ตอนที่ 42 นักต้มตุ๋น!

สวรรค์มวลดาว (Heavenly Star)

-A A +A

ตอนที่ 42 นักต้มตุ๋น!

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 42 นักต้มตุ๋น!

 

“นายน้อย... ให้ข้าได้กล่าวบางสิ่ง อันที่จริง ทุกคนต่างเชื่อว่าอันดับหนึ่งย่อมไม่อาจเป็นของคนอื่นได้ และต้องตกเป็นของบุตรชายคนโตของตระกูลหลิน”

 

“บุตรชายคนโตของตระกูลหลิน? เป็นคนที่รับมือได้ยากถึงเพียงนั้นเชียว?” เย่หวูเฉินถามอย่างเกียจคร้าน เขาจำได้ว่าบุตรชายคนโตของตระกูลหลินชื่อ ‘หลินเสี่ยว’ กล่าวกันว่าเขาเชี่ยวชาญทั้งในด้านอักษรศาสตร์และวิทยายุทธ เขามีคุณสมบัติทุกประการที่บุรุษผู้หนึ่งพึงมี กระทั่งหวังเวิ่นชูยังเผยสีหน้าเต็มไปด้วยความชื่นชม ยามที่นางกล่าวถึงนายน้อยของตระกูลคู่แข่ง นางยังปรารถนาให้เขาเป็นบุตรชายตน

 

“เขาไม่เพียงเป็นคนที่รับมือได้ยาก บุตรชายคนโตของตระกูลหลินเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นมังกรในหมู่บุรุษ เขาไร้คู่แข่งในบรรดาอัจฉริยะรุ่นเยาว์ นอกจากเขาจะมีรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลา , ห้าวหาญ , ฉลาดลึกล้ำ เขายังชำนาญทั้งในด้านอักษรศาสตร์และวิทยายุทธ ตอนที่เขาเข้าร่วมการประลองแข่งขันเมื่อ 3 ปีก่อน เขาคว้าอันดับหนึ่งมาได้อย่างง่ายดายทั้งด้านอักษรและวรยุทธ เมื่อปีก่อนเขาได้เข้าร่วมและคว้าอันดับหนึ่งทั้งสองศาสตร์มาครองอีกครั้ง เมื่อวานนี้การแข่งอักษรศาสตร์ที่จบไปก็เป็นเขาที่ได้อันดับหนึ่งมาครอง และการแข่งวิทยายุทธที่จะมาถึงนี้ก็สมควรเป็นเขาที่จะได้รับอันดับหนึ่งอีกครั้ง เล่าลือกันว่าเพลงกระบี่ของเขาบรรลุถึงขั้นสมบูรณ์แบบ กระทั่งยอดฝีมือชั้นสวรรค์ทั้ง 3 คนแห่งราชวังยังยกย่องชื่นชมเขาในฐานะยอดอัจฉริยะ เขามีสมญานามมากมาย อย่างเช่นว่า ‘นักศึกษาอันดับหนึ่งแห่งเทียนหลง’ หรือ ‘อัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งเทียนหลง’ บุรุษรุ่นเยาว์ทุกคนในเมืองเทียนหลงทำได้เพียงหวังในความสำเร็จของบุตรชายคนโตตระกูลหลิน นอกจากนั้นเขายังไม่เคยแสดงความหยิ่งยโส และปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความสุภาพอ่อนน้อม ดังนั้นเขาจึงมีสายสัมพันธ์กว้างขวางมากมายในเมืองเทียนหลง มิหนำซ้ำ เขายังไม่ใช่คนเจ้าชู้ เขามีความรู้สึกชอบพอลึกซึ้งต่อคุณหนูตระกูลฮั่ว และเขาสัญญากับนางว่าจะไม่แต่งงานกับคนอื่นใด ในเมืองเทียนหลง ทุกคนต่างพูดถึงบุตรชายคนโตแห่งตระกูลหลินและไม่เคยพูดถึง...... แค่ก แค่ก นายน้อยเล็ก....”

 

เรื่องนี้เป็นที่ทราบกันทั่วทั้งเมืองเทียนหลง เพราะว่าบุรุษทุกคนล้วนนับถือและอิจฉาหลินเสี่ยว เย่ซีลืมตัวไปชั่วขณะ และมีอารมณ์ร่วมในการเล่าอย่างตื่นเต้น กระทั่งน้ำลายยังกระจายเป็นฝอยออกจากปาก ในที่สุดเขาก็ระลึกขึ้นได้ว่าตนเองอยู่ฝ่ายเจ้านาย...นายน้อยเล็กแห่งตระกูลเย่ เขากลับคุยเขื่องเรื่องของหลินเสี่ยวต่อหน้าเจ้านาย เย่ซีเริ่มมีเหงื่อผุดพราก เขารีบกล่าวแก้สถานการณ์ “ถึงแม้ว่าบุตรชายคนโตแห่งตระกูลหลินจะพอใช้ได้ แต่เขาก็ยังเลวร้ายอยู่บ้างเมื่อเทียบกับนายน้อย และข้าสังเกตเห็นข้อนี้ดีนับตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกับนายน้อย....”

 

เย่หวูเฉินเลกคิ้วขึ้นและหยุดคำพูดประจบที่กำลังจะตามมา “หยุด! หุบปากของเจ้าซะ วันนี้ข้าเริ่มเหนื่อยแล้ว พวกเรากลับกัน”

 

ที่จริงเขายังไม่เหนื่อย แต่หนิงเสวี่ยเริ่มดูเหนื่อยนิดหน่อยแล้ว เขาอุ้มหนิงเสวี่ยไว้บนแขน และถูกสายตาแปลกๆมองมาตลอดทางระหว่างกลับสู่คฤหาสน์ตระกูลเย่

 

พวกเขาเพิ่งก้าวพ้นขอบประตูขณะที่หวังเวิ่นชูรีบร้อนเข้ามาหา “เฉินเอ๋อร์ ตามแม่มาเร็ว แม่พาหมอหลวงที่เก่งที่สุดทั้ง 3 คนมา พวกเขาจะต้องหาวิธีฟื้นฟูความทรงจำของเจ้าได้แน่”

 

เย่หวูเฉินวางหนิงเสวี่ยลงและกล่าว “เสวี่ยเอ๋อร์ เจ้ากลับไปรอข้าก่อนตกลงมั้ย?”

 

หลังจากที่หนิงเสวี่ยไป เขาเดินตามหวังเวิ่นชูเงียบๆไปที่ห้องโถง ข้างในนั้นมีชายสามคนท่าทางใจดีนั่งอยู่ ชายที่ดูแก่สุดอายุราว 60 ปี ส่วนคนที่หนุ่มที่สุดอายุราว 50 ปี

 

“มาสิเฉินเอ๋อร์ นี่คือท่านหมอหลี่ นี่คือท่านหมอหวัง และนี่คือท่านหมอจาง รีบทักทายท่านหมอหลวงทั้ง 3 เร็วเข้า” หวังเวิ่นชูแนะนำพวกเขาทีละคน

 

เย่หวูเฉินแลมองคนทั้งสาม จากนั้นหันไปหน้าไปหาหวังเวิ่นชูแล้วกล่าว “เรื่องนี้... ท่านปล่อยให้ข้าคุยกับท่านหมอหลวงทั้ง 3 ตามลำพังได้หรือไม่ ข้าคิดว่าบางทีนี่อาจเพิ่มโอกาสให้ข้าฟื้นความทรงจำได้”

 

“เอ๋....อ่า ได้สิ ถ้าอย่างนั้นข้าจะออกไปก่อน ท่านหมอทั้งสาม เฉินเอ๋อร์จะอยู่กับพวกท่านต่อ” หวังเวิ่นชูเห็นตามโดยไม่ลังเล จากนั้นนางก็ออกไป

 

เย่หวูเฉินไม่ได้เหลียวหันไปมองพวกเขาอีก เขานั่งลงบนเก้าอี้ตรงกลางแทน จากนั้นเติมน้ำชาใส่ถ้วย เขายิ้มขณะดื่มน้ำชา เนื่องจากเขาไปเดินเที่ยวตั้งแต่เช้าปากเขาจึงค่อนข้างแห้ง

 

ท่าทางหยิ่งยโสของเขาทำให้หมอทั้งสามอยากระเบิดโทสะ แต่พวกเขารั้งตัวเองไว้เพราะสถานะนายน้อยตระกูลเย่ของเขา ชายที่อาวุโสที่สุดเอ่ย “นายน้อย ให้ผู้ชรานี้ได้ตรวจจับชีพจรของท่าน”

 

เย่หวูเฉินวางถ้วยน้ำชาลง เช็ดริมฝีปากแล้วมองไปที่หมอชราแล้วกล่าว “ไม่จำเป็นต้องตรวจวัดชีพจรข้า ท่านหมอหลี่ ท่านสามารถตอบคำถามของผู้เยาว์ได้หรือไม่? ท่านปวดท้องบ่อยครั้งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาใช่หรือไม่? ยิ่งกว่านั้น ไม่ว่าจะกินของเผ็ดชนิดใดก็ยิ่งจะทำให้อาการกำเริบ และไม่ว่าท่านจะใช้วิธีใดอาการก็ไม่ดีขึ้น”

 

หมอหลี่สีหน้าเผยแววตกตะลึง “นายน้อยเย่ ท่านทราบได้อย่างไร? นายน้อยกล่าวได้ถูกต้อง ท้องของผู้ชราปวดต่อเนื่องเมื่อ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ข้าได้ลองใช้ยาหลายชนิดหากแต่ล้วนเปล่าประโยชน์”

 

“แน่นอนว่าย่อมเปล่าประโยชน์ ท่านหมอหลี่มีสุขภาพร่างกายสมบูรณ์ดี นี่ไม่ใช่ปัญหาเพราะร่างกายแต่เป็นเพราะพิษ ท่านหมอหลี่ถูกกัดโดยแมลงพิษเมื่อ 1 สัปดาห์ก่อนใช่หรือไม่?” เย่หวูเฉินเอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นใจ ราวกับเขามั่นใจว่าถูกต้องแน่นอน

 

หมอหลี่ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะ ฉับพลันนั้นเขาก็ตบโต๊ะดังลั่น “ใช่แล้ว ผู้ชรานี้ถูกกัดโดยแมลงประหลาดตอนที่เก็บรวบรวมสมุนไพรเมื่อสัปดาห์ก่อน ข้ายังคงมีรอยแผลนั้นอยู่ ที่แท้มันก็เป็นแมลงพิษ! ฮ้า น่าละอายนัก!” เขายื่นแขนชราอันเหี่ยวย่นออกมา และแน่นอนมีแผลถูกกัดแปลกประหลาดอยู่บนนิ้วก้อยของเขา

 

“ท่านหมอหลี่อายุปูนนี้แล้ว แต่ยังคงเก็บรวบรวมสมุนไพรด้วยตนเอง ผู้เยาว์มีเพียงความชื่นชมท่าน ท่านหมอหลี่แค่มองข้ามเรื่องเล็กน้อยไปเท่านั้น ไม่มีความจำเป็นต้องรู้สึกละอายอันใด พิษชนิดนี้อ่อนอย่างยิ่ง แต่มันให้ผลกระทบเป็นเวลายาวนาน หากท่านได้ยาถอนในตอนนี้ พิษย่อมหายไปในเวลา 3 วัน ข้าคิดว่าเรื่องนี้คงไม่ใช่ปัญหาสำหรับท่านหมอหลี่” เย่หวูเฉินกล่าวพร้อมรอยยิ้ม

 

“นายน้อยทราบเรื่องนี้ได้อย่างไร?” หมอหลี่ถามด้วยสีหน้าเคารพ

 

“ประการแรก ที่ปลายลิ้นของท่านหมอหลี่มีสีเขียวจางๆ ประการที่สอง แผลบนหลังนิ้วท่านก็เป็นสีเขียว และยิ่งกว่านั้นอาการของท่านเพิ่งเกิดขึ้นได้เพียงหนึ่งสัปดาห์ ดังนั้นข้าจึงสามารถเดาได้”

 

หมอทั้งสามตกตะลึงอย่างหนัก ปลายลิ้น... หลังนิ้ว... ไม่เพียงต้องมีความรอบรู้และประสบการณ์ แต่ยังต้องอาศัยพลังความสังเกตในระดับที่ไม่ธรรมดาด้วย

 

“ท่านหมอหวัง ไม่นานมานี้ท่านเริ่มปวดศีรษะและเจ็บหน้าอก รวมทั้งยังนอนหลับได้ยากในยามกลางคืน และไม่ว่าจะทานยามากมาย ท่านก็ไม่สามารถรักษาอาการนี้ได้ ข้ากล่าวถูกหรือไม่?”

 

“ใช่แล้ว ถูกต้องทั้งหมด” หมอหวังยืนขึ้นด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย

 

“อันที่จริง ท่านหมอหวังไม่จำเป็นต้องทานยา เพียงแค่ท่านออกไปชมโลกทัศน์ อาการของท่านก็จะค่อยๆดีขึ้นเอง”

 

“เรื่องนี้...”

 

“ท่านหมอหวัง ก่อนนี้มีบางเรื่องกวนใจทำให้ท่านขุ่นเคืองใช่หรือไม่? ต้องอย่าลืมว่า ความโกรธมากๆนั้นส่งผลร้ายต่อตับ และตับเป็นหนึ่งในห้าอวัยวะภายในที่สำคัญ บาดเจ็บหนึ่งเท่ากับบาดเจ็บทั้งร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้วยวัยของท่านหมอหวัง ท่านควรจะสงบใจและหลีกเลี่ยงอารมณ์โกรธเคือง”

 

นักต้มตุ๋น พวกมันทั้งหมดเป็นนักต้มตุ๋น! พวกมันไม่รู้แม้กระทั่งเรื่องพื้นฐานพวกนี้! แต่ยังไงซะก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอันใด เพราะที่พูดไปคือความรู้ทางการแพทย์ที่ถูกสะสมมาตลอดหลายพันปี และวิทยาการที่ก้าวหน้ายิ่งกว่าหากนำมาเทียบกับทวีปเทียนเฉิน ความรู้พื้นฐานที่ข้ามี สมควรเพียงพอที่จะปฏิวัติวงการแพทย์ของโลกใบนี้ได้เลย

 

หมอหวังชะงักค้างไปชั่วขณะ ก่อนจะอุทานออกมาในทันที “นายน้อยเย่สมเป็นเทพจริงๆ ถูกแล้ว ข้ามักจะโกรธเคืองอยู่เป็นประจำเนื่องจากบุตรชายชาติสุนัขของข้า หลังจากที่ข้ากลับไป ข้าจะเชื่อฟังคำของนายน้อยและทูลลาพักร้อนต่อองค์จักรพรรดิสักสองสามวันเพื่อไปชมโลก”

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.