัวเองง่ายๆที่ได้หลอกใช้แม่หญิงคนนั้นไปแล้วครั้งหนึ่ง”

 

          “พรุ่งนี้กลุ่มจอมเวทย์ดำบางส่วนจะรวมตัวกันอย่างลับๆที่หุบเขาของสมาคมสีดำเพื่อสังหารผู้นำสมาคมคนปัจจุบันที่ได้กลายเป็นหุ่นเชิดของมาร์เวทโดยสมบูรณ์   และเนรมิตหุบเขาทั้งลูกให้กลายเป็นปราการที่จะใช้ต่อต้านจักรวรรดิแห่งไฟ”   เอเลโอร่ากล่าวด้วยใบหน้าเย็นชาและไร้อารมณ์   “พวกเราจะแฝงตัวในกลุ่มกบฏ   ข้าเชื่อว่ามาร์เวทจะนำตัวมาราอานมาด้วยในวันพรุ่งนี้   ในฐานะของที่ปรึกษาคนใหม่ของจักรวรรดิแห่งไฟ”   เธอยกแก้วขึ้นจิบน้ำอย่างใจเย็น   “ข้าหวังว่าแผนครั้งนี้จะสำเร็จด้วยดี”   โอฟาโพฟเดินออกจากห้องไปด้วยอาการไม่ค่อยสบอารมณ์   โวปามนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งซ้ายติดกับหัวโต๊ะที่เอเลโอร่านั่งอยู่   ยื่นหน้ามาใกล้นางเล็กน้อย   “ได้โปรด   สัญญากับข้าว่าท่านจะไม่ทำให้เธอเจ็บปวดแม้จะต้องเป็นเหยื่อล่อเพื่อสังหารมาร์เวท   อย่าให้เธอได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดแม้แต่วินาทีเดียว”   แววตาที่จริงจังของโวปามพานให้เอเลโอร่ายิ้มออกมา   “ข้าให้คำสัจแก่เจ้า   โวปาม”   โวปามรู้สึกโล่งเป็นอย่างมากจึงแสดงความเคารพหญิงสาวและออกจากห้องไปอย่างสำรวม   ใบหน้าเริ่มแสดงออกถึงความจริงจังทีละน้อย   “ยกโทษให้ข้าด้วย   ทั้งเจ้าและมาราอาน…”   ดวงตามองจ้องผนังกำแพงอยู่อีกพักใหญ่ก่อนจะลุกออกจากห้องไปในที่สุด   ทิ้งไว้เพียงแก้วน้ำสามใบภายในห้องอันเงียบสงบและปราศจากซึ่งแสงไฟ

 

          เช้ามืดของวันต่อมา   ณ   หุบเขาสีดำ   ความวังเวงอันเกิดจากแสงยามเช้าที่ยังไม่เติมเต็มพื้นที่เบื้องล่างทำให้เหมือนกำลังล่องหนอยู่ในความดำมืด   และช่วยอำพรางกลุ่มผู้ประสงค์ร้ายจนสามารถขึ้นไปถึงปากทางเข้าสู่โลกอีกใบ   ตั้งอยู่ต่ำกว่าปากทางเข้าห้องประชุมที่มาร์เวททำลายไป   ภายในกลวงเหมือนเขาวงกตที่เต็มไปด้วยบ้านเรือนตลอดฝั่ง   มีบันไดไม้เชื่อมแต่ละฝั่งอย่างซับซ้อน   กลุ่มคนสวมชุดคลุมสีดำมีฮู๊ดปิดบังส่วนหัวอย่างมิดชิดเดินตามเส้นทางไปยังชั้นสูงสุดก่อนจะแบ่งจำนวนคนไปประจำที่บ้านแต่ละหลังทั้งหมดเจ็ดหลังและเข้าไปภายใน   แสงสีดำลอดผ่านทุกช่องหน้าต่างของตัวบ้านตามด้วยเสียงต่อสู้ที่ดังเพียงชั่วครู่   ความมืดภายในหมู่บ้านถูกแทนที่ด้วยแสงสว่างจากด้านบนที่ลอดลงมาจากปล่องขนาดใหญ่   มันคือแสงประกายของวันใหม่ที่มาถึง   ณ   สมาคมสีดำ  

 

          ผืนฟ้าคราม   สัมผัสของสายลมที่กระทบใบหน้าอย่างรุนแรงจนต้องยกมือบังดวงตาที่หรี่ลง   มาราอานและเอเฟเฟีย   พวกเขากำลังนั่งอยู่บนแผ่นหลังที่ทำจากผลึกสีดำ   มันกำลังมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่คุ้นเคย   ไปยังหุบเขาสีดำอีกครั้ง   “มาราอาน”   เอเฟเฟียหันมองที่หญิงสาวผู้มองเขากลับอย่างสงสัย   “ไม่ว่าจะเกิดสิ่งใดขั้นในวันนี้   ข้ามิอยากให้เจ้าเก็บมันมาคิด   เจ้าจักทำได้รึไม่?”   มาราอานส่ายหัวทันควัน   ทำเอาอีกฝ่ายไปต่อไม่ถูกและรู้สึกอึ้งกับการปฏิเสธโดยไม่ใยดีของนาง   “เมื่อเจ้าเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของพระองค์แล้วก็จงยอมรับเสียว่าเจ้าจะไม่มีวันได้รับอิสระที่เคยมีอย่างแต่ก่อน   เพราะนับจากวันที่เจ้ามาพบฝ่าบาท   เจ้าได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของความฝันของฝ่าบาท   แม้ข้าจะไม่รู้เหตุผลที่เจ้าทำให้ฝ่าบาททรงเห็นฝันร้ายที่ทรงหวาดกลัวมากที่สุดเพื่อการใดแต่ข้ามิอยากให้ฝ่าบาททรงเห็นมันอีก”   มาราอานรับฟังเงียบๆ   ไม่มีท่าทางตอบสนองใดๆ   “บางทีเจ้าอาจจะโกรธที่พระองค์ทรงเข่นฆ่าพ่อมดดำโดยไร้เหตุผล   แต่สงครามมันก็เป็นแบบนี้มาแต่ไหนแต่ไร   ทำตัวเจ้าเองให้เป็นดั่งความเย็นในฤดูเหมันต์คงมิใช่เรื่องยากอันใด”   เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายรับฟังและอยากจะสื่ออะไรบางอย่างแต่เพราะไร้เสียงจึงไม่อาจทราบได้   แม่หญิงคนนี้และอาจารย์ของนางล้วนแต่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับสมาคมสีดำแต่อย่างใด   เช่นนั้นแล้วทำไมนางจึงมีโทสะเมื่อเห็นผู้อาวุโสถูกฆ่ากัน?’   เอเฟเฟียคิดในใจ   ใช้เวลาสำรวจความคิดของอีกฝ่าย   นานเท่าไหร่ไม่อาจทราบได้แต่หางตาเริ่มมองเห็นสีดำทะมึนตรงหน้าแม้จะยังดูลางๆ  

          มังกรทมิฬยังไม่ทันถึงที่หมายพ่นไฟออกจากปาก   น้ำตกสีฟ้าที่ร่วงหล่นลงสู่ปราการสีดำกลับไม่อาจเผาผลาญมันได้   และถูกบางสิ่งที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นกีดกั้นเอาไว้และสะท้อนมันกลับไปหาเจ้าของ   มังกรยักษ์สูดเปลวไฟทั้งหมดผ่านปากที่อ้ากว้าง   บินโฉบลงพื้นเบื้องล่างอย่างรวดเร็วก่อนจะกลายสภาพเป็นมนุษย์ในชุดเกล็ดสีดำเต็มตัว   แปรเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นชุดที่เขามักใส่อยู่ตลอดเวลา      “ม่านมนต์ดำ”   มาร์เวทยืนจ้องบรรยากาศอันว่างเปล่าตรงหน้าอย่างพินิจพิเคราะห์ก่อนจะหันกลับมาที่ผู้ติดตามทั้งสองแต่เหมือนว่าสายตานั้นจะเล็งที่มาราอานเป็นพิเศษ   “เจ้าคือแม่มดขาวที่สามารถหยุดฝันร้ายข้าได้   เช่นนั้นคงมิใช่เรื่องยากหากเจ้าจะทลายม่านมนต์ดำตรงนี้ไป   ใช่รึไม่?”   มาราอานรับฟังน้ำเสียงเย็นชาของมาร์เวทโดยไม่ออกอาการตอบโต้ใดๆ   ดวงตาจดจ้องความว่างเปล่าตรงหน้าพลันยื่นมือออกไป   ค้างอยู่ในท่านั้นเพียงครู่หนึ่งก่อนจะถอนมือออกและส่ายหัวอย่างสิ้นหวัง   “เจ้ากล้าโกหกข้ารึ?”   มาร์เวทชักดาบออกจากฝักอย่างรวดเร็ว   เร็วเกินกว่าที่เอเฟเฟียจะขยับเข้าไปห้ามทัน   คมแหลมของดาบกรีดลงบนอากาศตรงหน้า   เกิดเป็นเสียงคล้ายกระดาษที่ถูกฉีกอย่างรุนแรง

          มาร์เวทเก็บดาบเข้าที่เดิม   ไม่แม้แต่จะเหลียวหลังมองผู้ติดตามทั้งสองและเดินตรงไปยังหุบเขาสีดำที่ตั้งตระหง่านและกำลังท้าทายอำนาจของเขาอยู่   เล็บยาวแหลมงอกออกจากมือทั้งสอง   ตะปบออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว   ได้ยินเสียงวัตถุที่กลิ้งหล่นลงพื้น   หัวปริศนาและร่างที่ล้มลงอย่างไร้กำลัง   เลือดกระฉูดอกจากส่วนที่ถูกบิดอย่างแรง   กระนั้นขาคู่นั้นยังคงเดินต่อไป   ไม่สนใจเสียงร้องตะโกนไม่เป็นภาษาของมาราอาน   ใบหน้าคมเข้มแหงนขึ้นเล็กน้อย   กำหมัดและชกมันออกไปข้างหน้าที่ว่างเปล่าก่อนจะปรากฏร่างในชุดคลุม   ท้องเชื่อมกับมือของมาร์เวทและพอแหงนคอขึ้น   ดวงตาสีแดงมองเห็นจุดสีดำมากมายที่กระจายทั่วผิวภูเขาและกำลังพุ่งเข้ามา   ไม่ต่างจากเครื่องดนตรีที่ดังอย่างผิดจังหวะ   ควันจำนวนมากปะปนกับเศษดินคลุ้งไปทั่วบริเวณแต่ใช่ว่าจะการันตีจุดจบของมาร์เวท   เหล่าจอมเวทย์ดำตั้งท่ารวบรวมพลังไว้ที่มือ   พร้อมสำหรับการโจมตีระรอกสองแต่สายเกินไป   คอของพวกเขารวมถึงหัวและร่างกายทุกส่วนถูกแทงด้วยของมีคมจนพรุนไปทั้งตัว   ทยอยร่วงลงจากที่สูง   ไม่ต่างจากแมลงเม่าที่บินเข้าหาเปลวไฟจากดวงอาทิตย์เพราะสุดท้ายแล้วพวกมันก็เป็นเพียงแมลงเม่า   ปีกงอกจากแผ่นหลังและสยายออก   ทิ้งแรงลมกระโชกให้คนทั้งสองที่ยืนมองด้วยอารมณ์ที่แตกต่างจนล้มลง   มาร์เวทในร่างมนุษย์ติดปีกบินหายเข้าไปในปากภูเขาตามคำเชื้อเชิญอันเงียบงัน  

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.