ตอนที่ 41 เที่ยวซื้อของ

สวรรค์มวลดาว (Heavenly Star)

-A A +A

ตอนที่ 41 เที่ยวซื้อของ

หมวดหนังสือ: 

ตอนที่ 41 เที่ยวซื้อของ

 

วันต่อมา

 

หวูเฉินและหนิงเสวี่ยตื่นแต่เช้า หากแต่ตะวันก็ยังขึ้นก่อนพวกเขา ด้านนอกสว่างสดใสบนท้องฟ้าไร้หมู่เมฆ คฤหาสน์ตระกูลเย่ดำเนินกิจการตามปกติ นอกจากคนสองคนที่มีส่วนร่วมแล้ว ไม่มีผู้ใดทราบถึง ‘เหตุการณ์’ ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เย่หวูเฉินไม่คิดว่าเย่ฉุ่ยเหยาจะแพร่งพรายเรื่องนี้กับคนอื่น เพราะนางดูเหมือนไม่เคยแยแสต่อสิ่งใด ดังนั้นบางทีเรื่องที่เกิดขึ้นนี้นางอาจไม่ใส่ใจเลยก็ได้ เพราะยังไงเสีย.... พวกเขาก็ยังคงเป็นพี่น้องกันในนาม

 

ในเวลานี้เอง เย่หวูเฉินผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าหรูหราที่เสี่ยวลู่นำมาให้เป็นที่เรียบร้อย หลังจากหวีผมเสร็จ เขาก็ดูหล่อเหลาจนไร้เทียมทาน มุมปากของเขายกยิ้มขึ้นเผยเสน่ห์มนต์มาร และเขาเปลี่ยนบุคลิกเป็นหนึ่งในคนก้าวร้าวบางเบา เสี่ยวลู่มองดูคล้ายมีดวงดาวระยิบระยับอยู่ในดวงตา และนางแทบจะเป็นลมล้มลง หวังเวิ่นชูยิ่งพึงอกพอใจ เพราะไม่เพียงบุตรชายของนางจะรูปงามไร้ที่เปรียบ แต่เขาได้เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน เขาไม่เย็นชาเหมือนเช่นวันก่อน ทั้งยังมีรอยยิ้มกว้างอยู่บนใบหน้า นี่ย่อมหมายความว่าเขายอมรับที่แห่งนี้เป็นบ้านแล้ว

 

คนอะไรช่างหล่อเหลาได้ถึงเพียงนี้.... เย่หวูเฉินเอ่ยกับตัวเองขณะมองในกระจก

 

หลังจากจบมื้อเช้า ตระกูลเย่ก็กลับมาวุ่นวายอีกครั้งในทันที เย่หนู่และเย่เว่ยออกไปข้างนอก เย่หวูเฉินพาหนิงเสวี่ยเดินเที่ยวชมคฤหาสน์หลังใหญ่ แต่สุดท้ายเขาพบว่าไม่มีอะไรให้ทำ

 

“เสี่ยวซี เราจะไปเที่ยวซื้อของกัน ส่วนเจ้าอยู่ที่นี่เสี่ยวบา ถ้านายหญิงถามหาพวกเรา ให้บอกนางว่าข้าแค่ไปเที่ยวซื้อของและจะรีบกลับมา อ้อ อีกอย่าง ไปเอาพัดมาให้ข้าด้วย”

 

“ขอรับ, ขอรับ” เย่ซี และ เย่บา ตอบรับพร้อมเพรียงกัน เพียงครู่เดียวเย่บาก็กลับมาพร้อมพัดสีขาวในมือ

 

เย่หวูเฉินรับพัดมาแล้วสะบัดกางออก เขายิ้มและถาม “เสวี่ยเอ๋อร์ พี่ชายเจ้าดูเหมือนนายน้อยจากตระกูลสูงศักดิ์รึยัง?”

 

“ตราบเท่าที่เป็นท่านพี่ ท่านดูดีที่สุดเสมอ” หนิงเสวี่ยกระพริบตาให้ พร้อมกับตอบคำถามไม่ตรงประเด็น

 

“ข้ารู้ว่าเจ้าจะพูดแบบนั้น” เย่หวูเฉินส่งยิ้มให้นาง จากนั้นเขาโบกพัดแล้วกล่าว “เสี่ยวซี ไปกันเถอะ”

 

เย่ซี รีบติดตามเขาไป แม้กระทั่งคนโง่ยังมองออกว่า ไม่เพียงไม่เหมือนนายน้อยที่ไม่ยิ้มเหมือนตอนเมื่อวาน เขายังแทบเปลี่ยนไปเป็นคนละคน วันนี้ดูเหมือนว่าเขาจะอารมณ์ดีอย่างผิดปกติ

 

บนถนนที่คราคร่ำไปด้วยผู้คน ฝูงชนทุกประเภทหลั่งไหลไม่ขาดเหมือนสายน้ำ แสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวงแห่งเทียนหลง เย่หวูเฉินถือพัดบนมือ พร้อมจูงมือนำหนิงเสวี่ยเดินอาดๆกลางถนน เขาดูสูงศักดิ์และเหี้ยมหาญอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อรวมเข้ากับรูปลักษณ์ที่น่าประหลาดใจ เขาดูสะดุดตาอย่างมาก ราวกับนกกระเรียนท่ามกลางฝูงไก่ ยามที่เขาเดินปะปนอยู่ในฝูงชน คนแล้วคนเล่าที่ขยับหลีกทางให้พวกเขาอย่างไม่รู้ตัว แน่นอนว่าเขาถูกมองอยู่เป็นนิจจากสตรีที่ยังโสด แต่นางเหล่านั้นต้องก้มศีรษะลงอย่างสลด เพราะรู้ดีว่าตัวตนแบบนั้นย่อมมีเพียงตระกูลยิ่งใหญ่ที่สามารถอุปถัมภ์ค้ำชู

 

แม้ว่าข่าวการกลับมาของนายน้อยตระกูลเย่ผู้สาบสูญ จะแพร่กระจายไปทั่วทั้งเมืองเทียนหลง แต่เนื่องจากนายน้อยเล็กตระกูลเย่แทบไม่เคยออกมาข้างนอก จึงทำให้ไม่มีใครรู้จักเขาอย่างแท้จริง กระทั่งบางคนที่เคยเห็นเขามาก่อนก็ล้วนลืมไปหมดแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีใครที่จำเขาได้แม้สักคน

 

“เสี่ยวซี พวกเราอยู่ห่างจากวังหลวงแค่ไหน?” เย่หวูเฉินถาม

 

“เรียนนายน้อย อยู่ใกล้มาก สมควรใช้เวลาน้อยกว่าครึ่งชั่วยามถ้าเดินเท้าไป แต่หากพวกเราขี่ม้าก็ยิ่งไปถึงรวดเร็วยิ่งขึ้น” เย่ซีกล่าวตอบ

 

“โอ้... งั้นพวกเราไปดูรอบๆราชวังกัน”

 

วังหลวงตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของคฤหาสน์ตระกูลเย่ ยิ่งพวกเขาเข้าไปใกล้ผู้คนก็ยิ่งหนาแน่น หลังจากเดินมากว่า 10 นาที เย่หวูเฉินขมวดคิ้วแล้วถาม “เสี่ยวซี วันนี้มีเรื่องสำคัญพิเศษอันใดเกิดขึ้น? พวกคนเดินเท้าส่วนใหญ่ถึงได้เป็นคนหนุ่ม มองดูเร่งรีบ แต่งกายต่างกันหลากหลาย รวมทั้งยังมองพะว้าพะวังในขณะที่เดิน เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่เคยหรือไม่ค่อยได้มาที่นี่ หรือว่าวันนี้มีนัดชุมนุมกันบางอย่างในเมืองเทียนหลง?”

 

“นายน้อยปราดเปรื่องยิ่งนัก ไม่กี่วันมานี้ ราชสำนักเทียนหลงได้จัดการแข่งขันประจำปีเพื่อคัดเลือกสุดยอดรุ่นเยาว์ ใครก็ตามที่อายุต่ำกว่า 25 ปีสามารถเข้าร่วมได้ แม้กระทั่งองค์จักรพรรดิยังอาจเสด็จมาทอดพระเนตรเพื่อเลือกผู้เปี่ยมพรสวรรค์ด้วยพระองค์เอง ดังนั้น จึงมีผู้คนมากมายมาเข้าร่วมและเข้าชม”

 

“แล้วกฎกติกาละ?” เย่หวูเฉินถาม

 

“เรื่องนี้... การแข่งขันแบ่งออกเป็น อักษรศาสตร์ กับ วิทยายุทธ อักษรศาสตร์จะแข่งก่อน จากนั้นจึงแข่งวิทยายุทธทีหลัง สำหรับปีนี้อักษรศาสตร์ได้แข่งจบลงไปแล้วเมื่อวานซืน และการแข่งขันวิทยายุทธจะเริ่มขึ้นวันพรุ่งนี้ พรุ่งนี้จะเป็นการแข่งรอบคัดเลือก จะมีการแข่งหลายคู่พร้อมๆกัน เพื่อคัดให้เหลือเฉพาะผู้แข็งแกร่ง และจักรพรรดิคงจะยังไม่มาเข้าชม รอบที่แข่งขันกันดุเดือดจริงๆจะเป็นวันมะรืน และพวกเขาจะได้รับความสนใจอย่างมากเป็นประจำทุกปี วันนี้เป็นวันรับสมัครวันสุดท้าย ....นายน้อย ท่านดูตรงนั้นแล้วท่านจะเข้าใจเอง” เย่ซีมองนำไปที่เบื้องหน้า

 

บนกำแพงติดป้ายประกาศขนาดใหญ่ ป้ายประกาศนี้ได้ติดไปทั่วเมืองรวมทั้งยังติดเป็นประจำทุกๆปี ดังนั้นจึงมีคนเพียงไม่มากที่ไม่รู้เรื่อง และพวกเขาเพียงแค่มาดูเพื่อยืนยันวันเวลาการแข่งขันเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่มีผู้คนมุงอยู่รอบป้ายประกาศ เย่หวูเฉินกำลังจะก้าวเข้าไปดู แต่ทันใดนั้นเขาก็หยุดลง เพราะมองเห็นแผ่นหลังของคนที่น่าสนใจเมื่อวาน

 

ตรงกันข้ามกับชุดขาวสง่าของเย่หวูเฉิน คนผู้นั้นสวมใส่ชุดสีดำมอมแมม เขายืนอยู่เงียบๆใต้ป้ายประกาศ ร่างกายนิ่งไม่ไหวติง เย่หวูเฉินมองเห็นเขาถือกระบี่สะท้อนแสงเย็นเยียบออกมา

 

เย่หวูเฉินเห็นคนผู้นี้ที่หน้าบ้านหมอกฝันเมื่อวาน ในตอนนั้นเขาพยุงหญิงวัยกลางคนที่ดูเหมือนจะตาบอด และเมื่อเขาเดินผ่านหน้าเย่หวูเฉินไป บรรยากาศเย็นเยียบและแววตาคมกล้าราวพญาอินทรีของเขาได้ทำให้เย่หวูเฉินจดจำบุคคลผู้นี้ไว้ในใจ

 

เย่หวูเฉินเดินไปยืนอยู่ข้างเขา แล้วกวาดตามองป้ายประกาศผ่านๆ โดยข้ามส่วนที่เป็นอารัมบทไป รายละเอียดมีไม่มากหรือน้อยไปกว่าที่เย่ซีเล่าให้ฟัง รอบคัดเลือกจะจัดขึ้นวันพรุ่งนี้ และหลังจากนั้นอีกวัน จะเป็นการแข่งระหว่างผู้เยาว์ที่เข้มแข็งจริงๆ รูปแบบการแข่งขันเป็นแบบแพ้คัดออก

 

สายตาของเย่หวูเฉินเหลือบมองด้านข้างเล็กน้อย ด้านข้างเป็นบุคคลผู้หนึ่งอายุพอๆกับเขา ร่างของเขาผอมมาก สีหน้าของเขาเย็นชาและแข็งกระด้าง แต่เห็นได้ชัดว่าเขามีสายตาคมกล้าที่กำลังจ้องมองยังป้ายประกาศ

 

เย่หวูเฉินหันร่างกลับและพาหนิงเสวี่ยจากไป

 

ในบรรทัดล่างๆของป้ายประกาศเขียนว่า “ผู้ชนะอันดับหนึ่งจะถูกเรียกตัวโดยองค์จักรพรรดิ เขาจะได้รับอาวุธระดับวิญญาณ, ห้าพันตำลึงเงิน, พร้อมทั้งที่อยู่อาศัยทางเหนือของเมืองโดยทั้งนี้ขึ้นอยู่กับระดับความสามารถ ส่วนผู้มีรายชื่ออีก 10 คนที่ถูกเลือกโดยองค์จักรพรรดิ จะสามารถเลือกได้ระหว่าง รับหนึ่งพันตำลึงเงิน หรือเลือกเข้าร่วมหน่วยราชองครักษ์ขององค์จักรพรรดิ และเขาเหล่านั้นไม่ต้องห่วงกังวลกับอาหารหรือเสื้อผ้าอีกตลอดชีวิต”

 

เงื่อนไขเหล่านี้อาจไม่ได้ดูหรูหราเท่าใดนัก แต่สำหรับผู้คนส่วนใหญ่ พวกเขาต้องการเกียรติยศ และต้องการให้ชื่อของตนกระจายไปทั่วหล้าใต้ผืนสวรรค์ ซึ่งจะทำให้เส้นทางชีวิตของพวกเขาง่ายขึ้นเหมือนถนนที่ทอดยาวบนพื้นราบ แต่สำหรับบางคนแล้ว พวกเขาไม่สนใจชื่อเสียง และต้องการเพียงเงินรางวัลเท่านั้น

 

เขาเป็นบุคคลประเภทหลัง เขาต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อ เขาต้องการเงิน ดังนั้นเขาจึงเข้าร่วมการแข่งครั้งนี้

 

“เรื่องนี้ นายน้อย เป็นไปได้หรือไม่ว่าท่านต้องการลงสมัคร?” เย่ซีถามด้วยความกังวล เขากลัวว่านายน้อยเล็กจะลงชื่อเข้าร่วมเมื่อครู่ที่ผ่านมา.... ส่วนผลลัพท์ย่อมจะทำให้ตระกูลเย่ต้องเสียหน้า ในอดีต ทั่วทั้งเมืองต่างรุ้ว่านายน้อยตระกูลเย่ไร้ประโยชน์ขนาดไหน แม้ว่าตอนนี้เขาจะกลับมาเป็นปกติแล้วก็ตาม แต่เขาก็ยังคงไม่ต่างไปจากนักศึกษาอ่อนแอคนหนึ่ง

 

“นายน้อยผู้นี้จะไม่ลงแข่งขัน ข้าเพียงแค่จะเข้าชมการแข่งเท่านั้น” เย่หวูเฉินกล่าว

สารบัญ / นำทาง

แสดงความคิดเห็น

 
 

ข้อควรทราบ เนื่องจากผู้ดูแลหลักของเว็บไซต์เป็นคนตาบอด หากพบการแสดงผลที่ผิดเพี้ยนและสร้างความไม่สะดวกต่อการใช้งาน โปรดแจ้งทีมงานได้ในทุกช่องทาง

เราอยากให้สมาชิกทุกท่านอยู่กันอย่างครอบครัวที่อบอุ่น ให้สังคมภายในเว็บ เป็นสังคมที่ดี ดังนั้น สมาชิกทุกท่านโปรดเคารพในสิทธิของตนเองและผู้อื่น

ผลงานที่ถูกเผยแพร่บนเว็บ ให้ถือว่าลิขสิทธิ์เป็นของผู้เผยแพร่เอง ห้ามมิให้บุคคลอื่นนำไปเผยแพร่ ก็อปปี้ หรือนำไปดัดแปลง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของผลงานโดยเด็ดขาด หากมีการฝ่าฝืน แล้วถูกดำเนินคดีจากเจ้าของผลงาน ทางเว็บมิขอเกี่ยวข้อง เพราะได้แจ้งเตือนเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว

หากพบบทความที่มีเนื้อหาไปในทางใส่ร้ายผู้อื่น หรือทำให้ผู้อื่นเสียหาย แจ้งเข้ามาได้ตามช่องทาง Email keangun2018@gmail.com ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทางทีมงาน จะทำการตรวจสอบ และหากเป็นจริง จะนำผลงานดังกล่าวออกจากเว็บไซต์ ไม่เกิน 1 วัน

Copyright © 2018-2024 keangun. All Right Reserved.